3 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไล่เลี่ยกัน เริ่มจากผู้นำเผด็จการสั่งให้นำตัวนายพิชัย นริพทะพันธ์ ไปปรับทัศนคติ ตามด้วยการส่งทหารไปบุกบ้านนายนคร มาฉิม อดีต ส.ส. พิษณุโลก และการส่งกำลังทหารไปอุ้มนางวรรณนภาแม่ลูกสองเอามาควบคุมตัวที่ มทบ. 11 แสดงถึงพฤติกรรมอำนาจนิยมของผู้นำเผด็จการทหารที่ไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง
นายพิชัยถูกผู้นำเผด็จการสั่งให้นำตัวมาปรับทัศนคติ เพราะได้แสดงความคิดเห็นต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ส่วนนายนครถูกทหารบุกบ้านเพราะการติดต่อกับผู้แทนสหภาพยุโรปเพื่อสะท้อนถึงข้อกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ทั้งสองกรณีเป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการติดต่อสื่อสารตามรัฐธรรมนูญ ส่วนการที่นางวรรณภานำเสื้อที่มีแถบขาวแดงที่หน้าอกมาขายก็เป็นเสรีภาพในการประกอบอาชีพ หากรัฐบาลเห็นว่าการกระทำของบุคคลทั้งสามเป็นความผิด จะต้องให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ไม่ใช่ส่งกำลังทหารไปบุกบ้าน นำตัวมาควบคุมโดยไม่มีหมายและไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาอันเป็นพฤติกรรมของพวกนอกกฎหมาย
ประเทศกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาของการเลือกตั้ง เป็นผลให้ดัชนีความมั่นใจของผู้บริโภคสูงที่สุดอีกครั้งหนึ่งหลังจากตกต่ำมานาน แสดงให้เห็นว่าการเลือกตั้งคือความหวังของคนส่วนใหญ่ สมควรที่ผู้นำจะเป็นตัวอย่างในการสร้างบรรยากาศที่ดี ด้วยการนำพาประเทศเข้าสู่ความประชาธิปไตยโดยเลิกใช้อำนาจพิเศษที่มาจากเผด็จการ เพื่อให้ทุกฝ่ายมีความมั่นใจว่าการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมกำลังจะเกิดขึ้นอันจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ สร้างเวรกรรมกับประชาชนขนาดนี้ยังมีหน้ามาขอรัฐบาลหน้าอย่าเช็คบิล สมกับที่นายกทักษิณเคยบอกว่าเป็น Skirt Camouflage แปลเป็นไทยว่า “กระโปรงลายพราง”
วัฒนา เมืองสุข
9 กันยายน 2561
Watana Muangsook
...
คนไทยปรี๊ดกว่า ถูกยึดอำนาจแถมได้รัฐบาลไร้ปัญญามาบริหารประเทศจนเศรษฐกิจพินาศ เอาแค่กู้เงินชดเชยงบประมาณก็ 2.24 ล้านล้านบาทแล้ว ชดใช้จนคนก่อหนี้ตายไม่รู้จะหมดหรือเปล่า ยิ่งเกลียดยิ่งไปเค้าเรียกพวกอายไม่เป็น pic.twitter.com/SsPrI11Nzb— watanamuangsook (@watanamuangsook) September 9, 2018