วันอาทิตย์, กันยายน 23, 2561

ส่งออกปีนี้ดีขึ้น ทำการค้าเกินดุล แต่ไหงชาวบ้านยังเจอ 'มะพร้าวถูก กะทิแพง' 'ข้าวเปลือกถูก ข้าวสารแพง' 'อ้อยถูก น้ำตาลแพง'


ต้องเฮนะนี่ พวกมีความสุขอยู่แล้ว เพราะ คสช.คืนให้ แบบเจ้าสัวเงี้ย โดยเฉพาะลูกไล่ (อย่างยะใส ไพบูลย์ หมอวรงค์ และสุเทือก) แม้แต่พวกสลิ่ม (ที่ยังไม่รู้สึกรู้สา) ก็ได้ฮากับเขาด้วย

เมื่อนางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติการส่งออกของประเทศในช่วงเดือนสิงหาคม ๒๕๖๑ พบว่า

“การส่งออกขยายตัวร้อยละ ๖.๖๘ คิดเป็นมูลค่า ๒๒,๗๙๔.๔ ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นมูลค่าการส่งออกที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์” แต่การนำเข้าเดือนเดียวกันกลับสูงกว่า ที่อัตรา ๒๒.๘ เปอร์เซ็นต์ วงเงิน ๒๓.๓ ล้านดอลลาร์

เท่ากับว่าเมื่อเดือนที่แล้วเศรษฐกิจการพาณิชย์ไทยยุค คสช. ยังขาดดุลที่ ๕๘๘.๑ ล้านเหรียญ หรือ ๑๘,๘๐๐ ล้านบาท

หรือไม่เช่นนั้น ถ้าจะเอาสถิติปีนี้ทั้งปีตั้งแต่มกราคม การขยายตัวด้านส่งออกอยู่ที่ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ขณะที่การนำเข้ายังโตเอาโตเอา เกือบ ๑๖ เปอร์เซ็นต์ แต่มีมูลค่าน้อยกว่าส่งออกจำนวน ๒,๓๕๑.๓ ล้านดอลลาร์

เป็นผลให้ดุลการค้าต่างประเทศของไทยปี ๒๕๖๑ ถึงเดือนสิงหาคม เกินดุลราว ๔,๗๐๐ ล้านบาท


นี่ละทำให้ประดาพวกคนดีๆ ที่ชอบเสียสิทธิอิสรภาพเพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ไม่ต้องออกมาเป่านกหวีดปิดกรุงเทพฯ แล้วแวะกิน ลั้นช์ กันที่สยามอินเตอร์คอนติเน็นตัล พากันหน้าชื่น

ทั้งที่ระดับชาวบ้านต้องกินกลางวันรถเข็นข้างทาง ยังหน้าเหี่ยว เพราะไอ้การส่งออกที่ว่ามากขึ้นเป็นประวัติการณ์ ทั้งนั้นทั้งนี้น่ะส่วนหนึ่งมาจากราคาสินค้าเกษตรกรรม ต่ำกว่า และเฉือนตลาดโลกได้ จึงมีคนซื้อเพิ่ม

แต่มันไม่ได้สะท้อนมาถึงการครองชีพของประชากรส่วนใหญ่ที่ยังฝืดเคืองกันอยู่ ดังที่ Thuethan Prasobchoke แจงเอาไว้ เช่น “มะพร้าวถูกแต่กะทิแพง” กับ “ราคาข้าวเปลือกถูกลง แต่ข้าวสารแพง” หรือ “ราคาอ้อยจะลดลง แต่ราคาน้ำตาลเท่าที่เคยเห็น ไม่เคยลด” อย่างนี้เป็นต้น
 
แต่ถ้าหากไม่มองให้ถ้วนทั้งขอบฟ้า อย่าง panorama view จะไม่เห็นแง่มุมที่แฝงเร้น เช่นที่ว่าดีขึ้นนั้น ดีกว่าเมื่อสี่ห้าปีที่แล้วก่อน คสช.ยึดอำนาจไหม ถ้าดีกว่าดีเท่าไหร่ พอกลบลบอัตรา inflation เงินเฟ้อได้เพียงใด

ประเด็นสำคัญอยู่ที่สภาพปากท้องของประชาชนส่วนใหญ่ขณะนี้เป็นอย่างไรแน่นั่นต่างหาก จะให้หวังกับวาทกรรมประชารัฐหรือไทยนิยมต่อไปอีกสี่ห้าปี ไม่ไหวแน่ โดยเฉพาะในสภาพที่ ถือแถน ประสพโชค ว่า

“เลวร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือ ไปเอื้อฝ่ายที่ได้เปรียบ ให้ได้เปรียบยิ่งขึ้นเพราะเป็นพวกเดียวกัน”