วันเสาร์, กุมภาพันธ์ 29, 2563

ถ้าตู่ยังไปต่อ นร. นศ. ก็ไม่หยุดยั้ง หลังซ้อมใหญ่วันนี้แล้ว น่าจะมีของจริงชนิดรวมดาวกระจายตามมา


ถ้าตู่ยังไปต่อ นร. นศ. ก็ไม่หยุดยั้ง การชุมนุมเรียกร้องความยุติธรรม ต่อต้านเผด็จการ และเชิดชูประชาธิปไตย ของนักเรียน-นักศึกษา ดำเนินติดต่อกันมาเป็นเวลาเกือบอาทิตย์แล้ว หลังจากศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่

เฉพาะวานนี้ (๒๘ กุมภา) วันเดียว ไทยรัฐรายงานว่ามีการจัด แฟล้สม็อบถึง ๙ แห่ง ทั้งศึกษานารี สตรีนนท์ หอวัง ราชภัฏฯ เทคโนฯ ม.พะเยา ชัยภูมิ และลำปาง ก่อนหน้านี้มีนัดชุมนุมกระจายไปทั่ว นครปฐม จันทบุรี และศรีราชา

โดยวันนี้มีนัด (ซ้อม) ชุมนุมใหญ่ เชิญทุกมหาลัย โรงเรียน และประชาชนทั่วไปร่วม ชลธิชา แจ้งเร็ว นักกิจกรรมตั้งแต่ปี ๕๗-๖๑ ชวนทุกคน #คืนสู่เหย้าไม่เอาไอโอ (ชา) ๕ โมงเป็นต้นไปที่หน้าหอประชุมใหญ่เกษตรศาสตร์ บางเขน

ขณะที่ทางการทั้งสถานศึกษาและตำรวจขยายขอบข่ายวิธีการสกัดกั้น นอกจากมีนายตำรวจเข้าไป ‘Harass’ ก้าวล่วงนักศึกษากลางสถานที่ชุมนุม ด้วยการเรียกขอเก็บบัตรประจำตัว แล้วมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบตามถ่ายภาพ และขู่ว่า

จะส่งรูปให้อาจารย์หักคะแนนความประพฤติบ้าง หรือที่จันทบุรีมีการเปรียบเทียบปรับนักศึกษาถึงสองหมื่นบาท อ้างว่าขออนุญาตช้าไป ไม่ถึง ๒๔ ชั่วโมงที่กำหนด กระทั่งแถลงขู่ว่าจะดำเนินคดีต่อผู้ปกครอง หากนักเรียนนักศึกษาใช้ข้อความประท้วงหมิ่นเหม่ต่อสถาบันกษัตริย์ก็มี

การนี้ สุณัย ผาสุข แห่งฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์ ออกมาโต้แย้งว่าตำรวจ “ลุแก่อำนาจกล่าวหาเด็กหมิ่นสถาบันฯ” ในเมื่อข้อความบนป้ายที่นักเรียนรายหนึ่งเขียนชู เอามาจากข้อสอบโอเน็ตสำหรับชั้น ม.๖ ที่ออกโดย สทศ.เอง
 
ข้อ ๓๕.ถามว่าใครคือผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศ ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คำตอบที่ถูกต้องจากตัวเลือก ๔ อย่างคือ กษัตริย์ ประชาชน รัฐบาล และรัฐสภา ซึ่งเฉลยว่าคือ ประชาชน


หลังซ้อมใหญ่วันนี้แล้ว น่าจะมีของจริงชนิดรวมดาวกระจายตามมาไม่ช้า เมื่อสถานการณ์การเมืองซาลงไป สถานการณ์เศรษฐกิจที่จอดรอขบวนฯ อยู่ก็จะทะลักออกมา โดยมี ธปท. ย้ำเตือนว่า “เศรษฐกิจไทยจะดิ่งลึกสุดในไตรมาส ๑/๒๕๖๓”

ทั้งนี้เนื่องจาก “โดยเฉพาะตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงเดือน ก.พ.เบื้องต้นหายไปแล้วกว่า ๔๕% จากจำนวนนักท่องเที่ยวรวม และผลกระทบให้ภาคการส่งออกชะลอตัว” นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาคเพิ่งแถลง

“หากไม่รวมการส่งออกทองคำ จะขยายตัว -๑.%” (แปลภาษาแบ๊งค์ชาติมาเป็นภาษาไทยพื้นบ้านได้ว่า ติดลบอะ) “การลงทุนภาคเอกชนหดตัวต่อเนื่องจากระยะเดียวกันปีก่อน การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนหดตัวต่อเนื่อง” เช่นกัน

“จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศขยายตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อนที่ ๒.% อย่างไรก็ดี จำนวนนักท่องเที่ยวจีนหดตัว” เนื่องจากสถานการณ์ระบาดของไวรัส COVID-19 รุนแรงขึ้นในประเทศจีน ทางการจีนประกาศระงับการท่องเที่ยวต่างประเทศ


ความห่วงกังวลของธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น ได้รับการคอนเฟิร์มจากภาคเอกชน เช่น “เครือโรงแรมเซ็นทาราของกลุ่มเซ็นทรัลลดต้นทุน ให้พนักงานลาหยุดมีนาคมโดยไม่จ่ายเงินเดือน” เช่นเดียวกับ “บางกอกแอร์เวย์ส
 
ลดเงินเดือนผู้บริหาระดับสูงทุกตำแหน่งลง ๕๐% ประกาศล่วงหน้าไม่ขึ้นเงินเดือนปีนี้ ให้ลา ๑ เดือนไม่รับเงินเดือน ตัดลดสวัสดิการ เหตุไวรัสโควิด-๑๙ กระทบหนัก” (จากทวี้ต Den Bancha Chumchaivate @bancha333)

แท้จริงนั่นการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่เริ่มสั่นสะเทือนเศรษฐกิจโลก เห็นได้ชัดจากตลาดหุ้นในสหรัฐและเอเซียตกฮวบ ในอเมริกาตกต่อเนื่องมา ๖ วันแล้ว เป็นดั่งผีซ้ำดั้มพลอยสำหรับไทย นับแต่การค้าขายระดับรากหญ้าทรุดหนักมาหลายปี

คราวนี้ ผู้บริหาระดับสูงได้สัมผัสพิษกันบ้างแล้ว ต่อให้ระดับ เจ้าสัว ยังอูฟูไม่สะทกสะท้าน ลองดูอีกไม่นานระดับผู้จัดการโดนพักงานกันมากขึ้น ไม่ช้าเกินรอบรรยากาศ เป่านกหวีดจะกลับมาเยือน

แต่คราวนี้เปลี่ยนโฉมใหม่ โดยมีคนรุ่นหนุ่มสาวเป็นฐานราก และเป้าหมายไม่เพียงคนตระกูลเดียว แต่จะกระทบไปทั่วทั้งฟากฟ้า

รำลึกถึง ดร.บุญสนอง 28 กุมภาพันธ์ เมื่อ 44 ปี ก่อน ดร.บุญสนอง บุณโยทยาน นักวิชาการ ปัญญาชนประชาชนและนักสังคมนิยมดีเด่นคนหนึ่งของประเทศ ถูกสังหาร ซึ่งผู้คนทั้งหลายเขื่อว่า เป็นหน่วยไล่ล่าของกอรมน.สมัยนั้นอย่างแน่นอน




วิโรจน์ ตั้งวาณิชย์ รำลึก 37 ปี ดร.บุญสนอง



Mar 3, 2013

PITVFANPAGE
53.6K subscribers

วิโรจน์ ตั้งวาณิชย์ สนทนาและแลกเปลี่ยนความทรงจำผู้ร่วมอุดมการณ์งานรำลึก 37 ปี การจากไปของ ดร.บุญสนอง บุณโยทยาน ณ ห้องทิวลิป โรงแรม Rama Garden ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2556

งูเห่าตัวใหญ่ ที่ไม่เคยปรากฏตัว... ใครสงสัยเรื่องอนาคตใหม่โดนบางพรรคอภิปรายกินเวลาจนหมดโอกาสอภิปรายลุงป้อมในสภา ลองอ่านที่คุณชูวิทย์วิเคราะห์ไว้ตั้งแต่กลางเดือนมกราคม




งูเห่าตัวใหญ่ ที่ไม่เคยปรากฏตัว

ผมเคยพูดเรื่องงูเห่ามานานหลายครั้งแล้ว ตอนนี้ได้เห็นตัวเป็นๆ นับได้ 12 ตัว แม้ว่าตอนแรกจะมองไม่เห็นว่าใครเป็นใคร แต่ท้ายสุดก็หนีไม่พ้นที่จะต้องแสดงตัว

งูเห่ามีข้ออ้างสารพัด ไม่ว่า หนี้บุญคุณ, คดีของวงศาคณาญาติ, ประชาชนในพื้นที่ต้องการ, อยู่แล้วอึดอัด, กรรมการบริหารไม่เห็นหัว, อุดมการณ์ไม่ตรงกัน (เพิ่งนึกขึ้นได้)

แต่เชื่อเถอะ ร้อยทั้งร้อยไม่พ้นเรื่องที่ชาวบ้านร้านกาแฟแถวเยาวราชบ้านผมคุยกันไว้หรอก เขาทำท่าตบกระเป๋ากันป้าบๆ ตุงกันเป็นแถว

บรรดางูเห่าพวกนี้ถือเป็นเพียง “งูเห่ารุ่นเยาว์” กำลังอยากเติบโต ทนกลิ่นยั่วเย้าไม่ไหว แต่ที่ผมจะพูดถึงนี้ คนทั่วไป หรือแม้แต่พวกนักวิเคราะห์การเมืองก็ไม่รู้

การที่พรรคอนาคตใหม่เป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคเพื่อไทย แล้วไม่ประสบความสำเร็จ แม้ว่าจะมีการอภิปราย “ไม่ไว้วางใจ” สักกี่รอบ ก็ล้มรัฐบาลไม่ได้

เหตุเพราะนี่เป็น “กลยุทธ์การเมืองระดับปรมาจารย์“ หากให้ผมเรียกภาษาชาวบ้าน คือ “งูเห่าระดับพญานาค” ที่ส่งเสียงคำรามน้ำกระเพื่อม แต่มองไม่เห็นตัวตน (เพราะไม่ได้อยู่ในสภา)

การขู่ฟอดๆ ของระดับพญานาค ว่าจะเอารายชื่อนั้น รายชื่อนี้ ของบรรดาคณะรัฐมนตรีไปขึ้นเขียงในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยทะยอยปล่อยทีละชื่อ ต้นสายปลายเหตุที่มัวแต่ทำเป็นคัดชื่อยังไม่นิ่ง ก็เพราะเขย่ากันไม่เสร็จ ต่อรองกันอยู่กับรัฐบาล

ไอ้แบบนี้เรียกว่า “งูเห่า” หรือ “พญางูเห่า” กันแน่?

คนที่น่าอภิปรายที่สุด กลับไม่มีชื่อ หากคิดล้ม คงรู้ว่าใครมีอำนาจบารมีในรัฐบาลนี้ และเป็นจุดเปราะบางที่ฝ่ายค้านจะทะลวงได้

แต่เปล่า ถึงใส่ชื่อก็ขอเอาแค่น่วมๆ ไม่ถึงขนาดมองหน้ากันไม่ติด

แล้วถ้าถึงขนาดไม่อภิปรายคนนี้ มันจะได้ประโยชน์อะไร? มากแค่ไหน? เอาอะไรมาแลก?

รายชื่ออภิปรายได้แค่บรรดาน้องๆ ส่วนพี่ใหญ่เอาไว้ใช้ขู่เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน

อย่างงี้งูเห่าแบบ 12 ตัวนั้น มันยังไม่มีบารมีทำได้ และยังยอมรับว่าเป็นงูเห่าแบบหน้าชื่นตาบาน แต่ไอ้ที่อยู่เบื้องหลังนี่สิ น่าจะเรียกว่า “เผด็จการฝ่ายค้าน” ไปเลยก็ได้

ผมเห็นชัดเหมือน 10 ปีก่อน ที่จับปลาไหลคามือมาแล้ว การเมืองไม่ได้เปลี่ยนเลยสักนิด

เล่นการเมืองแบบนี้มันลึกซึ้งนัก ได้ประโยชน์มากกว่า แม้จะไม่ได้เป็นรัฐบาล

งูเห่าระดับ ”พญานาค” หรือจะเรียกว่าระดับ “อนาคอนด้า” ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นในสภาเหมือนระดับงูเห่ากระจอกๆ

บารมีก็ได้ ชื่อก็ไม่เสีย ไม่ต้องให้คนด่า ไม่ต้องไปวิ่งไล่ใครให้เห็น ไม่ต้องห่วงว่าจะโดนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิ์ เพราะมีคนไปร้องให้กวนใจ นั่งจิบไวน์สบายแฮที่บ้าน

แล้วอย่างนี้พรรคอนาคตใหม่หวังจะประสบความสำเร็จได้ยังไง? ในเมื่อฝ่ายค้านไม่มีเอกภาพแบบนี้? เพราะมันเป็นฝ่ายค้านเทียม เตี๊ยมกันมาแต่ต้น

จะไป “วิ่งไล่ลุง” มันแค่หนังไทย ต่อรองอะไรไม่ได้ ไม่ใช่ระดับอินเตอร์แบบที่เขาเล่น มันเหลือเชื่อ

ของจริง เขา “นั่งคุยกับลุง” อยู่บนโต๊ะจีนในห้องสูทโรงแรมระดับ 5 ดาว แถวๆ ถนนราชดำริ ของนายทุนใหญ่ มีลิฟท์ VIP ไม่ปะปนกับคนทั่วไป

“หากจะไม่ให้อภิปรายคนนี้ จะขอคนนั้นขึ้นเป็นรัฐมนตรี ตอนปรับ ครม. หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจจบ”

นักการเมืองรุ่นเก๋าเขาถึงบอก อุดมการณ์ต้องเก็บไว้ในลิ้นชัก การเมืองในสภามันลิเกโรงใหญ่ ผลประโยชน์ต้องมาก่อนประเทศชาติ

เพราะหากกูยังไม่ได้ประโยชน์ แล้วประเทศชาติจะไปได้ประโยชน์ ยังไงวะ?
..
Credit
Law Inspiration


พลังนักศึกษาตื่นรู้




https://www.facebook.com/VoiceTVOverview/videos/500034604269521/
..



IO ชักใย อ้ายตู๋ ให้ อ้ายตู๋ ชักใย io
มิตรสหายท่านหนึ่ง

เวทีเสวนา ฬ จุฬาฯ นิติมิติ เรื่อง "วิเคราะห์คดียุบพรรคอนาคตใหม่"




https://www.facebook.com/LawChula/videos/815839658821663/



คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ จัดเวทีเสวนา ฬ จุฬาฯ นิติมิติ “วิเคราะห์คดียุบพรรคอนาคตใหม่” เมื่อวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 ณ ห้องประชุม ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย อาคารเทพทวารวดี คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อเป็นเวทีเปิดกว้างทางความคิดเห็นที่หลากหลาย วิเคราะห์เสนอความเห็นโดยนักวิชาการ กรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ โดยมี ผศ.ดร.ปารีณา ศรีวนิชย์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ เป็นผู้กล่าวเปิดการเสวนา วิทยากรร่วมเสวนา ประกอบด้วย รศ.ดร.ณรงค์เดช สรุโฆษิต คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการ iLaw ดำเนินรายการโดย ดร.เข็มทอง ต้นสกุลรุ่งเรือง คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ




ยุบพรรคอนาคตใหม่ = ทุบอนาคตเศรษฐกิจไทย ? “คำตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่เพิ่มความกังวลให้กับนักลงทุนญี่ปุ่น (ซึ่ง)เป็นชาติที่ลงทุนมากที่สุดในไทย... คนญี่ปุ่นให้ความสนใจกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาก หลังจากศาลแถลงคำวินิจฉัยไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง สื่อญี่ปุ่นก็ลงข่าวทันที"




ยุบพรรค ! ทุบอนาคตเศรษฐกิจไทย ?

“คำตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่เพิ่มความกังวลให้กับนักลงทุนญี่ปุ่น เป็นชาติที่ลงทุนมากที่สุดในไทยต่อสถานการณ์การเมืองไทย คนญี่ปุ่นให้ความสนใจกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาก หลังจากศาลแถลงคำวินิจฉัยไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง สื่อญี่ปุ่นก็ลงข่าวทันที การยุบพรรคอนาคตใหม่เพิ่มความกังวลของนักลงทุนญี่ปุ่นต่อเสถียรภาพทางการเมืองไทยมากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะระยะสั้นเท่านั้น แต่ระยะกลาง ระยะยาวด้วย นักลงทุนญี่ปุ่นก็รู้อยู่ว่าการยุบพรรคอนาคตใหม่ ทำให้คนไทยคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยไม่พอใจและผิดหวังกับรัฐบาลมากขึ้น ความเชื่อถือสถาบันตุลาการในสายตาของคนรุ่นใหม่ก็คงลดลง แต่ระยะสั้นยังยากที่จะประเมินว่านักลงทุนญี่ปุ่นมีปฏิกริยาอย่างไร ? ส่วนผลกระทบทางการเมืองในอนาคต เห็นว่าคนรุ่นใหม่หมดความหวังกับการต่อสู้ในระบอบรัฐสภาและคิดสู้นอกรัฐสภา ถ้าไม่มีทางเลือก สิ่งนี้อาจจำเป็น แต่มักมีต้นทุนทางสังคมสูง หากผู้มีอำนาจไม่เอาจริงเอาจังในการหาทางปรองดอง ความไม่พอใจของคนรุ่นใหม่อาจทำลายเสถียรภาพไม่เพียงเฉพาะทางการเมือง แต่ยังทำลายเสถียรภาพด้านอื่น ๆ ในสังคมด้วย“

ยาสุฮิโตะ อาซามิ ผู้เชี่ยวชาญการเมืองไทย ภาควิชาการเมืองโลก มหาวิทยาลัยโฮเซ

ที่มา FB
Koishi Katakawa

https://www.facebook.com/koishi.katakawa/posts/2786200941471325
ooo



8 สิ่งที่อยากเน้นย้ำคนไทยตอนนี้




8 สิ่งที่อยากเน้นย้ำคนไทยตอนนี้

1.ประยุทธ์ไม่ได้ชนะเลือกตั้ง ถ้าคุณเข้าใจว่าพลังประชารัฐชนะเลือกตั้งคุณเข้าใจผิดมาก เพราะจำนวน ส.ส. แพ้พรรคเพื่อไทยหลายสิบคน แต่ที่ตั้งรัฐบาลได้เพราะมันมี ส.ว. 250 คนมาเลือกมันเป็นนายก พอเงื่อนไขเป็นแบบนี้พรรคเล็กพรรคน้อยเลยไปต้องไปร่วมด้วย เพราะอยากเป็นรัฐบาล

ถ้าไม่มี ส.ว. ประยุทธ์ พลังประชารัฐ ไม่มีโอกาสเป็นรัฐบาลต่อแน่นอน 100%
.
2.คนไม่เอาประยุทธ์คือเสียงส่วนใหญ่ของประเทศอย่างแน่นอน คุณไม่จำเป็นต้องเกรงใจบรรดากองเชียร์ประยุทธ์ที่บอกว่าคุณไม่เคารพเสียงส่วนมาก เพราะคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทย + อนาคตใหม่ที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาลเผด็จการนี้มากกว่าเสียงของพวกติ่งประยุทธ์หลายล้านเสียง ยังไม่รวมพรรคร่วมที่ตอนหาเสียงบอกไม่เอาประยุทธ์ สุดท้ายหักหลังประชาชนอีกหลายล้านเสียง
.
3.คนไม่มีสิทธินิยมเผด็จการ คนที่เรียกร้องอยากให้ประเทศเป็นรัฐเผด็จการไม่สมควรได้รับการรับฟังด้วยประการทั้งปวง คนพวกนี้คือพวกเสียงส่วนน้อยที่อยากชนะเสียงส่วนใหญ่ด้วยวิธีการสุดโหดร้าย คือการห้ามคนอื่นเห็นต่าง เพื่อจะให้ตัวเองชนะอยู่ฝ่ายเดียวตลอดไป
.
4.ทุกอาชีพสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ทหารก็เป็นได้ไม่มีใครว่า แต่ที่เค้าด่ากันทุกวันนี้คือมันรัฐประหารมาแล้วเขียนกฎหมายเองทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองเป็นนายกนานๆ อันนี้เฟรนลิสต์ถึงคนๆนึงในเฟซเลยนะเนี้ย ถ้ามาอ่านเจอก็เข้าใจด้วย
.
5.กองเชียร์ประยุทธ์ต้องตักน้ำใส่กระโหลกชะโงกดูเงาว่าตอนชุมนุมสมัย กปปส. ได้กระทำโหดร้ายกับคนคิดต่างเค้าไว้แค่ไหน สมัยนั้นใครเชียร์ยิ่งลักษณ์ ทักษิณ แทบไม่มีที่ยืน โดนล้อโดนด่า โดนกระทำทรามๆ กว่าที่พวกคุณโดนตอนนี้เยอะ เลิกหาว่ามีใครล้างสมองม๊อบนักศึกษา สมัยก่อนพวกคุณก็พยายามล้างสมองนักเรียน กับคนคิดต่างทุกคนเหมือนกัน แต่มันทำไม่สำเร็จแค่นั้นเอง
.
6.อดีต กปปส. ที่ยังเชียร์ประยุทธ์อยู่ กลับไปเปิดข้อเรียกร้องของ “ตัวเอง” อ่านดูว่าตอนนี้มีอะไรสำเร็จไปแล้วบ้าง เช่น เรียกร้องการเมืองที่ใสสะอาด ตรวจสอบได้ เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เสร็จแล้วไม่ต้องตอบผม กลับไปตอบ”ตัวเอง”ว่ามันสำเร็จไปกี่ข้อแล้ว แล้วประเทศตอนนี้มันต่างกับที่คุณเคยเรียกร้องยังไงบ้าง
.
7.จากประสบการณ์ติดตามการเมืองไทยมาตั้งแต่จำความได้ ยืนอยู่ฝั่งนี้ไม่เงิบแดกเหมือนตอน กปปส. แน่นอน เพราะที่มายึดโยงกับประชาชน เจตนารมมันสะท้อนผ่านคนในชาติมาอีกที ในขณะที่อีกฝ่ายคือเจตนารมณ์อีลีทที่คอยดูดเลือด เอาเปรียบประชาชนอยู่ร่ำไป (มันถึงทะเลาะกันไม่จบสักที)
.
8.ผมขอเป็นกำลังใจให้คนไทยให้เลิกเกรงใจพวกที่ไม่เคยเคารพเสียงเรา แล้วยืนหยัดต่อต้านรัฐบาลเผด็จการนี้ด้วยความภาคภูมิใจครับ
.
ข้อความทั้งหมดที่กล่าวมามีแต่ความบริสุทธ์ใจและไม่มีส่วนใดผิดกฎหมาย แชร์ได้


#อยู่UKแต่ไม่OK ลอนดอน วันนี้ สก๊อตแลนด์ วันอาทิตย์นี้





กลุ่มนักศึกษาและประชาชนไทยที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักรราว 80 คน รวมตัวกันที่วิทยาลัยบูรพคดีศึกษาและการศึกษาแอฟริกา (School of Oriental and African Studies, SOAS) หรือ โซแอส ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ วันที่ 28 ก.พ. เพื่อจัดกิจกรรม #อยู่UKแต่ไม่OK แสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับการเคลื่อนไหวสนับสนุนประชาธิปไตย​และขับไล่เผด็จการในประเทศไทย
.
โดยมีการกล่าวสุนทรพจน์​ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย สลับกันขึ้นกล่าวแสดงความเห็นและความรู้สึกต่อสถานการณ์​ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย จากนั้นได้ร่วมกันร้​องเพลง Do You Hear the People Sing? และเปล่งเสียงขับไล่เผด็จการ​
.
“Do You Hear the People Sing?” คือ เพลงเอกของละครเพลงเวทียอดนิยมเรื่อง Les Misérables ซึ่งดัดแปลงจากนิยายของ วิกเตอร์ ฮิวโก นักเขียนและนักกิจกรรมชาวฝรั่งเศสที่บรรยายถึงการต่อสู้และความอยุติธรรมที่สามัญชนต้องเผชิญระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศส

#BBCThai #บีบีซีไทย















อูยซี้ด!! นักศึกษา ลั่น!! ไม่เอานายกฯ 84,000 เซลล์ การเมืองสกปรก และนักการเมืองขายตัว...





วันศุกร์, กุมภาพันธ์ 28, 2563

'ไม่แตะต้องป้อง'' จะร้าวลึกกันแค่ไหน (หรือไม่) ข้ามไป ให้ดูไบ "เปิดใจแบบไม่มีกั๊ก” ท่าจะดี

จะร้าวลึกกันแค่ไหน (หรือไม่) ข้ามไป เอาแบบที่ จอม ไฟเย็น ว่าละกัน “น้องๆ เยาวชนแม่งลงถนนจะบุก ดีบอส io’ ที่ราชดำเนินกันอยู่แล้ว ฝ่ายค้านเสือกมานั่งตีกันเอง” ก็ไม่ควร ไหนๆ ส.ส.จุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ ดั้นด้น ขอโทษแล้วขอโทษอีก

“ขอโทษด้วยจริงๆ ครับ ปัญหาเกิดจากผู้อภิปรายเพื่อไทยจริงๆ เสียดายผู้อภิปรายของอนาคตใหม่ ๓ คน กับเพื่อไทย ๒ คนที่เสียสิทธิ น่าจะเป็นครั้งแรกในสภา ที่มีการใช้เสียงข้างมาก #ปิดปากฝ่ายค้าน” ก็จริงอยู่ที่ ศุภชัย โพธิ์สุ หักคอเอาดื้อๆ

พรรคเพื่อไทยจะว้อล์คเอ๊าท์ไม่ร่วมสังฆกรรมลงมติ ไม่ไว้วางใจ หรืออย่างไรฝ่ายรัฐบาลก็ชนะอยู่ดี หลังจากที่ ตลก.หลวงยุบพรรคอนาคตใหม่แล้วดูดไปอีกยี่สิบ เสียงล้นปริ่มน้ำ แถมคนที่ควรจะโดน จัดหนัก ชนิดบักโกรก กลับรอดฉลุยด้วยคะแนนมากกว่าเพื่อน
 
ปัญหาอยู่ที่ระยะยาวจะเอายังไง ในเมื่อตอนนี้อนาคตใหม่ที่เป็น คณะเห็นทีจะต้องออกไปค้านกันกลางแจ้ง ท่ามกลางน้องๆ นักศึกษาและนักเรียนพวกที่เป็นอนาคตใหม่จริงๆ แล้ว ในเมื่อ สุวินัย ภรณวลัย และ ทยา ทีปสุวรรณ ออกมาโหมโรง ดาวสยาม-ยานเกราะ โมเดล“อย่าดึงฟ้าต่ำ” เพื่อนำไปหา “จุดจบ...ในแง่ร้าย”

ข้อสำคัญถ้าจะ “ยังต้องเดินหน้าสู้ด้วยกันต่อ” อย่างที่จุลพันธ์แนะ “วันนี้อารมณ์ขุ่น ไว้หายโกรธค่อยว่ากันน้องรัก” ละก็ เรื่องที่ลือกันจนระบมต้องเคลียร์เสียไวๆ ตั้งแต่ “กระแสข่าวดีลลับระหว่าง เฉลิม อยู่บำรุง-ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพื่องดเว้นการอภิปราย” ดังที่ เอกชัย หงส์กังวาน ซัด

ไปถึง “พออภิปรายจริง เพื่อไทยก็อภิปรายลากยาว ลำไยล้มมวยเกินเวลาไปมาก จนวันสุดท้าย เวลาอนค.ไม่เหลือ” ตามที่ พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ ใส่แหลก “หัวข้ออภิปรายของเพื่อไทย ฝ่าย รบ.ตอบได้ทุกข้อ...ข้อสอบรั่ว”

คนเพื่อไทยที่ยังไม่มาตอบ เช่น ส.ส.อุดร ศรัณวุฒิ ศรัณเกตุ ที่ “ซัดเต็มเหนี่ยวอภิปรายไม่ยั้ง ๓ รมต. ๓ ชั่วโมงรวดไม่นับรวม รมต.ชี้แจง รวมแล้วเช้ายันบ่ายใช้เวลาท่วม” จน ปิยบุตร แสงกนกกุล บ่น “เกินมา ๕-๑๐ นาที ก็ยังพอเข้าใจได้ แต่เกินมา ๑-๒ ชั่วโมงถือว่าเสียมารยาท”

เจ้าตัวน่าจะทำการขอโทษยอมรับความผิดพลาดสักนิด ก็ยังดีกว่าให้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อธิบายครึ่งๆ กลางๆ “ข่าวเป็นอย่างนั้นครับ คนทำ...หน้างานสู้เต็มที่...การบริหารเวลาสามารถยืดหยุ่นได้...แต่ฝ่ายรัฐบาลไม่ยอม เพื่อไม่ให้อภิปรายประวิตร”
 
ว่าที่จริงข้อมูลการอภิปราย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ รังสิมันต์ โรม เตรียมไว้เพียบ เป็นหมัดเด็ดทีเดียว ชนิดฝ่ายรัฐบาลถึงจะดันจนคะแนนผ่านได้ ก็ควรที่จะให้ผู้ถูกอภิปรายได้เผชิญกับคำถามซึ่งๆ หน้า ดูสิว่าจะตอบอีท่าไหน

โดยเฉพาะที่สืบสาวว่า พี่คนโตร่วมน้ำสาบานบูรพาพยัคฆ์ใช้ มูลนิธิป่ารอยต่อเป็นกองบัญชาการครองอำนาจนานๆ มีทั้งงบประมาณและยุทธวิธีพร้อมสรรพ ซึ่งรังสิมันต์แจงละเอียดยิ่งนัก ตั้งแต่ ไทยเบฟบริจาคไม่กี่ล้าน แต่ได้สัมปทานศูนย์ประชุม สิริกิติ์๕๐ ปี

แล้วยังมีบริษัท ACE กับ Double AA ที่มี พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา เป็นหุ้นใหญ่บริจาค ๕ ล้านกว่า ก่อนได้เป็นรอง ผบ.ตร. ไหนจะบริษัท EA ที่มีน้องชายของประวิตรเป็นซีอีโอก่อนตู่ยึดอำนาจ พอหลังรัฐประหารได้เอี่ยวพัฒนา อีอีซี หุ้นขึ้นจาก ๑๑ บาท เดี๋ยวนี้ ๔๖ บาท

ยังมี คอนเน็คชั่น ต่างๆ ของ ป่ารอยต่อ อีกมากมายที่ท้ายสุดรังสิมันต์ต้องนำเอามาอภิปรายนอกสภา ทำให้เห็นชัดว่าคนที่เป็นตัวการชักใยและกุมปฏิบัติการยึดครองแล้วสืบทอดอำนาจ ด้วยความร่วมมือแนบแน่นและแบ่งปันกับ เจ้าสัวคือ เฮียป้อม นี่ละ

เห็นภาพลักษณ์กระย่องกระแย่ง นั่งหาวบ้าง นั่งหลับบ้าง โดนซักถามอะไรทำเซ่อ อ่า เอ่ออย่างนี้ละ ที่เป็นตัวการใหญ่ดีลได้ทั่วดินฟ้า มิน่าถึงได้ถึงขั้นพยายามไม่ให้มีการอภิปรายระแคะระคายได้เลยแม้แต่นิด แล้วดันมีความผิดพลาดในฝ่ายค้านเป็นใจเสียอีก
 
ตื้นลึกหนาบางอย่างไร ผู้ที่จะแจงได้เจ๋งกว่าใครคงเป็นเจ้าของโต๊ะที่ป้อมเคยไปยืนเกาะขอตำแหน่ง ผบ.ทบ.ละมัง หากข่าวลือออนไลน์ “เพื่อไทยจำใจตอบแทนบุญคุณ...เนื่องจากบิ๊กป้อมทวง...ที่เคยไฟเขียวช่วยให้ยิ่งลักษณ์หนี...สะดวก” มีเค้า

เมื่อสองวันก่อนเห็นมีข่าว (ไบร๊ท์ทีวี) “ทักษิณ ชินวัตร เตรียมขนสื่อไทยไปนครดูไบ...นัดสัมภาษณ์พิเศษเปิดใจแบบไม่มีกั๊ก” ถ้าได้พูดถึงเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยไม่แตะต้องป้องให้เจาะจงไปด้วยท่าจะดี


เสียดาย รังสิมันต์ โรม ไม่ได้ อภิปราย "เครือข่ายประวิตร - ป่ารอยต่อ" ในสภา... เพราะมีผลดีหลายอย่าง...




รังสิมันต์ โรม เปิดโปง "เครือข่ายประวิตร - ป่ารอยต่อ"

Feb 27, 2020

อนาคตใหม่ - Future Forward
374K subscribers

เครือข่ายประวิตร - ป่ารอยต่อ คือ “การเกาะเกี่ยวกัน” ของกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ทั้งกลุ่มที่ถืออำนาจรัฐ และกลุ่มที่ถืออำนาจทุน โดยมีมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ที่ใช้บ้านพักสวัสดิการกองทัพบก เป็นเวทีในการผูกขาดอำนาจรัฐและอำนาจทุนไว้กับผู้ที่ถือมันอยู่แล้ว การตอบแทนผลประโยชน์ภายในเครือข่ายนี้ ไม่ได้อยู่แค่ในรูปของการที่มีคนเข้าไปนั่งเป็นกรรมการ หรือการบริจาคเงินหรือสิ่งของเข้าไป แล้วรับผลตอบแทนในมูลค่าพอๆ กันกลับมา เพราะเงินและทรัพย์สินที่มอบเข้าไปอาจไม่ได้มากมายนัก ยังไม่เห็นผลตอบแทนชัดเจน

สิ่งที่เราต้องการสื่อคือ การร่วมกิจกรรมต่างๆ ของมูลนิธิป่ารอยต่อฯ เป็นเพียง “ตั๋ว” สำหรับการเข้าไปสู่วงไพบูลย์แห่งการตอบแทนผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่า ที่มีชื่อว่า "ประวิตร Club" อาศัยกลไกและทรัพยากรของรัฐมาสร้างบารมี สร้าง connection ให้กับตัวเองและพวกพ้อง สิ่งที่เสียไปจึงเป็นอำนาจอธิปไตยที่อ้างกันว่าเป็นของประชาชน เมื่อในวันนี้ผลประโยชน์ของประเทศที่ควรตกเป็นของประชาชนกลับถูกแบ่งปันกันในหมู่คนเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น และคงไม่มีทางที่ประชาชนจะเข้าถึงประโยชน์เหล่านี้ได้ 

พล.อ.ประวิตรนำทีมบูรพาพยัคฆ์ทำรัฐประหารเข้ามามีอำนาจสูงสุดได้ ก็เพราะมีเครือข่ายเหล่านี้ ยังคงรักษาอำนาจไว้ได้ตลอด 5 ปีแบบไม่อายคำก่นด่าของประชาชนต่อกรณีอื้อฉาวต่างๆ ก็เพราะมีเครือข่ายเหล่านี้ ยังสืบทอดอำนาจมายังรัฐบาลปัจจุบันได้ ก็เพราะมีเครือข่ายเหล่านี้ ลากเอาคนอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีต่างๆ เข้ามาดำรงตำแหน่งได้ ทำให้พวกเราต้องมาอภิปรายไม่ไว้วางใจกัน 4 วันเต็มๆ ก็เพราะมีเครือข่ายเหล่านี้ เรื่อง IO เรื่อง 1MDB เรื่องจังหวัดชายแดนใต้ เรื่องโรงไฟฟ้าขยะ ฯลฯ ยังคงดำรงอยู่ ก็เพราะมีเครือข่ายเหล่านี้ 

สรุปคือ พล.อ.ประวิตรและเครือข่ายอำนาจของเขานั่นเอง คือรากเหง้าที่ก่อกำเนิดความเลวร้ายแห่งรัฐบาลประยุทธ์ทั้งหมดทั้งปวง ฉุดดึงประเทศไทยมาอยู่ในจุดที่ตกต่ำถึงเพียงนี้  

เรื่องนี้ไม่ได้สำคัญว่าเจตนาของบุคคลต่างๆ ในผังนี้จะเป็นอย่างไร เขาอาจมีเจตนาบริสุทธิ์ก็เป็นได้ แต่แค่เพียงการที่ พล.อ.ประวิตรและชาวบูรพาพยัคฆ์พยายามจะสร้างเครือข่ายอำนาจนี้ขึ้นมา แม้กระทำเพียงฝ่ายเดียว ก็เพียงพอแล้วที่เราจะไม่อาจไว้ใจให้พวกเขามีตำแหน่งในรัฐบาลต่อไปได้
...

ความสำคัญของการอภิปรายในรัฐสภา

หลายๆ คนอาจจะไม่เข้าใจหลักของการอภิปรายในสภา ว่าทุกวันนี้มี live FB youtube มากมาย แต่ทำไมต้องรออภิปรายในสภาให้คนประท้วงขัดเล่นด้วย 

อยากจะขอเรียนให้ทราบว่า การอภิปรายในสภา โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจ (หรือชื่อเต็มคือ อภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี) มีความสำคัญอย่างยิ่งนะครับ ดังนี้

1. ในระหว่างอภิปราย ส.ส.มีเอกสิทธิ์คุ้มกันในการอภิปรายตามรธน. มาตรา 124 "ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่ประชุมวุฒิสภา หรือที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา สมาชิกผู้ใดจะกล่าวถ้อยคําใดในทางแถลงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็นหรือออกเสียงลงคะแนน ย่อมเป็นเอกสิทธิ์โดยเด็ดขาด ผู้ใดจะนําไปเป็นเหตุฟ้องร้องว่ากล่าวสมาชิกผู้นั้นในทางใด ๆ มิได้" 

แต่เอกสิทธิ์ในกรณีนี้จะไม่คุ้มครองกรณีกล่าวพาดพิงบุคคลที่สามภายนอก เมื่อมีการถ่ายทอดกระจายเสียง กล่าวคือ หากอภิปรายในสภา เกี่ยวข้องกับคนในสภาแล้ว ผู้ถูกอภิปรายจะฟ้องร้องเอาผิดใดๆ มิได้ ไม่งั้นพรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาคนในสภามามากมายคงไม่รอดมาถึงบัดนี้

2. ในการอภิปรายของสภา จะมีการบันทึกข้อความอภิปราย เก็บรักษาไว้โดยสำนักงานสภาฯ เป็นประวัติศาสตร์ตกทอดชั่วลูกหลาน เหมือนที่เราได้อ่านและคัดลอกการประชุมสภาในยุคต่างๆ ตั้งแต่ก่อตั้งสภาผู้แทนฯ หลัง 2475 เป็นต้นมา ซึ่งหลักฐานพวกนี้ไม่ว่าสภาสมัยใด เผด็จการหรือประชาธิปไตยครึ่งใบเต็มใบ จะจารึกไว้ตลอด ดังนั้น ไอ้ที่ประท้วงให้ถอนคำพูด ถอนการใช้คำ ก็เพราะว่าเมื่อถอนแล้วจะไม่บันทึกลงในบันทึกการประชุมนี่เอง

ลองคิดดูว่าการอภิปรายเรื่องพวกนี้จะถูกบันทึกแบบลบไม่ได้ และอยู่ไปอีกสิบอีกร้อยปีดู เมื่อเทียบกับการออกสื่อธรรมดาที่เอกชนเป็นคนเก็บรักษา จะลบจะหายไปไม่มีใครรับรองได้ บันทึกการอภิปรายในที่ประชุมสภาจึงสำคัญ

ท่านสามารถหาอ่านบันทึกการประชุมสภาเก่าๆ ได้ที่นี่ครับ 

3. ในการอภิปรายของสภาฯ จะมีการถ่ายทอดผ่านวิทยุรัฐสภา และช่องรัฐสภา อยากเรียนว่าอย่าดูถูกช่องทางที่ดูเก่าแก่แบบนี้ครับ (ถึงปัจจุบันสภาจะมีช่อง FB และ Youtube ของตัวเองแล้วก็ตาม) เพราะช่องของสภาเป็นช่องที่ถ่ายทอดได้ยาวนานต่อเนื่อง ไม่มีการตัด สลับ หรือบิดเบือน และยังถูกบันทึกไว้ในทุกกรณี ทำให้สามารถสืบค้นการอภิปรายได้ชัดเจน รวมถึงยังเป็นช่องทางเวลาสื่ออื่นๆ ไม่ให้ความสนใจ มีเวลาออกอากาศโดยไม่มีผู้ประกาศข่าวมาแต่งเติมความคิดเห็น ทำให้ปราศจากอคติ เป็นช่องทางที่เป็นกลางอย่างมาก

ดังนั้น การอภิปรายในสภาฯ จึงเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นช่องทางที่เสียงของประชาชนจะส่งผ่านผู้แทนราษฎรไปกระจายสู่ผู้รับผิดชอบ ไม่ใช่เรื่องที่สามารถทดแทนกันได้ผ่านสื่อออนไลน์หรือโซเชียลง่ายๆ นั่นเอง


Theerapat Charoensuk
4 hrs ·

อ.สุลักษณ์มาแล้ว พระยุ่งเกี่ยวการเมืองได้หรือ?




| พระยุ่งเกี่ยวการเมืองได้หรือ? |
.
เมื่อไม่นานมานี้ ส. ศิวรักษ์ ได้รับข้อความจากสามเณรองค์หนึ่ง ที่ส่งมาทางกล่องข้อความ โดยใจความสำคัญมีอยู่ว่า ตัวสามเณรเองนั้น รู้สึกอึดอัดใจ และ "ตรอมตรมใจเหลือเกิน" (คำที่ท่านใช้) ที่ศาลรัฐธรรมนูญพิพากษายุบพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งจริง ๆ แล้ว สามเณรมีความปรารถนาที่จะพูดประเด็นนี้ ณ มหาวิทยาลัยมหิดล (จากที่ admin เข้าไปตรวจสอบ profile ใน Facebook ทราบว่าท่านศึกษาอยู่ที่นั่น) แต่ก็ถูกอาจารย์ห้ามไม่ให้พูดประเด็นนี้ โดยให้เหตุผลว่า "พระไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับการเมือง" #admin
.
"พวกเราส่วนใหญ่เป็นเมืองขึ้นชนชั้นปกครอง ไอ้พวกนี้เลวร้ายยิ่งกว่าฝรั่งเสียอีก ยิ่งปัจจุบันด้วยแล้ว มันกดขี่ข่มเหงเราแทบทุกทาง แล้วมาอ้างประชาธิปไตย แต่ที่จริงมันเป็นรัฐภายในรัฐ
.
"เราต้องรวมตัวกัน ชี้แจงให้เห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญชั่วขนาดไหน เข้าข้างชนชั้นปกครองขนาดไหน ไม่เข้าใจสิ่งซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพ
.
ถ้าเราตื่นตัวกันมากขึ้น เราต้องล้มรัฐบาลนี้ลงให้ได้"

ส. ศิวรักษ์


ไม่สนมติฝ่ายค้าน! คณะอนาคตใหม่ ลุยโหวตไม่ไว้วางใจ โซเชียลผุดแฮชแท็ก #กูสั่งให้มึงเข้าสภา เพราะจะได้รู้ว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคร่วมฝ่ายค้านคนไหน ไม่ไว้วางใจรัฐบาล ! พุ่งอันดับ 1




ไม่สนมติฝ่ายค้าน! คณะอนาคตใหม่ ลุยโหวตไม่ไว้วางใจ โซเชียลผุดแฮชแท็ก #กูสั่งให้มึงเข้าสภา พุ่งอันดับ 1

ภายหลังการปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อวันที่ 27 ก.พ. เวลา 19.15 น. โดยยังมีรัฐมนตรีอีก 2 คนที่ยังไม่ถูกอภิปราย คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ซึ่งฝ่ายค้านที่จะมาอภิปรายยังเหลืออีก 5 คน ในจำนวนนี้ 4 คน คือ ส.ส. ที่เคยสังกัดพรรคอนาคตใหม่

ต่อมาเวลา 19.30 น. วันที่ 27 ก.พ.ตัวแทนฝ่ายค้านทุกพรรค ยกเว้นอดีตพรรคอนาคตใหม่ ได้มาร่วมกันแถลงข่าว ระบุว่า ฝ่ายค้านจะไม่ร่วมโหวต และไม่อยู่เป็นองค์ประชุมโดยให้รัฐบาลโหวตกันเอง

ส่วนอดีตพรรคอนาคตใหม่ ได้ออกมาแถลงแสดงความไม่พอใจ ที่พรรคเพื่อไทย อภิปรายเกินเวลา และคาดว่าจะมีการปกป้อง พล.อ.ประวิตร ไม่ให้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ จนทำให้ ส.ส. ที่เคยสังกัดพรรคอนาคตใหม่ ต้องมาอภิปรายนอกสภา

ขณะที่ประชาชนต่างแสดงความไม่พอใจที่ฝ่ายค้านจะไม่เข้าร่วมลงมติไว้วางใจในวันที่ 28 ก.พ. จนเกิดแฮชแท็กในทวิตเตอร์ #กูสั่งให้มึงเข้าสภา ติดเทรนด์อันดับ 1

กระทั่งเวลา 00.07 น. วันที่ 28 ก.พ. อดีตพรรคอนาคตใหม่ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า "แม้พรรคเราจะถูกยุบ แต่ ส.ส. อดีตพรรค #อนาคตใหม่ ทุกคน ตั้งใจจะเดินหน้าทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อไป โดยในวันนี้ 28 กุมภาพันธ์ ส.ส. อดีตพรรคอนาคตใหม่จะเข้าประชุมสภา เพื่อลงมติแทนประชาชนในการลงมติญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 6 รัฐมนตรี #กูสั่งให้มึงเข้าสภา"

https://www.khaosod.co.th/politics/news_3658415


การเมืองไทย ในกะลา



"#กูสั่งให้มึงเข้าสภา เพราะจะได้รู้ว่า
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคร่วมฝ่ายค้านคนไหน ไม่ไว้วางใจรัฐบาล !
ไปลงมติครับ อย่าตีเนียน"

เอกชัย ไชยนุวัติ
อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยสยาม
28 กุมภาพันธ์ 2563

TWITTER : เอกชัย ไชยนุวัติ @icyremy
https://twitter.com/icyremy/status/1233112421834772481?s=09
.
ประชาชนเค้ารู้อยู่แล้ว ว่าโหวตยังไงก็แพ้ แต่ช่วงนี้งูเห่ามันเยอะ เลยอยากดูว่าใครจะโหวตทางไหน ให้ใคร จะได้เห็นกันจะๆ อย่างน้อยก็อยากดูว่า คะแนนใครได้เท่าไหร่ วอล์คเอ้าท์ไม่โหวตเลย มันง่ายไปหน่อย
Pruay Saltihead

.
ฝ่ายค้านลั่นไม่ร่วมโหวตซักฟอก ปล่อยรบ.ลงมติกันเอง

เมื่อเวลา 19.30 น.วันที่ 27 ก.พ. ที่รัฐสภาฯ แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยไม่มีตัวแทนของอดีตพรรคอนาคตใหม่ และพรรคเศรษฐกิจใหม่เข้าร่วมด้วย

โดย นายสมพงษ์ กล่าวว่า การวอล์คเอาท์ของฝ่ายค้าน เพราะเห็นว่ารัฐบาลไม่เห็นประโยชน์ของเวลาที่เหลืออยู่ เพื่อให้ประชาชนได้ทราบสิ่งที่ฝ่ายค้านจะอภิปราย ทั้งที่เหลือผู้จะอภิปรายถึง 5 คน และเวลาที่ตกลงกันว่าจะให้ฝ่ายค้านอภิปราย 21 ชั่วโมงนั้น การอภิปราย 1-2 วันก่อนหน้านี้เลยเที่ยงคืนไปกว่า 3 ชั่วโมงครึ่ง จึงคิดว่าจะเป็นเวลาที่เกินจากกำหนดการเดิม ซึ่งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ก็บอกให้ไปตกลงกัน เพื่อทำให้บรรยากาศราบรื่น

แต่เมื่อฝ่ายรัฐบาลปฎิเสธก็คิดว่ารัฐบาลไม่เห็นความสำคัญของเวลาตรงนี้ หลังจากนี้ก็จะให้รัฐบาลดำเนินการต่อไป พรุ่งนี้ ( 28 ก.พ.)ฝ่ายค้านจะไม่โหวต โดยให้รัฐบาลโหวตกันเอง ถ้าคะแนนรัฐมนตรีทั้ง 6 คนไม่เท่ากัน ก็แสดงว่าเขาหักกันอยู่ ทั้งนี้หากส.ส.คนใดจะไม่ทำตามแนวนโยบายนี้เราก็ไม่เอาโทษเพราะถือเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.

ด้าน นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรี 6 คน ขณะนี้อภิปรายไป 4 คนเหลือ 2 คน เมื่อรัฐบาลเสนอปิดอภิปรายก็ถือว่า การอภิปรายไม่ครบสมบูรณ์ เพราะยังไม่ได้อภิปราย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย เช่นนี้จะให้ลงคะแนนได้อย่างไร และข้อตกลงที่ตกลงกัน เป็นการตกลงเพียงคร่าวๆ สมัยตนเป็นประธานสภาฯ ก็การประนีประนอมกันตลอด แต่คราวนี้รัฐมนตรีไม่เข้าใจระบบสภาฯ นึกจะปกครองแบบทหาร สั่งอย่างไรก็ได้ แต่สภาฯ จะสั่งอย่างนั้นไม่ได้ ต้องใช้วิธีประนีประนอม และเมื่อการอภิปรายยังไม่สมบูรณ์เช่นนี้ ประธานวิปฝ่ายค้านก็ไม่สามารถกล่าวสรุปได้ ดังนั้นในวันพรุ่งนี้ (28 ก.พ.) ก็ให้ฝ่ายรัฐบาลโหวตไปฝ่ายเดียว และถือเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เลวร้ายที่สุดตั้งแต่มีสภาฯ มา

ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า คนที่จะอภิปรายยังส.ส. อดีตพรรคอนาคตใหม่ อีก 3 คน เพื่อไทย 2 คน รวมถึงตนที่ยังไม่ได้สรุป ถือว่าเสียดายโอกาสมาก ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นมวยล้ม จากฝ่ายค้านหรือไม่ เพราะตกลงเวลาไม่ได้กันเอง และการแถลงข่าวครั้งนี้พรรคอนาคตใหม่ก็ไม่มาร่วมด้วยนั้นยืนยันว่า เป็นความบังเอิญที่เป็นอย่างนี้ ไม่มีการล้มมวย เราก็สู้อย่างถึงที่สุด เพียงแต่การบริหารเรื่องคน เวลาที่มีจำกัด บริหารล่วงหน้าไม่ได้ เลยออกมาคลาดเคลื่อนบ้าง และไม่มีความขัดแย้งกับอดีตพรรคอนาคตใหม่

ส่วน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการลงมติวันที่ 28 ก.พ. เชื่อว่าฝ่ายรัฐบาลจะพยายามดั้นด้นโดยตีความข้อบังคับเพื่อลงมติให้ได้ ส่วนจะชอบหรือไม่ชอบตามกฎหมายก็ขอให้รอดูกันต่อไป

https://www.dailynews.co.th/politics/759999


อาจารย์ 200 คนทั่วประเทศ ขอผู้บริหารมหา’ลัย ยอมรับสิทธิเสรีภาพการแสดงออกของ นศ.




นักเรียน นศ.พรึ่บทั้งแผ่นดิน ต้านเผด็จการ คัดค้านความอยุติธรรม : Matichon TV
.
อาจารย์ 200 คนทั่วประเทศ ขอผู้บริหารมหา’ลัย ยอมรับสิทธิเสรีภาพการแสดงออกของ นศ.



Thu, 2020-02-27
ประชาไท

27 ก.พ.2563 ผู้สื่อข่าว รายงานว่า คณาจารย์จากสถานศึกษาและอุดมศึกษาทั่วประเทศ ได้ร่วมกันลงชื่อในแถลงการณ์จำนวน 200 คน เพื่อสันบสนุนการแสดงออกอย่างเสรีของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน พร้อมของให้ผู้บริหารมหาวิทยาลัย เข้าใจถึงสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกโดยไม่ขัดขวาง โดยเนื้อหาในแถลงการณ์มีดังนี้

แถลงการณ์ (ฉบับที่ 1) ของคณาจารย์จากสถานศึกษาและอุดมศึกษาทั่วประเทศ ถึง นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาราษฎรบนผืนแผ่นดินประเทศไทยและกว้างไกลออกไป

27 กุมภาพันธ์ 2563 ปรากฏการณ์ชุมนุมประท้วงนับตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 นั้น ยากที่จะเข้าใจเป็นอื่นได้ นอกจาก เป็นปฏิกิริยาตอบโต้ต่อคำตัดสินของกลุ่มตุลาการเสียงข้างมากว่า ไม่ เป็นไปตามหลักนิติธรรม อีกทั้งเห็นว่า ยังเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่ปฏิบัติสืบต่อเนื่องกันมานับตั้งแต่วันรัฐประหาร วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 โดยกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า “คณะ คสช.” ที่พยายามบั่นทอนพลังซึ่งมุ่งให้สังคมไทยเจริญขึ้นในทางระบบการ ปกครอง ทัดเทียมอารยประเทศ

แถลงการณ์นี้ ขอแสดงเจตจำนงถึง

(1) สนับสนุนการแสดงออกโดยเสรีของนักเรียน นิสิต นักศึกษาจากนานาสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ

(2) ขอให้ผู้บริหารสถานศึกษา มหาวิทยาลัยต่างๆ เข้าใจและยอมรับสิทธิเสรีภาพการแสดงออกของนักเรียน นิสิต นักศึกษา โดยไม่ขัดขวาง หรือกระทั่งร่วมมือ สนับสนุนกลุ่มของฝ่ายปกครองที่อาจจะใช้มาตรการทางกฎหมายหรือกระทั่ง อาวุธต่อเยาวชนและประชาราษฎรที่มิได้มีผลประโยชน์ใดๆ แอบแฝง นอกจากความปรารถนาให้บ้านเมืองดำเนินไปด้วยความเป็น ธรรมทางการเมือง-สังคม และคำนึงถึงความผาสุกของประชาราษฎรเป็นสำคัญ

อนึ่ง ขอให้องค์กร หน่วยงานของรัฐและสังคม ตลอดจนสาธารณชนทั่วไปได้พิจารณาหนุนช่วยซึ่งกันและกันใน การแก้ไขความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนี้ให้เป็นไปโดยสันติ ปราศจากความความรุนแรงและความสูญเสียไม่ว่าจะทางวัตถุ หรือ ชีวิต ขอแสดงความเคารพ และเชื่อมั่นในเจตนาอันเป็นมงคลของพลเมืองในสังคมไทย

รายชื่อผู้ร่วมลงนาม 1.ไชยันต์ รัชชกูล 2.บุศรินทร์ เลิศชวลิตสกุล 3.พรชัย นาคสีทอง 4.สร้อยมาศ รุ่งมณี 5.อนินทร์ พุฒิโชติ 6.ศุทธิกานต์ มีจั่น 7.สุธิดา วิมุตติโกศล 8.สุริยาพร เอี่ยมวิจิตร์ 9.เมธาวี โหละสุต 10.มนฑิตา โรจน์ทินกร 11 มิ่ง ปัญหา 12.รัชกฤช วงษ์วิลาศ 13.พชรวรรณ บุญพร้อมกุล 14.ปัญญา เล็กวิไล 15.พศุตม์ ลาศุขะ 16.อสมา มังกรชัย 17.ซัมซู สาอุ 18.จิรธร สกุลวัฒนะ 19.บัณฑูร ราชมณี 20.ก่อพงศ์ วิชญาปกรณ์ 21.เยาวนิจ กิตติธรกุล 22.วลักษณ์กมล จ่างกมล มอ.ปัตตานี 23.คารีนา โชติรวี 24.ธีระพล อันมัย 25.ธวัช มณีผ่อง 26.ณรุจน์ วศินปิยมงคล 27.พสิษฐ์ วงษ์งามดี 28.นีรนุช เนียมทรัพย์ 29.ศรายุธ ตั้งประเสริฐ 30.เสาวนีย์ ตรีรัตน์ อเลกซานเดอร์ 31.นราสิทธิ์ วงษ์ประเสริฐ 32.จิราภรณ์ สมิธ 33.ปาริชาติ ภิญโญศรี 34.ราม ประสานศักดิ์ 35.สิบปีย์ชยานุสาสนีจันทร์ดอน 36.อรอนงค์ ทิพย์พิมล 37.กิตติกาญจน์ หาญกุล 38.งามศุกร์ รัตนเสถียร 39.เก่งกิจ กิติเรียงลาภ 40.รจนา คำดีเกิด 41.ยุกติ มุกดาวิจิตร 42.อรรถพล อนันตวรสกุล 43.เดโชพล เหมนาไลย 44.เคท ครั้งพิบูลย์ 45.วิศรุต บวงสรวง 46.ศุภวิทย์ ถาวรบุตร 47.อานันท์ อุชชิน 48.ธาริตา อินทนาม 49.พัชราภรณ์ หนังสือ 50.เฉลิมพล โตสารเดช 51.แพร จิตติพลังศรี 52.ดารารัตน์ ค าเป็ง 53.รอมฎอน ปันจอร์ 54.วิศิษย์ ปิ่นทองวิชัยกุล 55.ดวงยิหวา อุตรสินธุ์ 56.ธนศักดิ์ สายจำปา 57.ชลิตา บัณฑุวงศ์ 58.ศิวพล ชมพูพันธุ์ 59.ชัชวาล ปุญปัน 60.พิชญา พรรคทองสุข 61.ฐิติรัตน์ สุวรรณสม 62.ปราโมทย์ ระวิน 63.เทียมสูรย์ สิริศรีศักดิ์ 64.อนุสรณ์ อุณโณ 65.ปราการ กลิ่นฟุ้ง 66.สุวิชชญา จันทรปิฎก 67.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี 68.มนตรา พงษ์นิล 69.ปฐม ตาคะนานันท์ 70.ฐิติพงษ์ ด้วงคง 71.เชาวฤทธิ์ เชาว์แสงรัตน์ 72.กนกวรรณ มะโนรมย์ 73.ชาญณรงค์ บุญหนุน 74.ติณณภพจ์ สินสมบูรณ์ทอง 75.สุรพศ ทวีศักดิ์ 76.เพียงกมล มานะรัตน์ 77.ปฐวี โชติอนันต์ 78.วิภาวี พงษ์ปิ่น 79.เอกสิทธิ์ หนุนภักดี 80.ปฤณ เทพนรินทร์ 81.สุพัฒน์ กู้เกียรติกูล 82.กฤดิกร วงศ์สว่างพานิช 83.อิสราภรณ์ พิศสะอาด 84.เอกพล เธียรถาวร 85.คมลักษณ์ ไชยยะ 86.อันธิฌา แสงชัย 87.อาจินต์ทองอยู่คง 88.ธนพฤกษ์ ชามะรัตน์ 89.ถนอม ชาภักดี 90.กิ่งกาญจน์ ส านวนเย็น 91.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด 92.เรวัตร หินอ่อน 93.ศรัญญู เทพสงเคราะห์ 94.สิทธารถ ศรีโคตร 95.ปิยะมาศ ทัพมงคล 96.กรพนัช ตั้งเขื่อนขันธ์ 97.กิติมา ขุนทอง 98.ศักรินทร์ ณ น่าน 99.อลิสา หะสาเมาะ 100.นฤมล ทับจุมพล 101.วัฒนชัย วินิจจะกูล 102.ชัยพงษ์ ส าเนียง 103.วินัย ผลเจริญ 104.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี 105.อรุณีสัณฐิติวณิชย์ 106.ปวินท์ ระมิงค์วงศ์ 107.ชาญคณิต อาวรณ์ 108.วริตตา ศรีรัตนา 109.พงษ์ศักดิ์ รัตนวงศ์ 110.อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์ 111.นาตยา อยู่คง 112.พิมพ์ปฏิมา นเรศศิริกุล 113.อริน เจียจันทร์พงษ์ 114.จันทรา ธนะวัฒนาวงศ์ 115.สุรางค์รัตน์ จ าเนียรพล 116.สักรินทร์ แซ่ภู่ 117.สุทธาสินี จิตรกรรมไทย เจียจันทร์พงษ์ 118.ณัฐพล วิชาญ 119.พนิดา อนันตนาคม 120.โสรัจจ์ หงศ์ลดารมภ์ 121.นัทมน คงเจริญ 122.ธนาวิ โชติประดิษฐ 123.สามชาย ศรีสันต์ 124.ธิดารัตน์ ศักดิ์วีระกุล 125.สาวิตร ประเสริฐพันธุ์ 126.พรรณพิมล นาคนาวา 127.อาจิณโจนาธาน อาจิณกิจ 128.วีรบูรณ์ วิสารทสกุล 129.บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ 130.ทัศนัย เศรษฐเสรี 131.รามิล กาญจันดา 132.อาทิตย์ ศรีจันทร์ 133.พิชัยวัฒน์ แสงประพาฬ 134.เพ็ญสุภา สุขคตะ 135.ณิชภัทร์ กิจเจริญ 136.เอกฤทัย ฉัตรชัยเดช 137.รุ่งทิพย์ จันทร์ธนะกุล 138.เอนก รักเงิน 139.ผศ.พันธุ์พิพิธ พิพิธพันธุ์ 140.เยาวนิจ กิตติธรกุล 141.วาสนา ละอองปลิว 142.พวงทอง ภวัครพันธุ์ 143.นิติ ภวัครพันธุ์ 144.มูนีเราะฮ์ ยีด า 145.สมิทธิรักษ์ จันทรักษ์ 146.ดวงดาว พันธ์นิกุล 147.ทสิตา สุพัฒนรังสรรค์ 148.พิชญา พรรคทองสุข 149.กิตติ วิสารกาญจน 150.ตะวัน วรรณรัตน์ 151.ภาวิณี ช่วยประคอง 152.จักรกฤษ กมุทมาศ 153.เอกพลณัฐ ณัฐพัทธนันท์ 154.วัชรพล พุทธรักษา 155.คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง ภาควิชาปรัชญา มหาวิทยาลัยศิลปากร 156.ขวัญชนก กิตติวาณิชย์ 157.สุรัช คมพจน์ 158.ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ 159.เดือนฉาย อรุณกิจ 160.ณรงค์ฤทธิ์สุมาลี 161.พฤกษพรรณ บรรเทาทุกข์ 162.เด่นเดือน เลิศทยากุล ไชยยะ 163.สุไรนีสายนุ้ย 164.รชฎ สาตราวุธ 165.ชิงชัย เมธพัฒน์ 166.ธนภาษ เดชพาวุฒิกุล 167.จณิษฐ์เฟื่องฟู 168.บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ 169.ฟารีดา ปันจอร์ 170.อรัญญา ศิริผล 171.สมชาย ปรีชาศิลปกุล 172.อรรถจักร์สัตยานุรักษ์ 173.กฤษณ์พชร โสมณวัตร 174.ดรุณีไพศาลพาณิชย์กุล 175.อลงกรณ์อรรคแสง 176.ศราวุฒิวิสาพรม 177.นิลุบล ไพเราะ 178.ขจรศักดิ์สิทธิ 179.ค าปิ่น อักษร 180.เสนาะ เจริญพร 181.พรรษาสิริกุหลาบ 182.บาหยัน อิ่มส าราญ 183.รัตนา โตสกุล 184.คณิน เชื้อดวงผุย 185.สุรินทร์อันพรม 186.เดชรัต สุขก าเนิด 187.โอฬาร ถิ่นบางเตียว 188.ประภาส ปิ่นตบแต่ง 189.ศักดินา ฉัตรกุล ณ อยุธยา 190.บารมี ชัยรัตน์ 191.พฤหัส พหลกุลบุตร 192.สิงห์สุวรรณกิจ 193.ภาสกร อินทุมาร 194.สุเทพ วิไลเลิศ 195.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี 196.กุสุมา กูใหญ่ 197.สมัชชา นิลปัทม์ 198.วิไลลักษณ์สุวะโซโน มอ.หาดใหญ่ 199.รามิล กาญจันดา 200.ทวีป มหาสิงห์


เมื่อเห็นนักเรียน... เข้าร่วมคลื่นประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยเมื่อวานนี้แล้ว รู้สึกฮึกเหิมไปด้วย



ผมปลื้มใจมากกับคนรุ่นใหม่วัยเยาว์ของเมืองไทย และดีใจมากที่ ชาร์ลี ลูกชายของผม ก็เป็นเด็กไทยคนหนึ่งด้วย
เมื่อเห็นนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เข้าร่วมคลื่นประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยเมื่อวานนี้แล้ว รู้สึกฮึกเหิมไปด้วย
แล้วยังมีโรงเรียนสตรีวิทยา ที่วางแผนจะออกไปประท้วง แต่โดนทางโรงเรียนสั่งห้ามไปเมื่อวานนี้ น้องๆเลยเดินไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และหลังจากนั้น ก็ไปร่วมต้อต้านกับกลุ่มใหญ่ของพี่ๆที่มหาวิทยาลัยศิลปากร
ในขณะเดียวกัน ผู้ใหญ่โรงเรียน บดินทรเดชา ได้ออกประกาศสั่งห้ามการประท้วงภายในโรงเรียน และยังกล่าวอีกว่า ทางโรงเรียนไม่สนับสนุนกิจกรรมใดๆ ที่เสี่ยงต่อการละเมิด “ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข”
น้องๆทั้งหลาย พวกคุณคืออนาคตของประเทศไทย ขอให้ยืนหยัดต่อสู้ร่วมกัน แล้วคุณจะสามารถโค่นล้มไดโนเสาร์และสัตว์เลื้อยคลานพวกนี้
ด้วยความคารวะ
I’m so proud of the young people of Thailand, and happy that my son Charlie is a young Thai too.
It was great to see Triamudom Suksa School pupils joining the wave of democracy protests yesterday.
The all-girl Satriwithaya School planned a demonstration yesterday too and after school management banned it, they marched to Democracy Monument and later joined a larger protest held at Silpakorn University.
Meanwhile the head of Bodindecha School released a statement forbidding any protests inside its facility. He said the school does not endorse any activities that risk violating the “democratic regime with the King as head of the state”.
Young people are the future of Thailand. Standing together, you will defeat the dinosaurs and lizards
I salute you!









#อภิปรายไม่ไว้วางใจ: การทำงานกับพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ไม่แน่นอนชัดเจนตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ ทำให้เสียโอกาสการอภิปราย ประวิตร อนุพงษ์ วิษณุ ในสภาผู้แทนราษฎร - ปิยบุตร แสงกนกกุล






[ #อภิปรายไม่ไว้วางใจ: การทำงานกับพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ไม่แน่นอนชัดเจนตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ ทำให้เสียโอกาสการอภิปราย ประวิตร อนุพงษ์ วิษณุ ในสภาผู้แทนราษฎร ]

ตั้งแต่ก่อนพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ พวกเราตกลงกับพรรคร่วมฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยอย่างสม่ำเสมอ เริ่มต้นจากให้แต่ละพรรคไปคิดกันเองว่าจะอภิปรายรัฐมนตรีคนใด ประเด็นใด

พวกเรายืนยันว่าอนาคตใหม่จะอภิปราย 5 คน ได้แก่ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประวิตร วงษ์สุวรรณ วิษณุ เครืองาม อนุพงษ์ เผ่าจินดา และธรรมนัส พรหมเผ่า

ต่อมา มีข่าวลือเรื่อง “คุณขอมา” ไม่ให้อภิปราย ประวิตร วงษ์สุวรรณ แต่พวกเราไม่เชื่อว่าเป็นความจริง และเริ่มมีข้อเสนอว่าให้อภิปรายประยุทธ์คนเดียวก็พอ คนอื่นไม่ต้อง

แต่พวกเรายืนยันว่าต้องอภิปรายรัฐมนตรีคนอื่นๆ ด้วย เพราะเตรียมงานไว้หมดแล้ว

รายชื่อรัฐมนตรีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะถูกอภิปราย ถูกสับเปลี่ยนไปมาตลอด กว่าจะนิ่ง ต้องรอจนช่วงท้ายๆ

แม้กระนั้นชื่อของประวิตร ก็เป็นชื่อสุดท้ายที่ถกเถียงกัน จนเมื่อผมเข้าร่วมประชุมวิปฝ่ายค้านเป็นคนสุดท้าย และยืนยันว่า #อนาคตใหม่ จะอภิปรายประวิตร

ในที่สุดพรรคร่วมฝ่ายค้านจึงได้ยื่นญัตติอภิปรายรัฐมนตรี 6 คน
อนาคตใหม่พยายามเสนอให้แบ่งเวลาตามโควต้าพรรค แต่ก็ไม่มีความชัดเจน

อนาคตใหม่ขอให้จัดลำดับประวิตรไว้ต่อจากประยุทธ์ แต่ก็ไม่ได้ จะให้อภิปรายประวิตรเป็นคนสุดท้าย

ผมเริ่มอ่านสถานการณ์ออกว่าแปลกๆ จึงบอกให้เพื่อน ส.ส. ยืนยันว่า ต้องอภิปรายประวิตรเป็นคนที่สอง

เรากำหนด ส.ส. ผู้อภิปรายและจำนวนเวลาไว้ได้มา 11 ชั่วโมง
เปิดอภิปรายวันแรกรัฐมนตรีใช้เวลาตอบเยอะ จึงมีการเจรจาร่วมกันระหว่างวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้าน ซึ่งปรากฎว่าไม่มีการชวน ส.ส. ตัวแทนวิปของเราเข้าไปร่วมด้วย

ผลที่ได้ คือหลังจากผ่านการอภิปรายมาแล้ว 1 วันครึ่ง พึ่งมาตกลงแบ่งเวลากัน (นี่คือข้อเสนอของอนาคตใหม่ตั้งแต่แรกแล้วว่าให้ตกลงกันแบบนี้ก่อน แต่ไม่ทำ กลับมาทำเอาทีหลัง) สรุปว่ารัฐบาลได้ 10 ชั่วโมง ค้านได้ 21 ชั่วโมง

ทีมเจรจาของวิปฝ่ายค้านไม่ดูเลยว่า ส.ส. ฝ่ายค้านที่เหลือ มีอีกกี่คน อภิปรายกันกี่ชั่วโมง

อนาคตใหม่ใช้เวลาไปเพียง 140 นาที ยังเหลืออีกเกือบ 9 ชั่วโมง แต่วิปฝ่ายค้าน (ซึ่งไม่มีอนาคตใหม่อยู่ในนั้น) กลับไปรับข้อตกลงมาว่าฝ่ายค้านเหลือเวลา 21 ชั่วโมง ซึ่งเท่ากับต้องแบ่งให้อนาคตใหม่ 9 ชม.

เราเริ่มอ่านสถานการณ์ออกว่าจะมี ส.ส. อภิปรายประยุทธ์มาก จนไม่เหลือเวลาให้อภิปรายรัฐมนตรีคนอื่น

พวกเราจึงตกลงกันว่าให้อภิปรายประยุทธ์ 3 วัน และวันสุดท้ายอภิปรายรัฐมนตรีอีก 5 คนที่เหลือ

ทุกพรรครับข้อเสนอนี้หมด แต่ข้อตกลงนี้กลับถูกทำลายลง เพียงเพราะว่า ส.ส. คนหนึ่งของเพื่อไทย ไม่ยอมมาอภิปรายประยุทธ์ในช่วงค่ำวันที่ 3 ดึงดันจะอภิปรายเช้าวันที่ 4 ให้ได้

ผมและเพื่อน ส.ส. จึงไปคุยกับอาสมพงษ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและแกนนำเพื่อไทยอีกหลายคน เพื่อขอให้เป็นไปตามข้อตกลงเดิม ด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องยอม “ตามใจ” ส.ส. คนเดียว

อีกอย่างคือเรารู้ดีว่าถ้าให้ ส.ส. คนนี้อภิปรายประยุทธ์ในเช้าวันที่ 4 เขาจะใช้เวลานาน และอภิปรายพาดพิงไปยังรัฐมนตรีอีกหลายคน และรัฐมนตรีก็ต้องตอบยาว จนกินเวลาไปถึงช่วงบ่าย และทำให้อนาคตใหม่ไม่มีเวลาอภิปรายรัฐมนตรีที่เหลือ

สุดท้ายเพื่อไทยก็ไม่ยอม มาขอให้เราผ่อนผัน ด้วยการอภิปรายธรรมนัสในคืนวันที่ 3 แต่ตามกติกาไม่สามารถทำได้ เพราะยังอภิปรายประยุทธ์ไม่หมด

การเจรจาหาข้อตกลงกับพรรคเพื่อไทย เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะ ไม่รู้ว่าศูนย์อำนาจการตัดสินใจ หรือ Final Say อยู่ที่ไหนกันแน่ ตกลงแล้ว เปลี่ยน ตกลงแล้ว เปลี่ยน คนหนึ่ง พูดอย่าง อีกคน พูดอย่าง

พวกเราก็ต้องมาปรับหน้างาน โดยใช้แท็คติกอภิปรายพ่วง “ประยุทธ์-ธรรมนัส” ตามข้อเสนอของเพื่อไทย

ปรากฏว่าเพื่อไทยก็อภิปรายเกินเวลา และเอาคนมาแทรงคิว ส.ส. อนาคตใหม่ อีกจนเราได้เริ่มอภิปรายธรรมนัสตอน 23.00 น. ไปจบตอนตีสาม

พอมาวันสุดท้าย วันที่ 4 ส.ส. ที่สร้างเงื่อนไขไว้ว่าจะอภิปรายประยุทธ์ตอนเช้า ปรากฎว่าก็ไม่เข้ามาประชุมเสียที จนในสภาต้องใช้ “แท็คติก” หารือถ่วงเวลาไปหนึ่งชั่วโมง จนพอได้อภิปรายก็กลับใช้เวลาเกินคนอื่นอีกร่วมชั่วโมง

จากนั้นรัฐมนตรีตอบกันอีกหลายคน หลายชั่วโมง

จากการประเมินผมรู้แล้วว่า “พวกเขา” ไม่ต้องการให้เราอภิปรายรัฐมนตรีที่เหลือ โดยเฉพาะพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ

พวกเราเหลือผู้อภิปรายอีก 4 คน รวม 210 นาที และ ส.ส. ของเราที่ได้อภิปรายไปก่อนหน้านั้น ไม่มีใครใช้เวลาเกินแม้แต่คนเดียว บางคนยังเหลือเวลาด้วย เพราะพวกเราซ้อมกันมาอย่างดี

ผมจึงบอกเพื่อน ส.ส. ว่าหัวเด็ดตีนขาด ส.ส. ที่เหลือของเราต้องได้อภิปราย

มิเช่นนั้น คนที่เคารพกติกา ยอมอลุ้มอล่วยให้คนอื่น ก็จะโดนเอาเปรียบ

มิเช่นนั้น ส.ส. ที่ตั้งใจค้นคว้า เตรียมข้อมูล ซ้อมอย่างหนัก กลับถูก ส.ส. ที่ไม่เคารพเวลา กติกา มารยาท ข้ามหัวไปหมด

“พวกเขา” เผาเวลาของพวกเราไปเรื่อยๆ จน ส.ส. ของเราเหลือ 30 นาที จากที่เราได้ 210 นาที

“พวกเขา” เผาเวลาของเราไปเรื่อยๆ จากรัฐมนตรีที่เราต้องอภิปรายอีก 3 คน คือ ประวิตร วิษณุ อนุพงษ์ กลายเป็นได้อีกแค่ 1 คนเท่านั้น

รัฐบาลเล็งเห็นโอกาสนี้ จึงใช้โอกาสนี้เต็มที่ ไม่ยอมผ่อนผันแม่แต่น้อย เพราะรัฐบาลต้องการปกป้องรักษาพลเอกประวิตรเต็มที่

พวกเราจึงต้องวอล์คเอาท์ มาอภิปรายนอกสภา

ส.ส. อนาคตใหม่ และทีมงานเบื้องหลัง ตั้งใจทำงาน เตรียมอภิปรายมาอย่างดี แต่กลับต้องมาถูกการบริหารงานแบบไม่มีประสิทธิภาพ การไม่เคารพกติกาแบบนี้ ตัดโอกาสเรา

ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นญัตติที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของพรรคฝ่ายค้าน แต่เรากลับถูก “โกง” เวลา

พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ 3 วัน

แต่เราก็ยังเดินหน้าสู้ ส.ส. ทุกคนตั้งใจมาก พอถึงวันจริง ส.ส. “ไร้พรรค” อย่างพวกเรา ก็ยังเดินหน้าชนอย่างไม่เกรงกลัว

และผลงานที่เราทำครั้งนี้ ประชาชนและสื่อมวลชนคงตัดสินได้ว่าเป็นอย่างไร

น่าเสียดาย เราถูกตัดโอกาสเพียงเพราะ....

เราต้องช่วยกัน อย่าทำให้ประชาชนสิ้นหวังกับสภาผู้แทนราษฎรไปมากกว่านี้

หากมัวแต่ขัดขากันแบบนี้คงไม่มีทางเอาชนะเผด็จการได้ หรือแท้จริงแล้วไม่คิดจะเอาชนะเผด็จการ เพราะจะเป็นแค่มวยล้มต้มคนดู

พวกเราพยายามใช้พื้นที่ของสภาผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่ เพื่ออย่างน้อยจะลดความโกรธของประชาชน ลดความไม่พอใจของประชาชน และมาแสดงออกกันที่สภาฯ ผ่านผู้แทนฯ ของเขา

เมื่อไรก็ตามที่ประชาชนสิ้นหวังกับสภาผู้แทนราษฎร และเห็นว่าสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เมื่อนั้นการเมืองนอกสภาก็จะเข้มข้นขึ้น
...

เคยมีมาก่อนมั้ยครับ ชิงปิดสภาฯโดยผู้ที่มีรายชื่อในญัตติฯ ยังไม่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ - ชมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล (นอกสภา) เพราะเวลาเราถูกกีดกัน






การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ยุติลงในเวลา 19.14 น. หลังสภามีมติเอกฉันท์ 251 ต่อ 0 งดออกเสียง 7 ไม่ลงคะแนน 2 ให้ปิดการประชุม

มตินี้เกิดขึ้นหลังรัฐบาลกับฝ่ายค้านไม่อาจตกลงร่วมกันได้ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับผู้อภิปรายของฝ่ายค้านที่ยังเหลืออยู่ 4 คน แบ่งเป็น ส.ส. อดีตพรรคอนาคตใหม่ 3 คน และพรรคเพื่อไทย (พท.) 1 คน เนื่องจากหมดเวลาในการใช้สิทธิอภิปรายตามข้อตกลงระหว่างวิป 2 ฝ่ายแล้ว แต่ยังเหลือรัฐมนตรีอีกคนคือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่ยังไม่ถูกอภิปรายเลย

นายสุทิน คลังแสง ประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ซึ่งต้องทำหน้าที่สรุปญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ กล่าวว่า การอภิปรายรัฐมนตรียังไม่ครบ จึงไม่อาจสรุปได้ และการลงคะแนนจะไม่เป็นธรรม ทว่าวิปรัฐบาล เสนอให้ปิดการอภิปรายและชี้ว่าเป็นเรื่องที่ผู้อภิปรายไม่ใช้สิทธิเอง ซึ่งเคยมีกรณีนี้ในสภามาแล้ว สภาก็นัดลงมติรุ่งขึ้น

ระหว่างนั้น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พท. เสนอสวนขึ้นมาว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายต่อและเตรียมเสนอชื่อผู้อภิปราย แต่นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เสนอปิดประชุมทันที ทำให้ ส.ส. พท. ระบุว่า "ขอให้บันทึกเอาไว้ว่าสภาใช้เสียงข้างมากปิดปากฝ่ายค้าน"

คำพูดดังกล่าวของฝ่ายค้านสร้างความไม่พอใจให้แก่นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภา ปฏิบัติหน้าที่ประธาน ที่กล่าวว่า "ปิดปากหรือครับ 4 วัน 4 คืนแล้วนี่ (เสียงโห่จากสมาชิกส่วนหนี่ง) แต่นายจุลพันธ์ยังพูดต่อไปว่า "ท่านขาดความเป็นกลางนะครับ ถ้าจะพูดมาแบบนี้ ลงมาปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลเลยดีกว่า"

ที่สุดแล้วประธานได้สั่งตรวจสอบองค์ประชุม ก่อนขอมติว่าจะปิดประชุมหรือไม่ โดยที่ ส.ส. ฝ่ายค้านได้ทยอยเดินออกจากที่กดบัตรแสดงตนไปอยู่ข้างหลังห้องหรือวอล์กเอาต์ เหลือแต่ ส.ส. รัฐบาลที่ร่วมลงมติเอกฉันท์ให้ปิดการประชุม

วันพรุ่งนี้ (28 ก.พ.) ประธานนัดสมาชิกมาลงมติไว้วางใจ/ไม่ไววางใจ ในเวลา 09.30 น.

ที่มา บีบีซีไทย


วันพฤหัสบดี, กุมภาพันธ์ 27, 2563

บรรยากาศตอนนี้เหมือน ๑๔ ตุลา ต่างแต่ว่าไม่มีสวนจิตรฯ มีแต่ ‘มูนิช’ ก็อยู่ไกล๊ไกล


บ่องตง บรรยากาศตอนนี้เหมือน ๑๔ ตุลา ต่างแต่ว่าไม่มีสวนจิตรฯ มีแต่ มูนิช ก็อยู่ไกล๊ไกล เรื่องรัฐมนตรีด้านได้รอไว้ก่อน ลงถ้าแถว่าติดคุกออสเตรเลียไม่ใช่คุกไทย ไม่เกี่ยวละก็ กระบวนยุติธรรมไทยล้มเหลวแล้วอย่างสิ้นเชิง

ไอ้วิธีการแถกแบบนี้ แบบที่เฮียหนูเค้าบอกว่าคนที่อัดเทปตอน เซลของภูมิใจไทย จ่ายตลาดกว้านซื้อ ส.ส.อนาคตใหม่ ๒๓-๒๕ ล้าน แถมแพ็คเกจรถและพ้อคเก็ตมันนี่ย์ ว่าไม่เข้าท่า โตๆ กันแล้ว มารยาทต้องมี “นี่มันพฤติกรรมกุ๊ย” นั่นเหรอ

ก็แบบเดียวกับนายกฯ ที่โพทธนาเมียผมเก่งและดี สอนผมเสียอีก เพียงเพื่อจะปฏิเสธว่าไม่มีเอี่ยวเรื่องประมูล ‘ไบโอเมตริกซ์’ โดยไม่มีหลักฐานใดๆ มายันเขาได้ เมื่อ ส.ส.เพื่อไทย วิสาร เตชะธีราวัฒน์ อภิปรายพาดพิง น้ำหน้าอย่างนี้จะมีใครเชื่อ


นั่นก็ดันกันไปท่ามกลางฉากล้อม ๓๖๐ องศา ที่สมาชิกสถานศึกษาต่างๆ เกือบทั่วประเทศ จัดกิจกรรมประณามกระบวน ตลก. และต่อต้านอำนาจสืบทอดของระบบเผด็จการ กระหึ่มอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนนับแต่ปี ๒๕๑๖
 
มันเป็นความร่วมใจของคนหนุ่มสาวไม่ว่ารุ่นนักศึกษาหรือว่านักเรียน ที่พากันออกมาแสดงให้ประจักษ์ว่าพวกเขาไม่ยอมทนกับคนรุ่นหวนหาอดีต ที่เอารัดเอาเปรียบ (ขอลุงก่อน) บิดเบี้ยวระเบียบกฎหมาย ที่เขียนเอง ผ่านเอง อย่างเอาเปรียบอยู่แล้ว

ที่จุฬาฯ มีเขียนข้อความ กษลรจตกมที่ตีความว่า “เกษียณแล้ว...” ก็ได้ ที่ มธ. มีนักศึกษาอายุ ๒๑ ปีขึ้นปราศรัยว่า “พวกเราไม่ได้ออกมา #saveอนาคตใหม่ แต่มา #saveอนาคตเรา” และที่ศาลายา ศิษย์เก่าท่านหนึ่งบอกว่า สมัยผมก็ยังไม่มากขนาดนี้

ขอยืมข้อความทวี้ตอย่างเนิบๆ ของ Pravit Rojanaphruk มาเสริมหน่อยว่า “กงล้อการเปลี่ยนแปลงเคลื่อนอย่างไม่คาดฝันโดยหนุ่มสาว อย่างไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่รัฐประหาร​ ๒๕๔๙​ ผมไม่ทราบว่าจะนำสู่อะไร” หลายคนมีคำตอบ

“​แต่แน่ใจว่าเวลาอยู่ข้างคนรุ่นใหม่ที่อายุน้อยกว่าคลื่นลูกเก่า พวกเขามีเวลา ​และที่สำคัญ​พวกเขาตาสว่างแล้ว” บก.ข่าวสดอิงลิชปิดท้าย ตาสว่างกันแค่ไหนไม่ทราบได้ เห็นแต่รูปนักศึกษา มศว.ชูป้าย “เยอรมันอากาศดีไม๊?

พวกเขาคงคิดถึงความกดอากาศ ที่ดันเอาฝุ่นพีเอ็ม ๒.๕ จากท้องฟ้าลงสู่ยอดหญ้า จากระดับอุดมศึกษาสู่มัธยม มันแผ่กระจายไปในแนวราบประดุจดังหมอกควันจากน้ำแข็งแห้ง #สว.ที่อยู่ข้างประชาธิปไตย โผล่แล้ว #เกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ กำลังสยาย
 
นักเรียนสตรีวิทยาราว ๓๐ กว่าคนไม่สามารถรวมตัวแสดงความเห็นภายในรั้วรอบขอบชิดของสถานศึกษาได้ จึงพากันออกมายกป้ายหน้าโรงเรียน แล้วเคลื่อนต่อไปยังอนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ “เราไม่ต้องการอยู่ข้างอนุสาวรีย์ซึ่งเป็นแค่ที่วนรถ

เราต้องการให้มันมีความหมายจริงๆ เราต้องการอยู่ข้างประชาธิปไตยทั้งในเชิงภูมิศาสตร์และอุดมการณ์” นักเรียนที่ร่วมกิจกรรมคนหนึ่งกล่าวสะท้อนข้อความบนแผ่นป้ายขนาดใหญ่ “ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ประเทศเรานี้เป็นของราษฎร”

ส่วนที่พญาไท “ตำรวจปิดกั้นและล้อมประตูทางเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ทำให้ศิษย์เก่าหลายคนไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรม #เกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ ได้” ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงาน “มีการพยายามขอตรวจบัตร ปชช. และนำรถ ตร.มาจอดที่ทำกิจกรรม”

ทางด้านมติชนรายงานด้วยเหมือนกันว่า มีตัวแทนนักเรียนขึ้นกล่าวปราศรัยบริเวณลานหม่อมหลวงปิ่น ตอนหนึ่งว่า “ขอยืนยันว่า พวกตนมีเพียงแค่เสียงกับอุดมการณ์ ไม่มีอำนาจในมือเพราะถูกเผด็จการพรากไปแล้ว เราขอเรียกร้องเพียงความเท่าเทียม ซึ่งเป็นพื้นฐานของประชาธิปไตย”

ขณะที่ทางผู้นำรัฐบาลยังอึกอักกันอยู่ ใช้วิธีกดดันผ่านกระทรวงอุดมศึกษา ออกคำสั่งให้มหาวิทยาลัยต่างๆ หลีกเลี่ยงการจัดชุมนุมภายในบริเวณมหาวิทยาลัย อ้างว่าเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ‘COVID-19’

 
จะมีก็แต่ลิ่วล้อและหางเครื่องออกมา สาดเสีย ใส่นักศึกษา สิระ เจนจาคะ ว่า “เด็กไม่อยู่ส่วนเด็ก ต้องสั่งสอนให้รู้จักดีชั่วกันซะบ้าง” เช่นกันกับ สนธิญาน ชื่นฤทัยในธรรม แสดงความยิ่งใหญ่ออกรายการ ทิศทางไทย ของตน

จาบจ้วงอย่างแรงว่า “นิสิตนักศึกษาโง่ ยอมให้ ธนาธร (จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต หน.พรรคอนาคตใหม่) หลอกออกมาปะทะ ก็ดี จะได้จบๆ เสียที” พูดอย่างนี้เชื่อแน่ว่าต้องมีนักศึกษาจำนวนมากไพล่นึกย้อนยุคไปยังปี ค.ศ.๑๘๔๘ และคำว่า กิโยติน