เหมือนว่าพวกเสือสิงห์กระทิงแรดล้วนได้ ‘ช่วยชาติ’ คสช.กันเกือบทั้งนั้น ตอนนี้สองในสี่เสือ
กปปส. ก็เข้าไปอยู่ในวงรัฐบาลกันเต็มตัวแล้ว สกลธี ภัททิยกุล เข้าไปเป็นรองผู้ว่า
กทม.ไม่ทันไร
พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ได้เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีบ้าง
ยังไม่ถึงเวลาของ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ กับ ชุมพล จุลใส และ ‘สิงห์’ อย่าง สุวิทย์ ทองประเสริฐ ที่ตอนนี้เป็น ‘สมีอิสระ’ สมชื่อ นุ่งห่มขาวไปศาลหลังจากได้ประกันตัวออกมา
สำหรับ ‘กระทิง’
แก่ สุเทพ เทือกสุบรรณ นั้นขอเล่นบท ‘อีแอบ’ เป็นผู้ชักใยพรรคหุ่น รปช. ไปก่อน ส่วน ‘แรด’
มีอยู่สองสามราย กำลังรอเชิงต่อไปอีกหน่อย พอดีช่วงนี้มี ‘เฌอ’ สาวน้อยกำลังฟู่ฟ่าถูกดึงมากระชากเรตติ้ง
แต่ดูเหมือนเส้นเอ็นไม่เหนียวพอ กระชากแรงไปสายเกือบขาดเลยต้องผ่อนปรนลงบ้าง
‘บี’ พุทธิพงษ์นั้น
เผยว่าขาดกับ ปชป.เรียบร้อยแล้ว แต่จะไปลงเลือกตั้งในสังกัดพลังประชารัฐไหม
เร็วเกินไปที่จะเผย ขอทำงานสนอง คสช.สักหนึ่งปี ไม่ถึงกับไปแย่งงาน ‘ตระบัด’ ของ ‘ห่านอู’ แค่เสริมด้านสื่อสาร กับที่ศูนย์ดำรงธรรมเท่านั้น
ในเรื่องคดีความ กปปส. ก็มีเวลาชิลๆ อีกเป็นปี
“โดยศาลชั้นต้นได้นัดตรวจสอบพยานปีหน้า
ไม่มีเรื่องใดที่จะมาทำให้ตนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้...จึงไม่มีความกังวล”
ใดๆ
โดยเฉพาะเกี่ยวกับคดี
มีเพื่อน กปปส. ที่ไปตั้งพรรคประชาชนปฏิรูปรอดันบิ๊กตู่บเป็นนายกฯ อีกสมัยหลังเลือกตั้ง
ได้เริ่มกระบวนการทำให้คดีเป็นโมฆะไว้แล้ว
ไพบูลย์ นิติตะวัน ได้ยื่นคำร้องถึงประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน
ขอให้ส่งความเห็นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่าคดีเป็นกบฏต่อแผ่นดิน (ม.๑๑๓) และมาตราอื่นๆ
ได้แก่ ๑๑๗, ๒๐๙, ๒๑๐, ๒๑๕ และ ๒๑๖ ที่อัยการส่งฟ้องแล้วนั้น ‘ขัดต่อรัฐธรรมนูญ’
หัวหน้าพรรค ปชร.
อ้างคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญในช่วงธันวา ๕๖ ถึงกุมภา ๕๗ ทถึง ๑๑ ฉบับที่ว่า
การชุมนุมของ กปปส.ไม่ว่าจะก่อความเดือดร้อน เสียหายต่อความเป็นอยู่และการเดินทางในชีวิตประจำวันเป้นเวลาหลายเดือนเพียงใด
“เป็นเพียงการใช้เสรีภาพเพื่อเรียกร้องต่อรัฐบาลในนามของประชาชนเท่านั้น”
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเช่นนี้ “ได้มีคำวินิจฉัยอันเป็นที่สุดเสร็จเด็ดขาดแล้ว...มีผลผูกพันทุกองค์กร”
จะ “ไปยื่นฟ้องว่าการกระทำเดียวกันนั้นเป็นความผิดต่อกฎหมายอีกไม่ได้”
คดีดังกล่าว
อัยการพิเศษได้ยื่นฟ้องแกนนำ กปปส. รวมทั้งสิ้นกว่า ๔๐ คน เอาไว้ พวก ‘เสือ สิงหื กระทิง แรด’ ของ กกปส. โดนกันถ้วนหน้า แล้วก็ยังลอยนวลกันถ้วนหน้าเช่นกัน
นอกเหนือจากนั้น การบอกลาประชาธิปัตย์ของพวกเสือสิงห์กระทิงแรด
กปปส. ทำไปทำมาดูท่าจะเป็นเพียงการสลับขาเต้นไลน์แด๊นซ์ ‘Tush
push’ ก็เป็นได้ ในเมื่อ หัวหน้าพรรค ปชป.
ขณะนี้เองก็ได้ให้ความหวังการได้ร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หลังการเลือกตั้งไว้เหมือนกัน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เพิ่งพูดในรายการโทรทัศน์ช่องฟ้าวันใหม่ของพรรคว่า “ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ๑ ใน ๓
ชื่อที่ได้รับการเสนอเป็นนายกฯ ที่เก็งกันว่าพรรคพลังประชารัฐจะเสนอ ก็ต้องไปดูว่าพรรคพลังประชารัฐได้กี่คะแนน...
หากไม่ได้มาจากเสียงข้างมากของ
สส.พรรคประชาธิปัตย์ ก็คงจะไม่เข้าร่วม”
หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์รายงานด้วยว่าในการอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของตัวแทนกลุ่มการเมืองต่างๆ
ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการญาติวีรชน พฤษภา ๓๕
“พรรคเพื่อไทยยืนยันไม่สนับสนุนพรรค
คสช.แน่ และตัวแทนพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุไม่สนับสนุนรัฐบาลเผด็จการ
ส่วนตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์เพียงสนับสนุนพรรคที่มี
สส.ลำดับที่หนึ่งจัดตั้งรัฐบาลก่อนเท่านั้น”
น่าสมเพชก็แต่อดีตแกนนำ นปช. อย่าง ‘แรมโบ้อีสาน’ สุพร อัตถาวงศ์
ที่อุตส่าห์ประกาศตัวยอมให้กลุ่มสามมิตร ‘ดูด’ ไปลงถังไว้สำหรับขว้างใส่ฝ่ายตรงข้ามของ คสช.
พอไปขว้างใส่พรรคภูมิใจไทยที่นัยว่า ‘เขี้ยว’ ไม่เบา ก็เลยโดนขว้างกลับด้วย ‘ข้อหา’ หมิ่นประมาทเข้าให้