วันศุกร์, พฤศจิกายน 14, 2568

‘เจ้าแม่หาดใหญ่’ เจ้าของบัญชีม้า พยานปากสำคัญผู้ให้การ ‘ส่วยเว็บพนัน’ ยืนยัน “โอนเงินเข้าบัญชีภรรยา พี่ชาย พี่สาว ของพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร.”

เชื่อว่างานนี้คงไม่มีพยานกลับคำให้การเหมือนกับคดีฮั้ว สว.ละนะ การไต่สวนกรณีส่วยเว็บพนันโดยกรรมาธิการความมั่นคงฯ ซึ่งมี รังสิมันต์ โรม เป็นประธาน ผู้ให้การคือ บิ๊กโจ๊ก กับ อัจฉริยะ และพยานคือ เจ้าแม่หาดใหญ่

น.ส.พิมพ์วิไล ปล้องอ่อน “ซึ่งการเข้าให้การของเธอเป็นการทำด้วยความสมัครใจ แต่ยอมรับว่าตัวเธอมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย”

พยานคนนี้ให้การทิ้งท้ายว่า “จ่ายแล้วทำไมยังถูกจับ หนูไม่ได้รับความเป็นธรรม มาจับหนูทำไม หนูเป็นแค่คนทำบัญชีกับโอนเงินแค่นั้น” เธอยอมรับว่าเป็นเจ้าของบัญชีม้า เว็บพนันบีเอ็นเคมาสเตอร์และวีนัสมาสเตอร์

ได้ค่าจ้างโอนเงินเดือนละ ๒ หมื่นบาท เพิ่งทราบหลังถูกจับเมื่อ ๕ พฤษภาคม เพราะ “ได้สอบถามคนที่ว่าจ้างตนให้โอนเงินจนทราบว่า เงินที่โอนให้ตำรวจและที่ต่างๆ เป็นเงินผิดกฎหมาย จากเว็บพนันออนไลน์ เป็นส่วย”

เงินที่โอนนั้นมี ๓๔ เส้นทาง รวมแล้วราว ๒๘๐ ถึง ๒๙๐ ราย ดังที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อ้าง รายใหญ่คือตำรวจไซเบอร์ ชุด PCT 4 เดือนละ ๑ ล้าน และยัง “โอนเงินเข้าบัญชีภรรยา พี่ชาย พี่สาว ของพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร.”

ทางด้านพลตำรวจโทไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ซักค้าน น.ส.พิมพ์วิไลเกี่ยวกับ รองกาโม่ ที่ว่าเป็นคนรับโอนเงินในกอง PCT 4 กับคนชื่อ ขวัญ ที่เป็นผู้ว่าจ้างเธอ แล้วแจ้งว่า “เส้นทางเงินนี้ ได้ดำเนินคดีแล้ว”

ป๋าต๋อยเขียนเล่าการไต่สวนของกรรมาธิการฯ ๕ ชั่วโมง ไว้ยาวเหยียด ๑๘ ข้อ โดยสรุปลงท้ายว่า “ถ้าตำรวจไทยไม่หักกันเอง ประชาชนจะไม่มีทางได้เห็นไส้ เห็นพุง ว่า มีกันกี่ขด และที่ออกมาแฉกันเองเรื่องทุจริตครั้งนี้

มันน่าตกใจและน่าหดหู่ยิ่งนัก ที่ผู้ถูกกล่าวหาแต่ละคนล้วนเป็น ผู้บริหารสูงสุดขององค์กรตำรวจที่มีหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ ในนามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

(https://www.facebook.com/permalink.php?story=61578612737633, https://www.facebook.com/Mono29News/posts/35EBdkPY3L และ https://www.facebook.com/thestandardth/posts/mXW2uZp) 

เทร็นด์ใหม่ที่ชาวอยุธยาต้องหาทางเอาอย่างแล้วละ ร้านก๋วยเตี๋ยว ‘ป้าจิต’ นครชัยศรี น้ำครึ่งแข้ง ปลาตะเพียนว่ายวนเวียน กินไปให้อาหารปลาไปด้วย

จะว่าเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสหรือเปล่ามิทราบได้ แต่ร้านก๋วยเตี๋ยว ป้าจิต นครชัยศรี สร้างเทร็นด์ใหม่ที่ชาวอยุธยาต้องหาทางเอาอย่างแล้วละ เพราะจะต้องอยู่กับน้ำครึ่งแข้ง และบ่อยครั้งถึงคอ ต่อไปอีกทุกๆ ปี

ขึ้นเทร็นด์ฮิตสำหรับฤดูน้ำท่วมปีนี้ ถูกจัดเป็น จุดเช็คอินใหม่ ของสำนักข่าว เดอะรีพอร์ตเตอร์ บอกว่าร้านก๋วยเตี๋ยวหมู-ไก่ ‘ป้าจิต’ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เป็น “มิติใหม่การกินก๋วยเตี๋ยวท่ามกลางฝูงปลาตะเพียนว่ายวนไปมา”

เจ้าของร้านเล่าว่าร้านเปิดมานานกว่า ๓๐ ปี ตั้งแต่รุ่นแม่ แต่ละปีจะเจอน้ำมากช่วงลอยกระทง แต่ถึงขั้นท่วมล่าสุดคือปี ๖๕ สำหรับปีนี้น้ำขึ้นมาตั้งแต่ ๓ พฤศจิกา ล้นเข้ามาในร้านมีปลาตะเพียนจำนวนมากเข้ามาว่ายวนเวียน ทำให้บรรยากาศแปลกไป

เป็นเสน่ห์ชักชวนให้ลูกค้าเข้าร้านมากขึ้น “โดยเฉพาะตอนเที่ยงจะเข้ามาเต็มร้าน และเปิดมิติใหม่ของร้าน โดย นอกจากขายก๋วยเตี๋ยวแล้วยังมีบริการอาหารปลาถุงละ ๑๐ บาท” ลูกค้ากินก๋วยเตี๋ยวไป ให้อาหารปลาไปด้วย สนุกไปอีกอย่าง

(https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/0KM3Xpucio) 

‘มีอะไรให้สุข?’


ข่าวอยุธยา 
7 hours ago
·
ชาวหัวเวียงจมบ้าน 4 เดือน นอนบนเตียงหนีน้ำ “จะกินจะนอนต้องคลานเข้าออกเหมือนหมา” วอนรัฐช่วยให้บ้านแห้งไม่ใช่แค่เงิน
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่หมู่ 5 ต.หัวเวียง อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา พบว่าชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางน้ำที่ท่วมสูงกว่า 3-4 เมตร มานานกว่า 4 เดือนแล้ว
บ้านเรือนหลายหลังถูกน้ำท่วมถึงชั้นสอง บางหลังที่เป็นบ้านชั้นเดียวและมีใต้ถุนสูง น้ำท่วมถึงครึ่งหลังจนถึงระดับหน้าต่าง ต้องเข้าบ้านผ่านทางหน้าต่างและคลานเข้าออกอย่างลำบาก ภายในบ้านต้องหนุนพื้นด้วยโต๊ะและเก้าอี้เพื่อวางของใช้หนีน้ำ หลายครอบครัวไม่มีแม้พื้นที่ให้เดิน เหลือเพียงมุมเล็ก ๆ สำหรับซุกหัวนอนเท่านั้น
นางชวนชม ขำสี อายุ 64 ปี ชาวบ้านหมู่ 5 ตำบลหัวเวียง ซึ่งอาศัยอยู่ติดริมแม่น้ำน้อย เล่าว่า ตอนนี้น้ำท่วมถึงพื้นบ้านชั้นสองเกือบ 1 เมตร ต้องยกเตียงและไม้หนุนพื้นเพื่ออาศัยอยู่ในสภาพน้ำขังภายในบ้านทุกวัน “จะกินจะนอนต้องคลานเข้าออกเหมือนหมา ตอนนี้หลับตาไม่ลงเลย”
เธอบอกว่า บ้านที่สร้างมาทั้งชีวิต กลับกลายเป็นเหมือนเรือนลอยน้ำชั่วคราว และอยากฝากถึงนายกรัฐมนตรีที่ลงพื้นที่ในวันนี้ว่า
“อย่าระบายน้ำลงเฉพาะอยุธยา เสนา–บางบาล พวกเราก็คน ไม่ใช่ปลา ไม่ใช่พญานาค ที่จะอยู่ในน้ำได้ครึ่งปี ขอให้ได้หายใจพ้นน้ำบ้าง ต่อไปอย่าให้น้ำมาแบบนี้อีก”
สำหรับเงินเยียวยาที่รัฐบาลเตรียมช่วยครัวเรือนละ 9,000 บาท และอาจพิจารณาเพิ่มเป็นรายเดือนนั้น นางชวนชมกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ไม่ดีใจเท่ากับการได้บ้านแห้ง ไม่ต้องอยู่กับน้ำ”
.....


ข่าวอยุธยา 
9 hours ago
·
ชายวัย 70 สู้ชีวิต หนีน้ำท่วมนอนบนหลังคาบ้านกลางน้ำมานาน 4 เดือน ใช้ฟูกกันฝน-ผ้าขึงบังแดด
วันที่ 13 พ.ย. 68 ผู้สื่อข่าว รายงาน สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ยังคงวิกฤต หลังระดับน้ำจากแม่น้ำน้อย ซึ่งรับน้ำต่อจากแม่น้ำเจ้าพระยา เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่วมชุมชนสองฝั่งริมแม่น้ำน้อยมานานกว่า 4 เดือนแล้ว บ้านเรือนประชาชนจำนวนมากจมอยู่ใต้น้ำ บางหลังน้ำท่วมถึงครึ่งหลังคา ชาวบ้านต้องคอยหนุนข้าวของขึ้นที่สูงและขยับหนีน้ำกันแทบทุกวัน
.
ที่ บ้านของ นายละเอียด อายุ 70 ปี ชาว ต.บ้านกระทุ่ม อ.เสนา เป็นบ้านไม้สองชั้น ถูกน้ำท่วมถึงชั้น ที่ สองเกินครึ่งหลัง ข้าวของภายในบ้านถูกหนุนขึ้นจนแทบติดหลังคา ต้องงัดกระเบื้องหลังคาออก เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย ทั้งกิน ทั้งนอน บนหลังคามานานกว่า 2-3 สัปดาห์แล้ว
.
นาย ละเอียดเล่าว่า ได้ใช้ ผ้าขึงบังแดด และนำ ฟูกที่นอนทำจากกะลามะพร้าวคลุมไว้กันฝน “เมื่อคืนฝนตกหนัก ฟูกเอาอยู่ ตาไม่เปียกเลย” ส่วนตอนกลางคืนไม่มีไฟฟ้าใช้ เพราะถูกตัดจากน้ำท่วม ต้องจุดตะเกียงให้แสงสว่างแทน
.
เรื่องอาหาร มีเตาแก๊สเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนหลังคา ใช้ทำอาหารง่าย ๆ เช่น ยำปลากระป๋อง พร้อมเก็บผักสวนครัวจากกระบะโฟมที่ปลูกไว้ลอยน้ำรอบบ้าน ส่วนการเข้าห้องน้ำ ต้องพายเรือออกไปขับถ่าย ขณะที่การปัสสาวะก็จัดการได้บนหลังคา
.
“ไม่อยากย้ายไปไหน เพราะห่วงของในบ้านที่สร้างมาทั้งชีวิต และก็ไม่มีที่อื่นจะไปอยู่” ลุงละเอียดกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบแต่หนักแน่น
.
ชาวบ้านในพื้นที่ต่างภาวนาให้ฝนหยุดตก และให้ระดับน้ำลดลงโดยเร็ว หลังต้องทนอยู่กับน้ำมานานกว่า 4 เดือน และคาดว่าคงต้องอดทนต่อไปอีกไม่ต่ำกว่า 2 เดือน กว่าที่สถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
.....

‘มีอะไรให้สุข?’


วลีที่ออกมาจากโฆษณา CSR ที่ถูกลบไปแล้ว มีซีนพ่อลูกร่วมทานอาหารจากถุงยังชีพที่เรียงเป็นคำว่า ‘มื้อที่สุขที่สุด’ บนหลังคาบ้านที่น้ำท่วมเกือบมิดทั้งหลังแล้ว การสื่อสารของตัวโฆษณาเองอาจทำได้ไม่ชัดเจนพอเพราะผู้พบเห็นโฆษณาจำนวนมากตั้งคำถามในทำนองเดียวกันว่า ‘มีอะไรให้สุข?’

https://thematter.co/social/viral-2023/193138



ด่วน! สำนักข่าวเบอนามา สื่อรัฐของมาเลเซีย อ้าง รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลย์ พูดว่า ทีมสังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ทั้งในไทยและกัมพูชา ได้ตรวจและยืนยันว่าทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบวันจันทร์ มิใช่ของใหม่ (ทำไมทหารไทยตรวจพลาด หรือให้ข้อมูลผิดต่อสาธารณะ?)


Pravit Rojanaphruk
3 hours ago
·
(English below)
ด่วน! สำนักข่าวเบอนามา สื่อรัฐของมาเลเซีย อ้าง รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลย์ นาย โมฮาหมัด ฮาซาน พูดว่า ทีมสังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ทั้งในไทยและกัมพูชา ได้ตรวจและยืนยันว่าทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบวันจันทร์ มิใช่ของใหม่
ปล. คำถามคือ ทำไมทหารไทยตรวจพลาด หรือให้ข้อมูลผิดต่อสาธารณะ?
#ป #ไทยกัมพูชา
BREAKING: Malaysia's Banama news reports that Malaysian Foreign Minister Mohamad Hasan has stated that the landmine stepped by Thai soldier on Monday was not a new one.
"... the ASEAN Observer Teams in Thailand and Cambodia have reported that they were not new..."
P.S. I wonder why the Thai army made a mistake, or provide the wrong information to the public?
Read the full story here: https://www.bernama.com/en/region/news.php?id=2490505...
#ThailandCambodia #Malaysia

https://www.facebook.com/pravit.rojanaphruk.5/posts/4391727944388356

.....

Pravit Rojanaphruk
17 hours ago
·
(English below)
สิ่งที่น่าเศร้าคือคนไทยและกัมพูชาส่วนใหญ่พร้อมที่จะเชื่ออย่างไร้ข้อสงสัยในสิ่งที่ทหารและรัฐบาลบอกพวกเขาว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นฝ่ายยิงก่อนเมื่อวาน >หากคุณไม่ใช่คนไทยหรือกัมพูชา คุณคงพยายามดูข้อมูลหลักฐานจากทั้งสองฝ่าย แต่พอชาตินิยมบังตา คุณก็พร้อมที่จะเชื่อแต่ข้อมูลฝั่งไทย เพียงเพราะคุณเกิดเป็นคนไทย หรือพร้อมเชื่อแต่ข้อมูลฝั่งเขมร เพียงเพราะคุณบังเอิญเกิดเป็นคนกัมพูชา มันเหมือนดูหนังเรื่องดียวกันแต่มีเวอร์ชั่นที่ย้อนแย้งกันโดยสิ้นเชิง และคุณก็เชื่อเพียงม้วนที่ผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างเป็นคนชาติเดียวกับคุณ (กรณีสื่อ 'คุณภาพชั้นนำ' ของสหรัฐประโคม  fake news เรื่อง weapons of mass destruction ก็อเมริกาบุกและจัดการซัดดัม ฮุนเซน ในอิรัก และล่าสุด ผู้บริหาร BBC ลาออกเพราะมีการตัดต่อคำพูดทรัมป์ เหล่านนี้เป็นตัวอย่างอคติที่โยงกับชาตินิยม และความเกลียดชังผู้นำต่างชาติบางคน >คุณมักจะเห็นในสิ่งที่คุณอยากจะเห็นเท่านั้น และชาตินิยมแบบสุดโต่งเป็นตัวกำหนดว่าคุณอยากเห็นอะไร)
ปล. ขอเรียกร้องให้คณะผุู้สังเกตการณ์อาเซียนในทั้งสองประเทศลงพื้นที่ดูข้อเท็จจริงและรายงานต่อสาธารณะ
#ป #ไทยกัมพูชา
The sad thing is that the majority of Thai and Cambodian people are ready to believe without an iota of doubt in whatever their army and government tell them—that the other side shot first yesterday.
If you were neither Thai nor Cambodian, you would likely try to consider evidence from both sides. But when nationalism blinds you, you are ready to believe only the information from the Thai side, simply because you were born Thai, or you are ready to believe only the information from the Khmer side, just because you happen to be born Cambodian.
It's like watching two versions of the same film about the incident and you chose only to believe in one version because the director and producer are your countrymen.
(Two foreign examples that come to my mind is how the so-called leading quality press in the US bought into the "weapon of mass destruction" narrative and supported the Gulf War. More recently, deeply biased views towards Trump led to the doctoring of Trump's speech at the BBC which was supposedly the gold standard in impartiality, and the subsequent resignations of top BBC executives as a result. Do not just try to see what you wanted to see. And ultra-nationalists see what ultra-nationalism wanted them to see.)
P.S. I call on AOT to in both countries to go to the site and find out the facts and report to the public.




ศาลยกคำร้องประกันทุกคดี - จ.ม.อานนท์ ชี้ ‘ปวศ.นักโทษการเมือง’ คือปวศ.ชาติ

Somsak Jeamteerasakul
12 hours ago
·
ดังที่ผมเคยพูดไปแล้ว การที่ทักษิณและพรรคเพื่อไทยปฏิเสธการลงมติให้ ร่าง พรบ.นิรโทษกรรมของไอลอว์ #ได้ทำให้โอกาสทางประวัติศาสตร์หนึ่งเดียวหมดสิ้นไปด้วย

ผมไม่ทราบว่า จากนี้เราจะหาทางออกอย่างไรดี
พวกที่เชียร์ทักษิณ (ไฟเย็น ฯลฯ) สมตวรจะจะอับอายตัวเอง
.....

สุรพศ ทวีศักดิ์ 
2 hours ago
·
วันนี้เจอกันอานนท์ถามผมว่า "ลูกอาจารย์เรียนปีไหนแล้ว"
ผมบอก "ปีสี่แล้ว แต่เจ้าขาลนี่ยังอีกนานนะ" แล้วเราก็มองตากัน ต่างเงียบไปสักพัก แล้วคุยเรื่องอื่นๆ ผมรู้สึกได้มาตลอดว่าอานนท์รักและผูกพันกับลูกๆ มาก สำหรับพ่อแบบนี้การได้ใช้ชีวิตอยู่กับลูกในช่วงวัยเด็กเป็นสิ่งที่มีความหมายมาก
.....

อานนท์ นำภา 
3 hours ago
·
ถึงเจ้าขาล ลูกรัก
14 พ.ย. นี้ เจ้าขาลจะอายุครบ 3 ขวบ เป็นปีที่ 3 แล้ว ที่พ่อไม่ได้อยู่ร่วมฉลองวันเกิด เป็นปีที่ 3 แล้วที่พ่อถูกขังในความผิด ตามม.112 จากการพูดความจริงในสังคม ความรู้สึกของพ่อคนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่กับลูกในวันเกิดถึง 3 ปีนั้น ยากจะอธิบายให้คนเข้าใจ แต่พ่อเชื่อเหลือเกินว่าย่อมมีคนเข้าใจ
.
พ่อเฝ้าดูเจ้าขาลและพี่ปราณค่อยๆ เจริญเติบโตตามวัยทีละช่วงจากในนี้ เฝ้าภาวนาให้ความโหดร้าย ป่าเถื่อนของสังคมนี้จางหายไปเสียที เฝ้ารอวันที่คนในสังคมนี้จะมีวุฒิภาวะ การเฝ้ารอของพ่อเต็มไปด้วยความหวังเช่นนั้น ความหวังและความฝันที่ระคนกันไปกับความห่วงหาอาดูรลูกๆ และคิดถึงเพื่อนมิตรทุกคน
.
ใจหนึ่งก็อยากให้ลูกทั้งสองช่วยโตช้าๆหน่อย พ่อไม่อยากพลาดวันเวลาที่ดีๆ ที่ได้เห็นลูกๆเติบโต ไม่อยากพลาดเวลาดีๆที่ได้เล่านิทานกล่อมนอน ช่วงเวลาดีๆที่ได้สอนเจ้าขาลเข้าห้องน้ำ ปัานจักรยาน ฯลฯ
.
สิ่งที่พ่อทำได้ตอนนี้ คือการยืนหยัดให้มีมั่นคงในจุดยืน ในความคิด ความฝัน นี่อาจเป็นของขวัญเดียวในวันเกิดของลูกที่พ่อทำได้ในปีนี้ (และปีต่อๆไป)
.
คิดถึงเจ้าขาลและปราณจับใจ
อานนท์ นำภา
11 พ.ย. 68


.....

3 hours ago
·
พูดตรงๆ ทั้งคณะก้าวหน้าและพรรคประชาชนปล่อยให้ “ทนายแจม” สู้เรื่องนิรโทษกรรม 112 อย่างจริงจังอยู่คนเดียว วันนี้คุยกับมิตรคนรุ่นใหม่ที่โดน 112 เขามองว่าเห็นพรรคประชาชนขายโฆษณา “มีเราไม่มีเทา” แล้วเดาว่ามีแนวโน้มจะเป็นประชาธิปัตย์ 2 ในอนาคต เดิมทีผมไม่เห็นด้วยกับการมองเช่นนี้ และเคยโต้แย้งมุมมองเช่นนี้แล้ว
แต่ตอนนี้ผมชักไม่แน่ใจ ผมคิดว่าสิ่งที่จะพิสูจน์ว่าพรรคประชาชนจะไม่กลายเป็นประชาธิปัตย์ 2 อยู่ที่ความจริงใจในการทุ่มเทต่อสู้นิรโทษกรรม 112 และการยืนยันแก้ 112 หากถอยสองเรื่องนี้ พูดสองเรื่องนี้น้อยลงเรื่อยๆ หรือไม่ทำจริงจังจนบรรลุผลสำเร็จ ก็อาจเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นประชาธิปัตย์ 2 จริงๆ
ที่มาภาพ https://prachatai.com/journal/2025/09/114717
.....





Matichon Online - มติชนออนไลน์
Yesterday
·
ศ.ดร.ไทเรล สนใจ จ.ม.อานนท์ ชี้ ‘ปวศ.นักโทษการเมือง’ คือปวศ.ชาติ ผู้เขียน ‘รัฐราชทัณฑ์’ ร่วมถกเข้ม

https://www.matichon.co.th/politics/news_5454316



ไม่ว่าคุณจะสนับสนุนพรรคไหน แต่หากบนหน้ากระดานมีเท่าแบบนี้ ก็กดดันให้พรรคที่คุณสนับสนุน เลือกทางที่คุณในฐานะประชาชน จะมีอำนาจมากที่สุดเถอะ


พนิดา มงคลสวัสดิ์ - Phanida Mongkolsawat 
8 hours ago
·
บ่ายวันนี้มีการลงมติสำคัญ ในห้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ
มาตรา 256/2 ว่าด้วยที่มาของบัญชีรายชื่อ กมธ.ร่างฯ
ตามร่างหลักของพรรคประชาชนระบุว่าบัญชีรายชื่อ‘กมธ.ร่างฯ’ 70 คน ต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน แล้วค่อยส่งมาให้รัฐสภาคัดเลือกเหลือ 35 คน
ซึ่งที่ประชุมมีมติ ไม่เห็นชอบกับร่างหลัก
ด้วยเสียงโหวต 8 : 14 (งดออกเสียง 12) โดยพรรคประชาชน 8 เสียงยืนยันข้อเสนอตามร่างหลัก
= เสียงข้างมากไม่เห็นชอบกับการมีคูหาเลือกตั้งให้ประชาชนได้เลือกบัญชีรายชื่อ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ ในขั้นต้น
ด้วยความกังวลว่าหากมีการเลือกตั้ง แม้จะเป็นทางอ้อม ก็มีความเสี่ยงที่จะขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

Tewarit Bus Maneechai 
7 hours ago
·
ถ้าเมื่อวานที่โวยว่าอยากให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด ถ้าวาระ 1 ก็ลงมติให้ร่างนี้เป็นร่างหลัก แต่มาถึงการยืนยันในร่างหลักการให้ประชาชนสามารถเลือกบัญชีได้ทำไมไม่ยอมสนับสนุน
ผมคิดว่าไม่ว่าคุณจะสนับสนุนพรรคไหน แต่หากบนหน้ากระดานมีเท่าแบบนี้ก็กดดันให้พรรคที่คุณสนับสนุนเลือกทางที่คุณในฐานะประชาชนจะมีอำนาจมากที่สุดเถอะ
.....


.....

Tewarit Bus Maneechai 
12 hours ago
·
นอกจากโจทย์ทำอย่างไรให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด โจทย์ไม่ให้เสียงข้างมากใน "รัฐสภา" (สส,สว) กินรวบ(หรือพูดง่ายๆ กันน้ำเงินกินรวบ) โดยใช้ 20 หยิบ 1 นี้ถือเป็นอีกหัวใจสำคัญ
ย้ำว่านี่คือโจทย์ที่ไม่มีพรรคไหนกล้าสวนศาลรัฐธรรมนูญให้ประชาชนเลือก สสร. โดยตรงแล้ว ไม่ว่าจะภูมิใจไทย เพื่อไทย หรือแม้แต่พรรคประชาชน การวิจารณ์หรือชี้ข้อดี/เสียนี้เป็นการวิจารณ์บนเงื่อนไขดังกล่าว






คนเขมรโดนปิดหูปิดตาโดยรัฐบาลเขมร คนไทยก้าวหน้ากว่า พร้อมใจเชื่อทหารโดยไม่เบิกหูเบิกตา นักข่าวเขมรพยายามตรวจสอบโดนจับขังคุก นักข่าวไทยไม่โดนนะ เพราะมีแต่ปั่นตามทหารยอดวิวยอดเอนเกจท่วม


Thai & Cambodian Troops Clash Amid Rising Tension | Pulse | WION

Nov 13, 2025 

A landmine blast sparks fierce fighting on the Thai–Cambodia border, killing soldiers and ending months of fragile peace. With both sides trading blame, the Trump-brokered deal lies in ruins and Southeast Asia braces for what comes next.
https://www.youtube.com/watch?v=iqpX_iJWZu8
.....

Yingcheep Atchanont 
17 hours ago
·
มาประชุมงาน digital rights ในภูมิภาค ได้เจอคนกัมพูชาที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน หลังไม่ได้คุยหรือทำงานกับคนกัมพูชามานานหลายเดือน และได้ยินจากเพื่อนในแวดวงว่า แม้นักสิทธิกัมพูชาก็หันไปเชียร์ฮุนเซ็นกันหมด ตอนแรกก็เกร็งๆ ใครจะทักใครก่อน อยากให้เขารู้ว่า ฉันไม่ได้เชียร์สงครามนะ
ปรากฏเดินผ่านเขา เขาทักก่อน ยืนขึ้นยื่นมามาจับก่อน เขาบอกหวังว่าเราจะได้ทำงานร่วมกัน อ้อ… รักกันเร็ว ก็เลยแสดงความคิดเห็นไปประโยคนึงว่า I dont know exactly why we are fighting this. เขาก็บอกว่า เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน
บอกเขาว่า เราไม่มีปัญหากับคนกัมพูชา แต่ก็ไม่ชอบรัฐบาลของเขาหรอก เราไม่ชอบฮุนเซ็นนะ เขาบอกเขาก็ไม่ชอบเหมือนกัน
ในวงประชุมผมเสนอความเห็นว่า เรากำลังเผชิญความท้าทายใหม่ เมื่อมีการสู้รบที่ชายแดน ข้อมูลความจริงหายาก และในเน็ตเต็มไปด้วยการตีฟูข่าวลือ ที่ไม่รู้จริงไหม และส่วนหนึ่งอาจเป็นข่าวปล่อยจากทหาร หรือตีฟูโดยไอโอของทหารนั่นแหละ แต่ไม่รู้ตรวจสอบยังไง ภายใต้ภาวะแบบนี้เราต้องเรียนรู้การทำงาน monitoring information under war ให้ดีกว่านี้
ตอนกินข้าว คนกัมพูชาเลยมาคุยด้วย เขาบอกว่าเห็นด้วยเรื่องนี้ เรื่องภาวะข้อมูลในช่วงสงคราม ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าข้อมูลฝั่งเขาเชื่อได้ไหม
เลยถามเขาว่า ทางเรามีข้อมูลยอดทหารและบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ฝั่งเขามีแต่ข่าวลือ ไม่รู้เสียหายขนาดไหน ทหารถูกเครื่องบินรบตายหลายร้อยจริงหรือเปล่า เขาบอกก็ไม่รู้เหมือนกัน
แล้วเขาบอกว่ามีนักข่าวกัมพูชาสองคนที่พยายามไปทำข่าวชายแดน พยายามถ่ายทอดเรื่องผลกระทบของวิถีชีวิตผู้คนที่เกิดขึ้นจากสงคราม นักข่าวสองคนถูกจับ ตั้งข้อหากบฏ หาว่าเข้าข้างฝ่ายไทย วันนี้ยังอยู่ในคุก

https://www.facebook.com/pow.ilaw/posts/25384792164458103
https://www.youtube.com/watch?v=iqpX_iJWZu8
.....

Atukkit Sawangsuk 
11 hours ago
·
คนเขมรโดนปิดหูปิดตาโดยรัฐบาลเขมร
คนไทยก้าวหน้ากว่า พร้อมใจเชื่อทหารโดยไม่เบิกหูเบิกตา
นักข่าวเขมรพยายามตรวจสอบโดนจับขังคุก
นักข่าวไทยไม่โดนนะ เพราะมีแต่ปั่นตามทหารยอดวิวยอดเอนเกจท่วม



วิธีคิดและตรรกะของคนหลายคน ป่วยจัด อ้างความมั่นคง ไม่ต้องโปร่งใสก็ได้


พลอย เพชรรัตน์ ใหม่ชมภู - Phetcharat Maichompoo is at กองบิน41.
19 hours ago
·Chiang Mai, Thailand ·

“เมื่อความมั่นคงกลายเป็นข้ออ้าง? บริจาคหรือบังคับจ่าย??
.
จาก “ถนนของภาษีประชาชน” สู่ “เส้นทางผลประโยชน์” ของกองบิน 41?
.
จากที่พลอยเคยผลักดันและสื่อสารเรื่องที่ กองบิน 41 เปิดให้ประชาชนสัญจรในช่วงเวลาเร่งด่วน ถือเป็นมาตรการที่ช่วยลดการจราจรและอำนวยความสะดวกให้กับคนเชียงใหม่จำนวนมาก
.
แต่หลังจากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา
มาตรการดังกล่าวได้ถูก “ยกเลิก” ไปด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง
และกลับมาใช้ระบบเดิม คือให้เฉพาะผู้ที่ ขออนุญาตทำบัตรกองบิน “เท่านั้น” ที่สามารถผ่านได้
.
ในฐานะส.ส. และ ประชาชน พลอยเข้าใจและเคารพในเหตุผลเรื่อง “ความมั่นคงของประเทศ” อย่างเต็มที่ จึงได้เดินทางไปทำบัตรผ่านกองบินด้วยตนเองตามช่วงเวลาที่มีกองบินมีการเปิดให้ทำ
.
แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งที่พลอยพบเมื่อเข้าไปทำบัตรกองบิน 41 เพื่อขออนุญาตใช้เส้นทางตามขั้นตอน
กลับสะท้อนให้เห็น “อีกมุมหนึ่ง” ของระบบที่อาจไม่โปร่งใสเท่าที่ควร
.
สิ่งที่พลอยพบในวันนั้น
1. เรื่อง “บริจาค” ที่ไม่ใช่การบริจาคจริง
.
อ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ต่อสื่อของอดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ ว่า
.
“ทางกองบินไม่ได้เก็บค่าใช้จ่าย แต่เปิดให้ประชาชนบริจาคตามสมัครใจ อาจปีละ 100–200 บาท และหากไม่ประสงค์บริจาคก็สามารถทำบัตรได้เช่นกัน”
(อ้างอิง: Dailynews https://www.dailynews.co.th/news/3132210/)
.
แต่ในทางปฏิบัติ พลอยกลับพบว่า ไม่มีช่องทางให้เลือก “ไม่บริจาค” ได้จริง
และขั้นตอนทั้งหมดถูกทำให้เข้าใจว่า “ต้องบริจาค” เพื่อทำบัตรได้เท่านั้น เริ่มต้นจากที่มีป้ายให้คําแนะนํากรอกฟอร์มแบบรายงานขอบัตรยานพาหนะ หมายเลข 3 (บุคคลภายนอก)
และหนังสือแสดงเจตจำนงมอบเงินบำรุง
ที่มีการให้ติ๊กถูก ในช่องบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือราชการ โดยส่วนท้าย มีการแนะนําให้ใส่ตัวเลขยัง 100 บาทด้วย
.
ซํ้าด้วยเจ้าหน้าที่ที่ประจำจุดต่างๆตั้งแต่ จุดขอเอกสารแบบรายงานขอฯ จุดตรวจเอกสาร และจุดชําระเงิน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "เป็นค่าธรรมเนียม 100 บาท" ไม่ใช่การบริจาค และพลอยได้ถามย้ำว่าเราสามารถบริจาคให้กองบิน 41 มากกว่าหรือน้อยกว่านี้ได้หรือไม่? เจ้าหน้าที่ก็ยังคงยํ้าชัดเป็นจํานวน 100 บาท เท่านั้น
.
และ 100 บาทนี้ ไม่นับรวมค่าแบบรายงานขอฯ จํานวน 10 บาท กลายเป็นประชาชนต้องเสียจริงเป็นจํานวนเงินทั้งสิ้น 110 บาท
.
ซึ่งคำว่า “บริจาค” ในลักษณะนี้ จึงกลายเป็น “ค่าธรรมเนียมแฝง” ที่ประชาชนจำใจต้องจ่ายเพราะถ้าไม่จ่ายก็ไม่สามารถทำบัตรกองบินได้
.
2. สิ่งที่ผิด อาจไม่ใช่คนที่รับทำบัตรแทน แต่คือ ‘ระบบ’ ที่เปิดช่องให้ผลประโยชน์เกิดขึ้นในที่ซึ่งควรจะโปร่งใสที่สุด
.
คำถามที่อยากสะท้อนกลับไปยังกองทัพอากาศ
ในฐานะหน่วยราชการที่ได้รับ งบประมาณจากภาษีของประชาชนปีละกว่า 2-3หมื่นล้านบาท
กองทัพควรเป็นตัวอย่างของความโปร่งใส ไม่ใช่ใช้ “ความมั่นคง” เป็นข้ออ้างในการสร้างระบบผลประโยชน์เชิงธุรกิจ
.
คำถามสำคัญที่พลอยอยากฝากไว้คือ
• เงิน “บริจาค” ที่เก็บจากประชาชนนี้ เข้าระบบงบประมาณของรัฐจริงหรือไม่?
• ถูกนำไปใช้ตาม “วัตถุประสงค์ที่บังคับให้กรอกในแบบฟอร์ม” หรือไม่?
• ที่สำคัญ เราจะตรวจสอบเงินก้อนนี้ว่าถูกใช้งานอย่างคุ้มค่าหรือไม่ ได้อย่างไร?
.
พลอยขอเรียกร้องให้กองทัพอากาศชี้แจงเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา
เพราะ “ความมั่นคงของชาติ” ไม่ควรถูกใช้เป็นเหตุผลในการเปิดช่องผลประโยชน์ที่พ้นสายตาประชาชน


https://www.facebook.com/ployphetcharatofficial/posts/1401663321970075
.....

Pavin Chachavalpongpun 
13 hours ago
·
เรื่องของกันจอมพลัง ที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะเพลี้ยงพล้ำ แต่สุดท้ายต่อให้กดก็ไม่จม ทั้งๆ ที่คำพูดหรือพฤติกรรมบางมีความสุดโต่ง แถมเรื่องบริจาคก็ไม่โปร่งใส อาจเป็นเพราะเค้าไม่ได้อยู่ในสนามเดียวกับฝ่ายตรงข้ามค่ะ คือ เค้าไม่ได้เล่นเกมที่ใช้เหตุผล ข้อเท็จจริงหรือหลักการทูตเลย แต่เค้าอยู่บนสนามของอารมณ์ ความเชื่อและความมั่นคง นี่แหละคือเหตุผลหลักที่ทำให้ "บังเกอร์" ของเขาแข็งแกร่งมาก และการโจมตีด้วยเหตุผลจึงไม่สามารถทะลุทะลวงได้เลย
...บังเกอร์ของเขาไม่ได้มีแค่กลุ่มคน แต่เป็นจุดตัดทางอุดมการณ์ของกลุ่มอำนาจเก่าและกลุ่มชาตินิยมสุดโต่ง กันจอมพลังทำหน้าที่เป็น "กระบอกเสียงนอกระบบ" ให้กับกลุ่มทหารและกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่ต้องการความเด็ดขาด เค้าพูดในสิ่งที่ฝ่ายรัฐหรือทหารพูดตรงๆ ไม่ได้เพราะจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่เมื่อกันจอมพลังพูดในฐานะ "ประชาชนผู้รักชาติ" เค้าก็จะได้รับการปกป้องเป็นพิเศษ หรือได้ "ไฟเขียว" ให้ดำเนินการได้ในระดับหนึ่ง เพราะวาทกรรมของเค้าเอื้อประโยชน์ต่อการรักษาอำนาจของรัฐบาล/ทหารที่เน้นความมั่นคง
...พลังขับเคลื่อนหลักของกันจอมพลังคือกระแสชาตินิยม ค่ะ วาทกรรมของเค้าคือการแบ่งโลกเป็นขาว-ดำ เล่นกับความรู้สึก "รักชาติ" "เสียดินแดนไม่ได้" อย่างตรงไปตรงมาที่สุด การโจมตีเค้าด้วยเหตุผลด้านการทูตจึงไม่มีผล เพราะคนในบังเกอร์เค้ามองว่า "รักชาติต้องมาก่อน" ใครที่มาแย้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็เท่ากับไม่รักชาติไปเลยทันที ยิ่งไปกว่านั้น บทบาทของเค้ายังช่วย "เลี้ยงไฟ" ความขัดแย้งกับกัมพูชาไว้ด้วย เพราะตราบใดที่ชายแดนยังไม่สงบ หรือยังมีความขัดแย้งอยู่ ฐานอำนาจของกองทัพที่ผูกติดกับการ "ปกป้องอธิปไตย" ก็จะยังคงแข็งแกร่งอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่กลุ่มอำนาจบางกลุ่มยังต้องการให้เป็นแบบนั้น
...นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการโต้แย้งจากฝ่ายที่เน้นเหตุผลอย่างไอซ์ถึงเอากันจอมพลังไม่ลง เพราะฝ่ายหนึ่งใช้ตรรกะและหลักการสากล แต่อีกฝ่ายตอบโต้ด้วยการ "เคลมความรักชาติ" และการย้อนกลับสู่จุดยืนทางศีลธรรมที่ง่ายและสุดโต่ง ตราบใดที่แรงกดดันจากชาตินิยมและกลุ่มอำนาจเก่ายังมีพลังอยู่ กันจอมพลังก็ยังคงมีบทบาทและ "บังเกอร์" ของเค้าก็จะยังคงอยู่ต่อไป เพราะเค้าคือตัวแทนอารมณ์ที่กลุ่มอำนาจใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาเสถียรภาพภายในนั่นเองค่ะ อีเด็กหนวดมันแน่

https://www.facebook.com/pavinchachavalpongpun/posts/24412559845085782



ปัจจุบันไม่มีทางแก้ปัญหา เขตแดนไทยกับเพื่อนบ้านได้ โอกาสที่จะแก้ได้อยู่ในอนาคต ไม่ใช่ในปัจจุบัน เพราะเงื่อนไขปัจจัยหลายอย่างในปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยให้เป็นไปได้เลย - ธงชัย วินิจจะกูล



ปัจจุบันไม่มีทางแก้ปัญหา เขตแดนไทยกับเพื่อนบ้านได้

03.09.2025
มติชนสุดสัปดาห์

บทความพิเศษ | ธงชัย วินิจจะกูล

ปัจจุบันไม่มีทางแก้ปัญหา
เขตแดนไทยกับเพื่อนบ้านได้

โอกาสที่จะแก้ได้อยู่ในอนาคต ไม่ใช่ในปัจจุบัน เพราะเงื่อนไขปัจจัยหลายอย่างในปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยให้เป็นไปได้เลย

หากจะเริ่มบุกเบิกทางตั้งแต่ปัจจุบัน จะต้องพยายามคิดจาก “ความน่าจะเป็น” ในอนาคต ซึ่งน่าจะแตกต่างจากปัจจุบันอย่างมาก

ดังที่ได้อธิบายมาในหลายโอกาสก่อนหน้านี้แล้วว่า โดยพื้นฐาน เส้นเขตแดนทางบกรอบประเทศไทยทุกแห่ง เป็นระเบิดเวลาที่ตกทอดจากยุคอาณานิคมที่ขีดเส้นบนพื้นที่ซึ่งอำนาจของรัฐจารีตซ้อนทับกันอย่างสับสนวุ่นวาย ครั้นเมื่อรัฐสมัยใหม่ถูกสถาปนาว่าต้องมีอธิปไตยเหนือดินแดน ก็ใช้อำนาจกำหนดเส้นเขตแดนที่ชัดเจนอย่างต่อเนื่อง ขีดลงไปบนพื้นที่ซึ่งอำนาจซ้อนทับขาดความชัดเจนและไม่ต่อเนื่อง กำหนดเป็นเส้นเขตแดนขึ้นมาอย่างใดอย่างหนึ่ง

ยังไม่นับปัญหาพื้นที่ตามธรรมชาติเปลี่ยน แผนที่ต่างยุคใช้เทคโนโลยีต่างกัน และอีกสารพัดปัญหาที่ทำให้เส้นเขตแดนอาจกลายเป็นข้อพิพาทขัดแย้งกันได้แทบทุกจุดรอบประเทศไทย

บนพื้นฐานของปัญหาเช่นนี้ เราต้องการองค์ประกอบอื่นเป็นใจด้วย จึงจะแก้ปัญหาเขตแดนไทยกับเพื่อนบ้านได้

แต่อะไรคือเงื่อนไขปัจจัยหลายอย่างในปัจจุบันที่ไม่เอื้ออำนวยให้แก้ปัญหาเขตแดนไทยกับเพื่อนบ้านได้เลย

ประการแรกและสำคัญที่สุดคือ ปัจจุบันรัฐทั้งหลายในภูมิภาคไม่ตระหนักและไม่ยอมรับปัญหาจากประวัติศาสตร์ดังกล่าว แทนที่จะรับความจริงว่าเส้นเขตแดนและความคิดเรื่องอธิปไตยเหนือดินแดนไม่ใช่ความจริงที่มีอยู่ตามธรรมชาติ แต่ถูกกำหนดขึ้นมาอย่างมีปัญหาโดยมนุษย์ในยุคอาณานิคมเมื่อไม่นานมานี้เอง กลับยึดมั่นจะเป็นจะตายกับเส้นเขตแดนและอธิปไตยเหนือดินแดนราวกับมันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดำรงอยู่ตามธรรมชาติหรือนานมากแล้วและแก้ไขต่อรองกันหรือตกลงกันไม่ได้ เส้นเขตแดนและอธิปไตยเหนือดินแดนมีค่าเหนือกว่าชีวิตผู้คน

ประการที่สอง แต่ละรัฐอ้างสิทธิอธิปไตยเหนือดินแดนตามที่ตนต้องการ ไม่ว่าด้วยอคติความอยากได้ดินแดนที่รัฐจักรวรรดิแต่เดิมเคยอ้างมาก่อน หรือความกลัวถูกรังแกจากรัฐจักรวรรดิเดิมก็แล้วแต่ การตีความเข้าข้างตัวเองเช่นนี้ย่อมหนีไม่พ้นที่จะขัดแย้งกับประเทศรอบบ้านที่ตีความเข้าข้างตนเองเช่นกัน จึงนำไปสู่ความขัดแย้งและการรบราที่ไม่มีวันจบสิ้น เพราะไม่ว่าใครชนะในยุทธการครั้งหนึ่ง ย่อมเกิดบาดแผลกับอีกฝ่ายรอวันเอาคืน

ความจริงก็คือ ทั้งสองฝ่ายไม่มีทางพบดินแดนที่เป็นของตนอย่างปราศจากข้อขัดแย้ง เพราะไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “ดินแดนที่เป็นของตนอย่างปราศจากข้อโต้แย้ง” มาตั้งแต่ต้นที่ลงมือตีเส้นเขตแดนเป็นครั้งแรกในยุคอาณานิคม

ประการที่สาม อคติที่มีต่อกันระหว่างประเทศต่างๆ ในภูมิภาค

ประวัติศาสตร์ของภูมิภาคนี้เต็มไปด้วยความระแวง สงสัย เห็นแก่ตัว และเกลียดอีกฝ่ายหนึ่ง แทบทุกประเทศยังปลูกฝังประวัติศาสตร์อันตรายเช่นนี้ให้ประชากรของตนรุ่นแล้วรุ่นเล่า ประเทศไทยก็เช่นกัน

ทุกประเทศต่างมองประเทศรอบข้างเป็น “คนอื่น” เป็นศัตรู เป็นพวกทรยศลิ้นสองแฉกไว้ใจไม่ได้ เป็นพวกโหดร้ายชอบรังแก เป็นลูกกะจ๊อกที่เหิมเกริม ฯลฯ อคติเช่นนี้ทำให้มองไม่เห็น “เพื่อนบ้าน” ที่ไม่มีวันย้ายหนีจากกันไปไหนได้

ความไม่ไว้วางใจต่อกันในอดีตเป็นพื้นฐานของความระแวงในปัจจุบัน รัฐที่เคยเป็นเจ้าจักรวรรดิเดิม เช่น ไทย ก็อวดอ้างว่าดินแดนโน่นนี่เคยเป็นของตนมาแต่โบราณ รัฐที่ถูกรังแกกดขี่ ถูกรัฐจักรวรรดิแบ่งแยกและปกครองมาตั้งแต่สมัยจารีต ก็ระแวงว่าประเทศสืบทอดมาจากรัฐจักรวรรดิจะขยายดินแดนกลืนชาติของตนอยู่ร่ำไป



ประการที่สี่ ซึ่งดำรงอยู่ในแทบทุกประเทศในภูมิภาคคือ อิทธิพลของกองทัพที่มีมากเกินไปในแต่ละรัฐ ประชาธิปไตยยังง่อนแง่นหรือยังไม่เกิดด้วยซ้ำ นักการเมืองขาดความน่าเชื่อถือพอที่จะมีบทบาทนำ แถมยังไม่มีความรู้เรื่องเขตแดนสักเท่าไร มักคิดว่าทหารรู้ดีกว่า ทั้งๆ ที่กองทัพของประเทศเหล่านี้ในตัวมันเองก็เป็นมรดกจากยุคจารีตและยุคอาณานิคม เป็นกองทัพที่อย่างเก่งก็เชี่ยวชาญเรื่องการยุทธ์ อย่างเลวก็หมกมุ่นกับการแสวงอำนาจรัฐ แต่ล้วนไม่ผ่านการฝึกฝนให้เข้าใจประวัติศาสตร์หรือการเมืองระหว่างประเทศ

ในภาวะเช่นนี้เองและกองทัพแบบนี้เองที่มีบทบาทสูงในการจัดการปัญหาเขตแดน จึงย่อมต้องเข้าใจว่าการปกป้องรักษาอธิปไตยเหนือดินแดนทุกตารางนิ้วหมายถึงการทหาร ไม่เข้าใจว่ามรดกจากยุคจารีตและยุคอาณานิคมซึ่งต้องแก้ด้วยความคิด นโยบายและมาตรการที่ต่างออกไป แถมเมื่อเกิดปัญหาชายแดน มักเป็นโอกาสให้กองทัพสร้างเกียรติภูมิและเพิ่มงบประมาณไปด้วย การทหารจึงมักนำการทูตและการเมือง

ประการที่ห้า บ่อยครั้งกองทัพในประเทศเหล่านี้ใช้ปฏิบัติการจิตวิทยากับประชาชนของตนเอง หมายถึงการปกปิดข่าวสาร ให้ข้อมูลด้านเดียว ประโคมปลุกเร้าสร้างอารมณ์ร่วมของประชากรให้เห็นคล้อยตามกองทัพ

ตัวอย่างเช่น ในกรณีไทยปะทะกัมพูชาครั้งล่าสุดนี้ ยังมีคำถามน่าสงสัยหลายข้อ เช่น สาเหตุที่เป็นจุดปะทุความขัดแย้งยังไม่ชัดเจน การทะเลาะเบาะแว้งเล็กๆ ที่ใครจะเริ่มก่อนก็ตามบานปลายได้อย่างไร

ความสงสัยที่หนักกว่านั้นอีกก็คือ ทหารเป็นผู้รู้ดีเกี่ยวกับเขตแดน กองทัพไทยรู้จักดีทั้งแผนที่ 1 : 200,000 และแผนที่ 1 : 50,000 ทั้ง L7016 L7017 และระวางอื่นๆ กองทัพเปิดเผยแผนที่เหล่านั้นอย่างตรงไปตรงมาหรือยังว่า เขตแดนอยู่ตรงไหน สันปันน้ำอยู่ตรงไหน ปราสาททั้งหลายอยู่ตรงไหนบนแผนที่เหล่านั้น

รัฐบาลและกองทัพปิดบังอำพรางข้อมูลที่ตนไม่ต้องการ แล้วเผยแพร่เฉพาะข้อมูลที่เข้าข้างตนเองเท่านั้นหรือเปล่า (เช่น ทำไมไม่เผยแพร่ผลสำรวจของกรมแผนที่ทหารที่ทำการศึกษาบริเวณปราสาททั้งสามเมื่อปี 2544 และ 2545)



ประการที่หก ลัทธิชาตินิยมในแต่ละประเทศมีส่วนอย่างมากที่ส่งเสริมความเกลียดชังและความรุนแรง สื่อมวลชนและประชาชนขาดวุฒิภาวะในการรับฟังกลั่นกรองข่าวข้อมูล หลงเชื่อโฆษณาชวนเชื่อและข่าวข้อมูลที่เข้าข้างตนอย่างเซื่องๆ สื่อไร้จรรยาบรรณและไร้ฝีมือ กลับช่วยโหมกระพือไฟของความคลั่งชาติ

การปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชารอบล่าสุดนี้ มองจากสายตาชาวโลกนับว่าเป็นการขัดแย้งที่ไร้สาระ จากเหตุที่ไม่ชัดเจน แต่กลับบานปลายเพราะปัญหาการเมืองภายในของชนชั้นนำทั้งสองประเทศ และเพราะการโฆษณาชวนเชื่อปลุกเร้าชาตินิยมกับผู้คนและสื่อขาดสติของทั้งสองประเทศได้ผลอย่างเหลือเชื่อ เหล่านี้เป็นสาเหตุที่ไร้สาระทั้งสิ้น

ถ้าอนาคต สามารถเลิกหรือข้ามพ้นเงื่อนไขปัจจัยทั้งหลายดังที่กล่าวมาได้ ข้ามพ้นความผูกติดยึดมั่นที่ผิดๆ กับเส้นเขตแดนและอธิปไตยเหนือดินแดน ข้ามพ้นชาตินิยม ข้ามพ้นความระแวงเพื่อนบ้าน ข้ามพ้นการปล่อยให้กองทัพนำการเมือง ถ้าอนาคตเป็นเช่นนี้ เราจึงจะพบความเป็นไปได้มากมายที่จะแก้ปัญหาเขตแดนไทยกับเพื่อนบ้าน และสร้างสรรค์การปฏิบัติใหม่ๆ ขนบใหม่ๆ อย่างที่ทุกวันนี้ไม่มีทางคิดได้ในกรอบกะลาของชาตินิยม

เงื่อนไขสำคัญที่สุดที่จำเป็นสำหรับการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนก็คือ ประเทศสองฟากของเขตแดนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และเห็นตรงกันว่าการทำมาหากินอย่างสงบตามปกติเป็นเป้าหมายของความมั่นคงของรัฐ

หากมีเงื่อนไขดังกล่าว หนทางที่ตรงไปตรงมาที่สุดก็คือ ต่อรองกัน ได้บ้างเสียบ้าง ตกลงกันให้ชัดเจนทุกจุด หรือจะให้เป็นเขตพัฒนาร่วมกันก็อาจจะได้ แล้วเคารพข้อตกลงนั้น หลังจากนั้นจะได้ไม่ต้องทะเลาะกันอีก



ฟังดูเป็นอุดมคติเหลือเกิน แน่นอน …เพราะปัจจุบันปิดกั้นความเป็นไปได้ทั้งหลายด้วยความคิดว่า “เป็นไปไม่ได้” “ไม่สมจริง” “เพ้อฝัน” เพราะเรามักคิดว่าอนาคตก็ย่อมเหมือนกับปัจจุบันทุกอย่าง จนละทิ้งอุดมคติ ทิ้งความคิดสร้างสรรค์

ที่จริงไม่ยากเลยที่จะคิดในปัจจุบัน ถ้าหากไม่ปิดหูปิดตาตัวเราเองหรือหมกอยู่ใต้กะลาชาตินิยม

ความจริงก็คือ ประเทศไทยมีประสบการณ์เช่นนั้นมาบ้างแล้ว มิใช่สิ่งใหม่ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน นั่นคือ การตกลงดินแดนระหว่างไทยกับมาเลเซียในหลายสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งดำเนินไปด้วยดีไปสู่การตกลงอย่างสันติบนโต๊ะเจรจา

คนที่เห็นว่าทัศนะนี้ช่างไร้เดียงสาหรือเป็นพวกโลกสวยต่างหากช่างไร้เดียงสาอย่างยิ่ง ไม่รู้จักโลกกว้างและยังหลงอยู่กับชาตินิยมไกลปืนเที่ยง คนพวกนี้ดูถูกคนในชาติของตนว่ายังป่าเถื่อนและไร้ปัญญาไม่สามารถคิดนอกกรอบชาตินิยมได้

ความเห็นเช่นนั้นต่างหากที่มิได้ตระหนักว่าอารยธรรมมนุษย์พัฒนาไปถึงจุดที่การอยู่ร่วมกันอย่างมีสันติภาพที่ยั่งยืนระหว่างประเทศต่างๆ ทำให้เส้นเขตแดนกลายเป็นเรื่องเล็ก แม้ว่าอธิปไตยเหนือดินแดนยังเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญของรัฐทุกรัฐบนโลกนี้ ผู้คนตามชายแดนไม่ต้องกลัวลูกระเบิดกระสุนปืนจนอาจตายในสงครามโง่ๆ ดังที่อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เคยว่าไว้ แล้วในปัจจุบัน เราพอทำอะไรได้หรือไม่ ที่จะประคับประคองรอจนกว่าเงื่อนไขจะเหมาะกว่าที่เป็นอยู่



ทางออกที่เหมาะสมที่สุดในปัจจุบันคือ เฝ้าระวังมิให้ระเบิดเวลาใกล้จุดระเบิด อย่าให้ชนวนถูกจุดขึ้นมา ไม่ต้องหวังจะแก้ปัญหาให้สิ้นสุดในปัจจุบัน ใช้วิธีค่อยๆ ทำไปช้าๆ แก้ปัญหาทีละเล็กทีละน้อยไปเรื่อยๆ รอเงื่อนไขโอกาสที่เหมาะสมกว่านี้ในอนาคตค่อยพิจารณาการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

ความขัดแย้งระหว่างไทย-ลาวที่บ้านร่มเกล้าเมื่อปี 2530-2531 เสียชีวิตทหารสองฝ่ายไปหลายร้อยนายนั้น จนปัจจุบันทั้งสองฝ่ายคงตระหนักว่าไม่มีทางแก้ปัญหาได้อย่างเด็ดขาดเสร็จสิ้นไปในปัจจุบัน

ดอนทรายในลำน้ำโขงเปลี่ยนแปลงเร็วมาก สนธิสัญญาซึ่งกำหนดให้เส้นเขตแดนอยู่ตรงร่องน้ำลึกระหว่างดอนทรายใหญ่ที่สุดกับฝั่งไทย ก็ได้แต่เฝ้าสำรวจดอนทรายและร่องน้ำลึกเหล่านั้นที่เปลี่ยนไปเป็นระยะๆ สันปันน้ำทุกแห่งที่เป็นเส้นเขตแดนก็เช่นกัน เจรจากันไปช้าๆ เท่าที่ได้ หากไม่ได้ก็เก็บปัญหาไว้ก่อน ค่อยๆ ระวังไม่ให้ระเบิดขึ้นมา แก้ไขไปเรื่อยๆ

เหล่านี้เป็นนโยบายที่ชาญฉลาดที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งแบบโง่ๆ จนกว่าสังคมของคู่กรณีทุกฝ่ายจะเห็นตรงกันว่าชีวิตมนุษย์และสันติภาพสำคัญกว่าเส้นเขตแดน

https://www.matichon.co.th/weekly/column/article_856668



“โรม” กร้าว ! ไม่ใช่แค่ “ชนนพัฒฐ์” แต่ต้อง “ธรรมนัส” ถาม “อนุทิน” จะปล่อยจอยใช่หรือไม่ ปลดคนนี้ประเทศเสียอะไร มองยึดทรัพย์ สส.สงขลา น้อยไป คาดแค่เบี่ยงประเด็น-ลดกระแส ชี้เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องตลก แต่ต้องซีเรียสจริงจัง ว่าจะปล่อยให้ทุนเทามีอำนาจรัฐต่อไปจริงๆ หรือ

 




https://x.com/MorningNewsTV3/status/1988834135990005911 




https://www.thairath.co.th/news/politic/2895280


ชาวบ้านใน จ.พระนครศรีอยุธยา ต้องใช้ชีวิตอยู่กับน้ำท่วมมาตั้งแต่เดือน พ.ค. ในขณะที่ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา และจนถึงตอนนี้ยังไม่มีการอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ พวกเขาใช้ชีวิตกันอย่างไร



เปิดสาเหตุน้ำท่วมหนักอยุธยา เพราะภูมิประเทศหรือบริหารผิดพลาด ?

12 พฤศจิกายน 2025
บีบีซีไทย

สถานการณ์น้ำท่วมในเขต จ.พระนครศรีอยุธยายังคงวิกฤต หลังจากต้องรับน้ำและเผชิญกับน้ำท่วมมาแล้วเป็นเวลานานมากกว่าสี่เดือน ขณะที่พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบก็ขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง จนในขณะนี้พื้นที่ 13 อำเภอ จากทั้งหมด 16 อำเภอของจังหวัดต้องจมอยู่ในน้ำท่วม

ขณะเดียวกันการประกาศปรับอัตราการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ของกรมชลประทาน จากเดิม 2,800 ลบ.ม./วินาที เป็นอัตรา 2,900 ลบ.ม./วินาที ดูเหมือนจะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ที่วิกฤตอยู่แล้วของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำด้านท้ายเขื่อนให้เลวร้ายลงไปอีก

วันนี้ (12 พ.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ลงพื้นที่บริเวณวัดบันไดช้าง อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา พบปะประชาชนพร้อมกล่าวขออภัยและยอมรับเรื่องการตัดสินใจระบายน้ำผิดพลาดซึ่งเป็นเหตุให้ชาวอยุธยาได้รับผลกระทบหนัก

"ต้องกราบขออภัยพ่อแม่พี่น้อง ที่ทำให้ต้องประสบความลำบากยากเย็น ปกติปลายเดือน ต.ค. น้ำจะไปหมดแล้ว ปีนี้ฝนก็ไม่ได้มากขึ้น แต่คงต้องแก้ปัญหาเรื่องการตัดสินใจในการระบายน้ำออกไปตามช่องทางต่าง ๆ ต้องไปแก้ไขในส่วนนี้ เพื่อไม่ให้มีความเดือดร้อนอย่างปีนี้อีก" นายกฯ กล่าว

สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นจริงเป็นอย่างไร บีบีซีไทยประมวลสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นพร้อมกับสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ว่า ที่ผ่านมาต้องเผชิญกับอะไรบ้าง สะท้อนการบริหารจัดการน้ำในจังหวัดที่ถือว่าเป็นทุ่งรับน้ำอย่างไร

ชาวบ้านเปิดใจ "ไปทำงานได้ แต่ก็ต้องทุลักทุเล"

แม้ชาวบ้านใน จ.พระนครศรีอยุธยา จะต้องใช้ชีวิตอยู่กับน้ำท่วมมาตั้งแต่เดือน พ.ค. ในขณะที่ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ประสบภัยเพราะประชาชนยังอาศัยอยู่ที่บ้านเรือนได้

"ที่นี่ไม่มีการอพยพออกจากพื้นที่ เพราะว่าประชาชนเขาสามารถอยู่บ้านได้นะครับ ไม่ได้ท่วมจนไม่สามารถอยู่บ้านเรือนได้" เจ้าหน้าที่จากกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ปภ.อยุธยา) บอกกับบีบีซีไทยเมื่อวานนี้ (11 พ.ย.)

เจ้าหน้าที่รายนี้ อธิบายเพิ่มเติมว่าภาพที่ปรากฏตามสื่อที่มีชาวบ้านออกมากางเต็นท์บริเวณถนนก็เป็นไปเพื่อ "จอดรถ เก็บทรัพย์สินพวกมอเตอร์ไซค์"

ขณะที่รายการ เดอะ แอคทีฟ (The Active) ไทยพีบีเอส รายงานสถานการณ์เมื่อวานนี้ (11 พ.ย.) บริเวณที่พักชั่วคราวผู้ประสบภัยของหน่วยงานท้องถิ่น ริมถนนสายหลักของหมู่บ้าน ต.บ้านกุ่ม อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ว่ามีประชาชนจำนวนหนึ่งออกมาอาศัยอยู่ที่พักชั่วคราว ซึ่งชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้นบอกว่า พวกเขาไม่รู้จะย้ายไปอยู่ที่ไหน เนื่องจากระดับน้ำขึ้นสูง

"เบื่อแต่เราไม่รู้จะหนีไปอยู่ที่ไหน ก็อยู่กับบ้านเรา เรียกร้องอะไรไม่ได้" นางทองอาบ นัยรัตน ชาวบ้าน ต.บ้านกุ่ม อ.บางบาล ที่อาศัยอยู่บริเวณที่พักชั่วคราวผู้ประสบภัย บอกในรายการ เดอะ แอคทีฟ


สถานการณ์น้ำท่วมใน อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ยังคงเผชิญภาวะน้ำท่วมขังต่อเนื่องยาวนานกว่า 4 เดือน มวลน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองสาขาเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ บ้านเรือนและถนนหลายสาย

นางสาวนก (นามสมมติ) วัย 40 ปี ชาวบ้าน ต.บ้านกุ่ม อ.บางบาล บอกกับบีบีซีไทยว่า ในพื้นที่ที่เธออยู่ มีผู้สูงอายุบางส่วนอพยพออกไปอยู่บ้านญาติบ้างแล้วเพื่อความปลอดภัย แต่การใช้ชีวิตอยู่ในสถานการณ์ที่น้ำใต้ถุนบ้านสูงขนาดนี้ก็สร้างความยากลำบากให้ไม่น้อย

นางสาวนก เล่าให้ฟังถึงสภาพการใช้ชีวิตของชาวบ้านที่เธอพบเห็นว่า พวกเขาต้องเดินทางไปทำงานลำบากมากขึ้น นับตั้งแต่มีน้ำท่วมขัง และตอนนี้ระดับน้ำสูงขึ้นอีกยิ่งลำบากมากขึ้น

"ไปทำงานได้ แต่ก็ต้องทุลักทุเล กว่าจะพายเรือออกมาจากบ้าน อย่างเคยออกจากบ้านตั้งแต่ตีห้า ก็ต้องเผื่อเวลาต้องออกจากบ้านตีสี่ครึ่ง" นางสาวนกอธิบายและเสริมด้วยว่า บ้านของคนอื่น ๆ หลายสิบหลังที่ยกพื้นสูงกว่าสามเมตรบางหลัง ตอนนี้ "มีน้ำอยู่บนพื้นบ้านในบ้านหลายหลังแล้ว"

ขณะที่นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.พระนครศรีอยุธยา เขต 1 จากพรรคประชาชน บอกกับบีบีซีไทยว่า ปัจจุบันชาวบ้านบางส่วนในจังหวัดยังไม่อพยพออกจากบ้านเพราะเป็นห่วงทรัพย์สินของตน แต่เขามองว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่รัฐต้องเตรียมพื้นที่อพยพที่มีสิ่งความอำนวยความสะดวกให้ประชาชน

"เขาไม่อยากออกมาจากบ้านก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เดือดร้อนหากต้องอยู่กับน้ำทุกวัน ไม่ได้หมายความว่าถ้ามีจุดอพยพที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ห้องน้ำสะอาด โรงครัว มุ้งนอน เขาจะไม่ออกมา" นายทวิวงศ์กล่าว

ทำไมบางพื้นที่น้ำท่วมหนักไม่เท่ากัน

สส.จากพรรคประชาชนเปิดเผยว่า หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้พื้นที่ใน จ.พระนครศรีอยุธยา ถูกน้ำท่วมหนักในปีนี้เป็นเพราะแผนการระบายน้ำแนวดิ่ง ซึ่งคือการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยามุ่งลงสู่อ่าวไทย โดยน้ำต้องเดินทางผ่านพื้นที่ปริมณฑลและเมืองหลวง ของกรมชลประทาน และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) แต่รัฐไม่สามารถระบายน้ำเข้าปริมณฑลและเมืองหลวงได้มาก เพราะต้องกันป้องกันความเสียหาย

"เราไม่สามารถที่จะระบายน้ำเข้าปริมณฑล และเมืองหลวงได้มาก ทำให้น้ำถูกขัง ถูกชะลอไว้ที่อยุธยา...แนวทางต่อมาก็คือ สนทช. และชลประทาน เลือกเก็บเอาพื้นที่ทุ่งรับน้ำหรือพื้นที่หน่วงน้ำเป็นที่สุดท้ายว่าถ้าหากมันมีปริมาณน้ำเยอะมากจริง ๆ ถึงจะเริ่มมีการระบายเข้าสู่ทุ่งรับน้ำ" นายทวิวงศ์ อธิบาย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่โครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า ทุ่งลุ่มต่ำเพิ่งเริ่มเปิดรับน้ำให้เข้าไปเมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา และการผันน้ำไปพื้นที่ทุ่งรับน้ำช้าก็เป็นเหตุให้ปริมาณน้ำท่วมขังในแต่ละพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา หนักหนาไม่เท่ากัน

"ทุ่งลุ่มต่ำทั้ง 6 ทุ่งในพระนครศรีอยุธยา หลักการ [การผันน้ำ] ก็คือเราเข้าไปประชาคมกับชาวบ้านเกษตรกรในทุ่ง เขาก็ให้ข้อสังเกตว่าจะเริ่มปล่อยน้ำได้ก็ต่อเมื่อเกษตรกรในพื้นที่เก็บเกี่ยวแล้วเสร็จทั้งหมด มันเลยเป็นโจทย์ว่าทำไมถึงเอา [น้ำ] เข้าช้า เพราะมันมีบางพื้นที่ที่ยังเก็บเกี่ยวไม่เสร็จ" เจ้าหน้าที่รายนี้กล่าว พร้อมเสริมด้วยว่า ปัจจุบันพื้นที่ทุ่งลุ่มต่ำก็ถูกน้ำท่วมเช่นกัน แต่ "อาจจะไม่นานเท่าริมน้ำ เพราะริมน้ำคือเขาได้รับผลกระทบมาตั้งแต่ช่วง พ.ค. และ มิ.ย."

ด้านเจ้าหน้าที่จาก ปภ.อยุธยา ยืนยันกับบีบีซีไทยว่า ปัจจุบันมีการระบายน้ำออกไปตามพื้นที่ลุ่มต่ำแล้ว โดยทุ่งที่รับน้ำไปมากที่สุดคือ ทุ่งบริเวณ อ.เสนา, อ.บางบาล, และ อ.ผักไห่


สถานการณ์น้ำท่วมที่วัดเชิงท่า อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา หลังน้ำในแม่น้ำน้อยเอ่อเข้าท่วมจนเต็มพื้นที่ สูงประมาณ 1 เมตร เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2568

สส.พระนครศรีอยุธยา เขต 1 จากพรรคประชาชน บอกว่าการเปิดประตูระบายน้ำไปยังพื้นที่ทุ่งลุ่มต่ำช้าก็ยิ่งทำให้บ้านเรือนบริเวณริมน้ำได้รับความเสียหายมาก

"เขาจะพิจารณาการระบายน้ำเข้าทุ่ง ก็ต่อเมื่อที่การระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาเริ่มต้นที่ 2,500 ลบ.ม./วินาที เป็นต้นไป ซึ่ง 2,500 [ลบ.ม./วินาที] ก็ต้องบอกเลยว่าประชาชนใน อ.เสนา อ.บางบาล อ.ผักไห่ จะได้รับผลกระทบมาแล้วอย่างน้อย ๆ หนึ่งเดือนถึงสองเดือน" นายทวิวงศ์บอก

บีบีซีไทยสรุปสาเหตุสำคัญสองประการจากคำให้สัมภาษณ์กับนายทวิวงศ์ ว่าเพราะเหตุใดทางการจึงเก็บพื้นที่ทุ่งลุ่มต่ำ ใน จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพื้นที่รับน้ำที่สุดท้าย ดังนี้
  • ทางระบายน้ำเข้าไปสู่ทุ่งรับน้ำ เช่น ท่อลอด หรือประตูน้ำต่าง ๆ มีน้อย ทำให้ภาครัฐไม่สามารถควบคุมน้ำได้ ถ้าระบายน้ำเข้าสู่ทุ่งรับน้ำ
  • รัฐบาลไม่มีมาตรการเยียวยาเกษตรกรที่ไร่นาถูกระบายน้ำเข้าไป ดังนั้น ค่าใช้จ่ายสูบน้ำออกจึงตกเป็นภาระของเกษตรกร
นางสาวนกให้ความเห็นต่อประเด็นนี้ว่า จากการทำประชาคม ซึ่งเป็นการพูดคุยกันของชาวบ้านแต่ละฝ่ายไปแล้ว ชาวบ้านเจ้าของพื้นที่ลุ่มต่ำบอกว่า การเปิดประตูระบายน้ำจะทำให้พื้นที่ของพวกเขาเสียหาย แต่เธอกลับมองว่า นั่นเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น เพราะชาวบ้านพื้นที่อื่น ๆ ในจังหวัดก็ได้รับความเสียหายมากเช่นกัน

"อย่างพื้นที่รับน้ำในทุ่ง เวลาเราจะให้ปล่อยน้ำ เหมือนประตูน้ำบางทุ่งที่ต้องให้เราไปยืนประท้วงขอให้เขาเปิด เขาก็อ้างสิทธิ์ว่าระดับน้ำในทุ่งจะต้องมีระดับน้ำที่ 3.5 เมตร เท่านั้น รับน้ำได้แค่นั้น แต่ความเป็นจริงจะไปวัดอย่างนั้นก็ไม่ถูก เพราะคุณต้องดูสถานการณ์ปัจจุบัน" เธอกล่าว

"เขาก็พูดแต่ว่า [พื้นที่] ของเขากำลังจะได้รับความเสียหายจากน้ำแล้ว ก็เลยบอกว่าต้องมาดูพื้นที่ของเราด้วยว่าตอนนี้พื้นที่ของเราเป็นยังไงบ้าง" เธอกล่าวเสริม

ผลกระทบน้ำท่วมกินวงกว้างแค่ไหน

เจ้าหน้าที่จาก ปภ.อยุธยา ระบุกับบีบีซีไทยเมื่อวานนี้ (11 พ.ย.) ว่า ปัจจุบันพื้นที่ 13 อำเภอ จากทั้งหมด 16 อำเภอของจังหวัดต้องจมอยู่ในน้ำท่วม โดยพื้นที่ประสบภัยน้ำ ล่าสุดกินพื้นที่รวม 162 ตำบล, 920 หมู่บ้าน และ 55 ชุมชน และมีประชาชนได้รับผลกระทบราว 58,000-59,000 ราย

ขณะที่ข้อมูลล่าสุดวันนี้ (12 พ.ย.) จากศูนย์ข้อมูลน้ำระดับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แสดงระดับน้ำใน 21 สถานีวัดระดับน้ำในจังหวัด บริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ว่ามีน้ำล้นตลิ่งแล้ว 13 สถานี ขณะที่อีก 8 สถานีมีปริมาณน้ำมาก

พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ใน จ.พระนครศรีอยุธยา ที่มีน้ำล้นตลิ่งสูงที่สุด 3 อันดับแรก ประกอบด้วย
  • สะพานหัวเวียง ต.หัวเวียง อ.เสนา: น้ำล้นตลิ่ง 3.04 ม.
  • บ้านบางหลวงโดด ต.บางหลวงโดด อ.บางบาล: น้ำล้นตลิ่ง 2.73 ม.
  • คลองบางหลวง ต.บางหลวงโดด อ.บางบาล: น้ำล้นตลิ่ง 2.68 ม.

พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ใน จ.พระนครศรีอยุธยา ที่มีปริมาณน้ำมาก แต่มีน้ำต่ำกว่าตลิ่งมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ
  • สถานีท่าเรือ ต.ท่าเรือ อ.ท่าเรือ: น้ำต่ำกว่าตลิ่ง 1.79 ม.
  • ปตร.ลาดชิด (ทุ่งผักไห่) ต.จักราช อ.ผักไห่: น้ำต่ำกว่าตลิ่ง 0.90 ม.
  • ปตร.ลาดชะโด (ทุ่งผักไห่) ต.อมฤต อ.ผักไห่: น้ำต่ำกว่าตลิ่ง 0.77 ม.
สถานการณ์น้ำท่วมใน อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ยังคงเผชิญภาวะน้ำท่วมขังต่อเนื่องยาวนานกว่า 4 เดือน โดยระดับน้ำยังไม่ลดลง สาเหตุหลักมาจากการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2568

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่โครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา ยืนยันกับบีบีซีไทยเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ว่าพื้นที่ทุ่งผักไห่ มีน้ำท่วมเต็มบริเวณแล้ว

จากการที่เขื่อนเจ้าพระยาได้มีการทยอยปรับปริมาณการระบายน้ำออกจากเขื่อนมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยนี้จึงทำให้ชุมชนในพื้นที่ริมแม่น้ำใน จ.พระนครศรีอยุธยาและจังหวัดอื่น ๆ ได้รับผลกระทบ

บีบีซีสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่โครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่รายหนึ่งให้ข้อมูลว่า หากเพียงเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำมากเกิน 700 ลบ.ม./วินาที ชุมชนแถวริมน้ำในจังหวัดก็จะได้รับผลกระทบแล้ว

แต่เมื่อย้อนดูสถิติการปล่อยน้ำของกรมชลประทาน บีบีซีไทยพบว่ามีการปล่อยน้ำสูงถึง 2,000 ลบ.ม./วินาที มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ก.ย. โดยมีการปรับขึ้นและลงเป็นบางช่วง
  • เดือน ก.ย. ปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา เป็นอัตรา 2,000 - 2,200 ลบ.ม./วินาที
  • เดือน ต.ค. ปรับเพิ่ม-ลด การระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา เป็นอัตรา 2,400 - 2,100 ลบ.ม./วินาที
  • เดือน พ.ย. ปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา เป็นอัตรา 2,400 - 2,900 ลบ.ม./วินาที
สถานการณ์จะคลี่คลายลงเมื่อไหร่ ?

เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำว่า การระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราสูงสุดที่ 2,900 ลบ.ม./วินาที จะดำเนินการต่อเนื่องประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนจะปรับลดเหลือประมาณ 1,000 ลบ.ม./วินาที ในเดือน ธ.ค. และปรับเข้าสู่ระดับปกติราว 700 ลบ.ม./วินาที ในเดือน ม.ค.

นอกจากนี้ กรมชลประทาน มีการจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำเร่งระบายน้ำตอนปลายลุ่มน้ำเจ้าพระยา ออกสู่อ่าวไทยที่ จ.สมุทรปราการ จ.ฉะเชิงเทรา ตลอดจนจะระบายน้ำเข้าคลองบางสายของ กทม. ในอัตราที่เหมาะสม

ร้อยเอกธรรมนัสบอกด้วยว่าจะเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีเพื่อเตรียมมาตรการเยียวยาเป็นพิเศษให้แก่เกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำที่ได้รับผลกระทบยาวนานจากน้ำท่วมต่อไป


ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์และแนวทางการบริหารจัดการน้ำ เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 68

ด้านเจ้าหน้าที่โครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา บอกกับบีบีซีไทยว่าจะมีการรับน้ำเพิ่มในทางฝั่งคลองชัยนาท-อยุธยา และมีการเร่งสูบน้ำออกทะเลเป็นหลัก ซึ่งจะเป็นการบรรเทาสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา

"ตอนนี้ต้องเร่งสูบออกอย่างเร็วเลย เพราะว่ามันเต็มทุกพื้นที่แล้ว มันไม่รู้จะเบี่ยงซ้ายขวายังไงแล้ว ต้องเร่งเอาออก" เขาอธิบาย

"จากการคาดการณ์ของกรมชลประทานกับ สทนช. ระบุว่า สัปดาห์หน้าสถานการณ์น่าจะเริ่มคลี่คลายลงแล้ว เพราะว่าปัจจุบันความกดอากาศลดลงมากแล้ว ทำให้ฝนจะตกไม่ค่อยหนักแล้ว...พอฝนหมดวันที่ 13 หรือ 14 พ.ย. เป็นต้นไป ก็คิดว่าระดับน้ำน่าจะลงเรื่อย ๆ ประกอบกับน้ำทะเลหนุนก็ลดลงแล้วตอนนี้" เขากล่าว

ขณะที่นายทวิวงศ์คาดว่า สถานการณ์ในพื้นที่น่าจะคลี่คลายลงในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า แต่ก็ไม่ตัดทิ้งความเป็นไปได้ของการเกิด "น้ำท่วมข้ามปี"

"สถานการณ์น่าจะคลี่คลายลงช่วงสิ้นเดือน พ.ย. เพราะว่าระดับน้ำจากเขื่อนที่เริ่มระบายมาในตอนนี้มากแล้ว น่าจะค่อย ๆ ลดระดับการระบายลงเรื่อย ๆ ช่วงสิ้นเดือน พ.ย. จนถึงต้นเดือนธ.ค. แต่ว่าก็มีโอกาส และเป็นสิ่งที่น่ากังวลสูงสุดคือ น้ำท่วมข้ามปีไปถึงเดือน ธ.ค. [หากระบายน้ำไม่ทันกาล]" นายทวิวงศ์ กล่าวทิ้งทาย

https://www.bbc.com/thai/articles/c98n21ldgddo



ทรัมป์ ปธน. ที่อื้อฉาว อีเมลที่พาดพิงทรัมป์เหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของเอกสารกว่า 20,000 หน้า ที่คณะกรรมาธิการกำกับดูแลสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้รับจากกระทรวงยุติธรรม จากการสอบสวนกรณีของเอปสตีน

https://www.facebook.com/watch/?v=1484527272638655


https://www.bbc.com/thai/articles/c797g3ld85qo



ชมถ่ายทอดสดการประชุม กมธ. ความมั่นคงฯ เรื่องร้องเรียน ตร. มีส่วนเกี่ยวข้องเว็บพนันและสแกมเมอร์


[🔴 LIVE ] กมธ.มั่นคงฯลุยสอบ บิ๊กต่อ-200 ตำรวจรับส่วย อัจฉริยะบุกส่งข้อมูลมัดตัว | สดอมรินทร์

Streamed live 16 hours ago 

กมธ.มั่นคงฯ พิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) มีมติชี้มูลความผิดทางวินัยร้ายแรง พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกกว่า 200 นาย ในกรณีรับส่วยจากกระบวนการเว็บพนันออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง ซึ่งกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ โดยเชิญ 2 สส. พรรคดัง 2 พรรค ชี้เข้าแจง รวมถึงและนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ด้วย | สดอมรินทร์

https://www.youtube.com/watch?v=H7fYeaVrzOM

https://www.facebook.com/watch/?v=1549608399563661