วันเสาร์, พฤศจิกายน 30, 2562

โถ คุณน้า “ชีวิตนี้มีแต่โดนทำร้าย” เอ๋โอดครวญเมื่อใกล้ 'ซังเต'


“ชีวิตนี้มีแต่โดนทำร้าย” โดยเฉพาะจาก ท่านทักษิณ เป็นคำโอดของ อี๊เอ๋หรือ น.ส. (น้าสาว) ปารีณา ไกรคุปต์ ผู้เป็นทั้งโจทก์และจำเลยในกรณีที่กรมป่าไม้ จ่อ แจ้งความว่าแม่ทูนหัวของ ลุงตู่-ลุงป้อม รุกที่ป่าสงวน

ระหว่างที่กรมป่าไม้และ สปก. จัดเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่ดินเลี้ยงไก่ “เขาสนฟาร์ม” ในครอบครองของสองพ่อลูกสกุลไกรคุปต์ อ.จอมบึง ราชบุรี เป็นรอบสอง ปารีณาก็ช่วงชิงไปแจ้งความกล่าวหาพวกเจ้าหน้าที่บุกรุกไร่ของตนเสียก่อน

อย่างไรก็ดี อธิบดีป่าไม้บอก “ไม่มีปัญหา” เป็นสิทธิ์ของเธอ แต่เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบบริเวณที่ป่าบริเวณ “ฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี ไม่ได้เข้าพื้นที่ฟาร์มไก่หรือพื้นที่ส่วนบุคคล” เลยสักนิด และพบว่ามีการบุกรุกเขตป่าสงวนอย่างเด่นชัด

“น.ส.ปารีณาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี ทั้งสองพื้นที่รวมกันประมาณ ๔๖ ไร่เศษ และจากการตรวจสอบไม่พบเอกสารที่ทางราชการออกให้เพื่อให้เข้าทำประโยชน์” แต่อย่างใด นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว

ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ๒๕๐๗ ฉบับแก้ไขปี ๒๕๕๙ มาตรา ๑๔ บอกว่า “หากบุกรุกไม่เกิน ๒๕ ไร่ มีโทษจำคุกตั้งแต่ ๑-๑๐ ปี แต่หากเป็นการบุกรุกเกิน ๒๕ ไร่ มีโทษจำคุกตั้งแต่ ๔-๒๐ ปี ส่วน พ.ร.บ.ป่าไม้ ๒๔๘๔ มาตรา ๕๓ มีโทษจำคุกตั้งแต่ ๒-๑๕ ปี”
 
ดังนี้ “จึงต้องมีการแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.ปารีณา โดยในวันที่ 2 ธ.ค. นี้ เวลา 9.00 น. ทางกรมป่าไม้ จะมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน จากนั้นจะมอบหมายให้ตัวแทนไปแจ้งความ น.ส.ปารีณา ต่อพนักงานสอบสวน”

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม แถลงเพิ่มเติมด้วยว่า “ตนเองจะเดินทางไปแจ้งความเอาผิด น.ส.ปารีณา รวมถึงแจ้งความเอาผิดนายทวี ไกรคุปต์ บิดา ของ น.ส.ปารีณา ด้วยเช่นกัน”


รูปการณ์ดูเหมือนว่าอี๊เค้าคงจะต้องเข้าซังเตต้นเดือนหน้า เพราะหนำซ้ำเจ้าหน้าที่สำนักตรวจสอบทรัพย์สิน ป.ป.ช. ก็ลงพื้นที่ด้วยเหมือนกัน ตรวจเอกสารสำคัญ “เกี่ยวกับการเสียภาษีและการถือครองที่ดิน” ของ น.ส.ปารีณาดังกล่าว

แต่ว่า ช้าก่อน ปรากฏอย่างไม่น่าฉงนว่า ตัวใหญ่ของ ปปช.มีความเห็นเป็นพิเศษเรื่องนี้ นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช.แจ้งว่ากำลังรอเจ้าหน้าที่ทำรายงานตามระเบียบส่งมา ตอนนี้ขออย่าได้ตีปลาหน้าไซกันไปก่อน

กรณีที่ว่า “มีการแจ้งทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จหรือไม่ เรื่องนี้ยังไม่ขอฟันธง” เพราะต้องรอรายละเอียด ถึงอย่างนั้น “ขออย่านำไปเปรียบเทียบกับกรณีคนอื่น และต้องยอมรับว่าตัวบทกฎหมายมีการเปลี่ยนแปลงไป” ดิ้นได้หรือป่าวอะ

“มีกรอบระยะเวลาการรวบรวมข้อมูลหลักฐาน ๑๘๐ วัน โดยต้องมีการตรวจทรัพย์สินทั้งหมด ๙ รายการไม่ใช่เพียงแต่ฟาร์มไก่ หรือที่ดินอย่างเดียว รวมถึงบัญชีหนี้สินอีก ๔ รายการด้วย”


ไม่รู้จะเอ่ยถึงทำไม ถ้าหนี้มากกว่ารายได้ จะให้ความเห็นใจเพราะเธออ้อนไว้ว่า ถูกทำร้ายงั้นเหรอ แล้วที่ให้รออีก ๖ เดือนถึงจะชี้ว่าผิดไม่ผิดนี่ มิเป็นการขึงพืดกรมป่าไม้ ‘hang it to dry’ ไปละหรือ

ภูมิธรรม 'เพื่อไทย' ยัน 'ทักษิณ' นิ่งอยู่แล้ว ฝาก พปชร.เลี้ยง ๒๐ ส.ส.อีสาน "ไม่จริง"

ดูไบว่าไงยังไม่รู้ แต่ภูมิธรรม เพื่อไทยแน่ใจ “แม้ท่านจะมีส่วนร่วมในการก่อตั้งท่านยังไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวเลย ดังนั้น สิ่งที่เป็นข่าวออกมานี้เป็นเรื่องที่เลื่อนลอย ไม่มีมูลความจริง”

นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (พรรคเพื่อไทย) ตอบโต้รายงานข่าว (ไทยรัฐและกรุงเทพธุรกิจ) เรื่องอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เอออวยด้วยกับการขอยืมสมาชิกพรรคเพื่อไทยสายอีสาน ๒๐ คนไปสนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ตามที่ข่าวอ้างว่า “ไปฝากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เลี้ยง” ตนรู้สึก “แปลกใจว่ามีข่าวลักษณะนี้ออกมาได้อย่างไร เพราะ ส.ส.ของพรรค พท.ในขณะนี้ก็เกาะเกี่ยวกันเป็นกลุ่มก้อนที่แข็งแรง และเราก็มีจุด (ยืน) ที่ชัดเจน”

ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่านั่น “เป็นการสร้างข่าวขึ้นมาเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง เป็นแบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่ดีมากทางการเมือง...ถ้าจะใช้วิธีแบบนี้ก็น่าจะกล้าหาญหน่อย ไม่ควรจะแอบอ้างว่าคนนั้นคนนี้มาฝาก

และเท่าที่ดู นายทักษิณเองก็วางบทบาทของตัวเองอยู่นิ่งๆ” ทั้งในพรรคเพื่อไทย และพรรคการเมืองที่เคยมีความสัมพันธ์กัน การจะมาดึงกันนั้น เห็นว่ามีความพยายามอยู่แล้ว แต่ “ผมเชื่อว่านักการเมืองเขายืนอยู่บนหลักเหตุ และผล”

(https://www.matichon.co.th/politics/news_1772295)

‘ถามไม่ตรงคำตอบ’ ผู้นำเหล่าทัพแจงกรรมาฯ งบประมาณ เรื่อง ‘ม้า มวย หวย’ “กองทัพทำแบบนี้มานานแล้ว”


เล่าเรื่องการทำงานในรัฐสภาของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สักหน่อย ทั้งที่เขาถูกศาลรัฐธรรมนูญ (บางคนเรียก ศาลรัฐธรรมนวย) อัปเปหิออกไปจากสมาชิกภาพ ส.ส. แม้จะยัง ไม่รู้ไม่ชี้ ส.ส.พรรครัฐบาลอีก ๓๐ กว่าคน ที่มีฐานความผิดตามข้อกล่าวหาเดียวกัน

วันก่อนหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ทำหน้าที่ในฐานะกรรมาธิการงบประมาณฯ มีผู้นำเหล่าทัพบางคนไปตอบข้อซักถาม รวมทั้ง พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก

หน้าเฟชบุ๊คของ Wassana Nanuam ลงรายละเอียดไว้มากพอสมควร แต่ขาดบางประเด็นน่าสนใจไปบ้าง จึงใช้จากบัญชีของ Thanathorn Juangroongruangkit แทน ให้ได้เรื่องราวเต็มๆ หน่อย

อย่างเช่น ประเด็นแรกที่ธนาธรซักถามผู้นำกองทัพเรื่อง เงินนอกงบประมาณกลาโหม ทั้งสิ้น ๑๘,๖๕๗ ล้านบาท เยอะอยู่ “มากเกือบเท่างบประมาณของกระทรวงท่องเที่ยวฯ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงดิจิทัลฯ รวมกัน (๑.๙ หมื่นล้านบาท)”

เขาเปรียบเปรยว่า “เอาไปเป็นงบสร้างรถไฟทางคู่กรุงเทพฯ-หัวหิน ได้เกือบครบเส้น (๒ หมื่นล้านบาท) หรือเอาไปเฉลี่ยเป็นเบี้ยเด็ก ๐-๖ ปี ได้เดือนละ ๓๐๐ บาท” ข้อนี้วาสนาลืมใส่ หรืออาจคิดว่าไม่สำคัญ

อีกทั้งเกี่ยวกับ วินัยการคลังที่ว่า “ให้ถือปฏิบัติการบริหารตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหม เท่ากับให้อำนาจพิเศษแก่กระทรวงกลาโหมมากกว่ากระทรวงอื่นๆ” แล้วยังบางส่วน “อนุญาตให้ตั้งในระบบบัญชีเอง และตั้งระบบตรวจสอบบัญชีเองได้”

มิน่า วาสนาก้าวข้ามประเด็นเหล่านั้นไปได้ ใช้วิธีเหมารวมๆ ตรงจั่วหัวว่า “ธนาธรเจาะหม้อข้าวทหาร” รวมทั้งข้อสรุปที่ว่า “หมายความว่างบประมาณบางส่วนของกลาโหมมีความ ไม่โปร่งใส” อันทำให้ประชาชนตั้งคำถาม

“ทำไมบรรดานายพลจึงร่ำรวยผิดปกติ โดยดูจากบัญชีทรัพย์สินหนี้สินที่แสดงต่อ ป.ป.ช. เมื่อเดือน พฤษภาคม ๒๕๖๒” นายพล ๘๑ คน ที่อยู่ใน สนช. มีทรัพย์สินรวม ๗๘ ล้าน รายได้เฉลี่ยคนละ ๑๒.๗๒ ล้านบาทต่อปี

แสดงว่าทรัพย์สินเป็นจำนวน ๖.๑๓ เท่าของรายได้ น่าสังเกตุว่า “รายได้และทรัพย์สินเหล่านี้ไม่สามารถได้มาโดยลำพังเงินเดือนการเป็นทหารอย่างเดียว” สรุปได้อีกว่าอย่างนี้พวกนายพลมีการทำธุรกิจ ‘Sideline’ กันไหมนี่

ผบ.สส. ตอบแบบ สามวาสองศอกว่าเงินนอกงบประมาณนั้นกลาโหมไม่ได้จัดทำเองเสียหน่อย สำนักงบประมาณจัดให้ ส่วนเรื่องความดปร่งใสของรายได้นายพลนั่นก็ โปร่งใส แล้ว “ผ่านการแสดงบัญชีทรัพย์สิน...ทั้งก่อนและหลังรับตำแหน่ง”

ส่วน ผบ.ทบ.หัวหมอกว่า ไม่อ้อมค้อมว่า “บางส่วนเป็นรายได้จากโรงพยาบาลของกองทัพ ซึ่งประชาชนก็เข้ารับการรักษาพยาบาลเหมือนโรงพยาบาลทั่วไป” ทั่นแดงหย่ายลูกพ่อจ๊อด ลืมบอกด้วยว่าบางส่วนอื่นนั้นขนาดไหน
 
จากที่ธนาธรแจงไว้ ไม่ว่ากรณีสัมปทานวิทยุ ทีวี หรือกิจการ ม้า มวย หวย และไอโอ คนโตทัพบกอกคับเหรียญตราบอกแต่ว่า “ช่อง ๗ ได้หมดสัญญาไปแล้วตั้งแต่ปี ๒๕๖๑”

ส่วนกะผีกเรื่องรายได้ค่า MUX ซึ่งอย่างน้อยๆ คสช.ครองอำนาจเด็ดขาดมาตั้งแต่ปี ๕๗ มิพักรายได้ช่อง ๕ ที่กว้างกว่า มากกว่าใครๆ ผบ.ทบ.ไม่เอ่ยถึง

ยังมีเรื่องสนามมวย สนามม้า ที่ธนาธรแจงละเอียด อย่างเช่นเวทีลุมพิณีใหม่ รามอินทรา ใช้งบประมาณ ๓๘๐ ล้าน “ไม่มีความชัดเจนว่าเป็นกิจการของรัฐหรือเอกชนกันแน่” กับอีกเวทีที่ทุ่งมหาเมฆ ไม่ได้ใช้งาน สูญงบประมาณไปฉุยๆ ๕๐ ล้านบาท ใครจ่าย

สนามม้าก็เหมือนกัน มีหลายแห่งของทหาร เช่นที่ค่ายสุรนารี “อยู่ในสังกัดกระทรวงกลาโหมหรือไม่ และรายได้จากสนามม้าไปอยู่ที่หน่วยงานใด ได้จ่ายภาษีจากการดำเนินกิจการพนันให้กรมสรรพสามิตหรือไม่”

เรื่องนี้ ผบ.สส.เป็นผู้ตอบ ประเภท ถามไม่ตรงคำตอบว่า “กองทัพทำแบบนี้มานานแล้ว” โดยเริ่มต้นจาก “กิจกรรมการพัฒนาศักยภาพของเยาวชน และการดูแลสวัสดิการทหารผ่านศึก” แต่เดี๋ยวนี้เป็นอะไร อย่างใด ไม่ต้องตอบ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่กรรมาฯ ถามเรื่องปฏิบัติการ ไอโอ“มีแฟนเพจเฟซบุ๊กที่ชัดเจนว่าเป็นหน่วยงานทหาร แต่โพสต์ข่าวใส่ร้ายป้ายสีพรรคการเมืองบางพรรคอย่างต่อเนื่องด้วยวาทะเกลียดชัง” นั้นไม่มีทางตอบแน่นอน เพราะดันถามในสิ่งที่ไม่อยากตอบไง

(https://www.facebook.com/ThanathornOfficial/posts/730637304006613=H-R0.g)


อนึ่ง เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พรรคอนาคตใหม่เปิดเผยหนังสือลาออกจากการเป็นกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่ายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๐ พ.ย. “ขอไม่รับผลตอบแทนใดๆ จากการทำงานในฐานะกรรมาธิการที่ผ่านมา

และทิ้งท้ายว่า “เมื่อพวกเขาไม่ต้องการให้ข้าพเจ้าเข้าสภา ข้าพเจ้าขออยู่กับประชาชน”

(https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_251623)

วันศุกร์, พฤศจิกายน 29, 2562

“ฝากเลี้ยงไปแล้ว ก็ขอให้เลี้ยงให้ดีด้วยนะ” ‘รอแป๊บ’ เสียงจากดูไบ


ยังไม่มีคำตอบสำหรับเรื่องนี้ เฟคนิวส์ หรือไม่ รอแป๊บ เสียงจากดูไบ

14 hrs · 
เรื่อง 'ทักษิณ' ฝากเลี้ยง 20 ส.ส.เพื่อไทย จริงหรือไม่ ไม่รู้
แต่ลง 2 สื่อ

1.ไทยรัฐ พปชร.ดิ้นเปิดเครื่องดูด 20 งูเห่า

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า จากปัญหาความไม่ลงตัวภายในและเสียงปริ่มน้ำของรัฐบาล สะท้อนออกมาให้เห็นจากการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน สืบเนื่องมาจากมีพรรคร่วมหลักๆ 3 พรรค คือ พรรคพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย มีความขัดแย้งขึ้นหลายครั้ง ต่างคนต่างทำงานของตัวเองเป็นหลัก ทั้งยังมีการข่มขู่จะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลด้วย 

ทำให้พรรคพลังประชารัฐจำเป็นต้องหาหลักประกันการขับเคลื่อนงานในสภาฯ ด้วยการติดต่อ ส.ส.จากพรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยมาสนับสนุน หากพรรคร่วมรัฐบาลเล่นเกมการเมืองโดยใช้เสียง ส.ส. มาต่อรอง โดยขณะนี้แกนนำพรรคพลังประชารัฐได้ติดต่อ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้ยกมือสนับสนุนรัฐบาลในบางเรื่องได้แล้วประมาณ 20 กว่าคน ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.ภาคอีสาน
ทักษิณ” ไฟเขียวฝากเลี้ยงให้ดี

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การประสานครั้งนี้จะเป็นในลักษณะการฝากเลี้ยงคือ ให้พรรคพลังประชารัฐดูแล ส.ส.ที่ติดต่อไว้เพียงแค่ช่วยขับเคลื่อนงานในสภาฯโดยไม่ต้องย้ายพรรค เรื่องนี้ทางแกนนำพรรคพลังประชารัฐได้ประสานไปยังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เป็นบุคคลที่พรรคเพื่อไทยให้ความเคารพเชื่อฟังรับทราบแล้ว 

ซึ่งนายทักษิณไม่ได้ขัดข้องอะไร สอดคล้องกับการวางตัวของนายทักษิณ ในช่วงหลังที่โลว์โปรไฟล์ ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองโดยนายทักษิณถึงกับบอกผู้ที่ไปประสานว่า “ฝากเลี้ยงไปแล้ว ก็ขอให้เลี้ยงให้ดีด้วยนะ”


2. กรุงเทพธุรกิจ

'พปชร.' แก้เสียงปริ่มน้ำ เปิดดีล 'ทักษิณ' ฝากเลี้ยง 20 ส.ส.เพื่อไทย

‘OMG’ Heaven Can’t Wait! หลังจากขอบพระคุณแล้วก็มาอุทาน โอ้ว พระองค์ท่านสวรรค์บรรดาล

'ขอบคุณพระเจ้า' นะ ทุกๆ ท่าน ไม่ต้องกลัวน้ำท่วมแล้ว เรามีเหล่าทัพ

น้ำท่วมก็ไปปลูกบ้านอยู่บนเขาสิ ปัดโธ่ ถามได้
ที "อยากได้ยางราคาดีก็ไปขายที่ดาวอังคารสิ"


                                           (มาดขลึมลุงเค้า)
Wassana Nanuam
9 hrs · 
เล็ง “คนรุ่นใหม่

บิ๊กตู่” สั่ง กลาโหม-เหล่าทัพ รุกประชาสัมพันธ์ “คนรุ่นใหม่” ให้เข้าใจ กลาโหม -กองทัพ ภารกิจ ผลงาน และ การเกณฑ์ทหาร และความมั่นคง

พลโทคงชีพ ตันตระวานิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า ในการประชุมสภากลาโหม โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ได้สั่งการในเรื่อง การประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานที่สำคัญของกระทรวงกลาโหม
​​
โดนให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ เพิ่มการใช้สื่อต่าง ๆ ในสังกัดประชาสัมพันธ์
รวมทั้งเผยแพร่ผลงานของกองทัพให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้และความเข้าใจอันดีให้กับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ได้รับทราบถึงภารกิจ ตลอดจนผลงานของกระทรวงกลาโหมในด้านต่าง ๆ อย่างแท้จริง เช่น การเสริมสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ

การสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาที่สำคัญของชาติ การบรรเทาภัยพิบัติและการช่วยเหลือประชาชน

รวมทั้ง ระบบการเกณฑ์ทหาร ทหารกองประจำการ


แล้วเหล่าทัพจะขอแบ่งงบฯ หน่วยบรรเทาสาธารณภัย ฝ่ายดับเพลิง ช่วยนำท่วม (หรือบางที) ของ ปอเต็กตึ๊ง ด้วยป่าวล่ะ

Happy 'Thanksgiving' Everyone from our team at Thai E-News

วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 28, 2562

เปิดหลักฐานจอมฟ้องของ คสช. เจอความต่างของ 'นักรบ' กับนัก 'ตลบแตลง'


ศูนย์ทนายสิทธิมนุษยชน หรือ TLHR เปิดหลักฐานจะแจ้งยืนยันว่าในปี ๒๕๖๑ หลังจากที่ คสช.เริ่มเพลามือในการจับคนไปปรับทัศนคติเพื่อสร้างภาพพจน์เข้าสู่การเลือกตั้งนั้น มิได้ตั้งใจผ่อนปรนการกดขี่ประชาชนที่ไม่ต้องการคณะมาทหารปกครอง

หากเป็นเพียงการเปลี่ยนยุทธวิธี ตบตาชาวโลกที่อยู่ในระบอบประชาธิปไตยและคัดค้านเผด็จการ ให้ดูเหมือนว่า คสช.ยึดอำนาจเพียงเพื่อแก้ปัญหาความแตกแยกเท่านั้น และเหตุที่ต้องการอยู่นานถึง ๒๐ ปี เพื่อให้มีความสงบราบคาบยาวนาน

หลักฐานดังกล่าวมาจากคำฟ้องของ คสช.ต่อกลุ่มคน อยากเลือกตั้งในการชุมนุมเรียกร้องริมถนนราชดำเนินเมื่อ ๑๐ กุมภา ๒๕๖๑ ซึ่งเรียกกันว่าคดี RDN50 ฟ้องร้องแกนนำ ๗ คน ในข้อหาร้ายแรง มาตรา ๑๑๖ และการขัดคำสั่ง คสช. ที่ ๓/๒๕๕๘

มีการแยกผู้ต้องหาเป็นสองกลุ่ม ฟ้องสองคดี เนื่องจากหนึ่งใน ๗ คนนั้น (รังสิมันต์ โรม) ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทั้งสองสำนวน “ศาลอาญาได้มีคำพิพากษายกฟ้องคดีไปเมื่อวันที่ ๒๐ ก.ย. ๖๒
 
โดยศาลเห็นว่าการชุมนุมของกลุ่มจำเลยเป็นไปโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ไม่มีความรุนแรง ความวุ่นวาย ไม่มีการใช้กำลังบีบบังคับให้รัฐบาล” ทั้งนี้โดยมีเอกสารประกอบสำนวนชุดหนึ่ง จำนวน ๒ แผ่นเรียกว่า หมาย จ.๑๔ ที่เป็นเอกสารผี

เพราะ “ไม่ได้มีการระบุชื่อผู้จัดทำ หน่วยงานที่จัดทำ หรือไม่ได้มีการลงนามโดยเจ้าหน้าที่รัฐคนใด” แต่แสดงชัดเจนว่าเป็นหลักฐานและหลักการสนับสนุนคำฟ้อง โดยนำเสนอ ข้อดีและข้อเสียของปฏิบัติการใช้ชนักปักหลังนักกิจกรรมประชาธิปไตยด้วยคดีความ

ศูนย์ทนายฯ วิเคราะห์เนื้อหาเอกสารผีนั้นออกมาจะจะหลายประเด็น คือ

๑.มีการแบ่งฝ่ายระหว่าง คสช. (ฝ่ายเรา) กับ “ประชาชนที่ออกมาต่อต้าน หรือเคลื่อนไหวทางการเมือง” อันทำให้กลุ่มคนอยากเลือกตั้งถูกจัดให้เป็น ฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาลและกองทัพประดุจดัง “ศัตรู ที่ต้องสู้รบด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อหยุดยั้งและป้องปรามการเคลื่อนไหวเอาไว้”

๒.คสช.ใช้ “การแจ้งความทางกฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อทำให้การชุมนุมหรือการเคลื่อนไหวทางการเมืองต้องยุติลง หรือเป็นไปได้ยากขึ้น” เนื่องจากแกนนำถูกจำกัดเสรีภาพ เป็นความกดดันทางรูปคดี

ชี้ให้เห็นถึงการใช้การดำเนินคดีทางกฎหมาย เพื่อปิดปากนักกิจกรรมและผู้เห็นต่าง เพื่อเป็นการสร้างภาระต่อการเคลื่อนไหวทางการเมือง (SLAPP: Strategic Lawsuit Against Public Participation)

๓.มีการมุ่งแจ้งความดำเนินคดีอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงรูปคดี คำของ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นักฟ้องของ คสช.ตัวเอกในปฏิบัติการ พูดทำนองว่าฟ้องทิ้งไว้ปล่อยให้เป็นหน้าที่พนักงานสอบสวนติดตามคดี

ทั้งนี้อ้างว่า ช่วยให้ลดแรงกดดันอันเกิดจากองค์การสิทธิมนุษยชนนานาชาติได้

และ ๔. “เนื้อหาเอกสารระบุชัดเจนถึงการเสนอให้นำปฏิบัติการข่าวสาร (IO) มาใช้ต่อประชาชน” โดย “การสร้างเนื้อหาในลักษณะโจมตีต่อกลุ่มผู้ชุมนุมคนอยากเลือกตั้ง

ว่าไม่ใช่พลังบริสุทธิ์ มีแกนนำเสื้อแดงเป็นผู้ขับเคลื่อน เป็นการสร้างความแตกแยกในสังคม”
 

ในทางการเมืองของพลเรือน มีการใช้เล่ห์เพทุบายต่างๆ เพื่อเอาเปรียบ เอาชนะฝ่ายตรงข้าม ที่เรียกกันติดปากมานานว่า วิชามารทางทหารก็มียุทธวิธีและยุทธการใต้ดิน ไม่เปิดเผยและอำพราง คณะยึดอำนาจนำเอาชั้นเชิงการโกงเหล่านั้นมาใช้กับพลเรือน เพื่อการครองอำนาจยาวนาน

ความต่างระหว่างการใช้ยุทธการดังกล่าวในสมรภูมิ กับใช้ต่อประชาชนที่มีความคิดอ่านของตน ก็คือ นักรบ กับนัก ตลบแตลง

"ฝ่ายค้านแพ้โหวตหวุดหวิดหลายครั้งแต่ไม่ขอนับใหม่" ต่างกับพลังประชารัฐ 'นักป่วน'

อีกหนึ่งป่วนของ ส.ส.พลังประชารัฐ เพื่อสืบทอดอำนาจรัฐประหาร

เมื่อวาน (๒๗ พ.ย.) มีโหวตญัตติด่วนในสภาผู้แทนฯ ที่ฝ่ายค้านเสนอ เรื่อง “ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของ คสชและการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา ๔๔”

โหวตเสร็จนับคะแนนได้ว่าให้ผ่าน ๒๓๖ ต่อ ๒๓๑ เสียง มีสองคนงดออกเสียงคือประธานสภาฯ และรองฯ  ส่วนอีกคนใช้สิทธิแต่ไม่ลงคะแนน นอกนั้นไม่ได้ร่วมโหวตถึง ๓๓ คน เป็นพรรคร่วมรัฐบาลมากที่สุด ๑๘ คน ฝ่ายค้านก็ขาดถึง ๑๕ คน เป็นของเพื่อไทยเสีย ๑๐

นั่นแสดงว่าฝ่ายรัฐบาลแพ้ เพราะมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ๖ คนไปโหวตให้กับข้อเสนอนั้น เนื่องจากเป็นพวกที่ร่วมเสนอญัตติ ตรวจรายชื่อทั้ง ๖ พบว่าเป็นกลุ่มที่ สนิทสนม กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค เช่น สาทิต วงศ์หนองเตย เทพไท เสนพงษ์ และพนิต วิกิจเศรษฐ์ เป็นอาทิ

วิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาลจึงเสนอให้นับคะแนนใหม่ แต่ว่า กลับมี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลไม่ยอมรับผลโหวต “นายสายันต์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ขอนับคะแนนใหม่ทันทีด้วยการขานชื่อผู้ออกเสียงรายตัว อ้างว่าคะแนนเฉียดฉิวกันเกินไป”  

จากนั้นเกิดการโต้เถียงขนานใหญ่ ฟากรัฐบาลยังดึงดัน ประธานฯ ชวน หลีกภัย เลยหยวนตามรัฐบาล สั่งให้มีการลงคะแนนใหม่เลยทั้งดุ้น อ้างข้อบังคับการประชุมสภา ข้อ ๘๕(๒) และใช้วิธีเรียกชื่อและหมายเลขรายตัว ให้ออกเสียงโหวต ตามข้อ ๘๓(๒)

จากนั้นฝ่ายค้านก็พากันเดินออก หลังจาก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.เพื่อไทยอภิปรายว่า “มีครั้งที่ ๑ ก็ต้องมีครั้งที่ ๒ ผมไม่อยากให้สภาเป็นอย่างนั้น...เราสู้เพื่อพี่น้องประชาชนครับ หากไม่ได้รับความกรุณาจากฝ่ายเสียงข้างมากและท่านประธาน ฝ่ายค้านก็ขอไม่อยู่ร่วมในการประชุมสภา”

 
สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้านยืนกรานไม่ยอมโหวตใหม่ “ยืนยันมติเดิม ๒๓๔ เสียง บอกที่ผ่านมาฝ่ายค้านแพ้โหวตหวุดหวิดหลายครั้งแต่ไม่ขอนับใหม่ แต่ในอนาคตไม่แน่อาจขอใช้บ้าง” (Katchata_Peat @ TNNช่อง16)

สภาล่ม จึงเกิดขึ้นเมื่อจำนวน ส.ส.ไม่ครบองค์ประชุม ต้องรอโหวตกันใหม่วันรุ่งขึ้น นักข่าวไทยรัฐ Jin Somroutai @jin_Ch3Thailand วิจารณ์ว่า “ฝ่ายค้านวอล์คเอ้าท์ก็ส่วนหนึ่ง แต่ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องการให้ #สภาล่ม เพื่อเกณฑ์ ส.ส.มาโหวตพรุ่งนี้ให้ครบ”

ถ้าดูจากจำนวน ส.ส.ฝ่ายค้านที่มาไม่ครบวานนี้จำนวนสูสีกันอยู่ ถ้าพวกนั้นมาโหวตพร้อมหน้าวันนี้ ฝ่ายรัฐบาลก็แพ้อยู่ดี เว้นแต่ ปชป.จะกลับคำ ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพรรคนั้น

วันพุธ, พฤศจิกายน 27, 2562

มาแล้ว ไพบูลย์ นิติตะวัน จะนั่งประธานกรรมาฯ แก้รัฐธรรมนูญ ด้าน 'อี๊เอ๋' เห็นท่าจะรอดจนได้


คงต้องยอมรับว่าแท้คทีมป่วนสภากวนฝ่ายค้าน สิระ เจนจาคะ-ปารีณา ไกรคุปต์ นี่ของแท้จัดตั้งมาโดยตรง สิระรู้แกวกลปลดเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส จากประธานกรรมาธิการปราบคอรัปชั่น ว่าจะไปไม่สุดจึงถอยก่อน อ้างรอไพบูลย์ นิติตะวัน เข้าไปแจม

แถม ปชป.ก็รู้เชิง อยู่เป็นเลิกดันให้อภิสิท์ เวชชาชีวะ เข้าไปเป็นประธานกรรมาฯ แล้ว บอกเสียงของประชาธิปัตย์มีน้อยไป แค่เปลี่ยนยุทธวิธีใหม่ ส่งบัญญัติ บรรทัดฐาน สุทัศน์ เงินหมื่น นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ และเทพไท เสนพงษ์ เข้าไปกุมเกมแทน

ส่วนกรรมาธิการ ปปช.โหวต ๗ ต่อ ๒ ไม่ให้ปลดป๊าเสรีจากประธานฯ ขณะที่ไพบูลย์ทำท่าจะไปเป็นประธานกรรมาธิการศึกษาแก้รัฐธรรมนูญในสัดส่วนโควต้า ครม. “เพราะเป็นผู้ที่แม่นกฎหมาย และที่สำคัญมีแรงสนับสนุนจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ”

ด้านปารีณาโดนกล่าวหารุกที่ป่าสงวนตั้ง ๑,๗๐๐ ไร่ ทั้งรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ ธรรมนัส พรหมเผ่า และเลขาธิการ สปก.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข แรกก็แข็งขันจัดกำลังป่าไม้เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ ทำไปทำมาตอนนี้ถอยกันแล้ว

ธรรมนัสมีข้อมูลใหม่ ตรวจสอบแล้วพบว่าที่ดินครอบครองของปารีณามีแค่ ๖๐๐ กว่าไร่ และได้สั่งการให้ สปก.ออกไปทำรังวัดใหม่ให้แน่นอนอีกครั้ง แต่ก็ยังแย้มๆ ว่า “ต้องย้อนไปถึงสมัยนายทวี ไกรคุปต์ ซึ่งเป็นบิดาถือครองที่ดินผืนนี้มาก่อนที่จะประกาศเป็นพื้นที่ ส.ป.ก.”

หนำซ้ำเลขาฯ สปก.ให้ข้อมูลเพิ่มเติมสะเด็ดกว่า “ที่ดินของ น.ส.ปารีณา เป็นพื้นที่ติดแปลง มีการทำกินก่อนการโอนมาจากกรมป่าไม้ คือมีการโอนพื้นที่มาให้ ส.ป.ก.แล้วติดผู้ทำกินมาด้วย จึงเรียกว่าพื้นที่ติดแปลง”

ตามด้วยประโยคทอง “ที่ยังไม่เคยมีการจัดสรรหรือรังวัด #keymessage ส.ป.ก.คงไม่ดำเนินคดีใดๆ กับผู้ถือครอง...หาก ส.ส.ปารีณายอมรับที่จะรังวัดที่ดินสอบแนวเขต ส.ป.ก.ใหม่ ต้องรับเงื่อนไข สามารถถือครองหรือทำกินบนที่ ส.ป.ก.ได้ไม่เกิน ๕๐ ไร่ต่อราย”

แต่ก็ต้องดูคุณสมบัติด้วยว่าเป็นเกษตรกรจริงหรือเปล่า และหากไม่ยอมรับการรังวัดและจัดสรรที่ให้ใหม่โดย สปก. อาจถือว่าขัดขืน “ทาง ส.ป.ก.สามารถดำเนินการได้เพียงโทษจำคุก ๑ เดือนหรือปรับไม่เกิน ๑,๐๐๐บาท”

อุแม้จ้าว เรื่องนี้ฮือฮามานานเป็นเรื่องใหญ่ ใครๆ คิดว่า อี๊เอ๋ ไม่รอด แต่แล้วคงเป็นด้วยอภินิหารสังกัดประชารัฐ บวกราศีเฮ้ากวงที่ได้กอดลุงทู้บออกสื่อ เลยทำให้น้าเค้าแคล้วคลาด ก็เลยยิ่งกล้าและกร้าว
 
เข้าประชุมกรรมาฯ ปปช. ขอนั่งหัวโต๊ะคู่ประธานฯ ป๊าเสรีก็ดี๊ดีไม่ว่าซักคำ บอก “ไม่สน นั่งตรงไหนก็นั่งไป” ขออย่างเดียวอย่ากอดป๊าแล้วกัน อีกด้านหนึ่งนอกจากนั้น ประธานฯ อาจย้อนเกร็ดสมาชิกตัวป่วนบ้าง
Monchanok @mai_mcot เผย “#เสรีพิศุทธ์ เตรียมขอบัญชีทรัพย์สิน #ปารีณา จาก ป.ป.ช. มาตรวจสอบ เชื่อแจ้งเท็จ พร้อมระบุการตรวจสอบที่ดินของปารีณา หากพบ จนท.ช่วยเหลือ จะดำเนินการทันที”

ดราม่า ‘หน้าชา’ หนัง ‘The Cave นางนอน’ สะท้อนดราม่า 'ครัวซองคู่ข้าวเหนียวมะม่วง'


ไตแลนเดียวันนี้มีหลาย ดราม่า จะเอาดราม่าผู้ว่าฯ ลำปาง หรือดราม่าวาสนา พีอาร์กองทัพ แถม สับพล้อตลุงอ่านเอกสารถือไฮไล้ท์ข้างจานครัวซองกับข้าวเหนียวมะม่วง หรือว่าลุงผู้ใหญ่บ้านในหนังถ้ำ นางนอน ล้วนควรค่าตุ๊กตา ออสการ์

พอหนัง ‘The Cave นางนอน เข้าฉายไทย สื่อสังคมก็ร้อนฉ่า หลายคนบอก หน้าชาที่หนังเน็ตฟลิกซ์เรื่องนี้ตบหน้าระบบราชการไทยด้วยมุกหลากหลาย ฉากประทับใจ (ของ Warawit Pityachawan) เฉกเช่น “ทุกอย่างต้องมีใบอนุญาต ขอที่ศาลาว่าการในเมือง”

แล้วยัง “ไม่ให้แผนที่กับฝรั่ง (เป็นความลับ) ไม่อนุญาตให้คนต่างชาติดำน้ำ ไม่อนุญาตให้เครื่องสูบน้ำเข้า” โดยเฉพาะ “พยายามอธิบายว่านี่คือเครื่องสูบน้ำและทีมสูบน้ำที่เก่งที่สุดในประเทศไทย โดนตอบมาว่า มึงกลับไปเก่งที่นครปฐมไป”

นั่นละทำให้ ลุงผู้ใหญ่บ้านเจ้าของเครื่องสูบน้ำกลายเป็นฮีโร่ของหนัง “เราไปดูแล้วคือสงสารลุงมากอ่ะ ลุงแม่งพยายามจริงๆ...ก็ไปดูนะว่าเป็นไง โคตรเรียลเลย” (@carii_jkkuia) เรียลแค่ไหน @BKKWkender บอกไว้
 
“คุณลุงเป็นบุคคลจริงในเหตุการณ์ เล่นเป็นตัวเองเลยค่ะ ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงคงไม่กล้าแสดงหรอกค่ะ” นั่นละคงเป็นเหตุให้ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ตัวเอกจริงนอกหนังร้อนขึ้นมา เมื่อรับเชิญไปดูรอบปฐมทัศน์ที่โรงในเซ็นทรัลพลาซ่าลำปาง

นอกเหนือจากว่าโดยหลักการว่าหนังเรื่องนี้ควรที่จะสร้างสามัคคีให้เกิดทั้งในประเทศและทั่วโลกแล้ว ยังวิพากษ์แหลกจากซีนตัวอย่าง “ทำไมเล่าแต่ของผู้ใหญ่...ไม่มีที่เค้าเดินสำรวจขุดเจาะถ้ำ ภาพยนตร์ไม่ตรงกับความจริง แล้วท่านเดินออกจากโรงไป”

คำพูดเต็มๆ ช่วงนี้ท่านว่า “มันโฟกัสอยู่ที่คนๆ เดียว หรือคนเล็กๆ คนหนึ่ง” ทำเอาผู้กำกับฯ หน้าชาบ้าง ยอมรับ “ใช่ครับ มีซีนนึงที่ไม่ตรงจริง เจ้าหน้าที่อุทยานไม่ได้เป็นคนไล่อาจารย์อดิสรณ์ให้ไปเก่งที่นครปฐม

แต่เป็นคำพูดของคนที่ไม่มีโอกาสได้ดู เพราะนั่งอยู่แค่ ๓ นาที ครับ” ทอม วอลเลอร์ ชี้แจง


ดราม่ากว่านั้นต้องโพสต์ของ วาสนา นาน่วม ที่พีอาร์ให้กองทัพไทยเรื่อง “ยกเลิกเกณฑ์ทหาร สู่ระบบสมัครใจ...กระทรวงกลาโหมกำลังคิด ศึกษากฏหมาย...แผนรองรับ ตามบัญชาบิ๊กตู่” ด้วยภาพประทับใจ “พ่อ-ลูก กอดคอร้องไห้ด้วยกัน”
 
เรื่องนั้นวาสนาเล่าถึง ผบ.ร.๑๑๑ พัน ๒ พันโทรณรงค์ เส็งมี พาพลทหารกิตติการ “กลับบ้านไปเยี่ยมพ่อที่ป่วยติดเตียง ครอบครัวสุดลำบาก” ที่ ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา แล้วมันดราม่าตรงที่เจ๊เค้าเล่าต่อว่า

“ถ้าไม่ได้มาเป็นทหารเกณฑ์ ลูกคงไม่ได้รู้ว่าตัวเองรักพ่อแม่ลูกเมีย รักบ้านมากแค่ไหน รสชาติของความคิดถึงมันเป็นยังไง และคงไม่มีภาพประทับใจเช่นนี้”

ภาพที่ผู้พัน “มอบรถวีลเเชร์, ข้าวสาร, อาหารเเห้ง เเละเครื่องอุปโภคที่จำเป็นให้เเก่ครอบครัวของพลทหารกิตติการ” จุดใหญ่ใจความอยู่ตรงนั้น “เพื่อเป็นการช่วยเหลือ แบ่งเบาภาระและคลายความกังวลของน้องทหารใหม่”


นั่นละ เห็นภาพรวมกันไหม จากที่ผู้นำไทยนักรัฐประหารทำงานหนักด้วยไฮไล้ท์สีเหลือง ท่ามกลางความเป็น อินเตอร์ (ครัวซองคู่กับข้าวเหนียวมะม่วง ไง) ระบบอินเตอร์ที่ทำให้กิติศัพท์รัฐไทยระบือ เมื่อนักดำน้ำนานาชาติร่วมแรงร่วมใจกันช่วยพาทีมหมูป่าออกจากถ้ำ

ครั้นมาเป็นหนัง มุกต่างๆ จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ทำให้ผู้ว่าฯ ตัวเอกนอกจอของนาฏกรรมถ้ำนางนอนไม่พอใจ ก่นว่า “ทำให้หลายคนรับไม่ได้ หนังเรื่องนี้น่าจะสร้างความสามัคคีให้กับคนในโลกได้” ทั้งที่ความสามัคคีระดับอินเตอร์นั้นมันเกิดก่อนมาเป็นหนัง