“บิ๊กป้อม” ร้อง “เฮ้ย!! มันเรื่องอะไร!! ก็มันไม่ใช่ของผมอ่ะ นาฬิกา 25 เรือน ยัน คืนหมดแล้ว— Deep Blue Sea (@WassanaNanuam) September 10, 2018
“พลเอกประวิตร”โต้ “เรืองไกร ” ปมให้โชว์25 นาฬิกาหรู ...ยัน มันไม่ใช่ของผม ผมยืมเขามา ใส่เป็นสิบปีแล้ว. แล้วจะเอามาโชว์ได้ยังไง แล้ว คืนเขาไปหมดแล้ว ด้วย https://t.co/V4d3wasmSx pic.twitter.com/AJRCrffkP3
Panuwat Ponasuwan คืนใครอ่ะก้อเพื่อนตายหมดแร้ว 5555
ต่อให้“คืนหมดแล้ว” ความผิดฐานรับประโยชน์มูลค่าเกิน 3 พันบาทก็สำเร็จแล้ว เพราะการได้นาฬิกาแพงขนาดนั้นมาใส่ จะกี่วันก็คือการรับประโยชน์ที่สามารถตีเป็นมูลค่าได้ สาเหตุที่กฎหมายห้ามข้าราชการรับประโยชน์ที่มูลค่าเกิน 3 พัน ก็เพราะเมื่อมีการรับประโยชน์ก็อาจมีการตอบแทนโดยการเอื้อประโยชน์ https://t.co/JHEfJBmzM4— Bow Nuttaa Mahattana (@NuttaaBow) September 10, 2018
เติบโตมายังไง ยืมนาฬิกาคนอื่นใส่เป็น 10 ปี เงินเดือนนายพลไม่พอซื้อนาฬิกาเหรอ สวัสดิการฟรีที่รัฐให้ก็เยอะแยะ https://t.co/CV6N0GfQyf— Kaewmala (@Thai_Talk) September 10, 2018
...'ประวิตร' เมิน 'เรืองไกร’ บี้ให้ส่งนาฬิกาหรูให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบ โดยย้ำว่ายืมเพื่อนมา คืนไปหมดแล้ว ขณะที่ 'เรืองไกร' ชี้ขอทายาทตรวจสอบนาฬิกาหรูได้ว่าคืนอย่างไร คืนกับใคร เพราะเป็นของนำเข้า #VoiceOnlinehttps://t.co/5Q7LaXLVch— Voice Online (@VoiceOnlineTH) September 10, 2018
พล.อ.ประวิตร กล่าวโต้ข้อเรียกร้องของเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่เรียกร้องให้นำนาฬิกาหรูทั้งหมด มาให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ ทั้งยี่ห้อ รุ่น และหมายเลขประจำเครื่อง โดยเจ้าตัวตอบว่า “นาฬิกาไม่ใช่ของผม เพราะยืมเขามา และก็ใส่มาเป็น 10 ปี จนใส่กี่เรือนต่อกี่เรือน ตอนนี้คืนเขาไปหมดแล้ว”
ทั้งนี้ เจ้าตัวอยู่ระหว่างถูก ป.ป.ช.ตรวจสอบว่า แจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จหรือไม่ โดย ป.ป.ช.ใช้เวลาตรวจสอบคดีนี้มาสิบเดือนเศษแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก
สำหรับข้อมูลคดีนี้ที่เรารู้กัน จนถึงปัจจุบัน
1.) พล.อ.ประวิตรบอกว่าเป็นนาฬิกายืมเพื่อนมาใส่ทั้งหมด ไม่ใช่ของตัวเองสักเรือน
2.) เพื่อนที่ยืมมา คือ ปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ผู้ก่อตั้งบริษัทคอมลิงก์ เพื่อนตั้งแต่ รร.เซนต์คาเบรียล
3.) ป.ป.ช.บอกว่า แท้จริงแล้วมีนาฬิกา แค่ 22 เรือน ไม่ใช่ 25 เรือน
4.) มีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า ปัฐวาทเสียชีวิตไปตั้งแต่ต้นปี 2560 แต่หลังจากนั้น พล.อ.ประวิตร ก็ยังใส่นาฬิกาหรูเหล่านี้อยู่ ไม่ได้คืนให้ทายาทแต่อย่างใด
ฯลฯ
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรเคยยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มาแล้ว 4 ครั้ง คือครั้งเข้ารับตำแหน่ง รมว.กลาโหม เมื่อปี 2551 ครั้งออกจากตำแหน่งเมื่อปี 2554 และครั้งออกจากตำแหน่งครบหนึ่งปี เมื่อปี 2555 และเมื่อครั้งกลับมารับตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ในปี 2557 แต่ทุกครั้งไม่เคยแจ้งการถือครองนาฬิกาหรูไว้ในบัญชีทรัพย์สินแต่อย่างใด
สำหรับอัตราโทษของการแจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จต่อ ป.ป.ช. คือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ต่อการแจ้งบัญชีทรัพย์สินที่ไม่ครบ 1 ครั้ง ไม่รวมถึงโทษตัดสิทธิในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี
ที่มา The Matter
อีกข้อมูลคดีนาฬิกาหรู ‘เป็น 10 ปี’ เวลาที่ประวิตรยืมนาฬิกาเพื่อนมาใส่ แต่ยังย้ำว่าคืนไปหมดแล้ว