ทุกวันนี้มีแต่ข่าวน่าเบื่อ ซ้ำซาก เซมเซม เซ็งเซ็ง
แทบจะทุกอย่างกลายเป็น ‘นิวนอร์มอล’ ธรรมดามาใหม่
แบบว่า “เศรษฐกิจกรกฎาคมเริ่มฝืด” งี้ “สหกรณ์ยางตรังขาดทุน” งั้น และเนติบริกร “เตรียมร่ายมนต์แปลงคำสั่ง
ม.๔๔ เป็นกฎหมายถาวร”
แต่อ่านสนุกก็ตรงคอมเม้นต์นั่นละ อย่าง @KillerPress Retweeted Khaosod Online : “อีควาย เดี๋ยวฟื้นเดี๋ยวฝืด นี่มึงแบงก์ชาติ
หรือ เว็บบอร์ดพันทิป” นั่นเกิดจาก นายดอน นาครทรรพ ผอ.อาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค
แบ๊งค์ชาติ แจ้งภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนกรกฎ ๖๑
เขาบอก “ขยายตัวดี ต่อเนื่องจากเดือนก่อน”
แต่การส่งออกดัน “เป็นการขยายตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า” เพราะได้ไม่ถึง ๑๐ เปอร์เซ็นต์เหมือน
๗ เดือนที่ผ่านมา ทว่าเหลือแค่ ๘.๓ ถึงอย่างนั้นยังคาดว่าทั้งปีจะได้ตัวเลขส่งออกโตถึง
๙ เปอร์เซ็นต์
ด้านการนำเข้า เขาก็ว่า “ยังขยายตัวได้ดี” อีกแหละ ‘แต่’
“การนำเข้าสินค้าทุนชะลอตัวลดลง
ตามการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัวชะลอลง” โฮ้ย ภาษากฎหมายว่าเข้าใจยากแล้วนา
ภาษาเศรษฐกิจยุค คสช.นี่เข้าใจยากกว่า จะฟื้นหรือฝืด ไม่เอาอะไรแน่สักอย่าง
เสร็จแล้วเขาบอกว่า “ชะลอลงจาก ๒.๗%
จากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวได้ ๕.๑% ซึ่งถือว่าเป็นการชะลอตัวลงมาก”
ไม่รู้เหมือนกันว่าอัตราลดลงมากนี่มันดียังไง อาจจะเป็นตามบทส่งท้ายที่ว่า “ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังรัฐมีการเร่งโครงการลงทุนจำนวนมาก
น่าจะดึงให้การลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้นไปด้วย”
เออ เพิ่งรู้อีกเหมือนกันว่าเรื่องเศรษฐศาสตร์แบบเอาใจสำนัก
จปร. นี่ตัวเลขไม่สำคัญเท่า ‘probability’ น่าจะเป็นอย่างโน้น น่าจะเป็นอย่างนี้
น่าจะดี น่าจะดึง ทั้งที่ตัวเลขลดลง สรุปในสาระรวบยอดว่า “เป็นการขยายตัวที่ชะลอตัวลดลง...ใกล้เคียงกับที่
ธปท. ประมาณการไว้”
ฉะนั้นนายดอน (ที่ใช้ภาษาเลียเหมือนคนที่นามสกุลปรมัตถ์วินัย)
จึงฟันธงไชยเฉลิมพลว่า ถึงจะชะลอตัวลง ก็ยังเป็นการ “ขยายตัวที่ดีกว่า
เพราะเป็นการขยายตัวจากการลงทุนใหม่จริงๆ
ซึ่งสำคัญมากกว่าการขยายตัวได้มากแต่ไม่มีการลงทุนใหม่”
นั่นเรื่องเศรษฐกิจมหภาค พอมาถึงระดับจุลภาค การทำมาหากินของชาวบ้าน
สหกรณ์กองทุนสวนยางจังหวัดตรังประชุมใหญ่สามัญประจำปีกันเมื่อวานซืน (๓๐ สิงหา)
พบว่า
“ผลการดำเนินงานในปีบัญชีสหกรณ์วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๑ สหกรณ์ประสบภาวะขาดทุนเป็นจำนวนเงิน๑,๘๗๖,๖๓๔ บาท” เหตุเพราะราคายางลดลงอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ราว ๓ โลร้อย
ดังเช่นที่เขาพูดกัน
“โดยน้ำยางสดเหลือกิโลกรัมละประมาณ ๓๗ – ๓๙
บาทเท่านั้น ขณะที่ราคายางแผ่นรมควันเหลือประมาณกิโลกรัมละ ๔๒ – ๔๓ บาท” ราคาอย่างนี้ชาวสวนยางขาดทุนสะสมกันกิโลละ ๒๐ บาท “โดยรวม สหกรณ์ทุกแห่งในจังหวัดตรังขาดทุนรวมไม่ต่ำกว่า
๓๐ ล้านบาท”
ชาวสวนสมาชิกสหกรณ์รายหนึ่งบ่นว่า “คนที่จะอยู่ได้จะต้องทำงานประเภทอื่นเสริมด้วย
จึงจะสามารถเลี้ยงปากท้องครอบครัวได้...ในปีนี้สมาชิกสหกรณ์กองทุนโพธิ์โทนทุกคนไม่ได้รับเงินปันผล
เนื่องจากสหกรณ์ขาดทุน
แนวโน้มราคาก็ยังลดต่ำลงต่อเนื่อง
อยากขอให้รัฐบาลช่วยเหลือให้ได้ที่ กก.ละ ๖๐ – ๗๐ บาท”
คอมเม้นต์เรื่องนี้ @JohnHu34765568 โคตรโหด แนะให้ “ทำไมไม่ไปขอกับพรรคประชาธิเปรตหละครับ
ไหนว่าอีนังตู้ดชวนมันคนจังหวัดเดียวกันมิใช่หรือ”
โหดกว่าต้องยกให้ทั่นรองฯ วิษณุ เครืองาม พูดถึงอำนาจ ม.๔๔
ที่ คสช.ใช้ปราบ กำหลาบ กวาดล้างเสี้ยนหนามคณะรัฐประหาร
และหล่อลื่นการใช้อำนาจครองเมืองทุกมิติและภาคส่วน ซึ่งแพร่กระจายปูพรมอยู่ตามคำสั่ง
คสช. หลายร้อยอย่าง
“นายกฯ ได้ปรารภในที่ประชุมคสช. เมื่อวันที่ ๒๘ ส.ค. ที่ผ่านมา
ว่าให้เตรียมเรื่องนี้ไว้ และยังบอกอีกว่าบางเรื่องให้เข้าสู่ระบบ
ทำให้เป็นกฎหมายถาวร” อ๊ะ นายชอบเลยสั่งให้เก็บไว้ใช้นานๆ แม้จะบอกว่าเก็บ “เฉพาะที่จำเป็น”
ก็เถอะ
ทั่นรองฯ ยังอุตส่าห์บอกว่า “ต้องทำให้เสร็จก่อนรัฐบาลนี้จบ
เพราะถ้ารัฐบาลจบไปแล้ว จะกลับมาทำไม่ได้” ครั้นถูกถามว่าที่จำเป็นนั่นมากแค่ไหน
นายวิษณุตอบพาซื่อ “ผมก็ยังไม่ทราบว่า เหลืออีกเยอะหรือไม่ เพราะเห็นว่าทุกวันนี้ก็ยังออกอยู่เลย”
ตายห่ สงสัยจะต้องแยกออกไปเป็นกฎหมายเฉพาะทั้งฉบับเลยมั้ง
พรบ.ว่าด้วยอำนาจเหนืออื่นใดของคณะยึดอำนาจ อันไม่ว่าใครมิอาจแตะต้องให้ระคายเคืองได้
แต่กระนั้นเกิดมีไอเดียเจ๋งกว่า จาก @sowhat3 ฉายานาม ‘ชีวิตตกต่ำ
ให้หมานำ’
“ถ้าจะให้ถาวรจริงๆ ก็ควรทำเป็นศิลาจารึกไว้ที่หลุมศพของประยุทธ์ด้วยนะ
การให้วิษณุเขียนเป็น กม.น่ะมันคงไม่ถาวรนานนัก ร.บ. หลัง ลต. เขาก็ออก กม.เช็ดล้าง”
ได้