ไม่ด้านจริงไม่ใช่ ‘ไอทู้บ’ สิน่า ไหนจะปากเปรอะเที่ยวเรียกคนนั้นคนนี้ ‘ไอ้คนไม่มีผม’ บ้างละ เจ้าตัวเขาไม่ได้ย้อน
แค่แย้งว่าสิ่งที่พูดตรงตามหลักการสากล แต่ก็มีคนมาถอดเกร็ดให้
“คนไม่มีผมเป็นเพราะธรรมชาติ
คนไม่มีสมองเป็นเพราะไม่รู้จักเรียนรู้” (‘บก.ลายจุด’ สมบัติ บุญงามอนงค์ ๗ กันยา ๖๑)
จะไม่มีสมองเพราะไม่รู้จักเรียนรู้
หรือว่ารู้ทั้งรู้แต่เสแสร้งบิดเบือนความจริง เพื่อแก้ตัว แก้ต่าง
ในภาวะที่กำลังขาลง ‘going south’ เหมือนอย่าง ‘ไอทรั้มพ์’ ก็เป็นได้
ไปลพบุรีเมืองลิงเที่ยวนี้ “ตื่นเต้นกลับมาบ้านเก่า”
ประยุทธ์ จันทร์โอชา สาวความยืดว่า “ตนเองเป็นคนลพบุรี
เกิดที่โคราชแต่มาโตที่ลพบุรี เพราะพ่อมาเป็นทหาร” แต่เจตนาจริงๆ “ไม่ได้มาหาเสียง
แต่มาพูดเพื่อให้เห็นว่ารัฐบาลมีเจตนารมณ์มุ่งมั่นอะไร”
ตัดภาพไปที่ Thorn
Sasivimolkul รายงาน “บรรยากาศต้อนรับนายกรัฐมนตรีและคณะเป็นไปอย่างคึกคัก
มีประชาชนมารอต้อนรับจำนวนมาก” พอดูภาพแล้วเห็นจริง
ในเมื่อ “14/8/61 ตู่โมโหผู้ไม่หวังดี ทำคลิปใช้เด็กพูดโจมตีรัฐบาล วอนอย่าดึงอนาคตของชาติ
มาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
เอาละผ่านไปพิธีการ พอมาถึงพิธีกร
เค้าบอกว่า “ลพบุรีถือเป็นดินแดนแห่งวัฒนธรรม ดินแดนที่สงบสุข
เป็นพื้นที่ปลอดภัยจากภัยสงครามตั้งแต่อดีต เป็นที่ตั้งของกองกำลังทหาร”
จากนั้นจึงเข้าโหมด ‘ไหม้’
หาเสียง
“ทหารไม่ใช่ศัตรูของประชาชน...วันหน้า (แต่วันนี้ยัง)
ประเทศไทยต้องเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย...หากมีใครรังแก ทุจริต ก็แจงมายังตน แต่พวกตนเป็นเองอย่าเพิ่ง ใครขืนแจงโดนเรียกคุยแบบ ‘ไอ้คนไม่มีผม’ ถ้าเป็นพวกนักศึกษา วิชาการ
ก็เอาคดีปักหลังไว้ ขัดคำสั่งบ้าง อั้งยี่บ้าง แค่ขอประกันก็สุดจะบักโกรกแล้ว
“ขอให้คนไทยเลิกทะเลาะกันเอง...จะตีกันเองทำไม
‘ประชาธิปไตย’
ตีกันมากกว่า ๑๐ ปีทำให้เส้นเลือดของประเทศตีบตัน” ตรงนี้แหละที่ปากพร่อยมุสา
ในเมื่อไอ้พวกที่ตีน่ะเป็น ‘การ์ดสมีอิสระ’ กับพวกชุดพรางที่ยิงสไน้เปอร์ มากกว่าพวกที่ถูกหาว่าเผา
(หลอก-ดอกไม้จันทร์) บ้านเมือง
พูดได้ไง ประชาธิปไตยทำให้ตีกัน
เท่านั้นไม่พอ มีเสียงขอให้พยุงราคาข้าว ดันตอบว่า “จะพยุงได้อย่างไร
เพราะตอนนี้รัฐบาลยังใช้หนี้ ๕ แสนล้านบาท ให้กับโครงการรับจำนำข้าว...ที่ผ่านมารัฐบาลต้องแบกให้เท่าไร
ใช้หนี้มา ๔ ปีแล้ว จากที่ผลาญมาจากรอบที่แล้ว”
อ้าว ก็ไหนกว่าสี่ปีที่ผ่านมา “ตู่มันยกเลิกจำนำข้าว
แล้วทำจำนำยุ้งฉาง ใช้งบเกิน ๔ แสนล้าน มีชาวนาได้ประโยชน์กี่ครัวเรือน
ยกระดับคุณภาพชีวิตชาวนาได้ไหม ขาดทุนเป็นตัวเลขเท่าไหร่
กระตุ้นเศรษฐกิจให้หมุนเวียนขยายตัวได้กี่ % ยังไม่เห็นมันสรุปผลโครงการ”
หมอ ‘ชัยวุฒิ
สุวรรณโณ’ นักรบไซเบอร์ฝ่ายประชาธิปไตยคนหนึ่งซัดกลับ “เบ็ดเสร็จแล้ว เมื่อก้าวเข้าสู่ปีที่
๕ ในการออกนโยบายดูแลชาวนาของ 'รัฐบาล คสช.'
หากนับเฉพาะโครงการ 'จำนำยุ้งฉาง' พบว่า มีการตั้งงบประมาณทั้งสิ้นรวม ๑๑๔,๙๔๖ ล้านบาท แต่หากรวมโครงการช่วยเหลืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง พบว่ามีการตั้งงบประมาณรวม
ๆ แล้วเกือบ ๔๐๐,๐๐๐ ล้านบาท...
https://voicetv.co.th/read/rkxer6B4X”
ใครกันแน่ที่ล้างผลาญ
แล้วยังกัดกร่อนบ่อนทำลายอีกต่างหาก ดังตอนนี้มีกระแสวิตกกันหนาหูว่าจะมีการเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ใช้บัตรทอง
ประกันสุขภาพถ้วนหน้า เลยไปถึง “จากที่เคยได้ยินข่าวมาว่าอาจจะมีการปรับเพดานเบี้ยประกันสังคมแบบใหม่จาก
๗๕๐ บาท เป็น ๑,๐๐๐ บาท
ล่าสุด รมว.
แรงงานเคาะแล้วว่าจะมีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
มนุษย์เงินเดือนเตรียมซับน้ำตากันได้เลย” รมว.กระทรวงแรงงานของ
คสช.เสนอไอเดียจู๊ดสำหรับสำนักงานประกันสังคมในวันข้างหน้า ใครที่รายได้น้อยกว่า ๑
หมื่น ๖ พันบาทจึงจะถูกหัก ๗๕๐ บาทเท่าเดิม เกินนั้นไปจ่ายคืนเพิ่มตั้งแต่ ๘๐๐ ถึง
๑,๐๐๐
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว
แจ้งว่าแม้จะยังไม่ได้เสนอถึงรัฐบาล แต่ก็ยัดให้ตัวแทนฝั่งนายจ้างและลูกจ้างช่วยไปสื่อสารแล้ว
ถึงที่สุดยังไงก็เอาแน่
กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
เกี่ยวกับบริการประชาชน ไม่เพียงลงทุนทำโน่นทำนี่แล้วไม่ได้ผลอะไร เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำให้พวกคู่ค้ากับรัฐบาล
คสช.อูฟู
ดังเช่นโครงการติดตั้งเครื่องหยอดเหรียญ
และเครื่องอ่านบัตรอีเล็คโทรนิคสวัสดิการคนจนบนรถเมล์ ๒,๖๐๐ คัน ตั้งแต่มิถุนา ๖๐
ซึ่งต้องใช้งบประมาณผูกพันจ่ายค่าเช่าเครื่องทั้งสอง ๖ แสน ๔ หมื่นบาทต่อคัน นาน ๕
ปี เป็นวงเงินทั้งสิ้น ๑,๖๖๕ ล้านบาท
นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่า กทม. และอดีต
ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาบ่นทางหน้าเฟชบุ๊คว่า
วัตถุประสงค์ของดครงการติดตั้งเครื่องเพื่อประหยัดค่าจ้างแรงงานพนักงาน
ซึ่งกินรายได้เข้าไป ๖๐ เปอร์เซ็นต์
แต่แล้วพอเริ่มทดสอบเครื่องมือปรากฏว่า “การใช้อีทิกเก็ตและกล่องหยอดเหรียญมีปัญหา
ใช้งานได้ไม่ราบรื่น ทำให้ ขสมก.ประกาศเลื่อนการใช้มาเป็นวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑”
นี่ต้นเดือนกันยา “ทั้งอีทิกเก็ตและกล่องหยอดเหรียญยังใช้งานไม่ได้ผล
ทำให้คณะกรรมตรวจรับพัสดุของ ขสมก.มีมติไม่รับงาน
ซึ่งจะนำไปสู่การบอกเลิกสัญญาที่ทำไว้กับเอกชนต่อไป”
นายสามารถจี้ว่า ‘น่าเสียดาย’ หลายอย่างล้มเหลว และโยนไปให้อยู่ในความรับผิดชอบของ
รมว.คมนาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ
ที่ไม่บังเอิญเป็นหนึ่งในกำลังขับเคลื่อนจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ ไว้สนับสนุนประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหลังเลือกตั้ง