วันอาทิตย์, มีนาคม 31, 2562

รู้กันทั้งโลก ฮุนต้าไทย 'โกงไม่เนียน' "บัตรงอก ออกลูกออกหลานจากปาก กกต.เองถึง ๑.๘ ล้านใบ"


ดิ เอ็คคอนอมิสต์ ว่าไว้ตรงเผง ฮุนต้าประเทศไทยโกงเลือกตั้งมาได้ แต่ไม่เนียน ‘ineptly rigged election’ ดังที่ อจ.โสรัจจ์ หงส์ลดารมย์ ชี้ “จะโกงเลือกตั้งทั้งที ก็โกงแบบไร้ความสามารถ”


ทุกวันตั้งแต่ปิดหีบบัตรเมื่อเย็นวันที่ ๒๔ มีนา มีแต่กลิ่นเน่าหึ่งร้ายยิ่งกว่าควันพิษที่เชียงใหม่ เหมือนเปิดกระป๋องแล้วมีหนอนคลานกันออกมายั๊วเยี๊ย จึงควรที่วิญญูชนทั้งหลายโหมสนับสนุนการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อเพื่อปลด กกต.ชุดนี้กัน

เนื่องเพราะ กกต.จะต้องอยู่ต่อไปอีกหลายปีหลังจากท้ายที่สุดแล้วได้รัฐบาลใหม่ แม้อาจจะเป็นนายกฯ คนเดิม และรัฐมนตรีหลายคนมาจากชุดที่ คสช.ตั้ง แต่ความประพฤติแบบที่ กกต.ชุดนี้เป็นจะเรื้อรังไปถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไปด้วย
 
การล่ารายชื่อของเหล่านักศึกษา (เช่นที่ ม.เชียงใหม่) เพื่อจะนำไปใช้ร้องเรียนหลังจากที่มีการตั้งรัฐบาลแล้ว จึงไม่มีผลกระทบให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ อันจะทำให้ คสช.สามารถอยู่ในอำนาจต่อไปเรื่อยๆ

นี่ก็ผ่านมาสองวันหลังจาก กกต.ยอมเปิดผลการนับคะแนนครบ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ประชาชนได้พบกับตัวเลขไม่สมเหตุสมผล จำนวนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเพิ่มขึ้น (ได้อย่างไร) คะแนนเสียงเพิ่มมากกับพรรคที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช.

เพื่อที่จะใช้อ้างคะแนน ป็อปปูลาร์โหวตเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แข่งกับกลุ่มพรรคการมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่ประกาศสัตยาบันมัดหวายรวมกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลต่อไป แม้นว่า กกต.ยังคงเม้มผลการคำนวณที่นั่งของพรรคการเมืองต่างๆ ไว้

ทว่าคอยไล่แก้ตัวในความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นกับตัวเลขผลเลือกตั้ง ดังเช่น กกต.ตอบข้อกังขาเรื่องจำนวนบัตรที่นำมานับคะแนนเกินกว่าจำนวนผู้ไปใช้สิทธิ์ถึง ๔.๕ ล้านใบ ว่ามาจากการเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งในและต่างประเทศ

แต่กระนั้นจำนวนบัตรเลือกตั้งในต่างประเทศที่ กกต.อ้าง ก็ยังเกินจำนวนจริงที่ กกต.ประกาศเองก่อนหน้านั้น ๔.๕ ล้านใบ กับ ๒.๗ ล้านใบ นั้นเท่ากับมีบัตรงอก ออกลูกออกหลานจากปาก กกต.เองถึง ๑.๘ ล้านใบ

ยังมีข้อมูลใหม่ๆ ที่เป็นการได้เปรียบของฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล คสช. เช่นการเกลี่ยเฉลี่ยจำนวน ส.ส.ให้แก่พรรคเล็กพรรคน้อย อย่างไม่เที่ยงธรรม ในเมื่อมีพรรคการเมืองที่ได้ ส.ส.รายละ ๑ คนเกิดใหม่ถึง ๑๒ ที่นั่ง ทั้งที่คะแนนของแต่ละพรรคต่างกันลิบลับ

พรรคที่ได้คะแนนสูงสุดในกลุ่มนี้คือ พลังปวงชนไทย ซึ่งไปร่วมลงนามสัตยาบันกับกลุ่มประชาธิปไตย ได้ ๘๑,๗๓๓ คะแนน ขณะที่พรรคไทรักธรรมซึ่งได้คะแนนเพียง ๓๓,๗๔๘ ก็ได้ ส.ส. ๑ คนเท่ากัน
 
รวมทั้งพรรคประชาชนปฏิรูปของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกฯ อีกครั้ง ก็ได้คะแนนเพียง ๔๕,๕๐๘ เกินครึ่งของพรรคคะแนนสูงสุดนิดเดียว จึงทำให้ความเห็นของผู้ใช้นาม ‘Mr.Joe @djjoekiss’ น่ารับฟัง

ที่ว่าคะแนนควรต้องได้ ๗ หมื่นขึ้นไป จึงจะได้ ส.ส. ๑ คน “การเกลี่ยคะแนนให้พรรคเล็กๆ ที่คะแนนไม่ถึง ๗ หมื่น เช่นได้หมื่นกว่า (หรือแค่ ๓ หมื่นกว่า) ก็ฟลุ๊คได้ ส.ส. เป็นการขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ”

ขัดแต่ เจตนารธน.แค่นั้นไม่พอ ขัดแข้งขัดขาพรรคการเมืองที่เขาได้รับคะแนนนิยมแท้จริงมากกว่านั่นสิ ชั่วช้าเกิน วิชามาร

ชาตู่!!! พากษ์ไทย




ชาตู่!!!
.

เพราะรักจริงหยอกนะลุง

คลิปต้นฉบับ = https://www.youtube.com/watch?v=yJog2Q7utJo

★ Follow Me ★
ติดตามผลงานอื่นๆได้ที่
Facebook = https://www.facebook.com/JZBstudio
Chanel Youtube = https://www.youtube.com/c/jamezabang
ฝากติชมด้วยนะครับผม ^
https://www.facebook.com/JZBstudio/videos/1536304003166547/


#เหตุการณ์หนึ่งในหนังCpatainAmericaCivilWar





อดีตคนที่ออกไปเป่านกหวีดชัตดาวน์กรุงเทพฯเปิดใจ : ณ นาทีนี้ ถ้าตัดธนาธรออกไป และถ้าจำเป็นต้องเลือกระหว่าง “ระบอบทักษิณ” และ “ระบอบเผด็จการ” ที่ทำงานไม่เป็น ดีแต่ผลาญเงินภาษีประชาชนและอุ้มพวกพ้อง ฉันยอมให้ทักษิณกลับมา




Roong Aniston
March 25 at 6:25 AM


หลายปีก่อน ฉันคือคนที่เคยด่าเสื้อแดงหัวรุนแรงว่าควายแดง แต่ขณะเดียวกันฉันก็มีเพื่อนเป็นเสื้อแดงเข้มหลายคน บางคนก็รู้จักกันมาเกือบสิบปีแล้ว เราไม่ก้าวก่ายเรื่องทัศนคติทางการเมืองของกันและกัน แถมคุยเรื่องอื่นกันถูกคอด้วย อย่างมากก็ฮึ่มฮั่มบนวอลล์ตัวเอง ไม่เคยไปท้าตีบนพื้นที่ของเพื่อน เพื่อนเองก็เช่นกัน

ฉันเคยเกลียดทักษิณ ทุกวันนี้ก็ไม่รัก ไม่มีวี่แววชอบในระยะอันใกล้ด้วย แต่ไม่หมกมุ่นกลัวว่าเขาจะกลับมาจนไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า (แต่เห็นใจยิ่งลักษณ์ช่วงถูกเขาดันหลังขึ้นเวทีการเมืองมาเป็นหุ่นเชิดทั้งที่ไม่พร้อม) ทุกวันนี้ก็ไม่ได้โปรพรรคเพื่อไทย และไม่เคยลืมสิ่งที่พรรคนี้ทำ แต่หลังๆมาก็รู้สึกนับถือในอุดมการณ์บางอย่างที่ไม่สั่นคลอนของพรรคนี้

ฉันคือหนึ่งในคนที่ออกไปเป่านกหวีดวันชัตดาวน์กรุงเทพฯ ทั้งที่เกลียดเทพเทือกเข้ากระดูกดำ แต่ฉันออกไปเพราะอยากแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ร่วมกับกลุ่มนักศึกษาผู้เป็นต้นคิดในการแสดงทัศนคติทางการเมืองผ่านเสียงนกหวีด (ก่อนจะถูกเทพเทือกขโมยไอเดียไป) ตอนนั้นหลงคิดว่านั่นคือครั้งสุดท้ายที่เทพเทือกจะออกมาวุ่นวายบนท้องถนนตามที่เคยสัญญา และนั่นก็เป็นแค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่ฉันออกไปเป่านกหวีด (แม่ห้ามแล้วด้วย แต่ฉันไม่ฟัง เพราะอึดอัดเต็มทน)

ฉันเคยโล่งใจที่ทหารก่อรัฐประหาร เพราะคิดว่าอย่างน้อยกองทัพก็ออกมาเบรคความรุนแรงทีมตีนตบ/มือตบ/นกหวีดไม่ให้รุมยำตีนกันจนก่อให้เกิดความเสียหายทั้งทรัพย์สินและชีวิตไปมากกว่าที่เป็นอยู่ และเชื่อแบบสุดใจว่าชายชาติทหารคงรักษาสัจจะและคืนประชาธิปไตยให้ประชาชนโดยเร็ว

17 มี.ค. 62 ฉันคือคนที่มอบคะแนนเสียงให้พรรคอนาคตใหม่ เพราะเคยเห็นความระยำตำบอนตลอด 5 ปีที่ผ่านมาภายใต้รัฐทหาร และไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น แถมมีแนวโน้มแย่ลงเรื่อยๆ แต่เราถูกกดให้อยู่แบบหูหนวกตาบอด ตรวจสอบอะไรไม่ได้ การเลือกพรรคอนาคตใหม่คือการ “กะไปตายเอาดาบหน้า” โดยแท้ อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยหลอกลวง ทำร้าย หรือฝากแผลใจให้เราเหมือนที่รัฐทหารทำ ถ้าเขาจะทำเหี้ยบ้างหลังจากนี้ ที่แน่ๆคือเราจะตรวจสอบเขาได้ เพราะเขาไม่มีปืนและรถถังเป็นเกราะกำบัง หรือต่อให้เขาไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ประเทศไทยก็จะได้ฝ่ายค้านที่มีคุณภาพมาตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจรัฐบาลที่ฟอร์มตัวมาจากการโกงผลเลือกตั้ง

“การเลือกตั้ง” ครั้งนี้แม่งบัดซบ สกปรก และเหี้ยจริงจัง เหี้ยชนิดที่ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าไอ้อีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขี้ฉ้อหน้าด้านๆนี้ ฉันไม่ขอพูดถึง “ผลเลือกตั้ง” เพราะคนโพสต์ระบายกันเต็มหน้าฟีดแล้ว และไม่ขอพาดพิงรสนิยมของแต่ละคนด้วย เพราะฉันเชื่อว่าสิทธิ์และเสียงของทุกคนมีค่าเท่ากัน, แต่กระบวนการและขั้นตอนการเลือกตั้งของคนบางกลุ่มต่างหากที่น่ารังเกียจจนน่าสมเพช

ณ นาทีนี้ ถ้าตัดธนาธรออกไป และถ้าจำเป็นต้องเลือกระหว่าง “ระบอบทักษิณ” และ “ระบอบเผด็จการ” ที่ทำงานไม่เป็น ดีแต่ผลาญเงินภาษีประชาชนและอุ้มพวกพ้อง ฉันยอมให้ทักษิณกลับมา

ด้วยความสัตย์จริง


บัตรเลือกตั้งล่วงหน้าได้ถูกเอาไปรวมนับคะแนนแล้ว ตัวเลขนี้ถูกเอาไปรวมในจำนวนผู้ใช้สิทธิแล้ว เพราะบัตรเลือกตั้งต้องส่งไปถึงก่อนวันเลือกตั้ง และถูกแกะนับคะแนนตั้งแต่วันแรก ไม่ใช่เอามานับทีหลังแล้วบวกเข้าไป




Suthep Limsomkhiat
12 hrs

#ไม่เนียน_ไปเรียนมาใหม่

โดย ถือแถน ประสพโชค

//// หาก กกต.บอกว่า คะแนนที่เกินมา หรือ บัตรเลือกตั้งที่เกินจำนวนผู้ใช้สิทธิมา 2 ล้านกว่าคือ จำนวนของผู้ใช้สิทธินอกเขตล่วงหน้า รวมผู้ใช้สิทธิในต่างประเทศด้วย


ผมว่า กกต.น่าจะโกหกแบบพันตัวเองเข้าไปอีก เพราะ บัตรเลือกตั้งล่วงหน้า บัตรเลือกตั้งนอกเขต ก็ต้องส่งไปนับคะแนนที่เขตเลือกตั้งของผู้ใช้สิทธิ

สมมติว่าผมเป็นคนยโสธร มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตที่เชียงใหม่ บัตรลงคะแนนของผมก็ต้องส่งไปนับคะแนนที่ ยโสธรในเขตที่ผมมีชื่ออยู่

นั่นคือบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าได้ถูกเอาไปรวมนับคะแนนแล้ว ตัวเลขนี้ถูกเอาไปรวมในจำนวนผู้ใช้สิทธิแล้ว เพราะบัตรเลือกตั้งต้องส่งไปถึงก่อนวันเลือกตั้งและถูกแกะนับคะแนนตั้งแต่วันแรก ไม่ใช่เอามานับทีหลังแล้วบวกเข้าไป

ถ้า กกต.เอามาอ้างก็เท่ากับเอามาบวกจำนวนบัตรสองครั้ง ซึ่งอ้างไม่ได้และไม่ถูก

ตัวอย่างที่เห็นชัดๆก็บัตรเลือกตั้งจากนิวซีแลนด์นั่นไง ที่ กกต.จัดการส่งไปตามเขตเลือกตั้งของผู้มาใช้สิทธิไม่ทัน กลายเป็นบัตรที่นับคะแนนไม่ได้อย่างที่เป็นข่าวกันอยู่

บัตรงอก จึงจะมาอ้างจำนวนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า บัตรเลือกตั้งจากต่างประเทศอีกไม่ได้ เพราะจะเป็นการนับซ้ำจำนวนทันที

ไปหาข้ออ้างมาใหม่อีกที เอาให้เนียนกว่านี้

ชาวบ้านแบบกูฉลาด จะให้เชื่อต้องเนียนกว่านี้

“ 19 สถาบัน สานพลังถอดถอนกกต. “





“ 19 สถาบัน สานพลังถอดถอนกกต. “

ความพร้อมเพรียงจากเสียงประชาชน ที่รวมพลังต่อต้านการปฏิบัติหน้าที่บกพร่องไร้ประสิทธิภาพ และขาดความโปร่งใส

จนถึงตอนนี้ ... ที่คนในประเทศคลางแคลงใจกับการทำหน้าที่ของกกต.

จนถึงตอนนี้ ... ที่นานาประเทศยังต้องการคำตอบที่ชัดเจนจากกกต.

และจนถึงตอนนี้ ... ที่ กกต. ก็ยังเพิกเฉยต่อการแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้น !

นักศึกษาจากทั้ง 19 สถาบัน ภาคประชาสังคม และประชาชนหลายแสนคนเริ่มแล้ว !

ขอเพียงคุณกล้า และยึดมั่นในความถูกต้อง ผลักดันให้ความตั้งใจของเราทุกคนได้รับการมองเห็น “คนละเสียง พิสูจน์ความโปร่งใส กับ 1 ล้านชื่อยื่นถอดถอน กกต.”

ร่วมลงชื่อได้ที่ : change.org/EC

เชิญชวนเพื่อนนักศึกษามหาวิทยาลัยอื่น ๆ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อถอดถอน กกต. โดยสามารถติดต่อได้ที่เพจ : เครือข่ายคนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม

#รวมพลังคนรุ่นใหม่

รายชื่อ 19 เครือข่าย
1. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
2. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง
3. มหาวิทยาลัยขอนแก่น
4. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
5. มหาวิทยาลัยรังสิต
6. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน
7. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัตตานี
8. มหาวิทยาลัยนเรศวร
9. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
10. มหาวิทยาลัยบูรพา
11. มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ จ.ฉะเชิงเทรา
12. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
13. มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลา
14. มหาวิทยาลัยพะเยา
15. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่
16. มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
17. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน
18. มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
19. เครือข่ายประชาชนจังหวัดนครสวรรค์


คนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม มอส.


เรื่องเกี่ยวข้อง

'จ่านิว' นำล่ารายชื่อหน้าหอศิลป์ กทม.ถอด กกต.

ดิอิโคโนมิสต์วิเคราะห์ไทยหลังเลือกตั้ง เล่ห์กลของฝ่ายเผด็จการทหารที่ควรเฝ้าระวัง

(ประชาไท)

..



https://www.facebook.com/RedThaiUSA/videos/647937822336979/


ว่าที่ ส.ส. "อนาคตใหม่" ลงนามสัตยาบัน - ประกาศ 5 ข้อ "ยุติสืบทอดอำนาจ -ลบล้างผลพวงรัฐประหาร -ปฏิรูปกองทัพ- ยึดอุดมการณ์พรรค- เดินหน้าทวงคืนอำนาจให้ ปชช."



https://www.facebook.com/komkhaoNews/videos/2109143142455875/


ว่าที่ ส.ส. "อนาคตใหม่" ลงนามสัตยาบัน - ประกาศ 5 ข้อ "ยุติสืบทอดอำนาจ -ลบล้างผลพวงรัฐประหาร -ปฏิรูปกองทัพ- ยึดอุดมการณ์พรรค- เดินหน้าทวงคืนอำนาจให้ ปชช."

#คมข่าว เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ที่ จ.ชลบุรี พรรคอนาคตใหม่ จัดสัมมนาว่าที่ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ โดยตลอดทั้งวันมีกิจกรรมที่น่าสนใจได้แก่ การกล่าวปาฐกถาในหัวข้อ "สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย" โดย นายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานรัฐสภา และอดีตประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นมีการอธิบายไทม์ไลน์การเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร การเตรียมตัวเป็น ส.ส. ข้อควรปฏิบัติ และสิ่งที่ต้องทำตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญกำหนด จากนั้นในช่วงบ่ายมีกิจกรรมแบ่งกลุ่มเวิร์คช็อปในหัวข้อ "ต้องการทำอะไรเมื่อได้เป็น ส.ส." ก่อนที่ในช่วงเย็น ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อทั้งหมด ลงนามคำประกาศสัตยาบันร่วมกันสำหรับการเตรียมตัวทำงานในสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า การจะมี ส.ส. ได้เพราะมีประชาชน มีระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น ว่าที่ ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ทุกคน ต้องตระหนักว่า ถ้าอำนาจสูงสุดไม่เป็นของประชาชนก็จะไม่มี ส.ส. ซึ่งนี่เป็นตำแหน่งเดียวที่ใช้อำนาจรัฐโดยมีที่มาจากการเลือกของประชาชน ขณะที่ตำแหน่งอื่นๆ นั้นมาจากการแต่งตั้ง จึงขอให้ภาคภูมิใจในการเข้ามาใช้อำนาจนิติบัญญัติแทนประชาชน ทั้งนี้ ตลอด 13 ปีที่ผ่านมา เรามีความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง ผู้คนจำนวนมากสิ้นหวังกับการเมือง สิ้นหวังกับระบบรัฐสภา ดังนั้น 6.2 ล้านเสียงที่พรรคอนาคตใหม่ได้มา เป็นคะแนนของความหวังจากประชาชนที่อยากเห็นเราไปทำงานให้ อยากเห็นเราเดินหน้าการเมืองแบบใหม่ อยากเห็นเราเป็น ส.ส.ที่แตกต่างจากในอดีต นี่คือเสียงที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเมื่อเราได้รับอาณัตินี้มาแล้วจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องไปสร้างการเมืองที่ดีขึ้นตามนโยบายที่เคยให้ไว้ ไม่ว่าจะเป็น การยุติสืบทอดอำนาจของ คสช. ปฏิรูปกองทัพ ลบล้างผลพวงรัฐประหาร จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ฯลฯ นี่คือพันธสัญญาที่ให้ไว้และเราจะไม่มีวันทรยศพี่น้องประชาชน

"กรณีเรื่องของงูเห่า เรายืนยันว่าไม่มีงูเห่าสีส้มอย่างแน่นอน เพราะพรรคอนาคตใหม่เรารวมกันด้วยอุดมการณ์ ด้วยความเชื่อมั่นแบบเดียวกัน และผมเองเชื่อมั่นว่า ว่าที่ ส.ส.ของพรรคทั้งหมดนั้น ตระหนักร่วมกันดีถึงการที่เรามีผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทั่วประเทศ มีสมาชิกของพรรคทั่วประเทศ ช่วยเหลือและทำงานมาด้วยกันอย่างหนัก และเพื่อให้นี่เป็นมิติใหม่ทางการเมือง ผมขอเชิญทุกท่านลงชื่อในคำประกาศสัตยาบัน ซึ่งแม้ไม่มีผลบังคับทางกฎหมาย แต่จะเป็นหมุดหมายใหม่ว่า เราเริ่มต้นทำงานการเมืองด้วยอุดมการณ์ ด้วยความหวัง และเราจะไม่ทรยศพี่น้องประชาชนที่ให้ความไว้วางใจเรา" นายปิยบุตร กล่าว

ด้าน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ว่าที่ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ตอนนี้มีราคาตลาด ตามที่เป็นข่าวแล้ว 10 ล้านขึ้นไป เงินจำนวนนี้อาจจะเอาไปทำอะไรได้หลายอย่าง ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเงินจำนวนมากสำหรับหลายคน และมีน้อยคนนักจะเคยเห็นเงินสดจำนวนนี้ ซึ่งถ้าเรารับไปย่อมทำให้ชีวิตดีขึ้นแน่ แต่คำถามที่อยากชวนทุกท่านถามตนเองก็คือ เรามารวมกันที่นี่เพราะอยากมีอนาคตดีขึ้นของเราเพียงคนเดียวเท่านั้นหรือเปล่า หรือเข้ามาเพราะว่าอยากให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศดีขึ้น คือ อนาคตที่ลูกหลานของทุกคนได้เรียนฟรีในโรงเรียนที่มีคุณภาพ อนาคตที่ทุกคนมีรัฐสวัสดิการที่ดีที่อนุญาตให้คนได้ลองผิดลองถูกในการใช้ชีวิต อนาคตที่บริการภาครัฐมีมาตรฐานเท่าเทียมกับสากลและถูกออกแบบเพื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศ อนาคตที่คนต่างจังหวัดมีทางเลือกมากกว่างานภาคการเกษตร อนาคตที่คนรวยได้เพราะความสามารถไม่ใช่เอาเปรียบผู้อื่น อนาคตที่ประเทศนี้ไม่ต้องเจอะเจอรัฐประหารอีก ขอถามว่าอนาคตแบบนี้มีค่าพอจะไขว่คว้าหรือพอจะเสี่ยงชีวิตเพื่อมันหรือไม่

"คุณมีทางเลือกที่จะหยิบเงินจำนวน 10 ล้าน นั้นแล้วหันหลังให้เพื่อนเราในห้องนี้และจากไป หรือปฏิเสธมันแล้วนั่งอยู่กับเราทุกคนในห้องนี้ และร่วมกันยืนยันว่า อนาคตที่เราอยากเห็น คือ สิ่งที่เราจะร่วมกันสร้างขึ้นมาผ่านพรรคการเมืองที่เข้มแข็ง ผ่านพรรคการเมืองที่ยึดโยงกับสมาชิก ยึดโยงกับประชาชน นั่นคือพรรคที่เราอยากให้พรรคอนาคตใหม่เป็น และเราจะพาพรรคไปถึงจุดนั้นด้วยกัน ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญอย่างนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยืนยันจุดยืนของพรรคให้มั่นคงแข็งแรง เราจะไม่ยอมให้ก้าวแรกของพรรคอนาคตใหม่ในสภาผู้แทนราษฎรต้องเสื่อมเสีย แปดเปื้อน ผมจึงขอเรียกร้องให้ทุกคนร่วมลงสัตยาบันร่วมกัน" นายธนาธร กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายธนาธร ได้อ่านคำประกาศสัตยาบันของสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ที่เป็น ส.ส. ซึ่งระบุว่า ด้วยข้าพเจ้าตามรายชื่อท้ายคำประกาศนี้ เป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ และได้รับการเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งทั่้วไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ.2562 ขอให้สัตย์ปฏิญาณในการปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดังนี้ 1.จะสนับสนุนและผดักดันบุคคลที่สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามมติของพรรคอนาคตใหม่ และจะไม่เสนอชื่อหรือให้ความเห็นชอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเด็ดขาด เพื่อยุติการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ 2.จะสนับสนุนและผลักดันการลบล้างผลพวงรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ 3.จะสนับสนุนและผลักดันให้มีการปฏิรูปกองทัพให้สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย
4.จะยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ทุกประการ และ 5.จะต่อสู้ร่วมกันจนกว่าจะได้รัฐธรรมนูญใหม่ที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง

"ข้าพเจ้าซึ่งลงนามตามรายชื่อท้ายคำประกาศนี้ ขอประกาศว่า คำประกาศนี้เป็นไปตามมโนสำนึกของข้าพเจ้าที่มีอุดมการณ์ร่วมกันกับพรรคอนาคตใหม่ และข้าพเจ้าจะยึดมั่นปฏิบัติคำสัตย์ปฏิญาณนี้ ซึ่งเป็นนโยบายที่ข้าพเจ้าได้หาเสียงไว้กับประชาชน และส่งผลให้ประชาชนได้มอบความไว้วางใจเลือกตั้งข้าพเจ้าเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ฉะนั้น ข้าพเจ้าจะไม่ทรยศต่อประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจสูงสุดโดยเด็ดขาด" คำประกาศสัตยาบัน ระบุ ซึ่งในตอนท้ายมีการลงชื่อของผู้ที่คาดว่าจะได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคอนาคตใหม่ทั้งหมด โดยให้แต่ละคนได้เก็บไว้กับตัวคนละ 1 ชุด ท่ามกลางผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ทั้งแบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ รวมถึงเจ้าหน้าที่พรรคอนาคใหม่ รวมแล้วกว่า 500 คน ร่วมเป็นสักขีพยาน


“บัตรเขย่ง” มีได้ “บัตรซบ” มีได้ไม๊ ?





“บัตรเขย่ง” ?!!?

คือ คนรับบัตรเลือกตั้งไปแล้วไม่ใช้ลงคะแนน อาจเป็นเพราะ รอคิวนาน หรือ มีเหตุอื่นกะทันหัน

อธิบายแบบนี้ก็ได้เหรอ ?

ทุกหน่วยเลือกตั้ง จะคิวยาวแค่ไหนไม่เคยได้ยินว่ามีการเอาบัตรไปเดินแจกให้ยืนถือไว้ ต้องเดินตามคิวไปเรื่อยๆจนถึงโต๊ะเจ้าหน้าที่ แล้วเซ็นชื่อในบัตรเขาถึงจะฉีกจากเล่มมาให้ ขั้นตอนต่อจากนั้นคือเดินเข้าคูหาลงคะแนนเลย

ใครจะมาตัดสินใจเลี้ยวกลับเอาตรงนั้น แล้วถ้ามีจริงเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยคงต้องเป็นอัมพาต จึงไม่ทักท้วงถามไถ่ ปล่อยให้คนมาเซ็นชื่อแล้วเอาบัตรเลือกตั้งเดินจากไปต่อหน้าต่อตา

จำนวนคลาดเคลื่อนอาจไม่มาก แต่อธิบายแบบนี้เรื่องจะไปกันใหญ่ ความน่าเชื่อถือที่ทรุดโทรมลงเป็นลำดับจะยิ่งพังเร็ว

ตอนนี้สงสัยกันใหญ่แล้วว่าจำนวนผู้ใช้สิทธิ์ที่อยู่ๆเพิ่มขึ้น 4 ล้านกว่าคนมายังไง

หรือการเลือกตั้งครั้งนี้จะมี “บัตรซบ”

หมายถึงบัตรเลือกตั้งที่ถูกจัดการโดยคนที่ซบแนบแอบอิงกับผู้มีอำนาจ

เอาดีๆนะครับกกต. อย่าดูแคลนความรู้สึกประชาชน


นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ


ธปท. คาดส่งออกครึ่งปีหัวทิ่ม – ลุ้นตั้งรัฐบาลเร็ว เห็นนโยบายเศรษฐกิจชัด





ธปท. คาดส่งออกครึ่งปีหัวทิ่ม – ลุ้นตั้งรัฐบาลเร็ว เห็นนโยบายเศรษฐกิจชัด


29 มีนาคม 2562
ข่าวสดออนไลน์


แบงก์ชาติคาดส่งออกครึ่งปีแรกติดลบ – ลุ้นตั้งรัฐบาลเร็ว เห็นนโยบายเศรษฐกิจชัด ยังเชื่อทั้งปีขยายตัวได้ตามเป้า 3.8%

ธปท. คาดส่งออกครึ่งปีหัวทิ่ม – นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ถ้ามีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้เร็ว หรือ ตามที่คาดไว้ไม่เกินเดือน มิ.ย. เป็นไปตามสมมติฐานที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดไว้ ก็จะไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ จะสามารถขยายตัวได้ตามเป้าหมายทั้งปีที่ 3.8% แต่ก็ยังไม่รวมผลกระทบจากการจัดตั้งรัฐบาลได้ล่าช้า มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ หรือ มีปัญหาเกิดเหตุความวุ่นวาย มีการตั้งม็อบประท้วง

“ถ้าจัดตั้งรัฐบาลได้เร็ว สิ่งที่เกิดขึ้นคือปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ ก็จะหายไป แต่ปัญหาตอนนี้คือไม่รู้ว่าหลังเลือกตั้งแล้วจะเดินไปในทิศทางไหน ทำให้คาดเดาแนวโน้มเศรษฐกิจยาก ก็เป็นไปตามที่ กนง. คาดการณ์ว่าในระยะสั้น ยังมีความไม่แน่นอนสูง แต่ถ้าดูนโยบายแต่ละพรรค และพอรู้ว่าพรรคไหนจะมาเป็นรัฐบาล ก็สามารถเอานโยบายมารวมในสมมติฐานคาดการณ์เศรษฐกิจได้เลย”นายดอน กล่าว

นายดอน กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกจะเห็นการฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง โดยในช่วงครึ่งปีแรก จะยังมีบางเดือนที่ขยายตัว บางเดือนหดตัว สลับกันไป ทำให้คาดว่าการส่งออกในไตรมาส 1/2562 จะหดตัว และมีความเป็นไปได้ที่ครึ่งปีแรกจะขยายตัวแบบหดตัวด้วย แต่ก็เป็นเรื่องระยะยาวไปที่จะคาดการณ์ โดยในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกน่าจะปรับตัวดีขึ้น การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนน่าจะได้ข้อสรุป

นอกจากนี้ หลายประเทศคาดว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งหยุดความเข้มงวดในการใช้นโยบายดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งจะช่วยพยุงเศรษฐกิจโลกไม่ให้ทรุดตัวลงต่อเนื่อง รวมทั้งยังมีการคาดว่าเศรษฐกิจโลกน่าจะถึงจุดต่ำสุดในช่วงครึ่งปีหลังจากนั้นจะเริ่มฟื้นตัวได้

นายดอน กล่าวว่า ส่วนปัจจัยภายในที่คาดว่าจะช่วยให้การส่งออกขยายตัวได้ดีขึ้น มาจากการย้ายฐานการผลิตฮาร์ดดิสก์ ไดรฟ์ แม้ว่าแนวโน้มการผลิตเพื่อส่งออกจะยังไม่ฟื้นตัว แต่ก็เห็นสัญญาณการนำเข้าเพื่อขยายกำลังการผลิตในระยะต่อไป รวมทั้งการประกาศปลดธงการแก้ไขปัญหาประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (ไอยูยู) ให้กับไทยที่จะช่วยให้การส่งออกฟื้นตัวดีขึ้นบ้าง อย่างไรก็ดี แนวโน้มการส่งออกทั้งปีก็จะไม่ได้ขยายตัวเป็นบวกมากนัก ยังอยู่ที่คาดการณ์ 3% ซึ่งเป็นการขยายตัวต่ำกว่าปีก่อนที่ 7%

นายดอน กล่าวว่า กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนก.พ. 2562 มิทิศทางขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน โยอุปสงค์ในประเทศขยายตัวตามเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวต่อเนื่องในทุกหมวดการใช้จ่ายและการใช้จ่ายภาครัฐที่ขยายตัวจากรายจ่ายประจำ อย่างไรก็ตาม เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนหดตัวลงเล็กน้อยตามการลงทุนในหมวดก่อสร้าง ภาคการท่องเที่ยวทรงตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน ขณะที่การส่งออกสินค้ายังหดตัวต่อเนื่องที่ -1.7% จากเดือนก่อนหน้าที่ -4.8% สอดคล้องกับการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ยังหดตัว


พระราชโองการ เรียกคืนเครื่องราชฯ “ทักษิณ ชินวัตร”







วันที่ 30 March 2019
ประชาชาติธุรกิจ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ดังนี้

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ฝ่ายหน้า และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลอื่น

เนื่องจากนายทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดารงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาถึงที่สุดลงโทษจำคุก และยังมีข้อหาฐานอื่น ๆ อีกหลายคดี อีกทั้งได้หลบหนีออกนอกราชอาณาจักรซึ่งเป็นพฤติการณ์การกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ฝ่ายหน้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก ประถมาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นปฐมดิเรกคุณาภรณ์ และเหรียญลูกเสือสดุดี ชั้นที่ 1 ของนายทักษิณ ชินวัตร


ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม พุทธศักราช 2562
ประกาศ ณ วันที่ 30 มีนาคม พุทธศักราช 2562 เป็นปีที่ 4 ในรัชกาลปัจจุบัน


วันเสาร์, มีนาคม 30, 2562

ประชาธิปัตย์แพ้ย่อยยับเพราะไม่สนับสนุนเผด็จการประยุทธ์ จันทร์โอชา จริงหรือ





ประชาธิปัตย์แพ้ย่อยยับเพราะไม่สนับสนุนเผด็จการประยุทธ์ จันทร์โอชา จริงหรือ

...............

ฟังเสียง
คุณวิชญ์ พิมพ์กาญจนพงศ์
นักออกแบบกราฟฟิค แฟนพันธุ์แท้ประชาธิปัตย์
เลือกประชาธิปัตย์มาทั้งชีวิต

แ่ต่ผิดหวังประชาธิปึตย์ บอยคอตเลือกตั้ง 2 กุมภา 2557

We Vote 2014 W Pimkanjanapong
https://www.youtube.com/watch?v=K90oe7AyXVI

เสียงเหล่านี้แหละที่ผิดหวังประชาธิปัตย์ที่ทำให้พ่ายแพ้อย่างหมดรูป

ถ้าประชาธิปัตย์อยากจะกลับมา คือกลับไปหาคนเหล่านี้ ไม่ใช่ไปหาอำนาจนอกระบบ


Thanapol Eawsakul

ดูวิธีคำนวณ สส.บัญชีรายชื่อพึงได้รับ กันชัด ๆ





เหตุผลสำคัญ ที่การคำนวณ สส บัญชีรายชื่อของ พรรคเล็กๆ ที่ได้คะแนนพรรคน้อยกว่า 71,064 เสียง นั้นไม่ได้ สส บัญชีรายชื่อเลย
เช่นพรรคลุงไพบูลย์ ทำไมจึงไม่ได้ สส บัญชีรายชื่อ

พรบ ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 128 ข้อ4 วรรคสุดท้าย
เรื่องการคำนวณสสบัญชีรายชื่อ

"จำนวน สส บัญชีรายชื่อที่คำนวณให้แต่ละพรรคได้ จะต้องไม่มีผลให้พรรคการเมืองใดได้ สส ทั้งหมดเกิน จำนวน สส พึงมี"

สมมุติพรรคเล็กๆ เช่น พรรคของลุงไพบูลย์ ได้คะแนนดิบ 45,508 คะแนน

สส พึงมีที่พรรคของลุงไพบูลย์จะได้คือ 45,508/71,065 = 0.6404

ดังนั้นถ้าพรรคลุงไพบูลย์ (ซึ่งสอบตก สส เขต) ได้ 1 สส บัญชีรายชื่อ จะเกิน สส พึงมีของพรรคลุงไพบูลย์ที่ 0.6404 ซึ่งขัดกับ พรบ ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 128 ข้อ4 วรรคสุดท้าย

ดังนั้นแล้วการคำนวณ สส บัญชีรายชื่อ จึงตัดพรรคที่ได้คะแนนน้อยกว่า 71,065 ออกทุกพรรค
หรือ พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญได้กำหนดขั้นตำ่จำนวน สสบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคไว้แล้วว่าไม่เกิน ค่า สส.พึงมี
_______________________________________________________

คำถามที่สอง การคำนวณ สส บัญชีรายชื่อรอบแรก ทุกพรรคการเมืองจะได้ สส บัญชีรายชื่อเป็นจำนวนที่มีทศนิยม ทุกพรรคการเมือง เหตุใดจึงไม่ปัดเศษขึ้นหรือปัดเศษลง

คำตอบ
พรบ ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 128 ข้อ4 ระบุว่า

"ให้จัดสรร สส บัญชีรายชื่อให้พรรคการเมืองตามผลลัพธ์เป็นจํานวนเต็มก่อน"

ทั้งนี้จำนวนเต็ม มีความหมายตามหลักคณิตศาสตร์ คือจำนวนที่ไม่มีเศษ ไม่มีทศนิยม และรวมจำนวนเต็มศูนย์ด้วย

ดังนั้น การคำนวณ สส บัญชีรายชื่อรอบแรก จึงคิดเฉพาะจำนวนเต็ม โดยไม่ได้ระบุว่าให้ปัดเศษ แต่อย่างใด

จึงถือว่า คำว่า "ให้คิดเฉพาะจำนวนเต็ม หมายรวมถึงไม่คิดค่าทศนิยมใดๆ"

เช่น พรรคพลังท้องถิ่นไท ได้ ค่า สส พึงมี 2.990 และไม่มี สส เขต
ดังนั้น จำนวน สส.บัญชีรายชื่อที่ควรได้คือ 2.990
และเมื่อนำมาคิดเฉพาะจำนวนเต็ม (หมายรวมถึงการตัดเลขหลังทศนิยมทิ้ง)

จำนวนเต็ม สสบัญชีรายชื่อของพรรคพลังท้องถิ่นไท = 2 สส เท่านั้น
__________________________________________________________________________
คำถามที่สาม
เมื่อคำนวณ สส บัญชีรายชื่อรอบแรกซึ่งได้ 152 (คือคิดเฉพาะจำนวนเต็ม) ซึ่งเกิน 150
กฎหมายกำหนดให้ไป คำนวณตาม มาตรา 128 ข้อ 7 (คำนวณ overhang)

ในการคำนวณรอบที่สอง overhang ใหม่นี้
จะใช้เลขจำนวนเต็ม ของ สส บัญชีรายชื่อรอบแรก
หรือจะใช้เลขที่มีเศษด้วยที่ได้จากผลลัพท์ของ สส พึงมี เป็นตัวตั้งต้น ?

ตอบ
ตาม พรบ ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 128 ข้อ 7
เรื่องวิธีการ คำนวณ สส บัญชีรายชื่อ กรณีได้จํานวน สส บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับ รวมมากกว่า 150 ระบุว่า

"ให้คํานวณตามอัตราส่วนที่ทุกพรรคจะได้รับการจัดสรรจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อซึ่งเมื่อรวมแล้วไม่เกินหนึ่งร้อยห้าสิบคน"
"โดยให้นําจํานวน สส บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับ คูณด้วย150 หารด้วย จำนวน สส บัญชีรายชื่อที่คำนวณในรอบแรกแล้วเกิน"

การตอบคำถามนี้ จึงอยู่ที่คำว่า "จํานวน สส บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับ"
ที่จะเอามาคำนวณสัดส่วนใหม่นี้ เป็นเลขจำนวนเต็ม(ตัดทศนิยมทิ้ง) หรือเลขที่มีทศนิยมร่วมด้วย

ในมาตรา 128 ปรากฎคำศัพท์สองคำ ที่แตกต่างกัน คือ คำว่า เบื้องต้น และ ไม่มีคำว่าเบื้องต้น
"จํานวนสสบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองนั้นจะได้รับ เบื้องต้น"
- ปรากฎใน มาตรา 128 ข้อสาม คือ
ผลลัพธ์ของ จํานวนสส พึงมี (ค่าที่มีเลขทศนิยม) ลบด้วยจํานวน สส เขต = จำนวนที่มีเลขทศนิยมรวมอยู่ด้วย

และ
"จํานวน สส บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับ"
- ปรากฎใน มาตรา 128 ข้อสี่ คือ
จํานวน สส บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับ มาจากการจัดสรรให้พรรคการเมืองตามผลลัพธ์เป็นจํานวนเต็ม

ดังนั้น มาตรา 128 ข้อ 7 เรื่องวิธีการคำนวณ สส บัญชีรายชื่อมากกว่า 150 คน
โดยใช้คำว่า จํานวน สส บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับ (ไม่มีคำว่าเบื้องต้น) จึงย่อมหมายถึง จำนวนเต็ม สสบัญชีรายชื่อ ที่ตัดทศนิยมทิ้งตาม มาตรา 128 ข้อสี่

"สรุปว่า การคำนวณ สส บัญชีรายชื่อ overhang รอบสอง จึงใช้เลขจำนวนเต็ม ไม่มีทศนิยม เพราะ มาตรา 128 ข้อ 7 ระบุว่าให้ใช้ จํานวน สส บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับ (ไม่มีคำว่าเบื้องต้น) ซึ่งคำดังกล่าวปรากฎใน มาตรา 128 ข้อสี่ ซึ่งระบุที่มาว่า คิดเฉพาะจำนวนเต็ม"

_____________________________________________________
คำถามที่สี่

ทำไมการคำนวณ สส บัญชีรายชื่อ รอบสอง overhang พรรคอนาคตใหม่ และ พรรคปชป จึงเป็นสองพรรคเท่านั้นที่ไม่ถูกปัดเศษขึ้น?

การคำนวณรอบที่สองคือเอา จำนวนเต็ม จํานวน สส บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับ x150/152 ค่าที่ได้จะเป็นจำนวนที่มีเลขทศนิยม

แล้วคราวนี้ ในการคำนวณของ มาตรา 128 ข้อ 7 ระบุว่าให้ไปใช้หลักการของ มาตรา 128 ข้อ 4 โดยอนุโลมได้ นั่นคือ คิดจำนวนเต็มของการคำนวณรอบที่สองก่อน ปรากฎว่าได้แค่ 138 ที่นั่ง

ต่อมา มาตรา 128 ข้อ 4 ระบุว่า ถ้าคำนวณแล้ว ได้ สสบัญชีรายชื่อน้อยกว่า 150 ให้ค่อยๆ ปัดเศษ (ครั้งแรกที่ระบุว่า เศษทศนิยมถูกนำมาคำนวณ) ที่มากที่สุดขึ้นมาเรื่อยๆ จนครบ 150 ที่นั่ง

ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมการคำนวณรอบสอง overhang พรรคอนาคตใหม่ ที่ีมีเศษ 0.23 และ พรรคปชป ที่มีเศษ 0.71 ซึ่งเป็นเศษที่น้อยที่สุด ไม่ถูกปัดขึ้น เพราะ เศษที่มากกว่าของพรรคอื่นถูกปัดขึ้นจนครบ 150 ที่นั่งแล้ว

ขอบคุณครับ


Max Tanasarn





สรุป ใช้ข้อมูลตามที่ กกต ประกาศบนเว็บไซด์ 28/3/62
ไม่ได้ใช้ข้อมูลจากการแถลงข่าว/เอกสารที่ กกต แจกนักข่าว เพราะตัวเลขไม่ตรงกัน

Max Tanasarn


คลิปยูทูป ดูคล้ายว่า คนใส่หมวกเบเล่ เป็นคนกาบัตรให้ แล้วพลทหารเดินมาหยิบเอาทีละคนไปหย่อน กกต.ตรวจสอบด่วน !




มีคนส่งคลิปยูทูปนี้มา ซึ่งมีข้อความ #เลือกตั้ง62

ดูคล้ายว่า คนใส่หมวกเบเล่ เป็นคนกาบัตรให้ แล้วพลทหารเดินมาหยิบเอาทีละคนไปหย่อน

คลิปนี้มีคนดูไปแล้ว 2,500 วิว

ผมไม่สามารถยืนยันได้ว่าถูกต้อง แต่เห็นว่า กกต. จำเป็นต้องทำการตรวจสอบด่วนครับ

เพิ่มเติม: มีคนมาโพสต์คลิปเต็ม ผมดูซ้ำสองครั้งแล้ว เห็นว่าจังหวะการแพนกล้องอาจจะเป็นจุดที่ก่อให้เกิดปัญหามากกว่า

https://youtu.be/g5HkT-wiYNU


(https://twitter.com/pranot/status/1109742467174129665)

ooo

คลิปเต็ม

"เลือกตั้ง 2562" : ทหาร ย่านสนามเป้า ใช้สิทธิ์เลือกตั้งคึกคัก | 24-03-62 | ThairathTV




อานนท์ นำภา ขอเชิญพี่น้องประชาชนผู้รักความเป็นธรรม รักประชาธิปไตย ร่วมแสดงพลังปกป้องคะแนนเสียงของคนเอง อย่าให้ใครมาบิดเบือนคะแนนเสียงของเรา 31 มีนานี้ เวลา 17.00 น. อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ




#เห็นหัวกูบ้าง

จากความผิดพลาดคลาดเคลื่อนของ กกต. และความไม่ปกติในการนับคะแนนจนส่อให้เชื่อได้ว่ามีการโกงการเลือกตั้งอย่างชัดแจ้ง ตลอดจนการพยายามแทรกแซงการเมืองของคนที่ไม่เห็นหัวประชาชน

วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคมนี้ เวลา 17.00 น. ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

ขอเชิญพี่น้องประชาชนผู้รักความเป็นธรรม รักประชาธิปไตย ร่วมแสดงพลังปกป้องคะแนนเสียงของคนเอง อย่าให้ใครมาบิดเบือนคะแนนเสียงของเรา ร่วมส่งเสียงไปถึงคนที่ไม่เห็นหัวประชาชน โดยการชุมนุมโดยสงบ

เตรียมกระดาษพร้อมข้อความมาเจอกัน

หยุดโกงเลือกตั้ง
หยุดแทรงแซงทางการเมือง

#เห็นหัวกูบ้าง


ตู่งานงอก!! จ่อ'ล้มละลาย'ถ้าไม่ใช่จนท.รัฐ! 'ธีระชัย' ชี้อนาคต'บิ๊กตู่' ปม บ.ออสซี่ฟ้องออกคำสั่งคสช.ปิดเหมือง





...






“การเรียกร้องค่าเสียหายเหมืองทองคำคืบหน้า”

ผู้ที่อ่านเพจนี้ย่อมทราบว่า ผมเคยโพสต์ความเห็นต่อต้านการทำเหมืองทองคำในไทยหลายครั้ง

สายแร่ทองในไทยมีลักษณะตื้น ที่ครอบคลุมหน้าดินเป็นบริเวณพื้นที่กว้างมาก ผิดกับเหมืองในหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ที่อยู่ลึก หน้าเหมืองแคบนิดเดียว

สภาพเช่นนี้ ถึงแม้เหมืองจะพยายามป้องกันอย่างไรก็ตาม การเปิดหน้าดินกว้างย่อมมีสารปนเปื้อนหลุดออกมาได้ ไม่ว่าโดยสายลม หรือสายฝน

แต่ปัญหาใหญ่สุดของไทยก็คือสถานที่ตั้งของเหมือง

เนื่องจากเหมืองทองคำมีการใช้สารเคมีอันตรายหลายตัว โดยเฉพาะสารไซยาไนด์ ซึ่งเป็นยาพิษตรงๆ การที่เหมืองในประเทศอื่นหลบอยู่ตามภูเขาลึก หรืออยู่ในทะเลทราย ก็อาจจะมีความเสี่ยงต่ำ

แต่เหมืองชาตรีนั้น ตั้งอยู่กลางพื้นที่เกษตรกรรม และมีชุมชนล้อมรอบจำนวนมาก จึงมีความเสี่ยงการเจ็บป่วย และจะกระทบภาพพจน์แหล่งอาหารปลอดภัยของไทยในที่สุด

ดังนั้น การที่หัวหน้า คสช. ใช้อำนาจ ม. 44 ระงับเหมืองดังกล่าว จึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว ถึงแม้บริษัทคิงส์เกทจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อคณะอนุญาโตตุลาการก็ตาม

โอกาสที่ไทยจะชนะคดีก็มีอยู่มาก โดยรัฐบาลจะต้องประสานงานทุกกระทรวงเพื่อรวบรวมหลักฐานการดำเนินงานโดยบริษัทที่เป็นอันตราย ไม่ว่าโดยเจตนา หรือโดยไม่มีเจตนา

แต่ล่าสุดมีนักกฎหมายวิเคราะห์ว่า การที่ กกต. และผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะหัวหน้า คสช. ไม่เป็น ‘เจ้าหน้าที่รัฐ’ นั้น อาจจะเป็นการเปิดประเด็นที่ทำให้ไทยเสียเปรียบ

พูดง่ายๆ คู่ต่อสู้อาจจะยกว่า การที่หัวหน้า คสช. ไม่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐนั้น อาจจะเข้าข่ายเป็นการรอนสิทธิของบริษัทคิงส์เกทที่มิชอบ

อันที่จริง ก่อนสมัครเป็นแคนดิเดท ถ้าหากพล.อ.ประยุทธ์จะได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้า คสช. ปล่อยให้คนอื่นหรือรุ่นน้องเป็นแทน ก็จะไม่มีปัญหานี้

นักกฎหมายวิจารณ์ต่อไปอีกด้วยว่า ถ้าหากไทยแพ้คดี สมมุติต้องจ่ายบริษัทคิงส์เกท 3 หมื่นล้านบาท ถ้าหากพล.อ.ประยุทธ์มีฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ รัฐก็ต้องรับค่าเสียหายนี้ไว้เอง

แต่การที่พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ รัฐก็อาจจะต้องเรียกให้พล.อ.ประยุทธ์ต้องรับผิดชอบตรงนี้เป็นการส่วนตัว

ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2562 บริษัทคิงส์เกทได้แถลงข่าวว่า ได้บรรลุข้อตกลงกับบริษัทประกันภัยแล้ว เป็นเงิน 1,850 ล้านบาท ซึ่งจะใช้ชดเชยความเสียหายบางส่วนที่บริษัทต้องหาทางเรียกจากรัฐบาลไทย (ดูรูป)

ทั้งนี้ ทั้งบริษัทคิงส์เกทกับบริษัทประกันภัย จะร่วมกันรับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีในอนุญาโตตุลาการ และเมื่อเรียกเงินได้จากรัฐบาลไทย บริษัทคิงส์เกทก็จะแบ่งให้บริษัทประกันภัยบางส่วน

ดังนั้น เหตุการณ์ล่าสุดแสดงถึงความเสี่ยงจากการตีความสถานะของหัวหน้า คสช. อย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนมากขึ้นแล้ว

ผมเองไม่ใช่นักกฎหมาย แต่เห็นเป็นเรื่องสำคัญจึงนำมาเผยแพร่ เพื่อผู้อ่านที่มีความรู้จะได้เสนอแนะเพื่อช่วยรัฐป้องกันความเสี่ยง

อนึ่ง สำหรับท่านผู้อ่านที่เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์มีความเสี่ยงจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหายเอง แล้วคิดว่าค่าเสียหายนี้จะไม่เป็นภาระของประชาชน นั้น

ขอเรียนว่า ถ้าแพ้คดี รัฐบาลไทยจะต้องเป็นผู้จ่ายค่าเสียหายไปก่อน ส่วนจะเรียกเอาจากพล.อ.ประยุทธ์นั้น ก็คงได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ที่เหลือก็จะเป็นภาระการคลังของประเทศอยู่ดี


Thirachai Phuvanatnaranubala - - ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล


มาดูผู้กล้าโพสต์ในไลน์กลุ่มสลิ่ม ไม่รู้อกแตกตายไปแล้วกี่คน...





... มาดูผู้กล้าโพสต์ในไลน์กลุ่มสลิ่ม
...เผื่อจะมีใครตาสว่างเพิ่มขึ้นอีก!​ 🌿

ข้อเขียนนี้ มาจากกลุ่มไลน์ที่ 80 % เป็นสลิ่ม จึงยอมรับว่า คนโพสต์กล้าหาญมาก โพสต์มาตั้งแต่ 5 ทุ่มเมื่อคืน จนบัดนี้คน ในกลุ่มเงียบกริบ

ความ​ว่า......
▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
"ลองอ่านข้อมูล..ดูของอีกฟากหนึ่งให้เข้าใจ (อย่างใจเป็นกลาง) แล้วพิจารณาด้วย "ปัญญาชน" ของท่าน ต่อคำถามทั้งหมดว่าพวกเรา คือ "กบในกะลา" หรือไม่?

1) รัฐบาลนี้ถูกต่อต้านจากองค์กรระหว่างประเทศเกือบทั้งหมด ไม่มีประเทศใดร่วมลงนามความร่วมมือด้วยมาแล้ว 2 ปีกว่า เพราะอะไร..?

2) รัฐบาลนี้ส่งหมายจับดร.ทักษิณไปยังรัฐบาลอื่นๆ ทุกประเทศ ไม่มีประเทศใดจับเลย แต่กลับให้เกียรติ ดร.ทักษิณ ทั้ง ๆที่ประเทศเหล่านั้นมีจริยธรรมสูงกว่า จริงจังกว่าเรามากมาย รวมทั้งองค์กรระหว่างประเทศ, สื่อต่างประเทศระดับโลก ให้เกียรติระดับเชิญไปปาฐกถา เชิญเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลนับสิบประเทศ เชิญให้มาลงทุน แย่งกันให้สถานะความเป็นประชาชน ให้พาสปอร์ตนับสิบประเทศ แต่สื่อไทยไม่ได้ออกข่าวและคนไทยไม่รู้เรื่อง...ทำไม..?

3) ต่างประเทศ, องค์กรต่างประเทศ ไม่ให้เกียรติพลเอกประยุทธในฐานะส่วนบุคคล แต่ให้เกียรติในฐานะตัวแทนประเทศตามมารยาทเท่านั้น ทำไม..?

4) พวกอนุรักษ์นิยมขวาจัดไปนัดประท้วง ดร. ทักษิณที่อเมริกา ทำไมเขาไม่ให้เกียรติ ให้ประท้วงในคอกที่จัดไว้ และให้ลงจากตึกในลิฟท์ขนขยะ (เจิมศักดิ์ลงเฟสบุ๊คส่วนตัวเอง) แต่พวกสนับสนุนดร.ทักษิณ กลับให้อิสระเดินบนถนน ทำไม?

5) ดร.ทักษิณไปทำธุรกิจต่างประเทศโดยรัฐบาลต่าง ๆ เชิญชวน เกือบสิบประเทศ ร่ำรวยกว่าสมัยอยู่เมืองไทย ไม่เกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่ ไม่มีเรื่องทุจริตเลย แสดงว่าอัจฉริยะจริงใช่ไหม?

6) คนไทยถูกกรอกหูว่าทักษิณโกงจนฝังในหัว และรวมหัวเค้นหาความผิดและวันนี้มีอำนาจเผด็จการเต็มที่ แต่ทำไมเอาผิดได้เพียงเซ็นชื่อรับรองให้เมียซื้อที่ดิน ตามระเบียบราชการเท่านั้น และศาลตัดสินแล้วว่าการซื้อขายไม่ผิด เป็นคดีที่ได้รับการยกฟ้อง...

แต่ "เสาโรงพักโด่เด่" มันชัดเจน เห็นตำตา แต่ไม่มีคนด่าว่า "โคตรโกง"

..สนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นคนเปิดประโยค "โคตรโกง" ตัวเองถูกศาลตัดสินโกงบริษัทมหาชน จำคุก 85 ปี คนไทยกลับไม่ด่าว่า"โคตรโกง" ทำไม? และหากเกิดในรัฐบาลทักษิณ และกรณีจำคุก 85 ปี คือทักษิณ เราจะมีอาการอย่างไร?

7) คนที่จำว่าทักษิณโกง ก็จำมาจากการปราศรัยของเวทีสนธิ (คนโกง) และเวทีสุเทพ (มีคดีโกงเพียบ) แต่แสดงออกว่าเกลียดโกง คุณก็เชื่อแบบงมงาย...งงตัวเองมั๊ย?

8)​ คนที่เกลียดเข้าไส้ว่า ทักษิณโกง จริง ๆ ตัวเองทำมาหากินเหน็ดเหนื่อยทั้งวันไม่เคยค้นหาข้อมูลจริง และไม่เคยจริงจังกับเรื่องเหล่านี้มาก่อน แต่ที่ด่า ๆ และคำอธิบายก็พูดตาม "คนที่เกลียดทักษิณ" จนตัวเองเกลียดเข้าไส้ไปด้วย พูดตามวาทกรรมในทีวี และจับกลุ่มด่าว่า ย้ำซึ่งกันและกัน และหาพวกเชื่อตาม ๆ กันมา แต่บอกว่าฉันศึกษาข้อมูลจนทะลุปรุโปร่ง งงตัวเองมั๊ย..?

9) ทุกคนก็รู้ว่าดาราค่าตัวแพงมาก ค่าจ้างออกงานครั้งละเป็นแสนๆ คนพวกนี้โกงภาษีหนักมากที่สุด แต่แสดงอารมณ์บนเวทีเหมือนกำลังแสดงละครว่าเกลียดโกง จนคนฟังอินไปด้วยจริงจัง ลืมไปว่านั่นมันการแสดงบนเวที ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าดาราพวกนี้ขี้โกงภาษีมาตลอด.. สนธิลิ้มขี้โกงก็รู้ โรงพักเสาโด่เด่ก็ขี้โกงก็รู้ แต่เราก็รักเขา ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าเขาโกง..งงตัวเองมั๊ย..?

หรือจริง ๆ แล้วเราไม่ได้เกลียดคนขี้โกงจริง แต่มันทำให้เราดูเป็นคนดี หรือตามกระแส เพราะเราถูกปลุกระดม จึงแสดงออกไปได้ขนาดนั้น..? (ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่มีพวกเสื้อแดง เสื้อแดงก่อนหน้านั้นใส่เสื้อเหลือง โพกหัวเหลือง เพิ่งมีเสื้อแดงตอนคัดค้านรัฐธรรมนูญปี 2550 )

10) ก่อนทักษิณบริหาร ประเทศเราอยู่ในสภาพล้มละลายเงินคงคลังเหลือ 280 ล้านยูเอสดอลล่าร์ แต่มีหนี้สินมหาศาล คาดว่าจะต้องใช้หนี้อีก 50 ปี ถึงรุ่นลูกหลาน

...แต่ 2 ปีใช้หนี้หมด เงินคงคลังกลับมาที่ 2,400 ล้านยูเอส และขึ้นมาถึงเกือบ 2 หมื่นภายใน 4 ปี และกลับมาเป็นประเทศให้กู้เร็วมากๆ ทุกประเทศทึ่งเรามาก ไม่เห็นต้องใช้หนี้ถึง 50 ปีเป็นภาระลูกหลาน เราไม่พูดถึง
กลับมามีเงินเหลือขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 2 ครั้ง มี 30 บาทรักษาทุกโรค อเมริกายังเอาไปทำตาม มีกองทุนหมู่บ้านจนถึงทุกวันนี้ เราก็ไม่พูดถึง

...แต่คนที่ถูกตัดสินโกงจำคุก 85 ปี มาบอกว่าถ้าทักษิณอยู่ต่อ"ประเทศจะเหลือแต่กระดูก" งงตัวเองมั๊ยว่าเราเชื่อไปได้ยังไง..?

(อย่างนี้ต้องยอมรับเลยว่าพวกเราโง่จริง ๆ แต่ขอเตือนและย้ำให้พวกเราชาวสลิ่มยังจำได้ไหมว่าตอนขึ้นเวที เส อ้าย และเทพเทือกประกาศว่า จะแช่แข็งประเทศ แล้วก็ปิดประเทศไทยสักห้าปีมันจะเป็นไรไป เพื่อไล่จับคนโกงมาลงโทษ แล้วเป็นอย่างไรพี่น้องเอ๊ยยยย ทุกวันนี้ คนพูดบนเวทีกับคนฟังอยู่ข้างล่างใครใกล้จะตายกว่ากันหรือว่ามันกำลังจะตายกันทั้งประเทศ ลองตั้งสติแล้วคิดดูว่า ใครมันโกง) จริงม๊ะ?

...พวกโกงประเทศทั้งนั้นที่ปลุกระดมเรา เราก็เครียด กังวล แล้วเราก็เชื่อเรื่องโกหก แต่เราก็เชื่อว่าเราฉลาด เราไม่ตั้งสติต่างหาก ทบทวนเรื่องเก่าๆ ดูทีหรือ ?
จากประเทศกำลังรุ่งเรือง วันนี้ทำท่าจะเหลือแต่กระดูกจริงๆ คนที่โกหก หลอกพวกเรามา เราไม่เคยคิดถามหาว่าเขาต้องรับผิดชอบหรือไม่ อย่างไร?

ยังร่วมมือเขาลากกันต่อไปจนกว่าจะเหลือแต่กระดูกจริง ๆ อย่างนั้นหรือ..?
หรือว่าเราปิดกั้นตัวเองเกินไป ไม่รับรู้ข้อมูลอื่น ๆ ไม่ตามข่าวต่างประเทศ หมกมุ่นอยู่กับความเกลียด ที่ถูกปฎิบัติการจิตวิทยาฝังหัวสืบไป

...สรุป เราเป็น"กบอยู่ในกะลาจริงๆ" แล้ว
"-โง่ซิโง่ซิ เพราะฉันมันโง่ ซี"

"เอวังก็ด้วยประการฉะนี้
...ฝากให้คิดต่อเท่านั้นนะครับ"


Nampol Kajonpimanmas

(https://www.facebook.com/photo.php?fbid=637487310056798&set=a.120588891746645&type=3&theater)

ความหวังลมๆ แล้งๆ ภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์เปลี่ยนใจ ก็ยังสู้ ๘ สมการ 'ลุงตู่อยู่ต่อ' ไม่ได้

น่าจะเป็นอย่างที่ ธนาพล อิ๋วสกุล บก.ฟ้าเดียวกัน ฟันธงไว้ว่าเหตุที่ทำให้ กกต. ออกมาแถลงรอบสองเมื่อวันศุกร์ แจ้งผลเลือกตั้ง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เป็นเพราะทนโฆษกพรรคอนาคตใหม่เอาไฟรนก้นไม่ไหว

คุณ ช่อ พรรณิการ์ วานิช ร่วมกับเลขาธิการพรรค ปิยบุตร แสงกนกกุล เปิดแถลงข่าวหลังจากไปร่วมลงนามสัตยาบันต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. (และจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลต่อไป) กับอีก ๕ พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย เรียกร้องให้ กกต.เปิดเผยผลคะแนนรายหน่วยในทันที

น.ส.พรรณิการ์ ถามว่าที่ กกต.บอกติดขัดเรื่องการจัดส่งคะแนนจากต่างจังหวัดเข้าส่วนกลาง ยังไม่มาอีก ๒๕ จังหวัดนั้น “ติดขัดอย่างไร” ในเมื่อเครือข่ายของพรรคการเมืองคอยตรวจสอบการนับคะแนนกันอยู่แล้วทุกเขต
 
“มีคะแนนดิบอยู่แล้ว เราพร้อมที่จะเปิดออกมา เพื่อจะพิสูจน์ว่าของ กกต. ตรงกับผู้สังเกตการณ์ของเราที่มีอยู่หรือไม่”


เป็นเหตุให้ กกต. แถลงข่าวอย่างมะงุมมะงาหรา และท่าทางลุกลี้ลุกลนอย่างธนาพลว่า เช่น กกต.คนหนึ่งระหว่างพูดอยู่ถูกผู้ช่วยมากระซิบขัดจังหวะหลังจากที่เขาตรวจดูโทรศัพท์มือถือ ทำให้หยุดแถลงกลางคัน แล้วผู้ช่วยคนนั้นก็ยกไมโครโฟนออกไป

ผู้ที่ได้ดูคลิปสั้นนั้นต่างวิพากษ์วิจารณ์กันว่า มีใครคอยสั่ง คอยกำกับ กกต. อยู่ตลอดเวลาหรือเปล่า ในเมื่อ กกต.คนนั้นตอบคำถามโฟนอินของ จอมขวัญ หลาวเพชร ไทยรัฐทีวี ตอนหนึ่งว่าคะแนนสองจังหวัด รวมทั้งกรุงเทพฯ เพิ่งเข้ามาเมื่อวาน แสดงว่า กกต.ไม่ใช่คนคุมคะแนนละหรือ

ครั้นเมื่อผลคะแนนที่แจ้งล้วนแต่ไม่สมเหตุสมผล ไหนจะจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงเพิ่มจากที่แจ้งแล้วเมื่อสี่วันก่อน ไหนจะจำนวนผู้ใช้สิทธิ์ไม่ตรงกับจำนวนบัตรที่ลงคะแนน ไหนจะคะแนนที่เพิ่มไม่เป็นภาคส่วนกับอัตราร้อยละที่ควร เช่น เหลือผลคะแนนให้แจ้งอีก ๕ เปอร์เซ็นต์ แต่คะแนนเพิ่มจริงๆ ๑๔ เปอร์เซ็นต์

ตอนนี้ก็มีพวกลิ่วล้อ คสช. ออกมาแถบ้าง หาเรื่องบ้าง อย่างเช่นนายวันชัย สอนศิริ อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ด้านการเมืองที่ คสช.ตั้ง อ้างว่าทั้งหลายทั้งมวลซึ่งเป็นการเอาเปรียบหรือได้เปรียบของ คสช. มาจากรัฐธรรมนูญ ๖๐ ที่ “ประชาชนเห็นชอบ” ทั้งนั้น
 
การเลือกนายกรัฐมนตรีต้องกระทำโดยสองสภารวมกัน สภาผู้แทนฯ จากการเลือกตั้ง ๕๐๐ คน และวุฒิสภาจากการแต่งตั้งโดย คสช. อีก ๒๕๐ คน “จึงเป็นที่แน่ชัดว่าใครจะเป็นรัฐบาล หรือเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องมีเสียงสนับสนุนไม่น้อยกว่า ๓๗๖ คน” วันชัยอ้าง

“การประกาศจัดขั้วทางการเมืองของบางพรรคบางกลุ่ม แล้วอ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย แล้วกล่าวหาอีกฝ่ายว่าเป็นฝ่ายสืบทอดอำนาจ” เป็นแค่ปาหี่ “รู้อยู่เต็มอกว่าที่นั่งหน้าซีดหน้าเซียว สลอนกันอยู่นั่น ยังไงๆ ก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ ไม่มีทาง”


พูดอวดวิเศษโดยไม่แยแสใดๆ ว่าก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน น.ส.พรรณิการ์พูดไว้แล้วว่า การอ้างคะแนนรายหัวหรือป็อปปูลาร์โหวตของพรรค คสช.จัดตั้ง มีจำนวนมากกว่า “หากนับพรรคใหญ่สองพรรค คือเพื่อไทยและอนาคตใหม่ รวมกัน ๑๒-๑๓ ล้านเสียงแล้ว ชัดเจนว่าคะแนนป็อปปูลาร์ในฝั่งประชาธิปไตยย่อมมีมากกว่า”

รูปการณ์ ณ เวลานี้ปรากฏว่า สองพรรค (บ้างว่า เนื้อหอม บ้างเห็น ขี้เต่าเหม็น) ที่ใครๆ ก็ฟันธงว่าจะไปร่วมกับพลังประชารัฐในบั้นปลาย กลับออกแนวๆ กั๊กๆ และชักคะเย่อ กันบ้างแล้ว

เช่นพรรคภูมิใจไทย (๕๒ เสียง) ตัวหัวหน้า อนุทิน ชาญวีรกูล “โต้ข่าวหนุน ‘บิ๊กตู่’ อย่าทึกทัก ยันตัดสินใจหลัง ๙ พ.ค.” เขาปฏิเสธเรื่องที่กำลังเดินทางอยู่ต่างประเทศเพื่อพักผ่อนกับเพื่อนๆ “กรุณาอย่าทึกทักเขียนว่าไปพบใครที่ไหนในยามนี้ เพราะไม่มีความจำเป็นครับ”

“ไม่ต้องมาดุด่าว่ากล่าวอะไรผม ไม่ต้องเขียนข้อมูลบิดเบือนเพื่อชี้นำให้คนเข้าใจผิดครับ #เรื่องของบ้านเมืองไม่มีอะไรจะมากดดันผมได้” ของขึ้นขนาดว่า “#หากใครยังไม่พอใจ #เที่ยวหน้าก็ไม่ต้องเลือกพรรคภูมิใจไทยครับ” นั่นเลย

เพราะมีคนโพสต์คนแชร์กันเกลื่อนว่าเขา “ยืนยันจุดยืนชัดเจนว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ”

 
อีกรายเป็นคนดังในพรรคประชาธิปัตย์ (๕๔ เสียง) ฉายา ผู้กองปูเค็มร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล ดังแล้วรวบรัดทำนองเดียวกับ โตแล้วเรียนลัด ในเมื่อพรรคของตนแพ้อนาคตใหม่แบบจมฝุ่น ก็เลยหาทางยุบพรรคใหม่ด้วยการไปฟ้อง กกต.

ว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ “ให้สัมภาษณ์หมิ่นศาลทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดว่าการดำเนินคดีกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการกลั่นแกล้ง หรือกรณีจำนำข้าวไม่มีใครผิด” ถือว่าเป็นการด่ากรรมการ (ไม่รู้ว่าศาลมาเป็นกรรมการแง่ไหน)

ข้อสำคัญหาว่า “นายธนาธรกลับใช้ความเป็นเน็ตไอดอลของตัวเองไปปลุกระดม จูงใจคนรุ่นใหม่ที่ติดโลกโซเชียล” เช่นนี้ “ถือว่าเป็นการฉ้อฉล เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศ” ผิด พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง


เขาอ้างด้วยว่าที่มาฟ้องร้องนี่ไม่ได้ทำในนามของพรรค เพราะตนเองยังด่าหัวหน้า ปชป.เหมือนกัน แน่ละตอนนี้หลายคนใน ปชป. ก็ด่าหัวหน้า (คนที่เพิ่งลาออก) กันแซด สุดแต่ว่าจะด่าลักษณะไหน แบบสลิ่มๆ หรือสร้างสรรค์
 
พริษฐ์ วัชรสินธุ หรือที่โด่งดังในนาม ไอติมจัดเป็นคนรุ่นใหม่ สายเลือดใหม่ของ ปชป. พูดในฐานะสมาชิกพรรคและผู้ลงคะแนนเลือก ปชป. ๑ ใน ๓.๙ ล้านเสียง เขียนข้อความประกาศทางโซเชียล ขอให้ ปชป.เลือกที่จะ

“ไม่เข้าร่วมรัฐบาลทุกฝ่าย และประกาศทำหน้าที่ #ฝ่ายค้านอิสระอย่าง สง่างาม สร้างสรรค์ และจำเป็นต่อ ความอยู่รอดของพรรค” เขาสาธยายความจำเป็นเหล่านั้นไว้น่าฟังเชียวละ รวมทั้ง “ต้องไม่สร้างเงื่อนไขให้ประเทศเดินไปข้างหน้าไม่ได้”

ใครรวบรวมเสียงข้างมากได้ในสภาผู้แทนราษฎรควรได้รับสิทธิในการเข้ามาบริหารประเทศ” และ “หมดเวลา แทงกั๊ก...หมดเวลาล้าสมัย...หมดเวลาล่าช้า...

ช่วยสร้างบ้านหลังนี้ใหม่ จากซากที่ยังคงเหลืออยู่ เพื่อให้เรานำพาประชาธิปัตย์ก้าวข้ามมรสุมในค่ำคืนนี้ ไปสู่ #ฟ้าหลังฝน ที่สดใสและสวยงามกว่าที่เคย”


จึงกลายเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ ของกลุ่มพรรคฝ่ายประชาธิปไตยที่ต้องการกำจัด คสช.ออกไปจากสารบบการเมือง เพราะแม้นว่าทั้งภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ พรรคใดพรรคหนึ่งหรือกระทั่งทั้งสองพรรคเปลี่ยนใจมาอยู่กับฝ่ายนี้ คะแนนก็ยังไม่พอสู้กับ สว. ๒๕๐ เสียงของ คสช.ได้
 
ความจำเป็นอยู่ที่ต้องสามารถจูงใจพรรคต่ำสิบอีกสองสามพรรคเข้ามาร่วมด้วย ทั้งชาติไทยพัฒนา (๑๐ เสียง) ของ หนูนากัญจนา ศิลปอาชา ชาติพัฒนา (๓ เสียง) ของ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ พรรคท้องถิ่นไทย (๒ เสียง) ของ ชัช เตาปูนชัชวาล คงอุดม รวมแล้วครบ ๓๗๖ เสียง จึงจะได้

หากแต่ดูจากหน้าตาและท่วงทำนองของพรรคเหล่านี้แล้ว เห็นท่าจะยากมาก ฝ่ายสัตยาบันประชาธิปไตย ๗ พรรค น่าจะปักหลักมัดมือกันไว้ เตรียมเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง อย่างน้อย ๒๕๕ เสียง ฝ่าย คสช.คิดจะปกครองต่อ ก็จะลุ่มๆ ดอนๆ ไปไม่รอดแน่นอน

บัตรเลือกตั้งที่เหลือ 17.7 ล้านใบ มันไปซ่อนอยู่ที่ไหน?




เห็นมีคนถามเรื่องประเด็นเลือกตั้ง และการคำนวณกันมามาก ก็เลยไม่ขอเขียนอะไร

แต่ขอเขียนสั้นๆ ด้วยคำถามง่ายๆ คือ:

ข่าวกล่าวว่า มีการพิมพ์บัตรเลือกตั้ง Extra ไว้เกือบ 5 ล่านใบมากกว่าจำนวนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง ตามที่ข่าวลงไว้เมื่อเดือนที่แล้ว.*  ..... 

กกต สามารถพิสูจน์ได้หรือเปล่าว่า มันยังอยู่กันอย่างครบถ้วน และต้องนำมาเป็นหลักฐานเพื่อพิสูจน์ด้วยว่า บัตรเลือกตั้งเหล่านี้ ยังอยู่อย่างครบถ้วนจริงๆ หากการเลือกตั้งเป็นเรื่องแบบ Free and Fair (ไม่ใช่ แบบ Fxxx )

--------------------------

แต่เมื่อคิดจริงๆ แล้ว จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง คือ 51,239,638 คน **

สมมติว่า มาออกเสียงเลือกตั้ง 74.69% ** 

ก็หมายความว่า ประมาณ 38.3 ล้านคน

บัตร Extra จริงๆ มันไม่ใช่ 5 ล้าน....

เพราะต้องเอาจำนวนบัตรที่พิมพ์ไว้ ไปลบกับจำนวนผู้ที่ไปใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง

นั่นคือ เอา 56 ล้าน (ที่พิมพ์) ไปลบกับ 38.3 ล้าน

นั่นก็แสดงว่า มีบัตร Extra จริงๆ อีกประมาณ 17.7 ล้านใบ ที่ยังไม่ได้ใช้

---------------------------

้เห็นว่า บัตรเหล่านี้ มีลายน้ำ เพื่อรักษาความปลอดภัยและพิสูจน์เป็นของจริงด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากๆ เพราะบัตรที่เหลือนี้ จะหายไปไหนไม่ได้ทั้งสิ้น

--------------------------

อ่าน News Feed มาหลายวัน ก็ไม่เห็นมีใครถามเรื่องนี้กัน ก็เลยขอให้เพื่อนๆ ผู้รักประชาธิปไตย ลองช่วยตั้งคำถามกันให้หน่อย จะเป็นเรื่องดีมากๆ

เพราะถ้าบัตรเลือกตั้ง extra เหล่านี้ ไม่อยู่กับองค์กรหรือสำนักงานใดๆ แล้ว มันอาจจะทำการ "สับเปลี่ยน" กันได้กับบัตรเลือกตั้งปกติได้ ถ้าหากเกิดว่า ต้องมีการ "นับคะแนน" ขึ้นมาใหม่

และมันเป็นบัตรที่ถูกต้องด้วย เพราะมีลายน้ำเพื่อป้องกันการปลอมแปลง

--------------------------

ลองถามๆ กันดูก็จะดีนะคะ ไม่อย่างนั้น พวก Extra เหล่านี้ อาจจะหล่นมาปะปนผสมกับของจริงกันได้

ว่าแต่ มีใครทราบหรือเปล่าว่า 17.7 ล้านใบนั้น มันไปอยู่ที่ไหนกันบ้าง ในเวลานี้??

ขอบคุณค่ะ