วันเสาร์, กันยายน 15, 2561

ถึงจะคลายล็อคแล้ว ก็ยังอยู่ในกำมือ คสช.


พออ่านคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๑๓/๒๕๖๑ ก็ถึงบางอ้อทำไม พระวิษณุเหน็บธนาธรก่อนหน้านี้นิดนึง

“ไม่ว่าใครก็ตาม ถ้าพูดเป็นก็พูดได้แม้จะยังมีล็อกอยู่ ไม่จำเป็นต้องเป็นนายธนาธร โดยหากจะพูดว่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้เพื่อให้อะไรดีขึ้นก็สามารถพูดได้ ตนก็เคยพูด ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อย่าตั้งหลักว่าสิ่งที่พูดคือนโยบายหาเสียงก็แล้วกัน”

นั่นเป็นหมัดขวาอัปเปอร์คัท ตามด้วยหมัดแย้ปซ้าย “ตนเชื่อว่านักการเมืองทำเป็น เพราะเคยหาเสียงกันมาเยอะ แต่จะยุ่งหน่อยสำหรับนักการเมืองมือใหม่ที่ยังไม่รู้ว่าแค่ไหนคือการหาเสียง หรือแค่ไหนคือการแสดงความคิดเห็นโดยเสรี

จึงต้องระวังเพราะมีคนคอยจดบันทึกไว้ แม้ไม่ดำเนินการในวันนี้ แต่เมื่อถึงเวลาที่พลาดหนักเข้าก็จะโดน ตนเตือนด้วยความหวังดี ไม่ได้ขู่”

นั่นเป็นการตอบคำถามนักข่าวของนายวิษณุ เครืองาม ตามรายงานของมติชนออนไลน์เมื่อบ่ายโมงครึ่ง ๑๔ ก.ย. รวมทั้งคำถามที่ว่าจะคลายล็อคได้เมื่อไร ทั่นรองฯ ฝ่ายกฎหมายผู้ปฏิเสธไม่ใช่พระเจ้าหลุยส์ แต่เป็น พระวิษณุ ตอบว่า

“ผมก็ไม่ตอบ อย่ามาถามเลย ถามไปสื่อก็ลงข่าวไม่ทัน” ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่ออีกไม่นานต่อมา คำสั่ง ๑๓/๒๕๖๑ ก็ออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา


ที่ต้องเล่าเกล็ดย่อยเสียยืดยาดอย่างนี้ มิใช่ไร เพียงเป็นข้อสังเกตุว่าทั่นรองฯ ฝ่ายกฎหมาย คสช. คนนี้ไม่เบา โวหารสามหาวในช่วงเปลี่ยนไปจาก คสช.ที่ยึดอำนาจเขามา สู่ คสช. ที่อยู่ต่อหลังเลือกตั้ง ย่อมแสดงว่าอย่าหวังจะได้ประชาธิปไตยจ๋า อย่างที่พรรคใหม่ไฟแรงหวัง

ฟังที่ ผบ.ทบ.คนปัจจุบันพูดยิ่งชัด “ต้องใช้ดุลพินิจที่เหมาะสมในการกำหนดบทบาทหน้าที่ของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย แต่ยืนยันว่า คสช.จะยังคงอยู่ต่อไป ให้ดูจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาทำหน้าที่”

พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ให้สัมภาษณ์สื่อในฐานะเลขาธิการ คสช.ปัจจุบันว่า คสช.กำลังพิจารณาบทบาทกองทัพในฐานะกองกำลังรักษาความสงบในช่วงคลายล็อคการเมือง “ตั้งแต่ช่วงนี้ไปจนถึงกลางเดือน ธ.ค.และช่วงที่เปิดให้หาเสียงเลือกตั้งได้”
 
โดยเฉพาะเกี่ยวกับ “สิ่งที่กังวลก็คือ การนำไปเชื่อมโยงระหว่างทหารกับการสนับสนุนการเลือกตั้ง” ซึ่งจะอยุ่ในความรับผิดชอบของ ผบ.ทบ.คนใหม่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์


สำหรับประกาศคำสั่ง คสช.เรื่องการคลายล็อคพรรคการเมือง นอกจากอนุญาตให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมบางอย่างเพื่อความพร้อมตามกฎหมายในการเข้าแข่งขันรับเลือกตั้ง ในช่วงเวลา ๙๐ วันก่อนที่ประกาศ พรบ.การเลือกตั้ง ส.ส. จะมีผลบังคับใช้
มีประเด็นควรใส่ใจเกี่ยวกับการหาเสียงของพรรคการเมือง ในมาตรา ๑๔๔ ข้อ ๖ ดังนี้

“พรรคการเมืองจะดำเนินการประชาสัมพันธ์หรือติดต่อสื่อสารกับผู้ดำรงตำแหน่งใดๆ ภายในพรรคการเมืองและสมาชิกของพรรคการเมืองของตน โดยวิธีผ่านทางเทคโนโลยี่สารสนเทศหรือสื่ออีเล็กทรอนิกส์ก็ได้

แต่การดำเนินการนั้นต้องไม่มีลักษณะเป็นการหาเสียง

ทั้งนี้คณะกรรมการการเลือกตั้งและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อาจกำหนดลักษณะต้องห้ามของการประชาสัมพันธ์ หรือการติดต่อสื่อสารที่จะมีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน

หรือสั่งให้มีการระงับการดำเนินการดังกล่าวได้”


เป็นที่สงสัยว่าถ้าประกาศว่าจะตระบัดคำหันมาทำการเมืองจนถึงอายุ ๘๐ ปี ดังเช่นที่พระพุทธเจ้าทรงสละอายุขัย และเป็นการเมืองที่ดึงเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเสาหลักกำหนดนโยบายละก็ คงไม่เข้าข่ายหาเสียงละมัง