วันอังคาร, กรกฎาคม 31, 2561

คนที่ชื่นชมตัวเองว่าเป็นดี คนเก่ง บอกว่า ปชช นิยมอยากให้เป็นนายก ทำไมต้องใช้รถหรูกันกระสุนราคาสูงลิ่ว...




คนที่ชื่นชมตัวเองว่าเป็นดี คนเก่ง บอกว่า ปชช นิยมอยากให้เป็นนายก
ทำไมต้องใช้รถหรูกันกระสุนราคาสูงลิ่ว…นี่คือทหารที่ไม่เคยสู่สนามรบ กลัวตายขนาดหนัก
มิตรสหายท่านหนึ่ง

คนโบราณเขาว่า
กลองที่ดังเองโดยไม่มีคนตี
กลองจัญรัญ
มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง

..






บริหารประเทศ เหมือนธุรกิจส่วนตัว? คสช.ออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษฯ มีหัวหน้า คสช. เป็นประธาน
...

เหตุเพราะรัฐบาลมีเจตจำนงอย่างแรงกล้าที่จะส่งเสริมการค้าและสนับสนุนให้มีการลงทุนเพิ่ม การแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กพน.) จึงได้ถือกำเนิดขึ้น โดยวันที่ 19 มิถุนายน 2557 คสช. จึงออกคำสั่ง คสช. ที่ 72/2557

ซึ่งกำหนดสาระสำคัญไว้ว่า ให้หัวหน้า คสช. หรือรองหัวหน้า คสช. ดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการ ซึ่งมีอำนาจโดยตรงในการพิจารณาให้ความเห็นและนำเสนอนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ รวมถึงร่างแผนแม่บทในโครงการต่างๆ

ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถใช้อำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานได้ตามสมควร อีกทั้งยังให้สำนักงานคณะกรรมการการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) อำนวยความสะดวกในการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. 2557 และแก้ไขเพิ่มเติม ให้แก่คณะกรรมการนโยบายฯ คณะอนุกรรมการ และคณะทำงานเฉพาะกิจ ที่ได้ดำเนินโครงการต่างๆ

ต่อมาวันที่ 28 กรกฎาคม 2557 หัวหน้า คสช.ยังได้ออกประกาศเพิ่มอีกฉบับคือ คำสั่ง คสช. ที่ 109/57 ว่าด้วยเรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยคำสั่งฉบับนี้ได้ประกาศให้ พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รองหัวหน้าคสช. และหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช. ดำรงตำแหน่งกรรมการ และพลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช. ดำรงตำแหน่งกรรมการ

...
http://library2.parliament.go.th/…/co…/ncpo-order72-2557.pdf
http://library2.parliament.go.th/…/c…/ncpo-order109-2557.pdf

แคมเปญ "ฟรีแหวน" ใต้เงื้อมเงาเผด็จการไปไกลถึงอเมริกา



...











...




ความพยายามประกันตัวแหวน ณัฏฐธิดา มีวังปลา และเพื่อนในครั้งก่อน ของคดีร่วมกันวางระเบิดหน้าศาลอาญา แหวนถูกจำคุกในคดีนี้มาแล้ว 2 ปี 4 เดือน 7 วัน สกสส. ได้ยื่นขอประกันตัวทั้งหมด 4 คน และศาลได้อนุญาตให้ประกันตัวทั้งหมด เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2560 แต่ปรากฏแหวน และวาสนา บุษดี เพื่อนร่วมคดี ได้ถูกอายัดตัวไว้ต่อในทันที โดยที่ยังไม่มีโอกาสจะได้พบเห็นกับกลิ่นอายของคำว่า "เสรีภาพ" แต่อย่างใด

ซึ่งวาสนา ถูกอายัดตัวโดยพนักงานสอบสวนของ สน.โชคชัย เป็นการอายัดตัวไว้ในคดีที่ถูกอัยการยื่นฟ้องและมีการสืบพยานไปบ้างแล้ว ในศาลทหารเป็นคดีที่ 2 จากคดีที่เกี่ยวเนี่องในเหตุการณ์เดียวกันกับการปาระเบิดคดีแรก แต่ได้ถูกฟ้องแยกเป็นสองคดี หลังจากถูกอายัดตัว และต้องสูญเสียเสรีภาพไปอีก 1 วัน สกสส. ได้เร่งนำสำนวนที่ถูกฟ้องคดีนี้ไปแสดงต่อพนักงานสอบสวนในเช้าวันถัดมา และพนักงานสอบสวนจึงได้รีบปล่อยตัววาสนา ในทันที

แต่ส่วนแหวน นั้น ได้ถูกอายัดตัวจากกองบังคับการปราบปราม ในคดีที่มีการแจ้งความร้องทุกข์ มาตรา 112 โดยส่วนกฎหมายของ คสช. ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2558 #เพราะเหตุใดพนักงานสอบสวนจึงมาอายัดตัว ในวันดังกล่าว และทำไมมีการปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาจนถึงปีพ.ศ. 2560 มีระยะเวลาห่างจากการแจ้งความถึง 2 ปีกว่า คงเป็นคำถามที่พนักงานสอบสวนจะต้องคิดถึงคำตอบไว้ให้กับสังคมและประชาชน แหวนไม่ใช่คนแรก และคนสุดท้ายที่ถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐถูกกระทำเช่นนี้

ทุกวันนี้แหวนถูกจำคุกมานานเกินกว่า 3 ปี แล้ว

#FreeWaen


United Lawyers For Rights & Liberty สมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ

ooo


ใครใส่ความแหวนคดี 112? แหวนโดนทหารจับและถูกยึดโทรศัพท์เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2558 และถูกทหารบังคับให้บอกรหัสเฟสบุ้คและไลน์ ทหารบังคับให้แหวนถอนตัวจากการเป็นพยานคดีสังหารประชาชนที่วัดปทุมแต่แหวนปฏิเสธ ทหารบอกว่าถ้ามึงไม่ยอมถอนตัวกูจะทำให้มึงเป็นพยานในคดีไม่ได้ ต่อมาอีก 6 วันคือวันที่ 17 มีค. จึงปรากฏว่ามีข้อความหมิ่น 112 ถูกส่งเข้าในโทรศัพท์ของแหวน

ขอโทษนะครับ แม้แต่เด็กอมมือยังรู้ว่าแหวนไม่ได้ทำ แหวนโดนยึดโทรศัพท์ตั้งแต่วันที่ถูกจับคือ 11 มีค. แล้วแหวนจะพิมพ์ข้อความหมิ่นเบื้องบนในวันที่ 16 มีค.ได้อย่างไร ถ้าแหวนมีโทรศัพท์จริงคงโทรขอความช่วยเหลือจากคนที่บ้าน โทรแจ้งหนังสือพิมพ์ว่าแหวนโดนทหารจับให้ลงข่าวด้วย หรือโทรบอกคนเสื้อแดงว่าแหวนโดนทหารจับให้ตามข่าว ไม่ใช่มีโทรศัพท์ไว้แล้วพิมพ์ข้อความด่าเบื้องบนหาเรื่องใส่ตัว

คุณมองออกหรือยังครับใครเป็นคนสร้างหลักฐานเท็จและใส่ความแหวนในคดี 112? (กรุณาแชร์)


Anurak Jeantawanich














...





เฟซบุ๊ก warat karuchit แปลถ้อยคำหมอริชาร์ต แฮร์ริส ขึ้นพูดที่ออสเตรเลีย ถึงปฏิบัติการ #ถ้ำหลวง และแผนการตัดสินใจนำ 13 ชีวิตออกมา


...





หมอ Harris เผยรายละเอียดปฎิบัติการถ้ำหลวง

Dr. Richard Harris ฮีโร่ถ้ำหลวง ได้ไปพูดที่งาน Swan Trauma ที่ออสเตรเลีย เกี่ยวกับรายละเอียดการนำตัวหมูป่าออกจากถ้ำ ดังนี้

- ยาที่ใช้คือ 0.5mg Alprazolam กินทางปาก จากนั้นฉีด Ketamine, 5mg/kg เข้ากล้ามเนื้อ และฉีดเพิ่มอีก 2.5mg/kg 2-4 ครั้งระหว่างทางโดยนักดำน้ำต่างชาติที่ไม่ใช่แพทย์ ด้วยเข็มฉีดยาที่เตรียมไว้แล้ว (Dr. Harris บอกว่า ไม่แน่ใจว่าใครบ้างที่ต้องการฉีดเพิ่ม แต่บอกนักดำน้ำไว้ว่า ถ้าไม่แน่ใจ (ว่าเด็กเริ่มรู้สึกตัว) ก็ฉีดเลย เพื่อไม่ให้นักดำน้ำต้องเสี่ยงอันตรายกรณีเด็กได้สติและ panic ขึ้นมา) และยังฉีด Atropine เพื่อป้องกันภาวะน้ำลายออกมากเกินไป (hypersalivation) ซึ่งเป็นผลมาจาก Ketamine ซึ่งเชื่อว่าทุกคนน่าจะไม่รู้สึกตัวระหว่างปฎิบัติการณ์ครั้งนี้ อ่านแล้วคิดว่าน่าจะให้เผื่อไว้เลย

- จากคลิปสั้นๆที่ตัดมาจากในงาน Dr. Harris ได้บอกว่า เด็กคนสุดท้ายของวันแรก มีอาการติดเชื้อที่ปอด และเด็กบางคนมีระยะเริ่มต้นของปอดบวม (ดังนั้นถ้าไม่รีบออกมา อาจจะอันตรายมาก)

- Dr. Harris เป็นคนฉีดยาให้เด็กๆ โดยก่อนฉีด ซีลไทยได้อ่านรายละเอียดที่หมอไทยเขียน โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. หมอจะให้กินยาเม็ดที่ทำให้มึนๆ เคลิ้มๆ (น่าจะหมายถึง Alprazolam) ไม่รู้ภาษาไทยเขียนว่าอะไร แต่หมอ Harris ใช้คำว่า feel funny)
2. ให้ลงมาจากเนินทีละคน นั่งบนตักหมอ แล้วหมอจะฉีดยาให้ที่ขาสองข้าง
3. จากนั้นจะหลับไป แล้วตื่นขึ้นมาบนเตียง

ซึ่งหมอ Harris บอกว่า เด็กๆฟังแล้วก็พยักหน้าอือๆ ไม่ได้แสดงอาการตื่นตกใจอะไร (Dr. Harris คิดว่าเด็กๆน่าจะไม่เข้าใจรายละเอียดถึงความเสี่ยงของปฎิบัติการณ์ ซึ่งก็ดีแล้ว หมอ Harris ใช้คำว่า Ignorance is bliss หมายถึง ความไม่รู้คือความสุข)

โดยเด็กๆลงมาทีละคน ที่เหลืออยู่ข้างบนเนินกับซีล จึงไม่เห็นว่าเพื่อนเป็นอย่างไร (ถ้าเห็นอาจจะกลัวได้)

- ตอนช่วงต้นคลิป Dr. Harris ได้อธิบายว่าก่อนปฎิบัติการณ์จริง มีการทดสอบให้เด็กลองสวมหน้ากากแล้วหมอ Harris กดหัวเด็กลงไปให้ทดลองหายใจในน้ำ ซึ่งหมอ Harris บอกว่ารู้สึกผิดมากที่ต้องทำแบบนี้และต้องขอโทษด้วย (มารยาทดีมาก) (แต่รายละเอียดตรงนี้ฟังไม่ชัดเจนเนื่องจากเสียงไม่ชัดและมีเสียงหัวเราะแทรก) แต่เป็นข้อมูลว่า ไม่ได้ทำอย่างเดาสุ่ม มีการวางแผนในกรณีต่างๆอย่างรอบคอบ

- เดวิด ไรท์ หมอดมยาชาวออสเตรเลียอีกคนได้ทวิตว่า มีการคาดการณ์น้ำหนักเด็กคนสุดท้ายผิด จริงๆหนัก 29 กก. แค่คาดการณ์ว่าหนักกว่านี้ และหน้ากากและชุดสวมไม่พอดี ทำให้น้ำเข้าไปได้ และตอนออกมาจากถ้ำ อุณหภูมิร่างกายเพียงแค่ 29 องศาเซลเซียสเท่านั้น

ฟังแล้วน่าทึ่งและน่านับถือหัวใจคุณหมอมากๆที่กล้าหาญ กล้าเสี่ยงเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ นักดำน้ำต่างชาติ รวมทั้งซีลไทยทุกนาย และผู้รับผิดชอบกล้าที่ดัดสินใจ เชื่อใจการเตรียมแผนทางการแพทย์เป็นอย่างดีแม้ว่าไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เรียกว่าเป็นปฎิบัติการที่เสี่ยงมากๆ แพทย์บางคนทวิตบอกว่าถ้าเป็นตัวเองคงไม่กล้าทำ เพราะไม่มีข้อมูลอะไรเลย น้ำหนักเด็กอ้างอิงจากน้ำหนักก่อนเข้าถ้ำ มีคนหนึ่งเรียกปฎิบัติการณ์นี้ว่าเหมือนการปีนยอดเขาเอเวอร์เรสต์ของการแพทย์ อีกคนเรียกว่าเป็น Hail Mary (เสี่ยงดวงหวังปาฎิหารย์) และแทบทุกคนนับว่าเป็นปาฎิหารย์ที่สามารถลุล่วงไปโดยที่ทีมหมูป่าปลอดภัยทุกคน ขอบคุณ Dr. Harris มากๆ You are truly a hero!

หมายเหตุ:
1. ผมไม่ใช่หมอ ถ้าแพทย์ท่านใดจะกรุณาให้ความรู้เพิ่มเติมเรื่องยาที่ใช้ก็จะขอบพระคุณครับ
2. ผมคิดว่าปฎิบัติการณ์สำเร็จลุล่วงไปแล้ว เด็กๆปลอดภัยดี คุณหมอเองก็ออกมาให้สัมภาษณ์เอง จึงคิดว่าน่าจะสามารถเปิดเผยรายละเอียดได้แล้วเพื่อเป็นกรณีศึกษาต่อไป ซึ่งบริบทตรงนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับตอนที่ยังไม่เสร็จสิ้นภารกิจ ซึ่งมีความ sensitive มาก ดังนั้นจึงไม่ควรจะนำมาเปรียบเทียบกันครับ

Source:
https://www.facebook.com/drjilltomlinsonamafc/photos/a.2167380586825370.1073741829.2167302566833172/2178594512370644/?type=3&theater
คลิป Dr. Harris
https://twitter.com/crozi3r_john/status/1022991982426116097
ภาพจาก https://twitter.com/PochinRos/status/1022988011108163584


Warat Karuchit


ไม่ใช่ควายนะ จะได้รักพวกเผด็จการสืบต่ออำนาจ - ‘สามมิตร’ เย้ย ’เพื่อไทย’แพ้แน่ ชี้คนอีสาน ก็รัก ”บิ๊กตู่” เหมือนรัก ”ทักษิณ” เพราะนโยบายดี



“ภิรมย์” เย้ย “อดิศร-แม้ว” เพื่อไทยแพ้สามมิตรแน่ บอกเกิดทางการเมืองไม่กี่เดือนยังดัน”บิ๊กตู่”ติดเรตติ้งได้ ย้ำหนุน”ประยุทธ์” ไม่ทำลายชาติ ชี้คนอีสาน ก็รัก”บิ๊กตู่” เหมือนรัก “ทักษิณ” เพราะนโยบายดี





(https://www.matichon.co.th/politics/news_1063764)


ooo

Kritsada Ruangpreecha รสชาดรองเท้าบู๊ทแสดงอาการ



ภาพจากอินเตอร์เน็ต

...




https://www.facebook.com/seripisuth/videos/2112861188743736/


ศรีสุวรรณจ่อร้องนายกฯสั่งตรวจสอบค่ายทหารกระบี่เลี้ยงทหารเกณฑ์ด้วยน้ำแกงกับลูกชิ้น 2 ลูก





ที่มา FB

ศรีสุวรรณ จรรยา


ศรีสุวรรณจ่อร้องนายกฯสั่งตรวจสอบค่ายทหารกระบี่เลี้ยงทหารเกณฑ์ด้วยน้ำแกงกับลูกชิ้น 2 ลูกจริงหรือ ?

เรียน ทุกท่าน

ด้วยสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้รับการร้องเรียนจากพลทหารเกณฑ์ในค่ายทหารชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่ว่า ตนเองได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากอาหารแต่ละมื้อไม่พอกินและไม่อร่อย บางมื้อมีแค่น้ำแกงและลูกชิ้น 2 ลูกเท่านั้น จนต้องออกไปหาซื้อกินกันเอง และร้านค้าสวัสดิการในค่ายก็แพงเกินกว่าร้านค้าทั่วไปด้วย

กรณีดังกล่าวสมาคมฯไม่เชื่อว่าจะมีจริง เพราะตาม พรบ.ระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2558 กำหนดไว้ว่าทหารกองประจำการที่รับเงินเดือน ระดับ พ.1 ถ้ารับเงินเดือนรวมกับเบี้ยเลี้ยงประจำตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมแล้วไม่ถึงเดือนละ 10,000 บาท ให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว ( พชค. ) เพิ่มขึ้นตามที่กระทรวงกลาโหมจะกำหนด แต่รวมแล้วต้องไม่เกินเดือนละ 10,000 บาท (รับจริงอาจได้เพียง 6-7,000 บาทเท่านั้น) นอกจากนั้นยังได้รับเบี้ยเลี้ยงแยกต่างหากอีกวันละ 96 บาท โดยพลทหารที่อยู่ประจำหน่วย ทางหน่วยจะหักค่าประกอบเลี้ยง (ค่าข้าว+ค่าอาหาร ฯลฯ) วันละ 65 บาท/คน/วัน ดังนั้น อาหารที่ประกอบเลี้ยงพลทหารจึงไม่ควรที่จะมีปัญหาจนเป็นเหตุให้มีการร้องเรียนได้

แต่เพื่อความกระจ่าง สมาคมฯจะนำความดังกล่าวไปร้องเรียนต่อ ฯพณฯนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้สั่งการไปยังกระทรวงกลาโหมและกองทัพบกเพื่อตรวจสอบ และสอบสวนในทางลับว่า มีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นในค่ายดังกล่าวจริงหรือไม่ หากพบว่ามีจริงก็เชื่อได้ว่าค่ายทหารอื่นๆทั่วประเทศก็อาจจะมีลักษณะเดียวกัน จำต้องมีการรื้อตรวจสอบ แก้ไขกันทั้งระบบอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะต้องตรวจสอบด้วยว่าแต่ละค่ายผู้ที่ประมูลงานมารับจัดทำอาหารนั้น มีการประมูลงานถูกต้องตามระเบียบของกองทัพหรือตามกฎหมายหรือไม่ด้วย

โดยสมาคมฯจะเดินทางไปยื่นคำร้องในวันอังคารที่ 31 ก.ค.61 เวลา 10.30 น. ณ ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ ตึก กพร.เดิม ทำเนียบรัฐบาล เพื่อทำความจริงให้ปรากฏต่อไป

จาก
ศรีสุวรรณ จรรยา
เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย


(https://www.facebook.com/285420741582745/photos/pcb.958165720974907/958165214308291/?type=3&theater)

ooo



ooo

เรื่องเก่าเล่าใหม่ ไม่เกี่ยวกับเรื่องลูกชิ้น...




https://www.facebook.com/PoliticsKalaland/videos/686999581505238/


วันจันทร์, กรกฎาคม 30, 2561

เรื่องของคนรุ่นใหม่ Syed Saddiq Syed Abdul Rahman รัฐมนตรีมาเลเซีย หนุ่มสุดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ "We need as much as young people as possible to pioneer change"




https://www.facebook.com/BloombergAsia/videos/1037250363091203/

Syed Saddiq or Syed Saddiq Syed Abdul Rahman is a Malaysian politician and activist. He is the current Minister of Youth and Sports, the Member of Parliament

คลิป นี้ไม่ได้เกิดใน "กะลาแลนด์ แดนสนธยา" หญิงวณิพกตาบอด เอาเพลงมาร้องขอทาน อยู่ๆ เจ้าของเพลงผ่านมาพบเข้า เลยมาช่วยร้อง จึงเกิดภาพประทับใจนี้ขึ้น




https://www.facebook.com/459815697767504/videos/572528086496264/

"คลิป นี้เกิดใน Mexico city หญิงวณิพกตาบอด เอาเพลงมาร้องขอทาน อยู่ๆ เจ้าของเพลง ชื่อ Marina ผ่านมาพบเข้า เลยมาช่วยร้อง ประสานเสียงให้ จึงเกิดภาพประทับใจนี้ขึ้น แสดงถึง celebrity คนนึงที่โด่งดังแล้ว แต่ไม่มี ego เลย น่ายกย่อง.


ภาษาและวาทกรรมของรัฐ ในการควบคุมความคิดในยุคคสช. โดย รศ.ดร.อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์






https://www.facebook.com/textbooksproject/videos/1922529147790531/


เรื่องเกี่ยวเนื่อง




https://www.facebook.com/textbooksproject/videos/1922524404457672/


ข้อสังเกตบางประการ: กรณีคุณแชมป์กับประธานาธิบดีตุรกี โดยเอกรินทร์ ต่วนศิริ



ภาพจากมติชนออนไลน์


ข้อสังเกตบางประการ: กรณีคุณแชมป์กับประธานาธิบดีตุรกี





28/07/2018 23:23:54
ผู้เขียน:เอกรินทร์ ต่วนศิริ
Patani Forum

คำถามสำคัญที่เราจำเป็นต้องพิจารณาต่อกรณีเรื่องของคุณแชมป์ ผู้สื่อข่าวรายการกีฬาช่อง 3 ที่มีความเห็นต่อประธานาธิบดีตุรกี เรยิบ ทายยิบ แอรโดอัน คือคุณแชมป์มีสิทธิจะให้ความเห็นและแสดงทัศนะเรื่องการเมืองกับฟุตบอลหรือไม่ ? ต่อประเด็นเราสามารถพิจารณาได้หลายมุมมอง ไม่ว่ามองจากมุมไหนก็ย่อมไม่พ้นประเด็นพื้นฐานสุดคือ สิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

สำหรับผมแล้วนับว่าเป็นเรื่องธรรมดาอย่างมากต่อการวิพากษ์วิจารณ์ ที่มีต่อ “นักการเมือง” และ “บุคคลสาธารณะ” ในทางด้านวิชาการ “นักการเมือง” สามารถวิพากษ์วิจารณ์ และแสดงทัศนะ ความเห็นต่าง ๆ ได้นับว่าเรื่องนี้เป็นสิทธิและเสรีภาพของการทำงานของคนทำงานทางด้านสื่อ และประชาชนคนธรรมดาอย่างเรา ๆ

การจะมีใครพูดว่าประธานาธิบดีตุรกี เรยิบ ทายยิบ แอรโดอัน เป็นเผด็จการ ก็ไม่เห็นว่าเป็นเรื่องที่แปลกและต้องอ่อนไหวรับไม่ได้ เพราะอย่างน้อย ๆ ผลการเลือกตั้งตุรกีที่ผ่านมาปี 2018 คนตุรกีที่ไปเลือกตั้งจำนวน 48 % ก็ไม่ได้ลงคะแนนเสียงให้เรยิบ ทายยิบ แอรโดอัน และคนที่เห็นต่างในประเทศตุรกี ก็เรียกว่าเขาว่าเผด็จการ หรือสุลต่านคนใหม่ ไม่นับการล้อเลียนภาพผู้นำ ทำเป็นรูปการ์ตูนต่าง ๆ จากสื่อต่าง ๆ และคนตุรกีที่ไม่เห็นด้วยกับการบริหารประเทศ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องปกติของการแข่งขันทางการเมืองเพื่อต้องการเสียงโหวต

ข้อตกลงร่วมกันของประชาชนในประเทศตุรกีคือ การไม่ยอมรับให้ทหารเข้ามายึดอำนาจปกครองประเทศ และประชาชนจะเลือกผู้นำเอง โดยผ่านการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการแข่งขันตามกฎกติกาภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ผลคือพรรคอัคได้รับคะแนนเสียงเกินครึ่งคือ 52 % พรรคผ่านค้านก็ยอมรับการเลือกตั้ง เดินหน้าตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้นต่อไป ทั้งวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งในและต่างประเทศ และแน่นอนเรยิบ ทายยิบ แอรโดอัน คือเผด็จการในสายตาของคนตุรกีเกือบครึ่งประเทศ

ผมอยากจะเรียนว่า เราไม่ต้องไปหาสื่อที่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ มีแต่เราเท่านั้นที่จะใช้สติปัญญาในการรับฟังสื่อ จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะผู้ทำงานด้านสื่อไม่สามารถบังคับให้เราเชื่อได้

เราพบเห็นความผิดพลาดทางด้านการสื่อสาร การให้ข้อมูลทางด้านสาธารณะจำนวนมาก ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากการเลือกขอมูลหรือว่าเกิดจากทัศนะคติส่วนตัวที่แสดงผ่านพื้นที่ Onlineและ Offline ทั้งแบบทางการและไม่ทางการ

ต่อกรณีของคุณแชมป์ในฐานะนักข่าวคนหนึ่ง เขามีสิทธิที่จะแสดงความเห็นและทำหน้าที่สื่อ จะดีหรือไม่ดีนั้นอีกเรื่องนะครับ เพราะผู้รับชมจะเป็นคนตัดสินใจ

โปรดพิจารณาว่า ประธานาธิบดีตุรกีคือประชาชนอย่างเรา ๆ โดยทั่วไป หากทว่าก็มีบทบาทที่แตกต่างกัน และการให้ข้อมูลจากคุณแชมป์ ตั้งแต่การจับนักข่าว ปิดกั้นสื่อ การจับกุมนักวิชาการ และสร้างระบบการเมืองแบบใหม่ ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ๆ ในประเทศตุรกี ซึ่งจะเห็นด้วยหรือไม่นั้นก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่เรารับฟังและพิจารณาด้วยใจเป็นธรรม ส่วนเรื่องท่าทีในการเสนอข่าวนั้นของคุณแชมป์นั้นก็เป็นอีกประเด็น เราควรปกป้องและรับฟังด้วยสติปัญญาและหากว่าเราไม่เห็นด้วยก็ควรใช้ปัญญาในการตอบ เพื่อให้คนเข้าใจ ในสิ่งที่เราเห็นว่าถูกต้อง

ผมอยากจะกล่าวถึงพี่น้องมุสลิมไทยที่ต้องการล้มแชมป์ว่า เราล้มแชมป์ได้ แต่เราก็ไม่สามารถพิทักษ์สิทธิและเสรีภาพได้ กล่าวให้ถึงที่สุด เราเองก็วิพากษ์วิจารณ์ ผู้นำของโลกตะวันตกและผู้นำต่าง ๆ ของโลกที่เราไม่เห็นด้วยจำนวนมากและกระทำอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่รับรวมที่หลายต่อหลายครั้งมุสลิมไทยจำนวนหนึ่งก็วิพากษ์วิจารณ์ผู้นำศาสนาของเราเอง นับตั้งแต่ระดับอีหม่ามจนถึงจุฬาราชมนตรี ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องปกติในสังคม เราสามารถกระทำได้เพราะเรามีสิทธิและเสรีภาพ ภายใต้คุณค่าสังคมแบบนี้ เราควรหันกลับมาพิจารณาในเชิงหลักการของหลักสิทธิและเสรีภาพอันเป็นสิ่งที่เราสำคัญ

ต่อประเด็นการวิจารณ์ประธานาธิบดีตุรกี ที่เราจะเข้าใจว่าเป็นผู้นำของโลกมุสลิม ถึงจะมีคนบ้างกลุ่มสมาทานความคิดนี้ก็ไม่อาจจะเหมารวมได้ทั้งหมดว่ามุสลิมทั้งหมดจะเห็นด้วย สิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักคือเรื่องของการเข้าใจหลักการสิทธิและเสรีภาพ ของสื่อที่มีต่อบุคคลสาธารณะ ที่นับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ

คุณแชมป์และประธานาธิบดีตุรกี สังคมมุสลิมไทยไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความรุ่มรวยในความแตกต่างทางด้านความคิด ประชาชาติมุสลิมไทยมีหนทางที่จะเข้าสู่วงถกเถียงด้วยหลักการสากลของการอยู่ร่วมกัน และควรจะทำ เราต้องเสาะหากลุ่มคนที่พร้อมจะขึ้นสู่เวทีการเผชิญหน้าในโลกคุณค่าสมัยใหม่สากลทางความคิดและอุดมคติที่ทั้งสำคัญ ทั้งจุดประกายปัญญา

ประชาชาติมุสลิมมีภาระหน้าที่จะต้องอธิบายให้ชัดว่า ชุดคุณค่าแห่งอิสลามนั้นได้เคารพความหลากหลายและความเป็นปัจเจกทางความคิดในลักษณะต่าง ๆ หาใช่วิธีการฟ้องร้องและบดขยี้คุณแชมป์อย่างเอาเป็นเอาตาย เราไม่มีบุคลิกภาพแห่งศาสนาที่เป็นมรดกของศาสนาอันสำคัญคือ การรับฟังด้วยความอดกลั้นและการอ่อนน้อมถ่อมตน ทบทวนพิจารณาให้รอบด้าน

และท้ายสุด หากว่าเราคิดว่าข้อมูลเราถูกต้อง คนอื่นก็น่าจะมีข้อมูลส่วนถูกต้องด้วย และหากคิดว่าคนอื่นผิดพลาด เราเองก็อาจจะผิดพลาดหรือตกหล่นอะไรไปบ้าง ในสิ่งที่เรายังไม่มีข้อมูล สิ่งที่แน่ ๆ คือประธานาธิบดีตุรกีคือคนปกติ ไม่ใช่สิ่งบุคคลศักสิทธิ์ ไม่ควรมีใครถูกลงโทษด้วยการแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำของประเทศ ไม่ว่าประเทศใดก็ตาม

ในนามของมุสลิมคนหนึ่ง ขอยืนยันว่าหลักการของการวิพากษ์วิจารณ์บุคคลสาธารณะสามารถกระทำได้อย่างมีสิทธิและเสรีภาพ และสิ่งที่ควรจะเป็นคือ ใครก็ตามที่เข้ามาใช้อำนาจสาธารณะ ไม่ว่าในตำแหน่งใด ๆ ก็ย่อมต้องยอมรับการถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคนในสังคม รวมถึงกลุ่มคนผู้สนับสนุนด้วยบุคคลสาธารณะด้วย นี้ต่างหากคือสปิริตของสังคมประชาธิปไตยและหลักการของการอยู่ร่วมกันในสังคมสมัยใหม่

ooo


เปิดคลิป ต้นตอ “แชมป์ พีรพล” วิจารณ์ ประธานาธิบดีตุรกี เผ็ดร้อน อ้างวิกิพีเดีย (คลิป)






26 กรกฎาคม 2561
มติชนออนไลน์


จากกรณีนายพีรพล เอื้ออารียกูล หรือ แชมป์ พิธีกร ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ได้รายงานข่าวผ่านช่อง 28 ในช่วงข่าวกีฬาถึงกรณีที่ เมซุต โอซิล เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเยอรมนีซึ่งมีเชื้อสายตุรกีประกาศอำลาทีมชาติ เพราะทนไม่ไหวที่โดนกระแสต่อต้านรุนแรงซึ่งลามถึงการเหยียดเชื้อชาติ หลังจากโอซิลถ่ายรูปร่วมกับประธานาธิบดีตุรกีที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษเมื่อกลางเดือนพฤษภาคม โดยเนื้อหาที่นายพีรพล ได้รายงานข่าวออกไปนั้น สร้างความไม่พอใจกับสถานทูตตุรกีประจำประเทศไทยอย่างมาก

ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในรายการ “คน เฝ้า ข่าว” ออกอากาศทางช่อง 28 โดยนายพีรพล รายงานข่าวเรื่องโอซิล แล้วไปพูดถึง เรเจพ เทยิพ แอร์โดอาน ประธานาธิบดีตุรกี โดยระบุในรายการว่า “เป็นผู้นำที่คนตุรกี และคนรอบโลกยี้ เพราะเผด็จการสุดๆ ทำกฎหมายให้ตัวเองสามารถครองบัลลังก์ได้ 14 ปี เยอะกว่าปกติ เยอะแยะมากมาย คนตุรกีไม่สามารถเข้าอินเตอร์เน็ต คนตุรกีไม่สามารถเข้าเว็บไซต์วิกิพีเดีย ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่คนธรรมดาสามารถเข้าไปพิมพ์อะไรก็ได้เพราะตายยิป (ออกเสียงล้อเลียนชื่อ เทยิพ) บอกว่า มีข้อมูลที่ไม่ดีเกี่ยวกับเขา โชคดีเราอยู่ประเทศไทยเราเข้าวิกิพีเดียได้”

จากนั้นนายพีรพล ก็ได้อ้างอิงวิกิพีเดียรายงานข้อมูลว่า ” 5 คำที่คุณจะเห็นเยอะสุดเมื่อพูดถึง เรเจพ เทยิพ แอร์โดอาน คือ เผด็จการ / โกงเลือกตั้ง / ไม่ฟังประชาชน / กำจัดฝ่ายตรงข้ามด้วยทุกวิถีทาง / ผู้นำที่จับนักข่าวเข้าคุกมากที่สุด ซึ่งสิ่งที่คนที่ติดตามข่าวการเมืองเสียความรู้สึกกับเขามากที่สุดคือ พังสวนสัตว์, ทำลายป่า, สร้างวังขาว หลังชนะการเลือกตั้งได้สร้างวังขาวบนพื้นที่ 130 ไร่ 700,000 ตารางเมตร หรือเทียบเท่า 90 สนามบอล และมีห้องถึง 1,000 ห้อง แต่ปัญหาคือ ดันไปสร้างในป่าคุ้มครองที่มีสวนสัตว์อยู่ คนสวนใหญ่ก็งงว่าแทนที่ผู้นำจะรักษากฎหมาย ปกป้องธรรมชาติ แต่กลับทำตรงข้ามหมด ใช้งบประเทศกว่า 11,000 ล้านบาท เอางบนั้นมาช่วยประชาชนที่มีรายได้เฉลี่ยไม่ถึง 20,000 บาทดีกว่าไหม คนตุรกีต่อต้านถึงขนาดว่า ตอนแรกจะมีการฉลองวันชาติที่วังขาว แต่กระแสสังคมต่อต้านเยอะมาก และก็เปลี่ยนชื่อเป็น วังแห่งความโกง วังผิดกฎหมาย บัตรเชิญที่ส่งไปคนส่วนใหญ่รับไม่ได้จนงานเปิดตัวออฟฟิตหมื่นล้านเว่อร์วังต้องยกเลิกไป นี่แค่เรื่องเดียวนะครับเพราะถ้าจะเอาเรื่องอื่นด้วย 3 ชั่วโมงอาจจะไม่พอ ฝ่ายที่โจมตีโอซิลก็บอกว่า โอซิลอาจไม่ผิดถ้าเขาเป็นคนธรรมดา แต่การที่เป็นซุปตาร์กีฬาที่มีแฟนคลับรอบโลกแล้วดันไปถ่ายรูปกับผู้นำที่ภาพไม่ขาวสะอาด และดันเขียนว่า ประธานาธิบดีของฉัน ก่อนการเลือกตั้งไม่กี่วัน มันไม่เกี่ยวแล้วหล่ะ ไอ้เรื่องเชื้อชาติอะไร แต่คุณดีใจที่คุณได้ถ่ายรูปกับผู้นำที่หลายคนทั่วโลกเขาเหนื่อยใจต่างหาก”


'สามมิตร' แก้ไม่ตกกับการรุกอย่างมีนัยยะสำคัญของ 'ทักษิณ' เพราะอะไร "เปิดปากทีไร เป็นได้โชว์ความขี้เท่อ #ประยุทธ์”


แก้ไม่ตกกับการรุก ‘blitzkrieg’ ทางการเมืองอย่างมีนัยยะสำคัญของ ทักษิณ ชินวัตร เช่นเดียวกับประชาธิปัตย์ ‘fumbled’ ไม่เป็นท่าเมื่อถูก นคร มาฉิม อ้างอิงว่าเป็น เส้นสาย สำคัญของเผด็จการ

ทั้งสองพรรค ลิ่วล้อ คสช. พยายาม ดิ้น อย่างคล้องจองด้วยการใช้ปากสกัดกระแส นิ่งไหลลึก ของพรรคเพื่อไทย แต่ดูท่าจะ สุกเอาเผากิน ไปหน่อย

ปากหนึ่งเป็นของ สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่วานนี้ (๒๙ ก.ค.) พูดการประชุมใหญ่พรรค รปช. ในวันที่ ๕ สิงหา (ฤกษ์ดีก่อนวันสำคัญ) เพื่อประกาศตัวหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค แต่ กั๊กแม้กระทั่งจะแย้มว่ามีใครบ้างเป็นคู่แข่ง มวลมหาประชาชนยัง งง ว่าจะอุบไว้ทำไร
 
“กระแสข่าวว่ามีชื่อทั้งนายอเนก เหล่าธรรมทัศน์ และ ม.ร.ว. จัตุมงคล โสณกุล อดีตรมว.คลัง เป็นตัวเต็งหัวหน้าพรรค จึงไม่เป็นความจริง” สุเทือกพูดเหมือนว่ามีความเป็นไปได้ ทั่นประธานหน้ามันแผล็บอาจฮุบไว้เสียเอง


ปากสองก็ต้อง ภิรมย์ พลวิเศษ หนึ่งใน สามมิตรที่ยังจ้ออยู่เพราะไม่มีอะไรเสียมากกว่านี้ คุยใหญ่เรื่องไปทาบทาม นปช.กาฬสินธุ์ แลกเปลี่ยน กับ ชิงชัย มงคลธรรม อดีต รมว.ศึกษาฯ เรื่องปัญหาครูเบี้ยวหนี้ และแสวงหาจุดร่วม แนวทางปรองดอง และเรื่องปากท้องชาวบ้าน กับ โสภณ เพชรสว่าง อดีตรองประธานผู้แทนราษฏร

ไม่รู้ได้เรื่องอย่างไร นอกจาก “พูดแค่ว่าจะเดินหน้าอย่างไรให้กับพี่น้องประชาชน แล้วถ้าเกิดรัฐบาลทำงานดีอย่าว่าแต่เป็นนายกเลยบิ๊กตู่อาจเป็นนายกตลอดชีวิตเลยก็ได้” ตามด้วยการกลบเกลื่อนความจริง โดยสวิงใส่ประธานที่ปรึกษา นปช. ธิดา ถาวรเศรษฐ์ โตจิราการ

“วันนี้สามมิตรยังไม่ได้พูดสักครั้งว่าจะสนับสนุนเผด็จการ แต่จะสนับสนุนนายกรัฐมนตรีที่ทำความดีเพื่อประชาชน สนับสนุนนายกฯ ที่ทำความดีกับพี่น้องประชาชนเรื่องปากท้อง” ถ้านักรัฐประหารไม่ใช่เผด็จการ แล้ว “ไอ้เหี้ยสั่งฆ่า อีห่าสั่งยิง” ก็คงไม่ใช่ทรราชย์

ไม่เท่านั้นภิรมย์มีคำโตต่อ “โดยยังไม่ตั้งพรรคเลย ถ้าพวกผมเดินอีกสองถึงสามเดือนหรือสี่ถึงห้าเดือนก่อนการเลือกตั้ง อย่าว่าแต่จะได้เป็นส.ส. ผมมั่นใจว่า ส.ส.ที่หนุนบิ๊กตู่เป็นนายกอาจจะชนะเพื่อไทยขาดก็ได้”


ใครได้ฟังคงรู้สึกสัมผัสได้ว่า เขาต้องการตอบโต้ที่ทักษิณพูดในงานวันเกิดที่ลอนดอน เรื่องเพื่อไทยจะชนะ แลนด์สไล้ด์“พวกผมเดินได้ขนาดนี้ทำให้เรตติ้งพล.อ.ประยุทธ์ เป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย เป็นรองกระแสพรรค พรรคเพื่อไทยไม่ถึง ๑๐ เปอร์เซ็นต์”

จริงๆ แล้วไม่เชิงหรอก มันเป็นการดิ้นเพื่อเลี่ยงเป้าเบี่ยงเบนความสนใจไปจาก วิชามารที่ถูก โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร เอามาแฉถึงวิธีการ สามดูดนั่นต่างหาก
 
หนึ่ง พลังเงิน ไม่รู้มาจากไหน ไม่มีที่มา ไม่เห็นตัวนายทุน แต่เงินมหาศาล ซ้ำยังมี พลังถลุง เงินหาเสียงด้วยงบประมาณแผ่นดินในโครงการชื่อคล้ายพรรคการเมือง ประชารัฐ ที่ลูกชายอดีตนายกฯ ทักษิณ ประจานว่าเป็น อัฐยาย-ซื้อเสียงยาย

สอง เป็นพลังองค์กรอิสระ ข่มขู่ว่าจะเช็คบิล “ตรวจสอบทุกเรื่องที่สามารถจะหามาเอาผิดได้” โอ๊คว่า “ทั้งส..ที่โดนดูด และอดีตนักการเมืองที่ถูกใช้ให้เดินสายดูด ต่างก็โดนชนักปักหลัง บังคับให้ต้องไปอยู่ฝั่งเดียวกัน จึงจะรอดคดีที่โดนตรวจสอบได้”

สาม คือพลังราชการ “ใช้อำนาจทางด้านการปกครองการออกใบอนุญาต การให้คุณให้โทษทางด้านต่างๆ ที่อำนาจรัฐพึงกระทำได้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม” ทั้งสามวิธีนี้พานทองแท้ปฏิเสธว่า “ต่างจากตอนที่คุณพ่อผมตั้งพรรคไทยรักไทยโดยสิ้นเชิงครับ”

เขาชี้ว่าการสร้างนโยบายใหม่ๆ และการบริหารที่ชนะใจประชาชน ทำให้ ส..ยินดีที่จะย้ายพรรคฯ ไปเข้าไทยรักไทย เพราะกระแสพรรคฯ จะช่วยให้ .ชนะเลือกตั้งได้ง่าย แต่ไม่ใช่ซื้อตัวอดีต ส.ส.มาเพื่อหาคะแนนเข้าปาร์ตี้ลิสต์


เจอเข้าอย่างนั้น คำของภิรมย์จึง แก้ไม่ตกต่อข้อสรุปของคนส่วนใหญ่ว่า สามมิตร ก็คือลิ่วล้อ คสช. ดีๆ นี่เอง แม้จะอ้างว่าหัวหน้ารัฐประหารทำความดีเพื่อปากท้องของประชาชน แก้ปัญหาต่างๆ นานา 

ก็ถ้าตลอดสี่ปีที่ผ่านมาสามารถ ทำความดี ให้เป็นรูปธรรมพอ ยาไส้ได้ คงไม่ต้องมาพยายามแก้ปัญหาขณะนี้

แล้วโครงการมโหฬารทุ่มงบประมาณต่างๆ ประชารัฐหรือไทยนิยมยั่งยืนนั้น มันจะเห็นผลได้ชัดแจ้งก็ต่อเมื่ออีกสี่ห้าปีข้างหน้า ใครจะอยากตีเช็คเปล่าให้กับคนที่ ล้มเหลวตลอดสี่ห้าปีที่ผ่านมาเล่า

ดูแค่นโยบายง่ายๆ เพิ่งประกาศ “ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรมของชาติ โดยเฉพาะภาษาไทยและภาษาถิ่น ส่งเสริมให้คนไทยตระหนักถึงคุณค่าของความเป็นไทย และภาคภูมิใจที่เรามีสมบัติอันล้ำค่า ช่วยสร้างชาติให้เป็นปึกแผ่นมั่นคงเรื่อยมา


จะพูดให้มันน่าเชื่อถือ ไม่ใช้วิธีสุกเอาเผากินเสียหน่อยยังไม่ได้ ดันเว่อว่า “เพราะประเทศไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่มีภาษาเป็นของตนเองทั้งภาษาพูดและภาษาเขียนอย่างสมบูรณ์ อันเป็นเครื่องหมายแสดงความเป็นไทยและความเจริญวัฒนา”
 
ทั่วโลกได้ฟังถ้าไม่ขำกลิ้งก็อ๊วกแตก เพราะอะไรต้องให้อักษรศาสตร์ จุฬาฯ อย่าง Suda Rangkupan @sudarang แจง “เลอะเทอะได้ทุกเทศกาล!! ภาษามนุษย์มีมานับแสนปีแล้ว

จะยุคดึกดำบรรพ์ยังไงก็ประดิษฐ์ภาษาใช้สื่อสารได้ เขามีหลักฐานโบราณคดีจากโครงกระดูกมนุษย์ที่ยืนยันข้อสันนิษฐาน! เปิดปากทีไร เป็นได้โชว์ความขี้เท่อ #ประยุทธ์

3 มิตร 3 แรงดูด ฤ จะสู้ พรรคการเมืองที่ คิดใหม่ ทำใหม่ เข้าใจประชาชน ?





Talk of The Town ของคอการเมืองในช่วง 3-4 วันนี้ คงหนีไม่พ้นกรณีที่นาย นคร มาฉิม อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์หลายสมัย ที่ได้โพสต์ข้อความแฉถึงเบื้องหลังในการที่พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้ทางการเมืองต่อพรรคฯทางฝั่งอดีตนายกทักษิณฯแบบยับเยิน จนต้องไปสมคบคิดกับกลุ่มนายทุน ขุนศึก และเครือข่ายต่างๆ เพื่อขจัดอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยที่มาจากขั้วตรงข้ามให้หมดสิ้นครับ

ที่ผ่านมากลุ่มสมคบคิดทั้งหลาย ได้ขจัดอดีตนายกฯ จนพ้นทางไปแล้วถึง 4 คน ทักษิณ-สมัคร-สมชาย-ยิ่งลักษณ์ อันเป็นเหตุให้คุณพ่อผมและอาปู ไม่สามารถอยู่ในเมืองไทยได้และกลุ่มดังกล่าวยังวางแผนที่จะแช่แข็งประเทศไทยไปอีก 5-20 ปี จนกว่าจะสามารถจัดการอำนาจในการปกครองบริหารประเทศได้อย่างเบ็ดเสร็จ ตามข่าวที่แพร่หลายไปทั่วนั้น

เนื่องจากข่าวการเมืองในช่วงนี้ มีแต่เรื่องการดูด ส.ส. ไปเข้ากับขั้วการเมืองที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจเผด็จการ ดังนั้นการโพสต์ของนายนครฯ ในครั้งนี้ จึงถือเป็นการต่อต้านอำนาจเผด็จการ อย่างสันติวิธีครับ นายนครฯได้ยืนยันให้เห็นว่าท่ามกลางข่าวกระแสดูดอย่างรุนแรง โดยมีผลประโยชน์และอำนาจรัฐเป็นเครื่องมือนั้น ยังมีคนที่ไม่หวั่นไหวพร้อมจะยืนอยู่บนหลักการแห่งความถูกต้อง โดยคนเหล่านั้นมีศูนย์กลางที่ยึดมั่นอยู่ที่พี่น้องประชาชนเท่านั้น!! จึงไม่หวั่นไหวต่อการดูดใดๆทั้งสิ้น

เท่าที่ผมได้ยินมา เครื่องมือที่ใช้ดูดในปัจจุบันนั้น ประกอบด้วยปัจจัยอันทรงพลัง ทางด้านมืด 3 ด้านด้วยกัน ซึ่งผมไม่รู้ว่า 3 พลังดูดที่ว่านี้ ไปเกี่ยวพันอะไร กับคำว่า “3 มิตร” หรือเปล่านะครับ โดยพลังที่ว่านั้นได้แก่

1. การใช้พลังเงิน ซึ่งไม่มีใครตอบได้ว่า ใครหาเงินเหล่านี้มา? หามาจากไหน? และหามาด้วยวิธีใด? กล่าวคือ ไม่มีที่มาของเงิน ไม่มีนายทุน และที่มาของแหล่งเงินทุน แต่เงินเหล่านี้มีจำนวนมหาศาล และได้ถูกนำมาใช้ทุ่มซื้อตัว ส.ส.บางประเภท จนปลิวลอยไปตามแรงดูด ให้ไหลไปตกรวมกัน ณ จุดที่เจ้าของเงินต้องการได้ดังใจ

การใช้เงินอันทรงพลังนี้ อีกทางหนึ่งยังได้มาจากการนำเงินงบประมาณมาถลุงในโครงการของ”รัฐ” ที่ตั้งชื่อให้คล้ายกับชื่อพรรคตั้งใหม่พรรคหนึ่ง นำเงินที่ได้จากภาษีอากรมาใช้หาเสียงควบคู่ไปด้วยกัน ระหว่างรัฐกับพรรคการเมือง เงินไม่พอก็ตั้งเรื่องหาช่องทางขูดรีดภาษีเพิ่มขึ้นไปอีก เท่ากับเป็นการใช้เงินภาษีของประชาชนในลักษณะ “อัฐยาย-ซื้อเสียงยาย” ในขณะที่พรรคฯการเมืองอื่น คุยกันเรื่องการเมืองยังแทบจะทำไม่ได้ กระบวนการแข่งขันแบบนี้ แมนโคตรๆ

2. การใช้พลังองค์กรอิสระ ในการข่มขู่อดีต ส.ส. ว่าจะตรวจสอบทุกเรื่องที่สามารถจะหามาเอาผิดได้ ถ้าไม่ยอมย้ายพรรคฯไปอยู่ด้วย ทั้งส.ส.ที่โดนดูด และอดีตนักการเมืองที่ถูกใช้ให้เดินสายดูด ต่างก็โดนชนักปักหลัง บังคับให้ต้องไปอยู่ฝั่งเดียวกัน จึงจะรอดคดีที่โดนตรวจสอบได้

3. การใช้พลังของข้าราชการในแต่ละกรมกอง เฉพาะที่สวามิภักดิ์ต่อเผด็จการฯ ใช้อำนาจทางด้านการปกครอง การออกใบอนุญาต การให้คุณให้โทษทางด้านต่างๆ ที่อำนาจรัฐพึงกระทำได้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ออกเดินสายต่อรอง ถ้ามาอยู่พรรคฯนี้จะได้การช่วยเหลือต่างๆ ช่วยกันดูดอดีต ส.ส. อย่างไม่อายฟ้าดิน

ทั้ง 3 พลังดูดที่ว่านี้ ต่างจากตอนที่คุณพ่อผมตั้งพรรคไทยรักไทยโดยสิ้นเชิงครับ ตอนนั้นคุณพ่อผมคิดนโยบายใหม่ๆ และมีวิธีการบริหารที่ชนะใจประชาชน จนเกิดกระแสที่ประชาชนต้องการพรรคการเมืองที่ คิดใหม่ ทำใหม่ จึงทำให้ ส.ส.ยินดีที่จะย้ายพรรคฯ เพราะกระแสพรรคฯจะช่วยให้ ส.ส. ชนะเลือกตั้งได้ง่ายขึ้น เงินทองที่นำมาใช้ในการทำพรรคการเมืองก็มีที่มาที่ไป และใช้ในการลงพื้นที่เพื่อนำนโยบายไปนำเสนอต่อพี่น้องประชาชน ไม่ใช่ใช้เงินเพื่อซื้อตัวอดีต ส.ส. มาเพื่อให้หาคะแนนให้ปาร์ตี้ลิสต์ แต่ตัวผู้สมัครเองกลับสอบตกจากการมาสังกัดพรรคการเมืองที่ประชาชนไม่ต้องการ!!

ทั้ง 3 ข้อของพลังดูดนี้ คือที่มาของคำพูดของคุณพ่อผมที่ว่า เข้าใจอดีตส.ส.ที่ถูกดูดไป ว่าเขามีเหตุจำเป็น แต่ในขณะเดียวกันก็บอกว่า ถึงแม้จะดูดไป แต่ Majority หรือเสียงส่วนใหญ่ของประเทศก็ยังอยู่ที่เดิม และจะมีคะแนนเสียงเทมามากขึ้นกว่าเดิมแบบ Land Slide !!

ว่าแต่ว่า พ่อเล่นพูดตรงๆแบบนี้ ถ้า ”เขา” รู้ว่าพรรคฯที่อุตส่าห์ตั้งชื่อกันมา ให้เหมือนชื่อโครงการของภาครัฐ จะแพ้หมดรูปขนาดนี้

ต้นปีหน้าเขาจะกล้าจัดให้มีการเลือกตั้งเหรอครัช..!!


Oak Panthongtae Shinawatra



"นคร มาฉิม" ใครรู้ไหม? - Ekachai chainuvati FB Live




https://www.facebook.com/ekachai.chainuvati/videos/2008027482554672/






วันอาทิตย์, กรกฎาคม 29, 2561

ทักษิณเผยในวันคล้ายวันเกิด "ความสุขที่สุด คือ ได้กลับบ้าน"




อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า "คืนนี้เป็นคืนที่ผมมีความสุขมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตเพราะว่าผมอยู่ท่ามกลางบุตรสาว บุตรเขย หลาน เพื่อน พี่ น้องที่ดีทุกๆท่าน เพื่อนนักการเมืองซึ่งทุกคนเป็นเหมือนพี่น้องของผมซึ่งทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น"

"ปีนี้ผมจะมีอายุเลข 6 เป็นปีสุดท้ายปีหน้าก็ต้องเริ่มต้นใช้เลข 7 ซึ่ง 70 ดูเหมือนสูงอายุแต่ผมกลับรู้สึกว่าผมอายุแค่ 40 เพราะเริ่มต้นมีการลงทุนต่างๆมากมายและเริ่มมีผลประกอบการที่ดี ผมมีเพื่อนๆในเมืองไทยจำนวนมากอวยพรให้ผม"

"ผมก็บอกว่าคงไม่สามารถไปหยุดยั้งเลข 6 ได้แต่เราสามารถที่จะรักษาสุขภาพของเราให้ดีได้ ให้แข็งแรงได้ การออกกำลังกาย การทานอาหารที่ดี เพราะถ้าคุณมีสุขภาพที่ดีคุณก็จะมีความสุข"

"ความสุขที่สุดคือการได้กลับบ้าน คือสิ่งที่ดีที่สุด เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด แต่เป็นสิ่งจำเป็นแต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องสุขภาพก็ล้วนเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ และสำคัญมากน้อยแตกต่างกัน"

"ดังนั้นคืนนี้ผมจึงมีความสุขมากๆที่ลูกหลานของผมและเพื่อนทุกคนมารวมกันอยู่ ณ ที่นี้ เป็นคืนเฉลิมฉลองวันเกิดที่คิดว่าผมมีความสุขมากที่สุดในชีวิตคืนหนึ่ง"

"ผมไม่ได้สนใจอะไรกับสิ่งที่เป็นไปในการเมืองขณะนี้มันเริ่มต้นจากการที่รัฐประหารโดยผู้นำที่พยายามที่จะดึงการเลือกตั้งให้ยืดออกไป"

"เขานึกว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ในขณะนี้จะได้รับความนิยมแต่ยิ่งอยู่นานเขายิ่งจะสูญเสียเพราะเขาไม่สามารถเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจของประชาชน และเขาก็ไม่เคยนั่งอยู่ในหัวใจของประชาชนเลย ไม่เลย"

"เขาไม่เคยรู้ว่าประชาชนต้องการอะไรจุดไหนที่เป็นความหวัง เป็นความคาดหวังของประชาชนทั้งในระดับกลางและระดับล่าง"

"คนระดับกลางและระดับล่างทั่วโลกนั้นค่าใช้จ่ายในชีวิตความเป็นอยู่สูงขึ้นแต่รายได้ในอนาคตของเขามันตีบตัน นั่นคือ ทำไมเขาถึงต้องมองหาพรรคการเมืองที่จะมาแก้ปัญหาให้กับเขา"

"ดังนั้นเราไม่ต้องกังวล เราอยู่ที่นี่ทุกคนเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกัน แม้เราจะรู้จักกันเริ่มต้นจากทางการเมืองแต่เราก็ใกล้ชิดกันร่วมมือกันต่อสู้ไปด้วยกัน"

"ดังนั้นในค่ำคืนนี้ขอให้ทุกคนจงมีความสุข ผมชอบที่จะชวนให้พวกเรามาดื่มเฉลิมฉลองวันเกิดด้วยกันอย่างมีความสุข"

ที่มา ทวิต TV24 Online (@TV24Official)
ooo






ดูลีลา ปชป.ดิ้นไม่เป็นขบวน จวก นคร มาฉิม / 'มอลลี่' ตีวัวโมเดล 'ใครอยากรวย' เลยกระทบ 'สามมิตร'


ไม่ต้อง งง เลยสักนิดว่า ปชป. ต้องออกมา ดิ้นกันใหญ่กับการที่ นคร มาฉิม โพสต์ อวย วันเกิดทักษิณ และสดุดีประชาธิปไตยขนาดนั้น

รวมทั้ง “นายทุนขุนศึกอำมาตย์...คงแค้นแทบกระอัก” และ “สลิ่มคลั่งทั้งประเทศ แม้วซื้อไปแล้ว” ดังที่ Atukkit Sawangsuk ทายไว้ทันทีเมื่อมีข่าว 'นคร มาฉิม' อดีต ส.ส.พิษณุโลก ปชป.โพสต์ขอโทษ 'แม้ว' วันเกิด ร่ายยาวล้ม 'ระบอบทักษิณ' ที่นี่ https://www.matichon.co.th/politics/news_1060800

พวกขุนศึกก็แก้ตัวอย่างเซม เซม ตามนิสัยจำเจแก้ไม่หาย ผ่านทางโฆษก ห่านอู ของรัฐบาลคณะทหาร ว่าไม่มี้ ไม่มีทฤษฎีสมคบคิด ‘conspiracy theory’ ในหมู่ขุนศึก อำมาตย์ พรรคประชาธิปัตย์ และ สลิ่ม เป่านกหวีดปิดกรุงเทพฯ-ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

แต่สำหรับ แมลงสาบนั้นดิ้นไม่เป็นกระบวน แบบแย่งกันช่วงชิงหน้าจอจนลืมตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือ ‘facts checked’ ก่อนพูดว่า “อันที่จริง นคร มาฉิม ด่าเผด็จการมานานแล้วครับ เคยทะเลาะกับไอ้หมอวรงค์เพราะแกปกป้องนโยบายจำนำข้าว

เมื่อปี ๕๙ ก็ถูกทหารบุกค้นบ้าน หาว่าเป็นผู้มีอิทธิพล แกก็บอกว่าไม่มีอิทธิพล ผิดอย่างเดียวคือนิยมประชาธิปไตยไม่ฝักใฝ่เผด็จการ” ดูได้ที่นี่ https://www.matichon.co.th/politics/news_190061

ครั้งนั้น “เมื่อเวลาประมาณ 05.30 น. ทหารจากกองทัพภาคที่ 3 นำโดย พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 4 ร.ต.อนุสรณ์ ศรียะ และพ.ท.ธีรยุทธ์ สายยืด กองทัพภาคที่ 3 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจอาวุธครบมือ เข้ามาตรวจค้นบ้านพักของนายนคร มาฉิม”

ลองมาไล่กันดูวิธีการโต้ นคร มาฉิม ของ ปชป. จากเบาไปหาหนัก เอาจากฝ่ายกฎหมายก่อนที่มีข่าวว่า กำลังตรวจตราหลักฐานเตรียมเช็คบิลนายนครกันอยู่ โดยนายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมปูทางไว้บ้างแล้ว
“คิดว่าการโพสต์ดังกล่าว พยายามหลบการใช้ถ้อยคำอยู่ ไม่ได้ใช้ความหมายตรงๆ ถึงพรรคปชป.” และ “ยังมีอดีตส.ส. ที่เห็นแก่ได้เห็นแก่เงิน เห็นแก่ลาปยศ ก็มีบ้าง แต่ไม่ขอระบุว่าเป็นใคร ถ้าคนคนนั้นอยากจะเอาดีก็อย่ามาโยนขี้ใส่เพื่อน”


โดยที่หมอวรงค์คนที่อธึกกิตเอ่ยถึง โอด ไว้ก่อนแล้ว อดีต ส.ส.พิษณุโลก บอกว่า “ตัวเองสนิทสนมกับนายนครเป็นอย่างมาก เพราะเป็นคนชวนตัวเองเข้ามาทำงานการเมืองภายใต้สังกัดพรรคประชาธิปัตย์” ทั้งเผยด้วยว่า

“นายนครได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ปี ๕๖ และไปสังกัดพรรคชาติพัฒนา...” แล้วไป “ชนะการเลือกตั้งในปี ๕๗ แต่สุดท้ายผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ซึ่งช่วงนี้นายนครก็ไม่เคยต่อว่าพรรคประชาธิปปัตย์แต่อย่างใด”

หากแต่ “มาบัดนี้กลับมีท่าทีตรงกันข้าม ตนจึงไม่เข้าใจจริงๆ ว่าอะไรเกิดขึ้นกับเขาในภายหลัง” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ตัดพ้อ


อีกคนที่ น่าจะ อยากจะด่า แต่ด่าไม่ออก ก็คือ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค ใช้วิธีวิเคราะห์หาเหตุว่าท่าทีของนายนครเช่นนั้น “แน่นอน เป็นการคิสเครดิตทหาร เพราะว่าเขาเป็นคนที่ยึดอำนาจ ซึ่งเราคงย้อนเวลากลับไปไม่ได้ เพราะเดินกันไปไกลแล้ว”

แต่มูลเหตุจูงใจของนายนครเพราะอยากไปอยู่พรรคเพื่อไทย “หรือพรรคไหน แต่เขากลับมาอยู่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้แล้ว ถ้ามาก็จะอยู่ยาก” นิพิฏฐ์ว่า แต่ดันไปแตะ ทักษิณ เข้าจนได้เมื่อเจอไมค์นักข่าวจ่อปาก

“ถามว่านายทักษิณมั่นใจว่ายังครองหัวใจประชาชนอยู่ นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ตามผลโพลก็เป็นความจริงอย่างนั้น เขาก็ยังมาเป็นที่หนึ่ง เรื่องนี้เป็นความผิดของฝ่ายผู้มีอำนาจที่ไม่แจ้งความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านเมือง รวมถึงนายกรัฐมนตรียังพูดด่านักการเมืองอย่างเดียว”

ใครว่าบุคคลิกภาพผู้นำไม่สำคัญ (อันนี้ไม่ได้คิดถึงทรั้มพ์นะ) “หากรัฐบาลไม่สืบต่ออำนาจ เชื่อว่านายทักษิณต้องแพ้ แต่พอรัฐบาลคิดจะอยู่ต่อเขาก็กลับมาชนะ ต้องโทษทหารที่ทำเสียของ”

 
อ้าวนึกว่า คสช.กำลังไปโลด เห็น ไทยโพสต์ตีข่าวใส่ขิง “ฉุดไม่อยู่ เศรษฐกิจไทยสุดร้อนแรง คลังประกาศขยับจีดีพีเพิ่มเป็น ๔.๕%” แหม่ เขาไม่บอกว่าไปถึง ๕ เปอร์เซ็นต์น่ะถ่อมตนเท่าไหร่แล้ว

ถึงอย่างไร ใครๆ ไม่สะเด็ดเท่า มอลลี่ ที่ ของเขาแรงจวกนครว่าจะไป ซูฮกทักษิณนี่น่ะ “เขามีเงื่อนไขรึว่า จะต้องด่าให้ร้่ายพรรคประชาธิปัตย์ให้ได้เสียก่อน แล้วจึงจะชุบเลี้ยง แบบนั้นไหม

หล่อนท้าวความตามหมอวรงค์ว่านครออกจาก ปชป. ไปอยู่ชาติพัฒนานาน เป็นชาติแล้ว “ไม่ใช่อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์อีกต่อไป” เอ๊ะ ไม่ใช่ได้ไง ก็ตอนเกิดเหตุ ‘conspiracy theory’ นั่นเขายังสังกัดประชาธิปัตย์อยู่ จะให้บอกว่าเป็นอดีต ส.ส.ชาติพัฒนาได้ที่ไหน คุณมอลลิกาไม่ต้องงง

คุณนายบุญมีตระกูล มหาสุข ยังฉวยโอกาสเหน็บสื่อ (ไหนไม่รู้) “สื่อฯ ใหม่ ไม่ควรให้ราคานคร” หาว่าผลประโยชน์ทับซ้อน “ใครๆ ก็รู้โมเดลทักษิณใครอยากรวยใครอยากมีตำแหน่งต้องทำอย่างไร”


ไฮ้ พูดอย่างนี้ไปกระทบกระเทียบกลุ่มสามมิตรเขานะ เดี๋ยวสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจโกรธแย่ ว่าพวกเขาเอาอย่างโมเดลทักษิณ รุ่นสามมิตรนี่ ๓๐ ล้าน รุ่นทักษิณเทียบไม่ติดมั้ง

อีกอย่าง เรื่องลอกแบบโมเดลนั่น สมคิด จา(ตุศรีพิทักษ์) ดันนโยบายเศรษฐกิจ ประชารัฐ-ไทยนิยม ไม่ได้ลอกแบบจากใคร คิดได้เองเพราะความจำดีเคยเห็นมาก่อนว่าไปอย่าง

มันไม่ได้บังเอิญหรอกนะที่สุริยะและสมคิดต่างก็เคยทำงาน ให้/กับทักษิณมาก่อน แยกตัว/หักหลัง ไปคบทหาร จน (โดยเฉพาะ) สมคิดได้ดิบได้ดี เป็นกูรูเศรษฐกิจ คสช. เจ้าของทฤษฎี ปีหน้าพุ่ง มาสี่ปีแล้วนี่ไง

ของฝากจากอังกฤษ สำหรับคนคิดถึงนายกฯปู



เขื่อนลาวแตก : รัฐมนตรีพลังงานลาว ชี้เขื่อนแตกเพราะก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน + ทุนไทยที่ไปสร้างเขื่อนผลิตไฟในลาว



GETTY IMAGESคำบรรยายภาพร้านค้าของหญิงชาวลาวผู้นี้ได้รับความเสียหายโดยสิ้นเชิงจากเหตุเขื่อนแตก


เขื่อนลาวแตก : รัฐมนตรีพลังงานลาว ชี้เขื่อนแตกเพราะก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน

27 กรกฎาคม 2018
ที่มา บีบีซีไทย


วันที่ 5 ของสถานการณ์เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อยพังและน้ำมหาศาลพัดพาหมู่บ้านหลายแห่งเสียหาย รัฐมนตรีพลังลาวออกมาระบุว่าเขื่อนแตกเพราะก่อสร้างต่ำกว่ามาตรฐาน นอกจากนี้มวลน้ำจากลาวเข้าไปยังกัมพูชา ทำให้ต้องอพยพคนนับพันไปที่ปลอดภัย

ส่วนยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการเพิ่มขึ้นเป็น 27 ราย และยอดสูญหายยังอยู่ที่ 131 คน

"การก่อสร้างที่ต่ำกว่ามาตรฐาน"

เมื่อวานนี้ (26) นายคำมะนี อินทิรัด รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ของ สปป.ลาว กล่าวระหว่างการแถลงข่าวที่นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ว่าสาเหตุที่เขื่อนดินย่อยกั้นช่องเขา ของเขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อยพังลง มาจากการก่อสร้างที่่กว่ามาตรฐาน โดยที่สำนักข่าวสารประเทศลาวรายงานการแถลงดังกล่าวในช่วงเที่ยงวันนี้(27)

สำนักข่าวเวียงจันทน์ไทมส์ ยังรายงานเพิ่มเติมถึงการแถลงข่าวของรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานว่า สาเหตุหลักที่ทำให้เขื่อนแตกเกิดจากปริมาณฝนที่ตกหนัก ประกอบกับเขื่อนกั้นช่องเขาที่พังทลายลงเพิ่งมีการก่อสร้างเสร็จไม่นานจึงทำให้ไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ จึงอาจทำให้เกิดการปริแตกและขยายวงกว้างขึ้นจนพังทลายลงในที่สุด

รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานลาวยังชี้อีกว่า สาเหตุที่เป็นไปได้อีกทางหนึ่งคือ โครงสร้างของเขื่อนที่พังนั้นมีความไม่ยืดหยุ่นเพียงพอ

เปิดรายงานสองบริษัทเกาหลีใต้ก่อนเกิดเหตุ



GETTY IMAGESคำบรรยายภาพชาวลาวที่อพยพหนีน้ำมาอาศัยที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองสนามไซ แขวงอัตตะปือ


เขื่อนเซเปียน เซน้ำน้อย เป็นการร่วมทุนกันระหว่างบริษัทเกาหลีใต้ 2 แห่ง, บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง ของไทย และวิสาหกิจของลาวแห่งหนึ่งหนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทมส์ของสหรัฐฯ ระบุในวันนี้ (27) ว่ารายงานที่ออกมาจากสองบริษัทเกาหลีใต้ที่อยู่ในการร่วมทุนสร้างเขื่อน คือโคเรีย เวสเทิร์น พาวเวอร์ และ เอสเค เอ็นจิเนียริ่ง ทำให้เห็นสถานการณ์ก่อนเขื่อนจะแตก

ในรายงานที่ โคเรีย เวสเทิร์น พาวเวอร์ ส่งให้รัฐสภาเกาหลีใต้ระบุว่าเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (20) วิศวกรของบริษัทสังเกตเห็นความผิดปกติคือ โครงสร้างตรงกลางเขื่อนมีระดับน้ำสูงกว่าปกติ ไป 4 นิ้ว แต่ก็คิดว่าการที่โครงสร้าง "จมลง" ต่ำกว่าระดับน้ำในเขื่อนเช่นนี้เป็นเหตุปกติ เนื่องจากฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวัน ดังนั้นวิศวกรจึงตัดสินใจที่จะเฝ้าดูสถานการณ์แทนที่จะแจ้งต่อหน่วยต่าง ๆ เพื่อให้เกิดปฏิบัติการเพื่อแก้ไขปัญหา

จนถึงวันอาทิตย์ วิศวกรพบว่ามีรอยร้าว 10 ทางด้านบนของเขื่อน และกำลังจะออกไปซ่อมแซม แต่อุปกรณ์ซ่อมแซมนั้นจะมาถึงในวันจันทร์ตอนบ่าย ซึ่งก็สายเกินไปเสียแล้ว


YE AUNG THU/AFP/GETTY IMAGES)คำบรรยายภาพแม่กับลูกในศูนย์พักพิงชั่วคราวปากซอง แขวงจำปาศักดิ์ เขื่อนเซเปียนเซน้ำน้อยแตกทำให้น้ำท่วมสูง และผู้คนจำนวนมากต้องอพยพมาอยู่ที่ศูนย์แห่งนี้


ส่วนบริษัทเอสเค เอ็นจิเนียริ่ง ซึ่งเป็นบริษัทเกาหลีใต้อีกแห่งหนึ่งที่ร่วมทุนกัน และเป็นผู้สร้างหลักของโครงการ ระบุในแถลงการณ์ว่าในช่วง 21.00 น.ของวันอาทิตย์ ทางบริษัทพบว่าบางส่วนของด้านบนของเขื่อนพังทลายแล้ว ในคำแถลงการณ์ระบุด้วยอีกว่าบริษัทได้แจ้งความเสียหายครั้งนี้ต่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และการอพยพชาวบ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดก็เริ่มขึ้น แต่ไม่ได้แจ้งทางการแขวงอัตตะปือ จนเมื่อบ่ายวันจันทร์ถึงได้แจ้งแก่แขวงอัตตะปือไปว่าเขื่อนน่าจะพังทลายมากกว่าเดิม

ทางนิวยอร์คไทมส์ยังได้สัมภาษณ์ ศ. เอียน เบียร์ด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำในลาว ซึ่งเขาเชื่อว่าปัญหาอาจจะเกิดจากการก่อสร้างที่ผิดพลาด หรือการเก็บกักน้ำไว้ในเขื่อนมากเกินไป โดยไม่เผื่อสำหรับเวลาที่ฝนตกหนัก

"บริษัทพยายามบอกว่านี่เป็นภัยธรรมชาติ ไม่ใช่ความผิดของพวกเขา" ศ.เบียร์ดกล่าวกับนิวยอร์คไทมส์ และเสริมว่า "ผมไม่เชื่อคำอธิบายเช่นนั้นเลย"

อพยพประชาชนนับหมื่นในกัมพูชา


GETTY IMAGESคำบรรยายภาพทหารกัมพูชากำลังช่วยอพยพประชาชนในสตึงแตรงเมื่อระดับน้ำสูงขึ้น


จังหวัดสตึงแตรงของกัมพูชาที่อยู่ติดกับแขวงอัตตะปือของลาวต้องอพยพชาวบ้านราว 25,000 คนออกจากพื้นที่เมื่อมวลน้ำจากลาวไหลบ่าเข้ามา รวมกับฝนที่ยังคงตกต่อเนื่อง

"ระดับน้ำยังคงเพิ่มขึ้น ดังนั้นจำนวนชาวบ้านที่จะถูกอพยพออกไปน่าจะเพิ่มขึ้นด้วย" เมน กอง โฆษกของจังหวัดสตึงแตรงบอกว่ากับเอเอฟพี

เจ้าหน้าทหารของกัมพูชาพาชาวบ้านและรถมอเตอร์ไซค์ออกมาจากเขตน้ำท่วมทางเรือ และก็ส่งบรรดาสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าไปในศูนย์พักพิงชั่วคราวแล้วเช่นกัน


ATTAPEU TODAYคำบรรยายภาพภาพประชาชนในแขวงอัตตะปือ ที่หนีระดับน้ำขึ้นมารอการช่วยเหลือบนหลังคา


คำเตือนอพยพมาล่าช้า

เอเอฟพีรายงานว่าชาวบ้านไม่น้อยกล่าวว่าพวกเขาได้รับคำเตือนให้อพยพก่อนหน้าเขื่อนแตกไม่กี่ชั่วโมง

"มันเกิดขึ้นเร็วมาก เรามีเวลาเตรียมตัวน้อยมาก" จู หินลา วัย 68 กล่าว เขามาจากหมู่บ้านหินลาดที่เสียหายอย่างหนัก "ทุกบ้านในหมู่บ้านนี้จมอยู่ใต้น้ำ คนในบ้านสี่ฉันสี่คนยังหาไม่เจอ ยังไม่รู้ว่าพวกเขาจะเป็นอย่างไร"


เขื่อนลาวแตก: ชาวไทยร่วมส่งกำลังใจถึงลาว ให้ผู้ประสบเหตุปลอดภัย
เขื่อนลาวแตก: ชุดกู้ภัยถ้ำหลวงพร้อม มุ่งสู่ลาวเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย


พิบัติภัยดังกล่าวที่เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ในวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยสาเหตุสำคัญมาจากพายุฝนถล่มทำให้เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย ซึ่งเป็นเขื่อนไฟฟ้าพลังงานน้ำที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ในแขวงอัตตะปือ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศพังลง ส่งผลให้น้ำปริมาณ 5 พันล้านลูกบาศก์เมตรไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่หลายหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เคียง ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวสารประเทศลาวของทางการ ระบุว่ามีผู้คนมากว่า 6,600 คนและยังคงมีประชาชนหลายร้อยคนสูญหาย


AFP/GETTY IMAGESคำบรรยายภาพผู้ประสบภัยต้องอาศัยกันอย่างแออัดภายในศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ทางการจัดให้ในแขวงจำปาสัก


ด้านบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็น 1 ในผู้ถือหุ้นของโครงการ แถลงว่า เขื่อนดินย่อยกั้นช่องเขา ส่วน D (Saddle Dam D) ขนาดสันเขื่อนกว้าง 8 เมตร ยาว 770 เมตร และสูง 16 เมตร ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเสริมการกั้นน้ำรอบอ่างเก็บน้ำเซน้ำน้อย โครงการดังกล่าวเกิดการทรุดตัว ส่งผลให้สันเขื่อนดินย่อยดังกล่าวเกิดรอยร้าวและน้ำไหลออกไปสู่พื้นที่ท้ายน้ำ และลงสู่ลำน้ำเซเปียน ที่อยู่ห่างจากพื้นที่เขื่อนประมาณ 5 กิโลเมตร

โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียน-เซน้ำน้อย ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างมีความก้าวหน้าประมาณร้อยละ 90 และกำหนดจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ภายใน ก.พ. 2562



ooo




อ่านบทความเต็มเรื่อง 

เขื่อนลาวแตก: กี่ทุนไทยที่ไปสร้างเขื่อนผลิตไฟในลาว

เรื่องเกี่ยวข้อง...




ปล้นเขามาจะสนทำไม ... ไก่อู เมินคำพูด ทักษิณ สนใจก็เสียเวลา (แต่ดิ้นเป็นใส้เดือน) ไม่กลัวโพสต์เฟซฯ นคร กระทบทหาร




https://www.thairath.co.th/content/1343419


พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมินคำพูด “ทักษิณ” บอกสนใจไปก็เสียเวลาทำงาน เชื่อทุกคนเข้าใจทำไมเวลานั้นถึงต้องรัฐประหาร เพราะมันไม่มีทางออก ไม่กลัวคำพูด “นคร” ดิสเครดิตทหาร

เมื่อวันที่ 28 ก.ค. พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวในงานเลี้ยงวันเกิดว่า รัฐบาลเป็นรัฐบาลมาจากการรัฐประหารที่ไม่เป็นสุภาพบุรุษ พยายามเลื่อนการเลือกตั้งออกไปว่า ก้าวข้ามนายทักษิณไปแล้วจึงไม่สนใจสิ่งที่นายทักษิณพูด ถ้าเราไปให้ความสนใจคำพูดมากนักก็จะเสียสมาธิการทำงาน เอาสมาธิมาทำงานดีกว่า และที่ว่า ถ่วงเวลาเลือกตั้งขณะนี้ก็มีโรดแม็ปเลือกตั้งชัดเจน นายกฯก็บอกแล้วว่า จะมีขึ้นหลังพระราชพิธีสำคัญ และที่ว่าเป็นรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารนั้น การรัฐประหารเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2557 เป็นเรื่องเก่า เชื่อว่า ทุกคนเข้าใจว่า ทำไมต้องมีการรัฐประหาร การรัฐประหารไม่ได้เกิดขึ้นปุ๊บปั๊บ แต่เป็นเพราะขณะนั้นรัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศได้เป็นเวลานาน และไม่มีทางออกถ้าสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยวิธีอื่นเวลานั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องคงแก้ไปแล้ว ส่วนเรื่องการตามตัว นายทักษิณ ถือเป็นเรื่องของกระบวนการทางกฎหมาย

พล.ท.สรรเสริญ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ที่โพสเฟซบุ๊กแฉกระบวนการสมคบคิดล้มรัฐบาลของ นายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีทหารเข้าร่วม ว่า ตนไม่ทราบ และไม่รู้จักนายนคร เป็นการส่วนตัว ที่เขามาพูดเช่นนี้ไม่รู้ว่า ต้องการอะไรและไม่รู้สึกว่า มีกระบวนการตามที่นายนครบอก เพราะเชื่อว่า สังคมเข้าใจเหตุการณ์ก่อนการรัฐประหารที่ทำให้ทหารต้องออกมา และไม่รู้สึกว่า การพูดของนายนคร เป็นการดิสเครดิตทหาร เพราะสังคมเข้าใจ วันนี้เราต้องเดินไปข้างหน้าและทำตามโรดแม็ปที่วางไว้

...





ไม่รู้ใครหน้าหงายกันแน่..และไอ้ที่บอกไม่ให้ราคาคือมรึงต้องเงียบเฉยๆ ไม่ตอบโต้อะไร ต้องนิ่งหรือมองแค่มันคือเสียงผ่านหู
แต่นี่มรึง..เด้งรับเชือกออกมาทันควันเลย
ไม่ให้ราคาเขาแต่ดิ้นเป็นใส้เดือนเลย
นะมรึง...

http://www.naewna.com/politic/354275

ปชป. โป๊ะแตก... วันก่อนแค่ลูกพรรคอดีต สส. วันนี้รองหัวหน้าพรรคออกมาเองเลย ยอมรับ “ทักษิณ” ยังมาที่หนึ่ง ครองใจคนไทย!




https://www.khaosod.co.th/politics/news_1384089

เมื่อวันที่ 28 ก.ค.นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวขอโทษนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯที่เคยร่วมกระบวนการสมคบคิดล้มรัฐบาล เปิดทางให้ทหารออกมายึดอำนาจ ว่า ตนไม่อยากพูดถึงนายนคร เพราะว่าได้ออกจากพรรคไป 10 ปีแล้ว ซึ่งหลังจากตนตั้งใจจะเขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวไปถึงนายนคร แต่ขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียด อย่างไรก็ตาม การที่นายนครออกมาโพสต์เฟซบุ๊กขอโทษอดีตนายกฯทั้งสอง ตนก็ไม่รู้ว่าเขาอยากจะไปอยู่พรรคเพื่อไทยหรือพรรคไหน แต่เขากลับมาอยู่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้แล้ว ถ้ามาก็อยู่ยาก

เมื่อถามถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานเลี้ยงวันเกิด 69 ปี โดยระบุว่า รัฐบาลเป็นรัฐบาลมาจากการรัฐประหารที่ไม่เป็นสุภาพบุรุษ พยายามเลื่อนการเลือกตั้งออกไปนั้น นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า แน่นอนการพูดดังกล่าวถือเป็นการดิสเครดิตทหาร เพราะว่าเขาเป็นคนที่ยึดอำนาจ ซึ่งเราคงย้อนเวลากลับไปไม่ได้ เพราะเดินกันไปไกลแล้ว



นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์


เมื่อถามต่อว่า ดูเหมือนนายทักษิณยังมั่นใจว่ายังครองหัวใจประชาชนคนไทยได้อยู่ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ตามผลโพลก็เป็นความจริงอย่างนั้น เขาก็ยังมาเป็นที่หนึ่ง เรื่องนี้เป็นความผิดของฝ่ายผู้มีอำนาจที่ไม่แจ้งความจริงขณะนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านเมือง รวมถึงนายกฯยังพูดว่านักการเมืองจึงทำให้เขารู้จุดอ่อนของรัฐบาล ทั้งที่รัฐบาลยึดอำนาจตั้งใจแก้ปัญหา ซึ่งหากรัฐบาลไม่สืบต่ออำนาจ เชื่อว่านายทักษิณต้องแพ้ แต่พอรัฐบาลคิดจะอยู่ต่อเขาก็กลับมาชนะ ต้องโทษทหารที่ทำเสียของ ฉะนั้นถ้าไม่ระวังตัวคิดจะอยู่ต่อความน่าเชื่อถือจะหมดลง เพราะไหนจะเรื่องไปดูดนักการเมืองจากพรรคเพื่อไทย ก็เกิดความไม่ชอบธรรมแล้ว จึงทำให้ผลสวิงกลับมาสู่ฝ่ายยึดอำนาจ

วันเสาร์, กรกฎาคม 28, 2561

คดีแหวนเป็นตัวอย่างสว่างจ้าของความ 'อธรรม' ในระบบยุติธรรมไทย


“คดีของณัฏฐธิดากลายเป็นตัวอย่างสว่างจ้าของการเอาเปรียบและความอธรรมในระบบยุติธรรมไทยภายใต้การครองอำนาจของคณะทหาร”

เป็นประโยคสรุปของสุนัย ผาสุก นักวิจัยอาวุโสประจำภาคพื้นเอเซียขององค์การฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์ ต่อคดีหมิ่นประมาทกษัตริย์ไทย ที่ศาลทหารพิจารณาข้อกล่าวหาต่อ แหวนหรือณัฏฐธิดา มีวังปลา พยาบาลอาสาสมัคร

เธอเป็นพยานปากสำคัญผู้เห็นเหตุการณ์ทหารฆ่าประชาชนในวัดปทุมวนาราม ซึ่งเพื่อนอาสาสมัครของเธอ ๖ คนเสียชีวิตจากกระสุนสไน้เปอร์ของทหาร ในการสลายชุมนุมราชประสงค์ เมื่อพฤษภาคม ๒๕๕๓

“ตราบใดที่ณัฏฐธิดายังถูกคุมขังอยู่ โอกาสที่เหยื่ออธรรมในการปราบปรามประชาชนอย่างเหี้ยมโหดที่สุดครั้งนี้จะได้รับความยุติธรรม มีน้อยนิด ซ้ำร้ายไปกว่านั้น” สุนัยปิดท้ายบทความ

“ทหารและพวกแม่ทัพนายกองจะเต็มไปด้วยความมั่นใจว่า คราวหน้าถ้าพวกเขาทำเช่นนี้อีก ก็จะสามารถหลุดรอดข้อหาฆาตกรรมได้ไม่ยาก”


แน่นอน คณะทหารสร้างความมั่นใจว่า แหวนจะไม่มีทางได้ให้การปรักปรำเจ้าหน้าที่ทหารในคดี ๖ ศพวัดปทุมฯ ได้เลย เมื่อเธอโดนทั้งข้อหาปาระเบิดใส่ศาล (ซึ่งได้ประกันตัวออกมาสู้คดี แต่ก็โดนจับกุมทันที แล้วจึงแจ้งข้อหา ม.๑๑๒) และความผิดฐานส่งต่อข้อความทางไลน์ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพรัชกาลที่ ๙

ในการนัดสืบพยานคู่ปากของโจทก์ เมื่อวันที่ ๒๐ ก.ค. หลังจากที่แหวนถูกจำคุกมาแล้วสามปีกว่า เนื่องจากความล่าช้าในการทำคดีของศาลทหาร ไม่ค่อยพิจารณาต่อเนื่องอย่างศาลพลเรือน อ้างว่าเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ และพยานโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่มักขอเลื่อนนัดบ่อยๆ

ทนายจำเลยเตรียมเงิน ๙ แสนบาทที่ได้มาจากการรณรงค์ขอบริจาคในหมู่ผู้รักความเป็นธรรมและยึดมั่นประชาธิปไตย เพื่อยื่นประกันขอปล่อยตัวชั่วคราว แต่ก็ถูกศาลทหารปฏิเสธด้วยเหตุผลเพียงว่า “ไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเป็นอย่างอื่น”

ทำให้แหวนต้องถูกจำคุกต่อไปอีกอย่างน้อยๆ จนกระทั่งการนัดสืบพยานโจทก์ครั้งหน้า วันที่ ๔ กันยายน แม้นว่ากองทุนประกันตัวแหวนมีผู้บริจาคเป็นวงเงินรวมกว่า ๑ ล้าน ๕ หมื่นบาทแล้ว
 
วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายจำเลยให้รายละเอียดบางอย่างแก่สื่อ หลังศาลทหารเสร็จการพิจารณาลับเมื่อวันที่ ๒๐ ว่าพยานทั้งสอง (พล.ต.วิจารณ์ จดแตง และ พล.ต.ต.สุรศักดิ์ ขุนณรงค์) ซึ่งเป็นผู้ร่วมซักถามจำเลยในอีกคดี “ได้ให้การขัดแย้งกับข้อเท็จจริงเอง”

ต่อข้อหาที่ว่าแหวน “เป็นคนที่อาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์หรือเป็นกลุ่มต่อต้านสถาบัน” ทนายนำหลักฐาน “หนังสือเชิญฉบับจริงจากมูลนิธิ ๕ ธันวามหาราช เมื่อปี ๒๕๕๖ เพื่อให้พยานได้เห็นว่าแหวนได้ร่วมจัดงานเป็นการแสดงความจงรักภักดี”

กลับถูกอัยการคัดค้านไม่ให้นำส่งเอกสาร “อ้างว่าไม่เกี่ยวกับพยานปากนี้” ทำให้ทนายซักค้านว่า “ที่พยานกล่าวหาจำเลยเป็นผู้ไม่จงรักภักดีต่อต้านสถาบันนั้นเกิดจากอคติของพยานหรือไม่  ทั้งๆ ที่จำเลยปฏิเสธข้อหาและยืนยันความบริสุทธิ์มาตลอด”

ประการสำคัญในข้อสังเกตุเรื่องอคตินี้ปรากฏจากหลักฐานกล่าวโทษที่มี “เพียงภาพถ่ายหน้าจอสมาร์ทโฟนที่ระบุว่า มีข้อความการสนทนาบนแอพพลิเคชั่นไลน์ (Line) ของแหวนเพียงแผ่นเดียวและเพียงข้อความเดียว”

ไม่มีหลักฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์อื่นประกอบ ที่จะสามารถใช้เปรียบเทียบอ้างได้ว่า “มีข้อความที่ถูกต้องหรือคลาดเคลื่อนกับข้อความในเอกสารหลักฐานแต่อย่างใด"

ยิ่งไปกว่านั้นหลักฐานภาพถ่ายหน้าจอสม้าร์ทโฟนดังกล่าวของพยาน เป็นข้อความเมื่อวันที่ ๘ มีนา ๒๕๕๘ วันเดียวกับที่แหวนถูกควบคุมตัว และเจ้าพนักงานได้นำเอารหัสผ่านเข้าบัญชีไลน์ของแหวนไปแล้ว


ทั้งที่หลักฐานพยานและคำให้การของฝ่ายโจทก์ อ่อนหรือ ‘flawed’ ถึงเพียงนี้ ศาลทหารก็ยังดึงดันลากคดีของแหวนต่อไป ประดุจดังว่าเพียงต้องการคุมขังเธอต่อไปเรื่อยๆ

ที่ซึ่งทนายวิญญัติประเมินว่า ในการสืบพยานโจทก์ ๙ ปาก กับพยานจำเลย ๑๐ ปาก ด้วยมาตรฐานการทำงานอย่างเชื่องช้าของศาลทหาร คงจะต้องถูลู่ถูกังต่อไปอีกอย่างน้อย ๒ ปี

หากเวลานั้นยังไม่มีรัฐบาลพลเรือนแล้วละก็ โอกาสที่คดีของแหวนจะได้รับการพิจารณาโดย ‘speedy trial’ ตามมาตรฐานแห่งสิทธิของการถูกดำเนินคดีในประเทศอารยะตะวันตก จะยิ่งริบหรี่ลงไปอีก ไม่นับข้ออ้างอย่างชุ่ยๆ ต่อไปในการปฏิเสธประกันที่ว่าไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลง