วันเสาร์, กันยายน 29, 2561

‘คนละยำ’ สองยำ เรื่องลูกกำนันเป๊าะน้องเลขาฯ นายกฯ ตู่ 'จ่ายแล้วยัง' ค่าเสียหายเมืองพัทยา ๑๐๐ ล้าน


พวกลิ่วล้อ คสช.เดี๋ยวนี้เลียนแบบนายทุกระเบียดนิ้ว รวมทั้งเถียงข้างๆ คูๆ เหมือนไม่รู้ข้อมูล ไม่แยแสข้อเท็จจริง วิษณุ เครืองาม คนหนึ่งละ นั่นขนาดระดับ ทั่นรองฯ ฝ่ายกฎหมายเชียวนะ

เมื่อวาน (๒๘ ก.ย.) ตอนเช้า แนวหน้าเจ้าประจำ ยำ ข่าวว่า “วีระหน้าแหก วิษณุระบุยึดที่ดินกำนันเป๊าะรอขายแล้ว” ดังนั้น “การตั้งสนธยาไม่ขัดคุณสมบัติ”


วันเดียวกัน คมชัดลึกตีข่าวบ้างตอนบ่าย “เมืองพัทยายังไม่เริ่มต้นสืบทรัพย์กำนันเป๊าะ...เมืองพัทยายังไม่ได้ติดต่อยื่นคำร้องกับกรมบังคับคดี จึงยังไม่มีการเริ่มต้นสืบทรัพย์เพื่อนำเงินมาชำระคืนความเสียหายตามคำพิพากษา”


อย่างนี้ ที่หน้าแหกเห็นจะเป็นพวกสื่อด้วยกันละมัง รวมทั้งทั่นรองฯ ฝ่ายกฎหมายและนายกเมืองพัทยาคนใหม่ที่ คสช.เพิ่งแต่งตั้งด้วย ม.๔๔

ลองมาลำดับความกันดู เริ่มจาก วีระ สมความคิด โพสต์เรื่องการใช้ ม.๔๔ ตั้งนายสนธยา คุณปลื้มเป็นนายกเทศมนตรีเมืองพัทยา อ้างว่าเพื่อให้ไปช่วยงานโครงการอีอีซี (แต๋ทั่นรองฯ อีกคน ที่ชอบผูกนาฬิการาคาแพงยืมเพื่อนมา บอกก็เพราะพรรคพลังชลของตระกูลคุณปลื้มเข้าไปร่วมงาน คสช.แล้ว)

นั่นคงหมายถึงการที่นายสนธยาได้เข้าไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ คสช. เมื่อ ๑๗ เมษา “และให้นายอิทธิพล คุณปลื้ม (นายกเมืองพัทยาคนก่อน พล.ต.ต.อนันต์ เจริญชาศรี ที่ถูก ม.๔๔ ดีดออกไป) เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี” ด้วย

วีระเตือนให้ระวังคนตั้งจะ ตายน้ำตื้น ในเมื่อนายสนธยาเป็นลูกชายกำนันเป๊าะ (สมชาย คุณปลื้ม) ที่ต้องคำพิพากษาทำความเสียหายแก่เมืองพัทยา ในคดีทุจริตที่ดินถมขยะเขาไม้แก้ว โทษจำคุก ๕ ปี ๔ เดือน กับคดีอาญาจ้างวานฆ่า นายประยูร สิทธิโชติ หรือ กำนันยูร โทษจำคุก ๒๕ ปี (แล้วหนีประกัน เพิ่งกลับมาเมื่อธันวา ๖๐ เมื่อถูกจับได้ แต่ คสช.ก็พักโทษให้)

นอกนั้นยังถูกสั่งให้ชดใช้ความเสียหายแก่เมืองพัทยาเป็นมูลค่า ๑๐๐ ล้านบาท ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รู้อย่างนั้นแล้วยังขืนตั้งก็เท่ากับมีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือถ้าอ้างว่าไม่รู้สีรู้สามาก่อนก็ต้องเร่งจัดการแก้ไข ไม่งั้นเป็นความผิดมาตรา ๑๕๗


จึงทำให้ทั้งนายสนธยาและนายวิษณุ สองลูกน้อง คสช. ออกมาแก้ต่างกันพัลวัน นายสนธยาอ้างว่านายอิทธิพล น้องชายซึ่งเป็นนายกเมืองพัทยาขณะนั้นได้แจ้งแก่กรมบังคับคดีแล้วว่า บิดามีที่ดิน ๔๐ แปลง ให้ไปจัดการยึดมาขายทอดตลาดเพื่อชดใช้

แต่นายสนธยา (ดัน) จำไม่ได้ว่าที่ ๔๐ แปลงนั้นเนื้อที่จริงๆ เท่าไร และมีมูลค่าเท่าไร เชื่อว่ามากโขอยู่เพราะที่ดินเมืองชลฯ นั้น ของแพง

ส่วนทั่นรองฯ วิษณุก็ไปจ้อกับสื่อแบบเดียวกัน โดยเพิ่มเติมว่า “ขณะนี้มีการขายไปแล้วบางส่วน และกำลังจะทยอยขายต่อไป จึงไม่มีเรื่องที่ตกมาถึงนายสนธยาในขณะนี้ แต่ถ้าขายทั้งหมดแล้วได้มูลค่าไม่ถึงตามจำนวนหนี้ ก็เป็นหน้าที่ของเมืองพัทยา ที่จะต้องนำยึดทรัพย์บังคับคดีให้ครบถ้วน ซึ่งมีอายุความบังคับคดี ๑๐ ปี”

ทางนายสนธยานั้นอวดว่าไม่ต้องห่วง ทรัพย์สินของตระกูลคุณปลื้มเป็น กงสีถ้าที่ ๔๐ แปลงขายแล้วไม่พอก็จะเติมให้ครบ นั่นคงไม่ใช่ปัญหาจริงๆ ละ ตัวปัญหาอยู่ที่กรมบังคับคดีบอก “กรณีที่ระบุว่ามีการสืบทรัพย์เป็นที่ดินจำนวน ๔๐ แปลง จึงยังไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่นำมาประกอบในสำนวนคดี”

เรื่องของเรื่องจึงอยู่ที่ว่าข่าวของใครถูกต้องกว่ากัน ระหว่างคมชัดลึกกับแนวหน้า (ไทยรัฐด้วย) และ/หรือ คนที่ให้ข่าวใครน่าเชื่อถือกว่ากัน นายกเมืองพัทยาที่ คสช.ตั้ง หรือว่ากรมบังคับคดีที่มาตามสายงานราชการ

อีกรายตำแหน่งเยี่ยมกว่า ลิ่วล้อขึ้นชั้น ลูกกะเป๋งคสช.โน่นเชียว รองเลขาธิการนายกฯ พยายามทำคะแนนให้ไล่ทัน ห่านอูเสาะช่องซัด อนาคตใหม่ ได้ตอนที่พรรคสายก้าวหน้านี้ได้รับการรับรองจาก กกต. แล้วพอดี
 
ข่าวว่า พุทธิพงษ์ ปุณณกัณต์ จวกธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคที่ไปพูดปาฐกถาถึงแคนาดา ว่า “เอาการเมืองในประเทศไปพูดให้เกิดความเสียหายในเวทีต่างประเทศ” อดีตแกนนำ กปปส. ที่ได้ดิบได้ดีจาก คสช. โจมตีนายธนาธรอีกว่า

“รู้สึกเสียดายและแปลกใจ ที่เอาการเมืองในประเทศไปพูดให้เกิดความเสียหายในเวทีต่างประเทศ ทั้งที่นายธนาธรพูดอยู่ตลอดว่า หมดเวลาสร้างความขัดแย้ง”


ขณะเขียนนี่ยังไม่เห็นธนาธรหรือคนในอนาคตใหม่ตอบอย่างไร แต่สื่อมือเก่าที่อยู่ระหว่างถูก กสทช. กดดันให้ถูกพักงานไวกว่า ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ออกมาชี้อย่างนุ่มๆ ว่าการทำหน้าที่กัดแทนนายของพุทธิพงษ์นั้น

“รอบนี้คุณพุทธิพงษ์ชกใต้เข็มขัดไปนิดนึง” เพราะเขาเห็นว่าการไปพูดของครั้งนี้ พูดถึงปัญหาของผู้บริหารประเทศ “คือคุณธนาธรเขาไม่ได้ว่าประเทศ... และคุณพุทธิพงษ์น่าจะโตพอที่จะรู้ว่า ด่า กับพูดถึงปัญหานั้นต่างกัน”
 
นอกจากนั้น “การที่ธนาธรวิจารณ์นายกถือเป็นการใช้สิทธิธรรมดาๆ ของพลเมืองที่เป็นเจ้าของประเทศ คนมีตำแหน่งการเมืองที่กินเงินเดือนหลายแสนควรฟัง 


ก็นั่นละ สิ่งที่ศิโรตม์เห็นว่าเป็นการชกใต้เข็มขัด ชาวบ้านทั่วไปเขาอาจเรียกกันว่า ยำเหมือนเช่นบรรดานักยำทั้งหลายที่ Tar @Talearm ย้ำไว้บนทวิตเตอร์

อภิสิทธิ์ยำกระสุนจริง อนุพงษ์ยำเรือเหาะผสม GT200 ประวิตรยำใหญ่ใส่เรือดำน้ำและนาฬิกาเพื่อน สรรเสริญยำผังล้มเจ้าใส่พลังงานฟิสิกส์ สุเทพยำปฏิรูป แต่ละคนนี่ คนละยำ สองยำจริงๆ เนาะครับ”