วันจันทร์, กันยายน 17, 2561

บีบว้อยซ์ทีวีปลดศิโรตน์ คนใกล้ชิดผู้มีอำนาจเบ่งกล้าม

ผู้ดำเนินรายการ ‘Wake Up News’ ของว้อยซ์ทีวีหายหน้าไปจากจอตั้งแต่วันนี้ (๑๗ ก.ย.) ยิ่งกว่า ‘New Normal’ แน่ๆ แม้ว่า ว้อยซ์ จะเคยถูกสั่งระงับรายการ พักงานผู้ประกาศ ผู้จัดรายการ มาแล้วนับสิบๆ หน ทั้งโดยตรงจาก คสช. และลิ่วล้อใน กสทช.

ว้อยซ์เคยต้อง “ฝืนใจเจ็บปวด เพื่อประคองให้องค์กรเดินหน้าได้ต่อไป” โดยพักการทำหน้าที่ของ คุณปลื้ม มล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ใบตองแห้ง อธึกกิตต์ แสวงสุข คำ ผกา และพัชยา มหัทธโนธรรม มาแล้ว

คราวนี้ ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ วิโรจน์ อาลี และการ์ตูนเซีย ถูกปรับออกจากรายการ “ระยะเวลานานเท่าไรผมไม่ทราบ” (คำของศิโรตม์) “เพราะเหตุการณ์นี้เกิดจากการกดดันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งอ้างว่าคนใกล้ชิดผู้มีอำนาจต้องการ”

อ่านจากถ้อยความที่ศิโรตม์เขียนแจ้งไว้ทางเฟชบุ๊คแล้ว ต้นสายปลายเหตุไม่ธรรมดา ในแง่ที่ว่าไม่ใช่เป็นแรงกดดันมาจากศูนย์กลางอำนาจคณะรัฐประหารโดยตรง แต่ “มีคนใช้ความใกล้ชิดท่านเป็นอิทธิพลในการข่มเหงผู้อื่น”

ท่าน ในที่นี้เขาหมายถึง ผู้มีอำนาจ ในรัฐบาล คสช. ส่วน คนใกล้ชิด ท่าน อยู่ในองค์กรที่คุมสื่อ ซึ่ง “ใช้อิทธิพลกำจัดคนเห็นต่าง พฤติกรรมนี้กระทำโดยอำเภอใจ และกระบวนการนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกฎหมายอย่างสิ้นเชิง”

ศิโรตม์เชื่อว่า “องค์กรซึ่งใช้อำนาจคุมสื่อเรียกช่องที่ผมเกี่ยวข้องไปพูดคุย ถึงรายการวันซึ่งผมไม่ใช่ผู้ร่วมจัด  เหตุผลขององค์กรคือรายการวันนั้นมีภาพคุณทักษิณ (ชินวัตร) และผู้ชุมนุมเลือกตั้งมากเกินไป”


ส่วนสาเหตุที่ ประทีป คงสิบ ผู้อำนวยการสถานีว้อยซ์ทีวีอ้างก็คือ “เพราะผู้มีอำนาจไม่พอใจอย่างแรง”

“เหตุผลเพราะผู้มีอำนาจในการชี้ชะตาเรา ไม่พอใจอย่างแรงกับการวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ ของผู้ดำเนินรายการทั้งสองท่าน รวมทั้งการ์ตูนโดยคุณเซีย หากเราไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรเลย สถานการณ์ของว้อยซ์ทีวีจะอยู่ในจุดที่อันตราย”

อันตรายย่อมหมายถึง ปิด ว้อยซ์ทีวีถาวร ไม่เช่นนั้นก็อาจจะโยงใยไปถึงพรรคเพื่อไทยให้เป็นความผิด ชนิดไม่สามารถแข่งขันในการเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีในปลายเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ได้ หรืออย่างน้อยไม่สะดวกโยธินอย่างที่อดีตหัวหน้าพรรคคุยทับไว้ว่าจะชนะฝ่ายตรงข้ามและพวกพ้อง คสช.อย่างขาดลอย

ฉะนี้ดูเหมือนไม่เฉพาะ คสช. ที่ตั้งหน้ากดดันและสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มการเมืองในค่ายทักษิณได้เชิดหน้าชูตาในทางการเมืองอีกเท่านั้น บรรดาลิ่วล้อของ คสช. และคู่แข่งของค่ายทักษิณยังคงพยายามใช้และอิงอำนาจ คสช. เพื่อเตะตัดขาเครือข่ายทักษิณ-เพื่อไทยตลอดเวลา
 
เห็นชัดจากการที่ สุริยะใส กตะศิลา อดีตแกนนำ พธม. แนวร่วม กปปส. ซึ่งไปร่วมตั้งพรรค รปช. กับสุเทพ เทือกสุบรรณ เพื่อเป็นฐานหนุนให้ พล.อ.ประยทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหลังเลือกตั้ง จู่ๆ ก็ออกมาชูพรรคประชาธิปัตย์อย่างไม่ต้องเหนียงอาย

เขากล่าวถึงการที่พรรคประชาธิปัตย์จะใช้การหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ เนื่องจากมีผู้เสนอตัวแข่งขันกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะอีกสองคน คือ นพ.วรงค์ เดชวิกรม กับนายอลงกรณ์ พลบุตร ว่า 

“แม้กระบวนการดังกล่าวจะไม่ไปไกลถึงขั้นให้สมาชิกพรรคเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคได้โดยตรง...


ผมสนับสนุน เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามปรับตัวต่างกับบางพรรคที่ยังมีเจ้าของคนเดียวยังไม่มีความพยามจะปฏิรูปพรรค และขยันพูดเรื่องประชาธิปไตย แต่โครงสร้างในพรรคยังเป็นเผด็จการหรือเจ้าของคนเดียว”


แม้น้ำเสียงจะเป็นการโจมตีเครือข่ายทักษิณและพรรคเพื่อไทยมากกว่าชื่นชมพรรคประชาธิปัตย์ แต่การผูกมิตรกับศัตรูของศัตรูด้วยการชมฝ่ายหนึ่งโจมตีอีกฝ่ายหนึ่ง ย่อมเป็นยุทธวิธีในการเรียกความสนใจ และ/หรือหวังผลส้มหล่นได้ ไม่มากก็น้อย

มีคนประชดท่าทีของ ยะใส ต่อ ปชป.นี้ว่า ชมนักชมหนาไฉนไม่ไปขอเข้าพรรคเขาเสียเลยล่ะ ปัญหาอาจติดตรงว่า ยังไม่มีใครชวนรอให้มีมูลค่าเพิ่มเสียหน่อยคงได้