วันจันทร์, กันยายน 10, 2561

วิษณุบอก คสช. 'กลัว' ปลดล็อค สงสัยเพราะประยุทธ์ได้คะแนนนิยมไม่ถึง ๑ ใน ๔


ฤๅจะเป็นเพราะ กลัว จริงอย่างที่ทั่นรองฯ วิษณุว่า คสช.ไม่กล้าปลดล็อคพรรคการเมืองหาเสียง เพราะยัง กลัวอะไรไม่รู้ เจ้าตัวไม่ยอมบอก สันนิษฐานได้ว่ากลัวจะไม่ได้รับคะแนนนิยมให้เป็นนายกฯ อีกครั้งหลังเลือกตั้ง

ขนาดดุสิตโพลจัดสำรวจพันกว่าคน โพนทะนาว่าคะแนนบิ๊กตู่บมาอันดับหนึ่ง ให้นั่งตำแหน่งนายกฯ อีกครั้งที่ ๒๔.๗๒ เปอร์เซ็นต์ ทักษิณเทียบไม่ติดที่ ๑๓% ส่วนอภิสิทธิ์ว่าแน่ยังได้แค่ ๑๗%

แต่เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน คะแนนสูงสุดนี่ไม่ถึง ๑ ใน ๔ ของจำนวนผู้ตอบข้อซักถาม ๑,๑๓๒ คน ก็ไม่น่าจะยึดเอาผลที่ได้มาใช้เป็นมาตรวัด ในเมื่อคะแนนของแต่ละคนใน ๕ อันดับแรกไม่มีใครเกิน ๒๐% ด้วยซ้ำไป สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ตัวเต็งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังได้แค่ ๑๖.๕๓% เท่านั้น

(ดูรายละเอียดอื่นๆ จาก https://voicetv.co.th/read/B1tx0ffOX)

สิ่งที่นายวิษณุ เครืองาม พูดเมื่อ ๑๐ กันยา ดั่งสักวา ขอไปทีเพราะไม่เหมือนกับที่เคยพูดเรื่องเดียวกันเมื่อเดือนกุมภา ตอนนั้นว่าต้องรอถึงเดือน มิ.ย. ให้ คสช.ปลดล็อคหาเสียง แล้วได้เลือกตั้งกันในเดือนสิงหาหรือกันยา

แต่นี่ ๑๐ กันยาเข้าไปแล้ว นายวิษณุกลับบอกว่า ที่พรรคการเมืองเรียกร้องให้ปลดล็อค “ขณะนี้ยืนยันว่ายังไม่ทำ คสช.มีเหตุผลอยู่ การที่ฝ่ายการเมืองออกมาระบุไม่มีอะไรต้องกลัวนั้น คสช.กลัว”

ทั่นรองฯ ฝ่ายกฎหมายไม่ได้ให้ความกระจ่างว่า คสช.กลัวอะไร แต่กลับยืนยันให้ฝ่ายการเมืองสั่นเสียอีกว่า ที่กลัวว่า คสช.คลายล้อคให้พรรคการเมืองไปหาสมาชิกให้ครบตามที่ กม.พรรคการเมืองฉบับใหม่ระบุแล้ว เสี่ยงถูกข้อหาขัดคำสั่ง คสช. ก็ใช่

ส่วนประเด็นจำนวนเวลาหาเสียง ๓๐ วัน ๖๐ วันตามแนวคิดที่พูดกันอยู่ มันสั้นเกินไป ใครจะไปทำได้ทันนั้น ทั่นรองฯ ปัดสวะว่า “เป็นประเด็นเล็ก” ให้ไปถาม กกต.เอาเองเสียนี่


ทางด้านทั่นรองฯ ฝ่ายความมั่นคงของ คสช. ฟันธงลงแล้วว่าการคลายล็อคให้พรรคการเมืองหาสมาชิก และ จัดทำนโยบายสำหรับพรรคการเมือง ระยะเวลาแค่ ๗๐ วันนั้นพอแน่ จากนั้นจึงจะปลดล็อค ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ได้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังมีคอมเม้นต์ถึงกรณีที่โพลของมหาวิทยาลัยสวนดุสิตที่จัดให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับความนิยมให้เป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะได้คะแนนจากการสุ่มตัวอย่างเพียงร้อยละ ๒๔.๗๒ ก็ตาม

ว่าให้ไปถามพล.อ.ประยุทธ์เอง “ตอนนี้นายกฯ ยังทำงานไม่จบ ดังนั้นต้องทำงานให้จบก่อน”


พูดเหมือนกับว่าจะยังไม่ให้มีการเลือกตั้ง เพราะยังทำงานไม่จบ มันเลยไปพัวพันกับการคลายล็อค ยังไม่ปลดล็อค เพราะคะแนนนิยมให้เป็นนายกฯ ซ้ำยังไม่ถึงเกณฑ์ควรพอใจ ใกล้ครึ่งหรือเกินครึ่งนั่นเอง