วันอังคาร, พฤษภาคม 21, 2567

'เปรมชัย' ใกล้ปิดดีลขายเหมืองโปแตซที่อุดรให้จีน “เพื่อนำเงินไปชำระหนี้” ของอิตาเลียนไทย

ดีลใกล้สุดแล้ว อิตาเลียนไทย เตรียมเซ็นสัญญาขายเหมืองแร่โปแตซที่อุดรให้กับบริษัทจีน ในสัดส่วน ๔๙% มูลค่า ๔๐๐ ล้านดอลลาร์ หรือ ๑๔,๔๐๐ ล้านบาท Decha Khambaomueang เก็บข่าวบลูมเบิร์กมาปูด

“สุดท้ายทรัพยากรบ้านเราก็ถูกต่างชาติมาฮุบเอาไป ไหนล่ะครับ เหมืองชุมชนนำคนกลับบ้าน ไหนล่ะครับ ปุ๋ยกระสอบแรกของคนไทยจากการขุดแร่บ้านเรา” เขาแสดงความอัดอั้น ท่ามกลางภูมิหลังเหมืองแห่งนี้เคยถูกชาวบ้านในพื้นที่ต่อต้าน

“นักวิชาการชี้บทเรียนเหมืองโปแตช กระทบสิ่งแวดล้อม แย่งน้ำชาวบ้าน” กรุงเทพธุรกิจเสนอรายงานไว้เมื่อ ๑๐ มีนา และย้อนไปเมื่อเดือนมกรา หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันก็เคยรายงานปัญหาสภาพคล่องของบริษัท ITD ที่มีเปรมชัย กรรณสูต เป็นเจ้าของ

อิตาเลียนไทยมอบให้บริษัทเอเซียแปซิฟคโปแตซดำเนินงานมาตั้งแต่ปี ๒๕๖๕ เมื่อรัฐบาลมอบสิทธิสำรวจและพัฒนาพื้นที่ราว ๒๖,๕๕๗ ไร่ในภาคอีสานให้ จนกระทั่งต้นเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้บลูมเบิร์กรายงานว่า อิตาเลียนไทยพยายามขายหุ้นกิจการ ๙๐%

“เพื่อนำเงินไปชำระหนี้” นายกฯ เศรษฐา เดินทางไปตรวจสภาพการของเหมืองแห่งนี้เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์นั้นเอง “ได้ซักถามเกี่ยวกับแหล่งเงินทุนในการดำเนินโครงการดังกล่าว และยังได้พบปะพูดคุยกับประชาชนที่ออกมาต่อต้านการทำเหมืองโปแตชด้วย”

(https://www.bangkokbiznews.com/business/1127686EXEpwol0#google_vignette) 

กกต.ไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งโง่ เลขบัตรประชาชนหลักที่ ๒-๕ บอกที่เกิดไว้ครบแล้ว ไม่ต้องเอาสูติบัตรอีกก็ได้


นี่เป็นเพราะความหยุมหยิม หรือขี้เกียจ ของ กกต.กันแน่ กรณีการสมัครเป็น สว.๖๗ ที่มีระเบียบให้เอาสูติบัตรไปแสดงด้วย อ้างว่าบัตรประชาชนบอกแค่อายุ ไม่ได้บอกถิ่นกำเนิด

มีคนแย้งไปที่ Thanapol Eawsakul ว่า “บัตรประชาชน ๑๓ หลักก็บอกถิ่นที่เกิดอยู่แล้ว ไม่ต้องใช้สูติบัตร” กกต.อยากตรวจถิ่นที่เกิดด้วยในบางกรณี หาก กกต.ไม่รู้จริงๆ ให้ไปถามกรมการปกครอง

“คนกรมการปกครองอ่านเลขบัตรประชาชนออกอยู่แล้ว เพราะเลขประชาชนหลักที่ ๒๕ จะบอกว่าเกิดที่จังหวัดอะไร เขต/อำเภออะไร

ยกตัวอย่าง เลขบัตรประชาชนหลักที่ ๒-๕ คือ 1018 แปลว่าเกิดที่กรุงเทพมหานคร (๑๐) เขตคลองสาน (๑๘) ครับ” กกต.ทั่นสรรหาแต่งานง่ายๆ ทำเหรอ 

๒๓ นี้ รู้แจ้งศาลรัฐธรรมนูญว่าไง คดีพิชิต ชื่นบาน ที่ ๔๐ สว.ร้อง ขาดความซื่อสัตย์สุจริต จะเป็น ‘wishful thinking’ อย่างที่นังแบกว่า ‘จตุพร’ ไหมหนอ

คำของ จตุพร พรหมพันธุ์ ที่นังแบกว่าเป็น ‘wishful thinking’ เรื่องการยื่นฟ้องศาลรัฐธรรมนูญของ ๔๐ สว.จะจบอย่างไร พิชิต ชื่นบาน/เศรษฐา ทวีสิน จะถูกสั่ง หยุดปฎิบัติหน้าที่ ในวันที่ ๒๓ หรือ ๒๙ พฤษภา หากสัญญานแรงก็มาเร็ว

กระทั่ง ภูมิธรรม เวชยชัย ก็ยังว่าเรื่องจริยธรรมไม่มีปัญหา เพราะการตั้งพิชิตดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ที่ สว.ร้องว่าน่าสงสัย “ในประเด็นขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีพฤติกรรมฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง” นั้น

ก็ตามกระบวนการเงื่อนไขคุณสมบัติต่าง ๆ ก็ว่าตามนั้น เอาเรื่องนอกคุณสมบัติมาพูดมันก็ยากที่จะพิจารณา” ทว่าเรื่องนอกคุณสมบัติดังกล่าวเป็นการที่พิชิต ในฐานะทนายความของทักษิณ ชินวัตร เคยหิ้วถุงขนมบรรจุธนบัตรแน่น ไปฝากผู้พิพากษาเจรจาความ

๒๓ นี้ศาลรัฐธรรมนูญจะแถลงเบื้องต้นเกี่ยวกับคดี ท่ามกลางความมั่นใจของนายกฯ เศรษฐาว่าการแต่งตั้งถูกต้องตามคำชี้แจงของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว จึงให้สำนักเลขาฯ ครม.ทำหนังสือถามความเห็นจากกฤษฎีกาอีกครั้ง

กฤษฎีกาก็ตอบว่าเรื่องนี้เคยชี้แจงไว้แล้วเมื่อครั้งตั้งคณะรัฐมนตรีคราวแรก แต่ตอนนั้นกลับไม่มีชื่อพิชิต ชื่นบาน อยู่ในคณะรัฐมนตรี คราวนี้เลขาฯ กฤษฎีกาบอกให้ไปดูคำชี้แจงเดิมเมื่อ ๑ กันยา ๖๖ ในเมื่อเป็นคำถามเกี่ยวกับคนๆ เดียวกัน

คำตอบคราวนั้นกฤษฎีกาชี้ให้ดูลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี มาตรา ๙๘(๗) ว่าต้องไม่ “เคยได้รับโทษจำคุก โดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปี...เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ”

อีกประเด็นที่กฤษฎีกาชี้แจง คือมาตรา ๑๖๐(๗) ให้ความเห็นว่า “ผู้ซึ่งจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี และผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี จึงต้องไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก” พฤติกรรมของนายพิชิตในครั้งโน้นจะเข้าข่ายหรือไม่

อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย เพราะตอนนี้เรื่องไปถึงศาลแล้วอย่างที่ ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาฯ กฤษฎีกา ตอบนักข่าววันนี้ (๒๑ พ.ค.) ส่วนศาลรัฐธรรมนูญจะปัดตกจู้จี้ ใส่ใจเรื่องเศรษฐกิจที่รัฐบาลพยายามทำมากกว่า อย่างที่ภูมิธรรมว่าหรือไม่ ๒๓ นี้รู้กัน

(https://www.prachachat.net/politics/news-1567824 และ https://www.prachachat.net/politics/news-1568602)

รำลึก ๑๔ ปีสลายชุมนุม เมษา-พฤษภา ๕๓ ปีนี้มี คนสวมเสื้อพรรคการเมืองไปตะโกนอยู่ตรงข้ามเวทีว่า “เรารักทักษิณ ๆ ๆ”

ท้วงทักกันมากปีนี้ รำลึก ๑๔ ปีสลายชุมนุม เมษา-พฤษภา ๕๓ มีถึง ๔ เวทีแยกกัน หนึ่งในนั้นถูกป้าย สีส้มว่ามาเปื้อนสีแดง แถมมีคนสวมเสื้อพรรคการเมืองไปตะโกนอยู่ตรงข้ามเวทีว่า “เรารักทักษิณ เรารักทักษิณ เรารักทักษิณ”

Puangthong Pawakapan บ่น “เฮ้อ ออออ” ส่วน Punsak Srithep ว่า “สหายหลายท่านรู้สึกเสียใจและพูดไม่ออก” คนแรกนั้นเป็นแกนของคณะกรรมการที่ภาคประชาชนก่อตั้งขึ้นมาค้นหาความจริงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

จนได้ทราบจำนวนผู้ตาย ผู้เจ็บ มาช่วยกันเยียวยา เพราะทางภาครัฐไม่ยอมทำ ส่วนคนหลังเป็นพ่อของเยาวชนที่ตายคนหนึ่งในเหตุการณ์ เขารำพึงเป็นลายลักษณ์ออกมาว่า “ไม่รู้ว่าจะเกลียดชังอะไรกันนักกับ #พวกแดงล้มเจ้า

เขาแจงปรากฏการณ์ที่ “หมอเหวง อ.ธิดา ถูกกล่าวหาว่าไม่ใช่เวทีเสื้อแดง เวทีแม่น้องเกดถูกหาว่าเป็นเวทีส้ม” แม่น้องเกดก็คือนางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของ น.ส.กมลเกด พยาบาลอาสา ที่ถูกพลสไน๊เปอร์ของ ศอฉ.ยิงตายในเขตอภัยทานวัดปทุมฯ

และที่วัดปทุมวนารามราชวรวิหารมีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต มีนักกิจกรรมทั้งอดีตและปัจจุบันไปร่วมพิธีกันคับคั่ง เช่น จตุพร พรหมพันธุ์ และชัยธวัช ตุลาธน ตกบ่ายมีกิจกรรมบนเวทีหน้าห้างเซ็นทรัลเวิร์ลด์ นำด้วยพิธีสงฆ์

คนสำคัญร่วมงานเวทีนี้ก็มี ธิดา ถาวรเศรษฐ์ นพ.เหวง โตจิราการ สมยศ พฤกษาเกษมสุข ศรีไพร นนทรีย์ ภัสสร บุญรีย์ และณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นอกนั้นที่แยกราชประสงค์ มีซุ้มกิจกรรมโดยกลุ่มญาติคนเสื้อแดง ผู้ชุมนุมจากหน้าเซ็นทรัลเวิร์ลด์ข้ามมาร่วมจุดเทียนไว้อาลัยกับกลุ่มนี้

บนเวทีของกลุ่มคณะประชาชนทวงคืนความยุติธรรม ๒๕๕๓ (กลุ่ม อจ.ธิดา-หมอเหวง) ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ขึ้นปราศรัยโดยกล่าวตอนหนึ่งว่า “เราต้องปกป้องและสนับสนุน ปกป้องจิตวิญญาณของคนหนุ่มสาวที่เขาต่อสู้ต่อเนื่องจากวันเวลาของเรา

และเอ่ยถึงการเรียกร้องนิรโทษกรรมทางการเมืองในรุ่นนี้ นอกจากเพื่อผู้ต้องคดีสืบเนื่องมาจากการเคลื่อนไหวทางการเมืองแล้ว ยังต้อง “รวมคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ด้วยอย่างไม่มีข้อยกเว้น”

(https://prachatai.com/journal/2024/05/109274 และ https://www.facebook.com/punsak.srithep.9/posts/pfbid=%2CO%2CP-y-R) 

วันจันทร์, พฤษภาคม 20, 2567

ข่าว ศาลฯ สั่งจำคุก ‘สกุลธร’ น้องชาย ‘ธนาธร’ แต่ก็มีคนแถมว่าเป็นหลาน ‘สุริยะ’ ด้วยนะ


ข่าวนี้เป็นที่สนใจของพลเมืองเอ็กซ์ ดาวทวิตเตอร์ มากอยู่ ต้นตอมาจาก นสพ.ฐานเศรษฐกิจ พาดหัว “ศาลฯ สั่งจำคุก สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ น้องชาย ธนาธรคุก ๖ เดือนไม่รอลงอาญา”

ถือแถน @pran2844 นำมาเล่าต่อสั้นๆ ว่า “ศาลอาญาคดีทุจริตพิพากษาจำคุก สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ๖ เดือนโดยไม่รอลงอาญา ในคดีติดสินบนเจ้าพนักงาน” แต่ก็แนบทวิตเตอร์ฟี้ดของฐานเศรษฐกิจไว้ด้วย ซึ่งระบุว่าเป็นคดี

“ติดสินบนเจ้าพนักงาน และ นายหน้าเป็นเงินจำนวน ๒๐ ล้านบาท เพื่อเช่าที่ดินทรัพย์สินฯ ๖ เดือนไม่รอลงอาญา” ขณะที่ แมวเกเร @Unrulycat2511 เพิ่มเติมเนื้อถ้อยอีกเล็กน้อยว่า “เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่น ให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน...

เพื่อจูงใจให้เจ้าหน้าที่รัฐ กระทำการและประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ และนายหน้า เป็นเงินจำนวน ๒๐ ล้านบาท เพื่อเช่าที่ดินของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ๒ แปลงใน ซ.ร่วมฤดี และย่านชิดลม” ซึ่งในข่าวให้รายละเอียดมากกว่า

“ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๔๔ ประกอบ ๘๔ เพียงบทเดียว จำคุก ๘ เดือน ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์เเก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ให้ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ หนึ่งในสี่คงจำคุก ๖ เดือน.”

ส่วนที่ขาดไป ไม่ปรากฏในข่าวหรือข้อความรีทวี้ต เป็นคอมเม้นต์บน เอ็กซ์จาก lll Orange Don't FEAR @outclasslife ที่ว่า “หลานสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ว้าว ผูกพันกันดีเนอะ”

(https://x.com/Unrulycat2511/status/1792439160680436135, https://x.com/pran2844/status/1792439454323621907 และ https://www.thansettakij.com/politics/596486)

และแล้วราชทัณฑ์ก็ยัง ‘บ้ง’ กับเรื่อง ‘บุ้ง’

และแล้วราชทัณฑ์ก็ยัง บ้งกับเรื่อง บุ้ง

เมื่อวันเสาร์ รัฐมนตรีว่าการยุติธรรมถูกถามต่อหน้านักข่าว ว่าเอกสารบันทึกพร้อมคลิปกล้องวงจรปิด การดูแลรักษา เนติพร เสน่ห์สังคม ตลอด ๕ วันก่อนบุ้งเสียชีวิต เนื่องจาก ทวี สอดส่อง บอกไว้ว่าวันศุกรจะให้ได้ แล้วไม่ได้

รมว.ยุติธรรมตอบว่าได้สอบถามกับอธิบดีราชทัณฑ์อีกครั้งแล้ว เช้าวันจันทร์จะแล้วเสร็จ ถูกถามย้อนอีกว่า วันจันทร์เวลาไหนคะ วันจันทร์ที่เท่าไหร่ ถ้ายังไม่ได้อีกใครจะรับผิดชอบคะ ทวีอ้ำอึ้งบอกว่าต้องได้สิ แล้วดึงตัวแทนราชทัณฑ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ให้มาช่วยย้ำ

เช้าวันจันทร์ ๒๐ พฤษภา ๙.๓๐ น.ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจเต็มจากครอบครัวพร้อมด้วยเพื่อนๆ ของบุ้ง เดินทางไปถึงโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อรับเอกสารประวัติการรักษาและไฟล์ภาพกล้องวงจรปิด ตามที่ รมว.ยุติธรรมสัญญา

กลับพบว่าทาง รพ.ราชทัณฑ์ปิดประตูทางเข้าออก ไม่ยอมให้คำตอบใดๆ ว่าจะมอบเอกสารให้หรือไม่ ได้แต่ถามหาว่าเป็นครอบครัวของบุ้งหรือเปล่า แม้ทนายยืนยันว่าได้รับมอบหมายมาอย่างถูกต้อง เพราะครอบครัวต้องไปทำพิธีเก็บอัฐิ

เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็ยังไม่ยอมรับฟัง ทำให้เป็นที่วิพากษ์หนักว่าราชทัณฑ์เล่นแง่ มีเจตนาแปรธาตุข้อเท็จจริงในการดูแลรักษา #บุ้งเนติพร อีกหรือ นี่ก็ล่วงเข้ามา ๗ วันหลังจากส่งตัวบุ้งไปโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เมื่อเธอหมดลมหายใจไปแล้ว

อนึ่ง วันเดียวกันเวลาต่อมา น.ส.วีรดา คงธนกุลโรจน์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากพี่สาวของบุ้งแจ้งว่าได้รับเอกสารประวัติการรักษาที่ต้องการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งทางรัชทัณฑ์ได้เปิดให้คณะสื่อมวลชนเข้าชมภายใน รพ.ราชทัณฑ์

“เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคม”

(https://x.com/KhaosodOnline/status/1792440017673171335 และ  https://x.com/TLHR2014/status/1792388089740193937)


หนี้ครัวเรือนพวกเราๆ บ้านๆ ไต่ระดับ ๙๑% แต่กำไร ปตท.ไตรมาสแรกฟาดเข้าไป ๖ หมื่นล้าน

ไหนๆ มาดูภาพเศรษฐกิจสี่เดือนแรกปีนี้เป็นอย่างไร หน่อยนะ เอาภาพสะท้อนเฉพาะกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมใหญ่ๆ อย่างรายนี้มหึมาเกือบจะหายใจรดต้นคอ ส.ทรัพย์สินฯ อยู่เหมือนกัน ไม่ใช่ใครอื่น ปตท.ไง

เขาว่า ๗ บริษัทรวมกันได้บ้างเสียบ้างหักกลบลบแล้วเหลือเป็นกำไร ๕.๙ หมื่นล้านบาท จึงตัดส่วนอุทิศเป็นค่าตอบแทนรัฐไทย ในรูปภาษีเงินได้ ถึง ๑.๐๖ หมื่นล้านบาทนั่นเลยทีเดียว คนเก่งที่สุดของกลุ่มไตรมาสนี้เป็น IRPC ชื่อเดิม ทีพีไอ

บริษัทนี้ผลิตจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันปิโตรเลียม และเปโตรเคมิคอน มีกำไรถึง ๔๑๕% ส่วนรายที่ห่วยสุดในกลุ่มเป็น PTTGC บริษัทที่ทำธุรกิจน้ำมันครบวงจร กลั่นแล้วนำมาผลิตเปโตรเคมี (พวกพล้าสติก) ทั้งที่ตกอับอย่างนี้กูรูหุ้นแนะให้ตักซื้อไว้

พวกเซียนมหภาคต่างเปรยกันว่า ปตท.หรือ PTT นี่ละจะเป็นตัวดันจีดีพี แต่คอเศรษฐกิจฝ่ายการเงินก็ยังไม่วายบ่นอยู่อีกว่า แต่ หนี้สาธารณะ ยังเป็นแรงฉุดไม่เสื่อมคลาย สำนัก thaipublica.org ชี้ถึงการเพิ่มอย่างรวดเร็วของหนี้สาธารณะว่า

สำหรับปี ๒๕๖๗ “ปรากฏว่างบฯ ก้อนใหญ่ที่สุดคืองบฯ ที่ถูกชำระเป็นค่าดอกเบี้ย” คาดว่าอยู่ที่ ๒๔๙,๗๕๓ ล้านบาท “แต่มีการตั้งงบฯ ชำระค่าดอกเบี้ย ขาดไปประมาณ ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท รัฐบาลจะเอาเงินจากไหน” อ้าวแล้วกัน เงินหมื่นของฉันล่ะจะมาจริงไหม

ก็ตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมา “สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP และภาระหนี้ต่อรายได้ของไทย สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก” สำนักวิจัยของแบ๊งค์กรุงศรีแฉ “ณ สิ้นปี ๒๕๖๖ หนี้ครัวเรือนของไทยปรับขึ้นสู่ระดับ ๙๑.%” เข้าไปแล้ว

“จากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล (เพิ่มขึ้น ๙.% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน) และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (เพิ่มขึ้น ๔.% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน)” โอ๊ย เรื่องปากท้องฉันทั้งนั้น

ก็ได้แต่บ่นอย่างเราๆ บ้านๆ เนี่ยละ แหม ถ้าสูบน้ำมันขึ้นมากินเองได้ก็จะดี

(https://thaipublica.org/.../krungsri-research-on.../, https://thaipublica.org/.../05/20-years-of-thai-public-debt/ และ https://today.line.me/th/v2/article/WBYNoKE)

วันอาทิตย์, พฤษภาคม 19, 2567

ล่อซื้อ ‘เห็ดขี้ควาย’ จากหนุ่มปริญญาตรี ผู้ขายออนไลน์อ้าง “อยากเปิดประสาทในส่วนสมอง ให้มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น”

พอรัฐบาลเศรษฐานำ กัญชา (Psychedelic Weeds) กลับมาเข้าบัญชียาเสพติดใหม่ ได้โพลหนุน ๖๐% พลันปรากฏข่าวบันเทิงเกี่ยวกับพืชพันธุ์ฝันเคลิ้มคู่จิ้นอย่าง เห็ดขี้ควาย’ (Hallucinogenic Mushrooms)

เจ้าหน้าที่ตำรวจยอดขยันปฏิบัติการล่อซื้อจากผู้ค้าออนไลน์สองครั้งติดกัน ครั้งละ ๒ กรัม ราคารวมกัน ๗๐๐ บาท ผู้ขายใจดีแถมให้ ๑ กรัม โอนเงินเสร็จสรรพก็ไปซ่อนตัวดักจับใกล้ๆ ร้านรับส่งพัสดุเอกชนนหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตามรายละเอียดบนสลิปโอนเงิน

เวลาประมาณเกือบจะสองทุ่ม มีชายหนุ่มวัยรุ่นนำกล่องพัสดุจะไปส่ง ตรงตามรูปพรรณที่ตำรวจหมายหัวไว้ ก็ขอตรวจค้นเจอเห็ดขี้ควาย ๕ กรัมในกล่องนั้นจึงจับกุม พ่อหนุ่มยอมรับว่าเป็นเห็ดของตน พาไปตรวจค้นที่บ้านพักอาศัยต่อ

พบเห็ดขี้ควายทั้งชนิดตากแห้งแล้ว และกำลังเพาะปลูกอยู่จำนวนมาก พร้อมทั้งอุปกรณ์สำหรับการเพาะปลูกชุดใหญ่เช่นกัน ผู้ต้องหาสารภาพว่าตนจบปริญญาตรีสาขาไอทีแล้วยังไม่ได้ทำงาน แต่เตรียมยึดอาชีพเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์

อ้างว่าสายงานนี้ “ต้องใช้จินตนาในการคิดสร้างสรรค์สูง อยากเปิดประสาทในส่วนสมอง ให้มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น” จึงเรียนรู้วิธีใช้เห็ดจากยูทู้ปและเว็บไซ้ท์ต่างประเทศ แล้วพัฒนามาสู่การเรียนวิธีเพาะเห็ดด้วยตนเอง

การเพาะปลูกเห็ดได้ผลภายใน ๑๕ วันโตพอนำไปอบแห้งแล้วใส่ถุงซีลสุญญากาศ ปริมาณจำหน่ายแต่ละเดือนทำรายได้เกือบแสน บอกด้วยว่าเลือกขายเฉพาะคนที่อายุถึง ๒๐ ปี ขณะที่ของกลางและอุปกรณ์ที่ตำรวจยึดไว้ มูลค่าถึงล้านบาท

ในคำสารภาพ ผู้ต้องหาบอกตำรวจว่าต่อนี้ไปไม่ทำอีกแล้วเห็ดขี้ควาย แต่จะนำความรู้ไปเพาะเห็ดบ้านเพื่อการบริโภคแทน (ความรู้ที่ขวนขวายได้มาจะได้ไม่เสียของ)

(https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_8240105) 

นี่หรือมาตรฐานขั้นสูงที่ รพ.ราชทัณฑ์อ้าง สอดท่อช่วยหายใจให้ ‘บุ้ง’ ผิดจากช่องลมไปเป็นช่องอาหาร

นี่หรือคือสิ่งที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์แถลงแจงว่า ทำการช่วยชีวิต บุ้ง ตามมาตรฐานการช่วยชีวิตขั้นสูง “โดยมีแพทย์ดำเนินการใส่ท่อช่วยหายใจ ได้นวดหัวใจ พร้อมให้ยากระตุ้นหัวใจ ยากระตุ้นความดันโลหิต” แต่ไฉนกลับมีรายงานว่า

“หลังจากบุ้งหัวใจหยุดเต้น มีการใส่ท่อช่วยหายใจผิดพลาดจนเข้าหลอดอาหาร แล้วไม่มีการแก้ไข จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตจริง ๆ” ตามความเห็นของ Santi Kijwattanapaibul การที่ รพ.ราชทัณฑ์ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลการรักษาย้อนหลัง ๕ วัน

และไม่ยอมเผยแพร่ “คลิปจากกล้องวงจรปิดในขณะทำการ CPR ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าการรักษามีมาตรฐานจริงหรือไม่” ซึ่ง ทนายด่างกฤษฎาง นุตจรัส บอกว่าทราบจากหมอโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ อาจมีการสอดท่อช่วยหายใจผิดช่อง

คือ “ใส่เข้าไปในหลอดอาหาร ผลชันสูตรในท้องเต็มไปด้วยลม” กรณีอย่างนี้ทางการแพทย์เรียกว่า ‘Esophageal Intubation’ เดชา ปิยะวัฒน์กูล เขียนโพสต์ตามความรู้ที่มี “นอกจากปอดจะไม่ได้ออกซิเจนแล้ว กระเพาะอาหารจะโป่งพอง

อัดให้ปอดกับหัวใจยุบ ทำงานลดลงไปอีก เป็นการฆ่าผู้ป่วยเร็วขึ้นเป็นทวีคูณ” นอกจากนั้นยัง “มีวิธีสังเกต และตรวจพบได้ว่าเราสอดท่อเข้าผิดช่องเป็นสิบๆ วิธี” เขาแนะนำให้แพทย์สภาเข้าไปตรวจสอบมาตรฐานของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ทั้งในด้านเครื่องมือและบุคคลากร

รายนี้เขาอ้างว่า “ผมเคยเข้าไปตรวจคนไข้ในลาดยาว ผมรู้ดีว่าการบริการทางการแพทย์ในนั้นมีคุณภาพระดับใด บุคลากรมีคุณภาพระดับใด (ขออนุญาตตรงไปตรงมา สมัยก่อนมันมีคุณภาพต่ำสุดเท่าที่มนุษย์จะนึกได้ครับ...)

ย้อนไปที่ Santi เขามีความเห็นเช่นกัน “สุดท้าย หากบุ้งได้รับการปฏิบัติตามมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรม เขาจะไม่ต้องเข้าเรือนจำแต่แรก และมีสิทธิในการประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีตามปกติ” แต่การจับนักกิจกรรมการเมืองไปขังรอการดำเนินคดี

แล้วไม่ยอมให้ประกันตัว คุมขังยาวแล้วยังไม่มีการดำเนินคดี “มันคือการที่กระบวนการยุติธรรมไม่มีมาตรฐาน หากเป็นคนในครอบครัวคุณโดนกระทำแบบนี้บ้าง” จินตนาการกันเอาว่า จะมีความรู้สึกอย่างไร

(https://www.facebook.com/PetePeterPetest/posts/WRisAEqS และ https://www.facebook.com/looksoundfeel/posts/25HbN8PAGS)

๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗ เปิดบ้านอองโตนี่ ชานกรุงปารีส ที่พำนักสุดท้ายนายปรีดี พนมยงค์ ผู้อภิวัฒน์สยาม ๒๔๗๕

 เปิดบ้านอังโตนี บ่ายวันที่ ๑๘ พฤษภา

ปิยบุตร แสงกนกกุล กล่าวนำเล่าความเป็นมาที่ทำให้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มาซื้อบ้านหลังนี้ จากต้นคิดในกลางปี ๒๕๖๕ เรื่อยมายาวนาน จนสำเร็จเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๖๗

หลังปิยบุตรกล่าวจบ ช่อ พรรณิการ์ วานิช คั่นเวลาด้วยการเสนอให้ผู้ร่วมงานไว้อาลัยแก่ บุ้ง เนติพร เสน่ห์สังคม ๑ นาฑี

จากนั้นธนาธร ขึ้นกล่าวปาฐกถาในช่วงหนึ่งถึงเจตนาในการซื้อบ้านหลังนี้ ว่าไม่เพียงให้เป็นอนุสรณ์แห่งผู้อภิวัฒน์สยามในอดีต หากเป็นพื้นที่ปฏิบัติการสืบสานประชาธิปไตยไทยต่อไปในอนาคต

เขาแจ้งโครงการปรับปรุงบ้านหลังนี้ว่าจะรักษาโครงสร้างหลักของบ้านไว้ทั้งหมด และปรับปรุงภายในของบ้านทั้ง ๓ ชั้น ชั้นล่างสุดจะปรับเป็นห้องโถงสำหรับกิจกรรมเสวนา เปิดให้สมาคมคนไทย นักเรียนไทยได้มาใช้สอยจัดกิจกรรมต่างๆ ได้

ชั้นหลัก (ที่หนึ่ง) มีสองห้องที่เป็นห้องรับแขกและห้องทำงานเดิม จะปรับให้ใกล้เคียงอดีตมากที่สุด พร้อมกับเพิ่มเติมเรื่องราวชีวิตในอดีตของ อจ.ปรีดี และครอบครัวของท่าน พร้อมกับสาระความสำคัญของการอภิวัฒน์สยาม

ทั้งนี้โดยครอบครัวพนมยงค์ ได้อุทิศกระจกเงาโบราณที่เคยสถิตย์อยู่ในบ้านกลับมาติดตั้งในห้องรับแขกอีก กับเครื่องเล่นเปียโนที่ อจ.สุดา และ อจ.ดุษฎีเคยเล่นบรรเลงประจำ นำมาตั้งไว้เป็นเครื่องเรือนสำคัญอีกอย่าง

ธนาธรทิ้งท้ายว่า หลังจากบูรณะบ้านหลังนี้เสร็จในให้ทันฉลองครบร้อยปีวันเกิด อจ.ปรีดี ที่ ๑๑ พฤษภา เขาขอปาวารณาตนว่าจะไม่เป็นเจ้าของบ้านตลอดกาล แต่ต้องการให้บ้านหลังนี้เป็นสมบัติของรัฐไทย ของประชาชนไทยอย่างถาวร ตราบเท่าที่รัฐไทยพร้อมรับความจริงจากประวัติศาสตร์แห่งการอภิวัฒน์สยาม ๒๔๗๕

เสร็จจากการปราศรัยของธนาธร เป็นการเสวนาเชิงปาฐกถาถึงประชาธิปไตยไทยจากอดีตถึงอนาคต เริ่มโดย อจ.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อจ.ชาญวิทย์เล่าประวัติศาสตร์เกี่ยวกับความรู้เรื่องการปกครองสมัยใหม่ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่สี่จากการแปลรัฐธรรมนูญสหรัฐเป็นภาษาไทยโดยหมอบรัดลีย์

จากนั้น อจ.ชาญวิทย์ (อ่าน) เรื่องราวการเมืองการปกครองไทยอีก ๙ สมัยเหตุการณ์กระทั่งสุดท้ายในเหตุการณ์ ๖ ตุลา ๒๕๑๙ อันยาวนาน ๑๕๐ ปี อันเต็มไปด้วยการรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยคณะทหาร

อจ.สุลักษณ์ ศิวรักษ์ เสริมว่าเหตุการณ์ประวัติศาสตร์เรียกร้องประชาธิปไตยในอดีตที่ อจ.ชาญวิทย์บรรยายว่าขาด เทียนวัน สามัญชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยที่สำคัญและถูกคุมขังนานเป็นเวลา ๑๔ ปี “เทียนวันนั้นต้องการพาร์เลียเม้นต์ เจ้ากับไพร่ปกครองร่วมกัน”

เมื่อมีรัฐธรรมนูญ ๒๗ มิถุนายน ๒๔๗๕ แล้ว สิ่งที่คณะราษฎรผิดพลาดก็คือเลือกเอาพระยามโนปกรณ์นิติธาดา มาเป็นนายกรัฐมนตรี พระยามโนเป็นนักเรียนอังกฤษ ต้องเข้าใจ นักเรียนอังกฤษส่วนมากไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง พระยามโนแม้เป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ หัวก้าวหน้าแบบศาล แต่ความคิดก็ยังแบบราชาธิปไตย

พระยามโนจึงวางแผนกับพระปกเกล้าฯ ที่จะล้มคณะราษฎร เป็นเหตุให้พระยาพหลพลพยุหเสนา ร่วมกับหลวงพิบูลสงครามและหลวงศุภชลาศัยยึดอำนาจครั้งที่สอง เมื่อ ๒๐ มิถุนายน ๒๔๗๖ นี่สำคัญมากที่นำกลับมาหาเนื้อหาประชาธิปไตย

รัฐสภาของไทยนั้นแม้เราจะมีจอมพล ป.เป็นเผด็จการ แม้เราจะมีญี่ปุ่นบุกขึ้นมายึดครองประเทศไทย แม้ไทยจะประกาศสงครามโลกกับอังกฤษ อเมริกา แต่รัฐสภาไทยมีศักดิ์ศรี มีอำนาจ จอมพล ป.ซึ่งเป็นเผด็จการนั้นหลุดจากตำแหน่งเพราะแพ้เสียงในสภา (เรื่องเมืองหลวงใหม่ที่เพ็ชบูรณ์)

อจ.สุลักษณ์ ยังเพิ่มเติมคุณูปการของ อจ.ปรีดีอีกโสตหนึ่งของการเป็นหัวหน้าเสรีไทย ที่ช่วยให้เมืองไทยไม่เป็นเมืองขึ้น ไม่แพ้สงครามโลกครั้งที่สองต่อฝ่ายอักษะ แต่แล้ว อจ.ปรีดีทำความผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจ เมื่อเสร็จสงคราม

แรกเมื่อเอาคุณควง อภัยวงศ์ขึ้นมาเป็นนายกฯ นั้นเพียงเป็นตัวเชิดหลอกญี่ปุ่น แต่อำนาจจริงๆ อยู่ที่คุณทวี บุณยเกตุ ร่วมกับ อจ.ปรีดี เมื่อคุณควงไปแล้วคุณทวี บุณยเกียรติขึ้นไปเป็นนายกฯ ชั่วคราว อจ.ปรีดีนั้นต้องการให้คุณดิเรก ชัยนาม เป็นนายกรัฐมนตรี เห็นว่าคุณดิเรกเป็นนายกฯ ที่มีความสามารถมาก

แต่คุณดิเรก ชัยนามบอก อจ.ปรีดีว่า อาจารย์ครับตั้งแต่เราเอาเจ้าคุณมโนออกไป เราคณะราษฎรยึดอำนาจมาตลอด เขาจะหาว่าเราเอาอำนาจไว้แต่พวกเรา ควรให้คนอื่นเขามาปกครองบ้าง อจ.ปรีดีถามว่าใครล่ะ คุณดิเรกบอกก็เสนีย์ ปราโมชไงล่ะ

เขาก็ทำเสรีไทยอยู่อเมริกา สองเขาเป็นเชื้อพระวงศ์ เราจะได้ไม่ถูกกล่าวหาว่าเราแย่งมาจากเจ้า จะได้ดีกัน นี่เป็นความหวังดีของคุณดิเรก ชัยนาม และเป็นความใจกว้างของ อจ.ปรีดี พนมยงค์ เชิญคุณเสนีย์มาเป็นนายกรัฐมนตรี

เผอิญผมรู้จักทั้ง อจ.ปรีดีและคุณเสนีย์ อจ.ปรีดีถามคุณดิเรกว่าถ้าเสนีย์เขาไม่รับล่ะ อจ.ดิเรกตอบว่าเพื่อชาติเขาต้องรับ เรื่องนี้คุณเสนีย์บอกผมเลยนะ ไอ้หลวงประดิษฐ์มันหลอกผมให้ทำเพื่อชาติ เสนีย์จึงกลับจากอเมริกามาเป็นนายกฯ

ต้องเข้าใจนะครับว่าคุณเสนีย์เป็นคนซื่อ แต่เป็นคนไม่มีความเป็นผู้นำ และหูเบา เมื่อกลับมาแล้วคณะรัฐมนตรีทั้งหมดต้องให้ อจ.ปรีดีช่วยตั้ง แล้วเลยโกรธว่าถูกพวกหลวงประดิษฐ์รุมเล่นงาน นี่ข้อที่อยากเรียนว่าหวังดีอย่างเดียวไม่พอ นายกฯ ต้องมีความเป็นผู้นำ

ร้ายที่สุดก็คือคุณควง อภัยวงศ์เอง ถือว่าตนมีความสำเร็จมากที่เอาจอมพล ป.ลงได้ ต้องการจะกลับมาเป็นนายกฯ อีก อจ.ปรีดีเห็นว่าได้เป็นมาแล้วเอาคนอื่นมาเป็นบ้าง คุณควงจึงหันออกจากคณะราษฎรไปเป็นฝ่ายขวาจัดขึ้น

อจ.สุลักษณ์ย้อนกลับไปเล่าถึงการเป็นหัวหน้าเสรีไทยของ อจ.ปรีดีอีกว่า ได้ส่งคุณกำจัด พลางกูร ไปเมืองจีนได้พบเจียงไคเช็ค ก่อนไปคุณกำจัดไปลา อจ.ปรีดีที่ทำเนียบท่าช้าง อจ.ปรีดีบอกคุณกำจัด โชคดีอีกสองเดือนกลับมา ถ้าโชคร้ายเสร็จสงครามแล้วพบกัน

ถ้าโชคร้ายกว่านั้นก็นึกว่าอุทิศชีวิตเพื่อชาติและฮิวแมนนีตี้ ใช้คำนี้ ไม่ใช่เพื่อชาติอย่างเดียว เพื่อมนุษยชาติ อาวุธยุทโธปกรณ์ที่สหรัฐให้เสรีไทยไว้ระหว่างสงคราม เมื่อเสร็จสงคราม อจ.ปรีดีสลายเสรีไทย มอบอาวุธให้แก่อินดดนีเซีย ลาว และเวียดนาม เวลานี้เวียดนามยังมีกองพันรถถัง ๒ กองให้ชื่อว่า สยามเรจิเมนต์

ถ้า อจ.ปรีดียังเก็บบอาวุธเหล่านั้นและขบวนการเสรีไทยไว้ รัฐประหาร ๒๔๙๐ จะไม่มีทางขึ้นมาได้ อจ.ปรีดีเป็นคนคิดถึงเพื่อนบ้านอยู่เสมอ พอเสร็จสงคราม อจ.ปรีดีตั้งสมัชชาเอเซียอาคเนย์ ๕๐ ปีก่อนอาเซียน ที่เป็นการประชุมของทุนนิยมรวมหัวกัน

ผู้อภิปรายอีกคน กสิดิศ อนันทนาธร อดีตผู้จัดการโครงการ ๑๐๐ ปี ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เอ่ยถึงการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่ผ่านมาซึ่ง อจ.สุลักษณ์และชาญวิทย์ได้กล่าวไว้แล้ว มันมีส่วนสำคัญในการต่อสู้โดยสามัญชนรวมอยู่ในนั้น

จะเห็นภาพว่า มันไม่ชนะ แต่ก็ไม่สูญหายไป ถ้าเอาคำของท่าปรีดีเองมาใช้ก็ต้องบอกว่า ผลของการก่อสร้างไว้ดีแล้วมันไม่สูญหาย จะมองหาอีกแปดปีข้างหน้าก็ต้องย้อนดูที่ผ่านมา ซึ่งพัฒนาการประชาธิปไตยล้มลุกคลุกคลาน ต้องเข้าใจว่าไม่ใช่ผลงานของคณะราษฎรทั้งหมด

และการต่อสู้ต่อมามาก็มีอุปสรรคต่างๆ จนทำให้ยังไม่ไปสู่สิ่งที่เราอยากให้มันเป็น เหมือนการเมืองวนอยู่ในอ่าง แต่ก็ยังเห็นได้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การตื่นตัว ความเคลื่อนไหว และการเกิดพรรคการเมืองแนวใหม่ ทำให้เราสามารถมองเห็นอนาคตใหม่ที่จะเปลี่ยนแปลงได้จริงๆ

มองไปข้างหน้าการเปลี่ยนแปลงที่หวังอาจจะไม่สมบูรณ์ แต่เชื่อว่ามันคงไม่เลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว ข้อเสนอหนึ่งซึ่งกษิดิศเสนอแนะไว้ในตอนท้ายว่า ในฐานะที่ อจ.ปรีดีเองอาจเรียกได้ว่าเป็นบุคคลไร้บ้าน บ้านที่ท่านเคยอยู่อาศัยถ้าไม่ใช่ท่านผู้หญิงพูนศุขซื้อ ก็เป็น บ้านหลวง

หรือที่รู้จักกันในนาม ทำเนียบท่าช้างซึ่งปัจจุบันอยู่ในครอบครองของสำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ หวังว่าในโอกาศที่จะมีการฉลองพระชนมพรรษา ๘๐ ปีในหลวงข้างหน้า หากจะมีการบูรณะทำเนียบท่าช้างไว้เป็นอนุสรณ์สถานสำหรับ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ สำคัญท่านหนึ่ง เพื่อเกียรติคุณแห่งชาติ ก็จะเป็นที่ปลื้มปิติต่อประชาชนยิ่งนัก

https://www.facebook.com/ThailandProgressiveMovement/videos/474522024951792

วันเสาร์, พฤษภาคม 18, 2567

ข่าวตราครุฑ อ่านมันก็ตรงเม้นต์

เขาว่าข่าวตราครุฑอย่างนี้ อ่านมันก็ตรงเม้นต์ เชิญหาความสำราญกันได้

ที่นี่ >>> https://www.facebook.com/MatichonOnline/posts/9cn1BGfsSq

ดีลการเมืองของทักษิณกับอำมาตย์ อาจเป็นหมันอีก “พิชิต ชื่นบานไม่น่ารอด แต่คนที่จะไม่ได้กลับบ้านในรัฐบาลเศรษฐาแน่ๆ คือยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”

จะว่าพวกนี้ทิ้งทวนหรืออย่างไรก็ได้ สว. ๔๐ คนที่เข้าชื่อกันยื่นศาลรัฐธรรมนูญเขี่ยเศรษฐา ทวีสิน และพิชิต ชื่นบาน ออกจากตำแหน่งนายกฯ และรัฐมนตรีสำนักนายกฯ ว่าแล้วพวกขาก็พอมีมูลอยู่ ในฐานะที่นายกฯ ดันทุรัง ตั้งทนายใกล้ชิดทักษิณ

รู้กันว่ามีความพยายามตั้งพิชิตเข้าสู่ตำแหน่งใหญ่ในรัฐบาลเศรษฐา ๑ ไว้เป็นที่ปรึกษากฎหมายพิเศษ แทนหูแทนตา เจ้าของพรรคเพื่อไทย ในรัฐบาลนี้ตั้งแต่แรก แต่เจอแรงต้านทั้งจากภายนอกภายใน พวก สว.เองก็ตะหงิดๆ มาแล้วเหมือนกัน

แต่รัฐบาลเศรษฐา (หรือผู้มีบารมีเหนือรัฐบาล) อาจคิดว่าศักดาแก่กล้าพอ แม้มี สว.ฮึ่ม ไม่กี่คนไม่มีน้ำหนักพอ กลับปรากฏว่าเป็นกลุ่มต่อต้านทักษิณเก่า มากกว่าที่จะเป็นลิ่วล้อ ไอทู้บดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม หนึ่งใน สว.กลุ่มนี้จึงพุ่งแหลมไม่ย่อ

บอกว่าพิชิตมี “คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี...มีข้อเท็จจริงปรากฎให้เห็นว่ามีการละเมิดอำนาจศาล และมีคำสั่งศาลให้จำคุก” แล้วยังลงลึกรายละเอียดว่าทำการทุจริต ติดสินบนต่อกระบวนการยุติธรรม”

ซึ่งก็คือนำเงินสดสองล้านใส่ถุงขนมเอาไป ‘bribe’ ผู้พิพากษา “มีคำสั่งศาลให้จำคุก...และถูกนำเรื่องเข้าสู่สภาทนายความให้ลบชื่อจากการเป็นทนายความ” แล้วด้วยเช่นกัน “ทำไมนายกฯ ยังเสนอชื่อให้โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรีอีก”

สว.ว่า “ดังนั้นจึงเป็นกรณีที่ชัดแจ้งว่าไม่มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์” หากจะอ้าง “ได้หารือกับกฤษฎีกาแล้ว พบว่าเป็นการหารือที่ไม่ตรงประเด็น ทั้งระยะเวลาการพ้นโทษ และการตีความระหว่างคำสั่งกับคำพิพากษา ไม่เหมือนกัน”

งานนี้ดูแล้ว “พิชิต ชื่นบานไม่น่ารอด แต่ เศรษฐา ทวีสินไม่แน่” Thanapol Eawsakul ว่า “แต่คนที่จะไม่ได้กลับบ้านในรัฐบาลเศรษฐาแน่ๆ คือยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เนื่องเพราะดีลการเมืองของทักษิณกับอำมาตย์เคยเป็นหมันมาแล้วหลายครั้ง

(https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/79NR15Xz7 และ https://www.infoquest.co.th/2024/399652)

กลับบ้านอังโตนี่ กิจกรรมสนทนาในสวนหลังบ้าน ๑๗ พฤษภา ช่อ พรรณิการ์ชวนคุยกับ อจ.สุดา และ ดุษฎี พนมยงค์

วันที่ ๑๗ พฤษภา ๖๗ ในสวนหลังบ้านอังโตนี่ มีการสนทนากับทายาทสองท่านของอาจารย์ ปรีดี พนมยงค์ คือ อจ.สุดา และ อจ.ดุษฎี เล่าความหลังต่างๆ เกี่ยวกับบ้านหลังนี้ การใช้ชีวิตครอบครัวอย่างแออัดอันแสนสุข เป็นเกล็ดการดำรงชีวิตเรียบง่าย เต็มไปด้วยความหมาย

ที่ว่า แออัด นั่นคือนอกจากลูกหลานของท่านปรีดีและท่านผู้หญิงพูนศุขแล้ว มีแขกเหรื่อไปเยี่ยมเยือนอยู่เสมอ เป็นคนที่มีตำแหน่งสำคัญในบ้านเมือง ซึ่ง อจ.สุดาบอกว่า “แต่ก็กล้ามาพบ มาคุยด้วย ทำให้ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอะไรเยอะ ขอชื่นชมผู้ที่ไม่กลัว”

สำหรับผู้ที่ไม่กลัวเหล่านั้น อจ.ดุษฎีเสริมว่า คนสำคัญนั้นได้แก่ พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง ระดับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า หลายพระองค์ด้วย มีอดีตนายกรัฐมนตรี มีคุณป๋วย อึ๊งภากรณ์ ตอนนั้นยังเป็นผุ้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

“คนที่ว่าเมื่อกี้พี่สาวบอกว่าใจกล้า เพราะบางคนบอกว่าก่อนมาเนี่ย ทหารยุ่งทุกเรื่อง ทหารบอกว่าระวังนะไปเยี่ยมปรีดี อะไรอย่างนี้ ตั้งแต่สมัยอยู่เมืองจีนแล้วก็มีคนไปเยี่ยมด้วยความยากลำบาก ขนาดกวางตุ้งกับฮ่องกงอยู่ติดกัน ก็ยังต้องอ้อม ก็คือกลัวทหารเอาเรื่อง” 

วันศุกร์, พฤษภาคม 17, 2567

‘อิศรา’ คุ้ยเจอ รมว.ต่างประเทศคนใหม่เคยถือหุ้นบริษัทค้ากัญชา

เห็นเงียบๆ หงิมๆ รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศคนใหม่ ถูก อิศรา คุ้ยเสียจน หากมีปรับ ครม.ครั้งหน้า อาจถูกโยกไปคุมสาธารณสุข ดูแลเรื่อง กัญชาหลังจากพบว่าเคยถือหุ้นกิจการ “เพาะ วิจัย ขายผลิตภัณฑ์พืชกัญชากัญชง”

สำนักข่าวอิศราเปิดชื่อ ๕ บริษัทที่นาย มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ถือหุ้นหรือเป็นกรรมการดำเนินการอยู่ สองบริษัทในจำนวนนี้เกี่ยวข้องหรือดำเนินการด้านกสิกรรม ปลูกและแปรรูปผลิตผลทางการเกษตร บริษัทหนึ่งคือ สยามเมดเทค

ซึ่งมีผู้ถือหุ้น ๓ ราย นายมาริษถือหุ้นน้อยกว่าเพื่อน เพียง ๕,๗๑๔ หุ้น ขณะผู้ร่วมหุ้นอีกสองราย คือบริษัทสยามสติ๊ก/เว็นเจอร์ (สัญชาติแคนาดา) ถือ ๑๔๐,๐๐๐ หุ้น เท่ากับบริษัท แอกกรีโซลูชั่น ประกอบการขายส่งเครื่องจักรและอุปกรณ์อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่

บริษัทสยามสติ๊กนั้นเป็นบริษัทลูกของสยามเมดเทคอยู่ด้วย ก่อนแจ้งเลิกกิจการไปเมื่อ ๒๘ เมษา ๒๕๖๖ บริษัทนี้แหละที่ประกอบการขายพืชกัญชาและกัญชง มีที่ตั้งบนถนนแกรนด์วิลล์สตรีท เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ที่เดียวกับของบริษัทสยามเว็นเจอร์

ข้อสำคัญใช้หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีเดียวกันด้วย รายงานอิศราไม่วายทิ้งท้ายว่า ผู้สื่อข่าวของตนติดต่อไปหานายมาริษ ถามถึงการลงทุนบริษัท ๕ แห่ง รวมทั้งบริษัทแคนาดา นายมาริษรับโทรศัพท์พอทราบว่ามาจากนักข่าวก็บอกว่าสัญญานไม่ดี แล้ววางสายไป

(https://www.isranews.org/article/isranews-scoop/128619-isranews-Marizzzzzz.html) 

ชวนชม นิทรรศการ #วิสามัญยุติธรรม ที่หอศิลปกรุงเทพฯ ชั้น ๕ พบ ‘ทนายด่าง’ รออยู่

#วิสามัญยุติธรรม เป็นอย่างไร คร่าวๆ ตามอักขระที่มาสมาสกันก็คือ ความยุติธรรมถูกฆ่าตัดตอน

ในวาระครบรอบ ๑๐ ปี ของการก่อตั้งศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน จะมีนิทรรศการตอกย้ำให้เห็นว่า สิ่งนี้เป็นมาและเป็นอยู่อย่างไร

“ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา เมื่อกระบวนการยุติธรรมได้สยบยอมต่อผู้มีอำนาจ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือความอยุติธรรมที่ตกมาถึงประชาชน” บัญชีทวิตเตอร์ @TLHR2014 จัดแสดงผลร้ายของอุบัติการณ์นี้

ผ่านสื่อชนิดต่างๆ “งานศิลปะ นิทรรศการ งานเสวนา ปาฐกถา ตลอดจนการจัด #ทัวร์สถานที่เกิดเหตุการณ์ทางการเมือง ในห้วงเวลาของการรัฐประหาร ตลอดสิบปีที่ผ่านมา ภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

เชิญชวนเข้าชมกันได้ระหว่างวันที่ ๒๑ ถึง ๒๖ พฤษภา เวลา ๑๐.๐๐ น. ถึง ๒๐.๐๐ น.ทุกวัน ที่ ชั้น ๕ หอศิลปกรุงเทพมหานคร (BACC) งานนี้ ทนายด่างกฤษฎางค์ นุตจรัส จะเป็นผู้บรรยายหลักของงาน

(https://twitter.com/TLHR2014/status/1790965811122983006) 

เตือนจำย้ำชวน ราชกฤษฎีกาออกแล้ว #เลือกสว2567 ชุด 'ตู่ตั้ง' แค่รักษาการ เล่นแร่แปรธาตุอะไรไม่ได้นะ ส่วน 'ว่าที่' ผู้สมัครใหม่เริ่มหาเสียงออนไลน์กันได้

โค้งสุดท้าย #เลือกสว2567 แจ้งข่าวจาก Ponson Liengboonlertchai

“ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2567 เรียบร้อยแล้ว นั่นหมายความว่า ในทางรัฐธรรมนูญก่อให้เกิดผลอย่างน้อย 2 ประการ

1. อายุของสมาชิกวุฒิสภาชุดปัจจุบัน 250 คน ได้สิ้นสุดลงตาม ม.269(6) และจะอยู่ในฐานะ "วุฒิสภารักษาการ" เท่านั้น และ

2. อำนาจหน้าที่ใดๆ ทั้งหลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ผูกโยงกับอายุของวุฒิสภาชุดนี้ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญก็ย่อมมีอันหมดลงไปด้วย”

ฉะนี้ ผู้เตรียมสมัคร #สว67 แนะนำตัวโดยโพสเฟซบุ๊ก สื่อสารกับประชาชนทางออนไลน์ได้แล้ว iLaw ย้ำชวน

ทั้งนี้ หลังจาก กกต.เปิดให้ไปรับเอกสารเพื่อกรอกใบสมัคร สว.จากนายทะเบียนอำเภอต่างๆ และ สนง.เขตกรุงเทพฯ ตั้งแต่ ๑๐ พฤษภาที่ผ่านมา ๗ วัน ปรากฏมีขอรับเอกสารเพื่อยื่นสมัครแล้ว ๒๒,๐๓๖ ราย

กรุงเทพมหานครมีผู้ขอรับใบสมัครมากที่สุด ๒,๕๘๕ คน “แต่เมื่อแยกเป็นรายอำเภอ จาก ๙๒๘ อำเภอ พบว่า อำเภอที่มีผู้มาขอใบสมัครมากสุด ๕ ลำดับแรก คือ อำเภอเมืองลพบุรี ๒๐๙ คน

อำเภอเมืองนนทบุรี ๑๙๙ คน อำเภอเมืองพัทลุง ๑๗๖ คน อำเภอเมืองขอนแก่น ๑๗๙ คน อำเภอปากเกร็ด ๑๗๒ คน โดย กทม.เขตจตุจักร มีผู้มายื่นขอมากสุดเป็นลำดับที่หนึ่ง คือ ๑๒๖ คน”

(https://www.matichon.co.th/politics/news_4579930 และ https://www.facebook.com/pornson.liengboonlertchai/posts/66fPHFRzV) 

คณะธนาธรย้อนประวัติศาสตร์ มาถึงแล้ว จุดหมายบ้านอังโตนี่ของอดีตผู้ก่อการอภิวัฒน์สยาม ปรีดี พนมยงค์


มาถึงแล้ว จุดหมายของคณะธนาธร ย้อนประวัติศาสตร์บ้านอังโตนี่ ชานกรุงปารีส ฝรั่งเศส บ่ายวันที่ ๑๖ พฤษภา ผู้ร่วมทางจำนวนหนึ่งพบกันวันแรก วงสนทนาอาหารกลางวันแลกเปลี่ยนความเห็น

วางแผนเบื้องต้นและเตรียมงานสำหรับกิจกรรมสำคัญวันที่ ๑๘ พฤษภา เปิดประตูบ้านอดีตมันสมองผู้ก่อการอภิวัฒน์สยาม และรัฐบุรุษอาวุโสของชาติไทย ปรีดี พนมยงค์ ซึ่งมีผุ้แสดงความจำนงไปร่วมแล้วราว ๑๒๐ คน

ขอบคุณเฟชบุ๊ค Jaran Ditapichai Charnvit Kasetsiri Chamnan Chanruang และ Weng Tojirakarn สำหรับภาพบรรยากาศต่างๆ ทั้งในและนอกบ้าน

(https://www.facebook.com/jaran.ditapichai/posts/DjQBAs8L6M6, https://www.facebook.com/charnvit.ks/posts/WrqfTMQAUZW และ https://www.facebook.com/chamnan.chanruang/posts/HQ9rbiGJJhR)