พอโฆษก ทบ.ขอความเป็นธรรมทหารที่ตายตอนสลายชุมนุมปี
๕๓ ว่า “สำหรับคดีที่เจ้าหน้าที่ทหารเป็นผู้ถูกกระทำ ก็มีความคืบหน้าน้อย” อี๊ติ่งก็เลยเอาบ้าง
“ยืนยันประกอบได้ว่าทหารไม่ได้ยิงประชาชน แต่ทหารและประชาชนถูกกระทำจนตาย
เนื่องจากกลุ่มชายจำนวนหนึ่งในชุดดำแฝงอยู่กับประชาชนชุดแดง” นางมัลลิกา
บุญมีตระกูล มหาสุข รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ว่าไว้ในตอนหนึ่งของข้อเขียนบนเฟชบุ๊ค
อันเนื่องมาจากนางพะเยาว์ อัคฮาด “ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์
เดินเท้าไปทำเนียบรัฐบาล” ยื่นหนังสือทัดทานทหารกดดันอัยการล้มคดีฆ่าประชาชน ๙๙ ศพ
ซึ่งรวมทั้งน้องเกด ลูกสาวซึ่งเป็นพยาบาลอาสาที่ถูกทหารยิงตายในวัดปทุมวนารามพร้อมกับอาสาอีก
๕ คน เมื่อตอนรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
พรรคประชาธิปัตย์สั่งสลายชุมนุมด้วยกระสุนจริงเมื่อปี ๒๕๕๓
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก ทบ. อ้างว่า “กองทัพบกติดตามความความคืบหน้าคดีมาตลอด
ไม่ได้ชะลอหรือทำให้เกิดความล้าช้า...ปัจจุบันเรื่องคดีนั้น
เชื่อว่าหลายคดีที่มีองค์ประกอบพอเพียงที่จะดำเนินการทางคดีได้
และส่วนใหญ่ก็อยู่ในกระบวนการแล้ว”
‘อี๊ติ่ง’ ผู้คอยตั้งหน้าบริภาษณ์คนเสื้อแดง
พูดถึงเหตุการณ์ปีนั้นบ้างแต่อ้างเนื้อความคดีอย่างบิดพริ้ว เอาเรื่องที่อดีตนายกฯ
และรองฯ (อภิสิทธิ์-สุเทพ) ฟ้องอธิบดีดีเอสไอ ธาริต เพ็งดิษฐ์
ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามความผิดอาญามาตรา ๑๕๗ และ ๒๐๐ มาใช้จ้วงจาบ
นางมัลลิกาจงใจบรรยายเหตุการณ์ให้เห็นเป็นว่า
กลุ่ม นปช. เป็น “กลุ่มคนเสื้อแดงที่สนับสนุนนายทักษิณ ชินวัตร และพรรคพลังประชาชน...ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับบุคคลผู้ใช้อาวุธในการชุมนุมที่คนเรียกกันว่า
ชายชุดดำ”
มิหนำซ้ำยังปั้นน้ำเป็นตัวเพื่อให้ร้ายทั้ง
นปช. และคนเสื้อแดง โดยอ้างถึง “วิถีกระสุนที่มีการพิสูจน์หลักฐานของที่นิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรมในปี
๒๕๕๓ นั้น ‘ก็ชัดเจนดีว่า’ เป็นวิถีกระสุนที่ไม่ได้มาจากมุมสูงแต่เป็นมุมราบ”
มุ่งหมายป้ายสีต่อไปอีกว่า “แล้วใครที่อยู่ในมุมราบใช่ชายชุดดำหรือไม่
แล้วชายชุดดำมาจากใครคงต้องถาม นปช.และทักษิณ” ไม่เท่านั้น นางอวดอ้าง ยกตนข่ม
สั่งสอนเสียอีกว่า
“ดิฉันสรุปเรื่องนี้ให้พวกคณะของแม่น้องเกดและประชาชนเสื้อแดงอื่นๆ
เพื่อให้ได้สติว่าอย่าตกเป็นเหยื่อของกลุ่มนปช.ทักษิณอีก”
ด้วยความบังอาจบิดเบือนข้อเท็จจริงในคดีที่มีคำวินิจฉัยของศาลออกมาแล้วเช่นนี้
ทำให้นางพะเยาว์เองจำต้องเขียนข้อความชี้แจงถึงการโกหกของนางมัลลิกาว่า “ฝากไปถึงคุณมัลลิกาและพรรคประชาธิปัตย์นะคะ
คดีไต่สวนการตายของลูกสาวดิฉันศาลอาญากรุงเทพใต้ได้มีคำสั่งแล้วเมื่อวันที่
๖ สิงหาคม ๒๕๕๖ ว่า ผู้ตายทั้ง ๖ เสียชีวิตเนื่องมาจาก ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด .๒๒๓
หรือ๕.๕๖ มม.
ซึ่งวิถีกระสุนปืน
ยิงมาจากเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่บนรางรถไฟฟ้า BTS
หน้าวัดปทุม และไม่ปรากฏว่ามีชายชุดดำอยู่ในบริเวณดังกล่าว”
พร้อมทั้งให้ลิ้งค์ข่าวไทยรัฐเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๖ ให้ไปอ่านพิสูจน์ความจริง
ทั้งนี้ ทนาย อานนท์ นำภา
ช่วยย้ำเนื้อความสำคัญในการตัดสินของศาล ด้วยคอมเม้นต์ของเขาว่า “ศาลอาญามีคำสั่งในคดีไต่สวนการตายว่า
สาเหตุการเสียชีวิตของพลทหาร ณรงค์ฤทธิ์ สาละ
ในเหตุปะทะคนเสื้อแดงกับทหารบริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ดอนเมือง ปี ๒๕๕๓ จากการถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง
จากอาวุธของทหาร จนเสียชีวิต”
เท่านี้ก็ทำให้เห็นชัดว่า วุฒิภาวะต่อการสัตย์ซื่อและยอมรับความจริงนั้น
‘อี๊ติ่ง’
มีน้อยกว่าแม่น้องเกดหลายเท่า