วันเสาร์, กันยายน 22, 2561

‘อี๊ติ่ง’ จงใจบิดวินิจฉัยศาล 'ชายชุดดำ' เป็น “กลุ่มคนเสื้อแดงที่สนับสนุนนายทักษิณ"


พอโฆษก ทบ.ขอความเป็นธรรมทหารที่ตายตอนสลายชุมนุมปี ๕๓ ว่า “สำหรับคดีที่เจ้าหน้าที่ทหารเป็นผู้ถูกกระทำ ก็มีความคืบหน้าน้อย” อี๊ติ่งก็เลยเอาบ้าง

“ยืนยันประกอบได้ว่าทหารไม่ได้ยิงประชาชน แต่ทหารและประชาชนถูกกระทำจนตาย เนื่องจากกลุ่มชายจำนวนหนึ่งในชุดดำแฝงอยู่กับประชาชนชุดแดง” นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ว่าไว้ในตอนหนึ่งของข้อเขียนบนเฟชบุ๊ค

อันเนื่องมาจากนางพะเยาว์ อัคฮาด “ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เดินเท้าไปทำเนียบรัฐบาล” ยื่นหนังสือทัดทานทหารกดดันอัยการล้มคดีฆ่าประชาชน ๙๙ ศพ ซึ่งรวมทั้งน้องเกด ลูกสาวซึ่งเป็นพยาบาลอาสาที่ถูกทหารยิงตายในวัดปทุมวนารามพร้อมกับอาสาอีก ๕ คน เมื่อตอนรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พรรคประชาธิปัตย์สั่งสลายชุมนุมด้วยกระสุนจริงเมื่อปี ๒๕๕๓

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก ทบ. อ้างว่า “กองทัพบกติดตามความความคืบหน้าคดีมาตลอด ไม่ได้ชะลอหรือทำให้เกิดความล้าช้า...ปัจจุบันเรื่องคดีนั้น เชื่อว่าหลายคดีที่มีองค์ประกอบพอเพียงที่จะดำเนินการทางคดีได้ และส่วนใหญ่ก็อยู่ในกระบวนการแล้ว”


อี๊ติ่งผู้คอยตั้งหน้าบริภาษณ์คนเสื้อแดง พูดถึงเหตุการณ์ปีนั้นบ้างแต่อ้างเนื้อความคดีอย่างบิดพริ้ว เอาเรื่องที่อดีตนายกฯ และรองฯ (อภิสิทธิ์-สุเทพ) ฟ้องอธิบดีดีเอสไอ ธาริต เพ็งดิษฐ์ ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามความผิดอาญามาตรา ๑๕๗ และ ๒๐๐ มาใช้จ้วงจาบ

นางมัลลิกาจงใจบรรยายเหตุการณ์ให้เห็นเป็นว่า กลุ่ม นปช. เป็น “กลุ่มคนเสื้อแดงที่สนับสนุนนายทักษิณ ชินวัตร และพรรคพลังประชาชน...ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับบุคคลผู้ใช้อาวุธในการชุมนุมที่คนเรียกกันว่า ชายชุดดำ”

มิหนำซ้ำยังปั้นน้ำเป็นตัวเพื่อให้ร้ายทั้ง นปช. และคนเสื้อแดง โดยอ้างถึง “วิถีกระสุนที่มีการพิสูจน์หลักฐานของที่นิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรมในปี ๒๕๕๓ นั้น ก็ชัดเจนดีว่าเป็นวิถีกระสุนที่ไม่ได้มาจากมุมสูงแต่เป็นมุมราบ”

มุ่งหมายป้ายสีต่อไปอีกว่า “แล้วใครที่อยู่ในมุมราบใช่ชายชุดดำหรือไม่ แล้วชายชุดดำมาจากใครคงต้องถาม นปช.และทักษิณ” ไม่เท่านั้น นางอวดอ้าง ยกตนข่ม สั่งสอนเสียอีกว่า

“ดิฉันสรุปเรื่องนี้ให้พวกคณะของแม่น้องเกดและประชาชนเสื้อแดงอื่นๆ เพื่อให้ได้สติว่าอย่าตกเป็นเหยื่อของกลุ่มนปช.ทักษิณอีก”


ด้วยความบังอาจบิดเบือนข้อเท็จจริงในคดีที่มีคำวินิจฉัยของศาลออกมาแล้วเช่นนี้ ทำให้นางพะเยาว์เองจำต้องเขียนข้อความชี้แจงถึงการโกหกของนางมัลลิกาว่า “ฝากไปถึงคุณมัลลิกาและพรรคประชาธิปัตย์นะคะ
 
คดีไต่สวนการตายของลูกสาวดิฉันศาลอาญากรุงเทพใต้ได้มีคำสั่งแล้วเมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๖ ว่า ผู้ตายทั้ง ๖ เสียชีวิตเนื่องมาจาก ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด .๒๒๓ หรือ๕.๕๖ มม.

ซึ่งวิถีกระสุนปืน ยิงมาจากเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่บนรางรถไฟฟ้า BTS หน้าวัดปทุม และไม่ปรากฏว่ามีชายชุดดำอยู่ในบริเวณดังกล่าว” พร้อมทั้งให้ลิ้งค์ข่าวไทยรัฐเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๖ ให้ไปอ่านพิสูจน์ความจริง

“ได้ที่ https://www.thairath.co.th/content/362085 ค่ะ ขี้เกียจพูดมาก เจ็บคอ”

ทั้งนี้ ทนาย อานนท์ นำภา ช่วยย้ำเนื้อความสำคัญในการตัดสินของศาล ด้วยคอมเม้นต์ของเขาว่า “ศาลอาญามีคำสั่งในคดีไต่สวนการตายว่า

สาเหตุการเสียชีวิตของพลทหาร ณรงค์ฤทธิ์ สาละ ในเหตุปะทะคนเสื้อแดงกับทหารบริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ดอนเมือง ปี ๒๕๕๓ จากการถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง จากอาวุธของทหาร จนเสียชีวิต”


เท่านี้ก็ทำให้เห็นชัดว่า วุฒิภาวะต่อการสัตย์ซื่อและยอมรับความจริงนั้น อี๊ติ่ง มีน้อยกว่าแม่น้องเกดหลายเท่า