วันอาทิตย์, กันยายน 30, 2561

ปู่จิ๋วเสนอ ‘ยุทธศาสตร์ราชวงศ์ ๑๐ ปี’ ถวาย ร.๑๐ ตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล


ฟังดีๆ ว่าที่จริงข้อเสนอเรื่องน้อมเกล้าฯ รับพระราชอำนาจสูงสุดรัชกาลที่ ๑๐ ทรงตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล ของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ์ นี่เป็น ยุทธศาสตร์ราชวงศ์ ๑๐ ปี เสียมากกว่า

“พูดกันง่ายๆ ว่าเปลี่ยนระบบปัจจุบันนิดๆ หน่อยๆ ภายใต้กรอบของอำนาจอธิปไตยสูงสุด ซึ่งผู้ถืออำนาจอธิปไตยสูงสุดนี้ (ยกมือไหว้) ก็คือองค์รัฏฐาธิปัตย์สูงสุด (ชี้นิ้วขึ้นเหนือหัว)” คือเปลี่ยนจากมือ คสช. ไปสู่พระมหากษัตริย์

บิ๊กจิ๋ว บอกว่ามีแผนงานเตรียมไว้แล้วเรียบร้อย ๗ หมวด ๔๑ โครงการ แถมมีเงินทุนผลักดันเตรียมไว้ด้วยเช่นกัน ๑๙๑ ล้านบาท “หากว่ามีการเปลี่ยนแปลง เรามีแผนงานที่จะเสนอพระองค์ท่าน เพื่อที่จะเฉลิมพระเกียรติสมเด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร”

การเปลี่ยนแปลงที่ว่าก็คือ “แทนที่จะปล่อยให้มีการเลือกตั้งอย่างนี้ อย่าให้มีเลย” เพราะว่า “เวลานี้เรามีพรรคการเมืองหลายพรรคมาก อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งอีกครั้ง ฉะนั้นเรื่องการเลือกตั้งจะต้องคิดให้ดี

เพราะถ้าเรายังใช้รูปแบบนี้อยู่ก็จะนำไปสู่การทะเลาะกันไม่มีที่สิ้นสุด” พล.อ.ชวลิตเสนอให้ให้มีรัฐบาลเฉพาะกาลมาแทนการเลือกตั้ง และแทน คสช.

“พล.อ.ชวลิตระบุต่อว่าต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น หากใช้วิธีตามรัฐธรรมนูญประเทศไทยจะไปไม่รอด โดยเสนอให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐ แล้วกลับไปใช้รัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ แก้ไขบางมาตราเพื่อทำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

พร้อมทั้งยกเลิก คสช. แต่ไม่ได้ยกเลิกไปไหน แค่ให้กลับมาร่วมกันทำงานสร้างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมา” โดยที่ “จะมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีใหม่ มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่พระองค์ท่านทรงเลือกเองทุกอย่าง ใครเลือกไม่ได้ พระองค์ท่านทรงเลือกเอง แม้กระทั่ง สนช. ท่านทรงเลือกของท่านเอง”

และดูจากกรอบโครงการคร่าวๆ ที่ปู่จิ๋วแจ้งว่าจะกราบบังคมทูลฯ พระองค์ท่านนั้น เป็นโครงการ “เพื่อสุขภาพ และมนุษยชาติ เพื่อเศรษฐกิจโลก เพื่อเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อความมั่นคงของประเทศ เพื่อความั่นคงของชุมชน อาหาร พลังงาน การขนส่ง เพื่อสันติภาพ และเพื่อความเป็นสมาชิกของนานาชาติ”

ล้วนแล้วแต่เป็นวาทกรรมลอยๆ ทำนองเดียวกับยุทศาสตร์ชาติ ๒๐ ปีของ คสช. ที่ขอเวลาทำเองสี่ซ้าห้าปี (ในฐานะ คนใน หรือ คนนอก ก็สุดแล้วแต่) จะได้อยู่ในร่องในรอยที่ต้องการ จนมั่นใจว่าไม่เฉออกนอกลู่แล้วค่อยปล่อย

โครงการของบิ๊กจิ๋วก็ทำนองเดียวกัน ต่างแต่ว่าขอวงกรอบเวลาแค่ ๑๐ ปี เชื่อว่ากำกับควบคุมตามกำหนดไปสัก ๒ ปีเท่านั้นจะเห็นผล และทั้งหมดถวายให้อยู่ภายใต้พระราชอำนาจเด็ดขาดของพระเจ้าอยู่หัวฯ แทนที่จะเป็น คสช.เป็นผู้กำกับควบคุมอย่างยุทศาสตร์ชาติ
 
งานนี้มี เผด็จ ภูรีปฏิภาณ หรือ พญาไม้ ร่วมวงทำหน้าที่ ‘moderator’ คอยตั้งคำถามนำ และ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย แต่จตุพรพูดเฉพาะประเด็นให้ คสช.ออกไป “หากพล.อ.ประยุทธ์ประสงค์จะเล่นการเมือง จะต้องลาออกทั้งทีม แล้วหากรรมการที่เป็นคนกลาง”

(อ่านรายละเอียดทั้งหมดได้จาก ประชาไทhttps://prachatai.com/journal/2018/09/78900)

แม้นว่าจะมีบางคอมเม้นต์เล่นงานจตุพรอยู่บ้าง รวมทั้งอะลุ่มอล่วย เช่น ‘bamboo network’ให้ “รอดูก่อน ว่า พี่น้องเอาด้วยไหม” และ นก แลชี้แนะ “อาจจะมีเบื้องบนสั่งให้ปรองดอง” แต่แกนนำสำคัญคนหนึ่งของ นปช. ก็มีปฏิกิริยาออกมาทันที

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พูดชัด “รัฐบาลเฉพาะกาล นอกจากไม่เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย และอาจถูกมองเป็นเจตนาล้มการเลือกตั้งแล้ว ยังไม่มีหลักประกันว่าจะแก้ปัญหาได้” เขาเชื่อว่า “ผู้มีอำนาจไม่ลาออกแน่นอน แผนสืบทอดอำนาจก็ปรากฏชัด”

ถึงกระนั้น “รัฐบาลชุดนี้ใช้เวลาเกือบ ๕ ปี บอกว่ารวบรวมคนดี คนรักชาติไว้เต็มลำ ก็ยังเป็นแค่เรือแป๊ะ ไม่เป็นสับปะรด จึงเชื่อว่าการฟังเสียงประชาชนเป็นสิ่งที่ใกล้ความจริงมากกว่า” ณัฐวุฒิยืนกรานว่า “สนับสนุนอย่างที่สุดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ ๒๔ ก.พ. ๒๕๖๒”

“แม้กติกาและสิ่งแวดล้อมทางอำนาจขาดความชอบธรรม” ก็ยังจะ “ต้องยึดกุมสถานการณ์ที่อำนาจกลับมาสู่มือประชาชนไว้ให้ได้”