พูดสั้นๆ การล้มคุณอภิสิทธิ์คือประตูสู่การยึดพรรคภายใต้อุ้งเท้าของนักการเมืองกลุ่มที่ประกาศชัดเจนว่าต้องการให้นายกจากคณะรัฐประหารเป็นนายกต่อไป
ถ้าคุณสุเทพผู้ทำม๊อบล้มเลือกตั้งปี 57 ผลักดันจนคุณถาวรเชิดคุณวรงค์เป็นหัวหน้าประชาธิปัตย์สำเร็จ ทิศทางประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งปี 62 ก็จะเป็นแนวร่วมสืบทอดอำนาจรัฐทหารเช่นเดียวกับพรรคคุณไพบูลย์, พรรค กปปส. รวมทั้งพลังประชารัฐและสามมิตรที่ทำพรรคแบบเอาเปรียบทุกคน
หนึ่งในยุทธวิธีที่กองหนุนทหารใช้ยึดพรรคประชาธิปัตย์คือโจมตีคุณอภิสิทธิ์ว่าทำพรรคแพ้เลือกตั้งมากไป แต่ที่จริงคำว่า “แพ้เลือกตั้ง” หมายถึงการที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนมีประชาชนเลือกน้อยจนไม่ได้เข้าสภา ขณะที่ปัญหาของประชาธิปัตย์คือความไม่สามารถทำให้ ส.ส.ชนะเลือกตั้งมากเท่าที่คู่แข่งทำ
ภายใต้การปลุกกระแส “แพ้เลือกตั้ง” เพื่อสร้างความไม่เชื่อมั่นว่าพรรคจะเป็นที่หนึ่งในการเลือกตั้งครั้งถัดไป คุณอภิสิทธิ์กลายเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าทำให้พรรคมีสภาพนี้มากที่สุด แม้พรรคยุคคุณอภิสิทธิ์จะได้ ส.ส.ในการเลือกตั้งปี 2550 และ 2554 จำนวน 165 และ 159 ที่นั่ง ส่วนยุคก่อนคุณอภิสิทธิ์ได้เพียง 96 คน
แน่นอนว่าประชาชนไปลงคะแนนให้ผู้สมัครจากพรรคใดพรรคหนึ่งด้วยหลายปัจจัย แต่ข้อเท็จจริงคือประชาธิปัตย์ยุคคุณอภิสิทธิ์ได้คะแนนจากประชาชนในการเลือกตั้งปี 2550 และ 2554 ร้อยละ 39.63 และ 35.15 ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับอันดับถัดไปอย่างคุณชวนในปี 2539 ที่ได้เสียงผู้มีสิทธิร้อยละ 31.8
แม้คุณอภิสิทธิ์จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ดีขึ้นกว่าที่เคยเป็น แต่คุณอภิสิทธิ์ไม่ประสบความสำเร็จในการทำให้พรรคเติบโตเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างพลังประชาชนและเพื่อไทยซึ่งได้ ส.ส. 233 และ 265 ที่นั่งในการเลือกตั้งสองครั้งหลัง ถึงแม้อำนาจนอกระบบจะทำให้ทั้งสองพรรคต้องเปลี่ยนผู้นำทุกครั้งก็ตาม
คุณอภิสิทธิ์คือหัวหน้าพรรคที่ทำได้ดีในการทำให้พรรคยิ่งใหญ่กว่าในอดีตแน่ๆ แต่คุณอภิสิทธิ์ไม่ประสบความสำเร็จในการทำให้พรรคแข็งแกร่งมากพอจะเอาชนะคู่แข่งได้ ต่อให้อยู่ในสถานการณ์ที่พรรคได้เปรียบทุกทาง
อย่างไรก็ดี ต้นเหตุที่ทำให้ประชาธิปัตย์ไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งได้มากนั้นเป็นปัญหาของพรรคมากกว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดจากตัวคุณอภิสิทธิ์เอง
...
การโค่นล้มคุณอภิสิทธิ์เป็นคนละเรื่องกับการทำให้ประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้ง มิหนำซ้ำยังอาจเป็นทางด่วนให้พรรคมีคนเลือกน้อยจนกลายเป็นพรรคขนาดกลาง
ถ้าความผิดของคุณอภิสิทธิ์คือการทำให้พรรคพัฒนามากเท่าการพัฒนาของคู่แข่งไม่ได้ การล้มล้างคุณอภิสิทธิ์ก็คือการทำให้พรรคถดถอยเมื่อเทียบกับที่คุณอภิสิทธิ์ทำไว้ จึงไม่มีทางชนะคู่แข่งได้อย่างสิ้นเชิง
หากประชาธิปัตย์อยู่ใต้การนำของนักการเมืองกลุ่มกระหายจากรัฐบาลทหาร ประชาธิปัตย์จะลดชั้นจากพรรคอันดับสองเป็นคือพรรคที่มี ส.ส.ไม่ถึงร้อย และเป็นได้แค่ส่วนประกอบปลายแถวของรัฐบาลที่เกิดจากการล้มการปกครองของประชาชน
...
คุณอภิสิทธิ์จะเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่เป็นเรื่องเล็ก แต่การปลุกปั่นวาทกรรมแพ้เลือกตั้งเพื่อไล่คุณอภิสิทธิ์คือการเปิดทางให้พลังฝ่ายหนุนทหารเปลี่ยนประเทศให้อยู่ใต้ระบอบ คสช.อย่างสมบูรณ์
อ่านบทความเต็มได้ที่มติชนสุดสัปดาห์