วันพุธ, กันยายน 30, 2563

แหม่ง ถ้าแดงจะช่วยเพ็ดทูลเรื่อง ความบูดเบี้ยวของ รธน.๖๐ ให้ทรง 'ปิดทองหลังพระ' สั่ง ‘สูงวัยตู่ตั้ง’ เลิกยื้อแก้รัฐธรรมนูญ ก็จะดี


แหม่ง ที่ แดง พูดไว้ก่อนไปเป็นองคะอะไรนั่น ว่า “พระองค์ทรงปิดทองหลังพระ” (เหมือนพระราชบิดาเลยเชียว) มันกระตุ้นต่อมปีรติยิ่งนักแล้ว อย่ากระนั้นเลย หาใช่ ‘greedy’ ได้คืบจะเอาศอกไม่ เชื่อว่าอยู่ในข่าย ทรงสั่งได้ เหมือนกัน

ถ้าแดงจะกรุณาเพ็ดทูลพระองค์ทรงทรงโปรดเกล้าฯ กระซิบพวก สูงวัยตู่ตั้งที่นั่งๆ นอนๆ กันอยู่ในสภาที่มียอดเป็นเจดีย์คล้ายเมรุ บางคนไปประชุมปีละไม่กี่หนเพื่อโหวตให้พี่ชายเป็นนายกฯ กับตอนช่วยกันยื้อไม่ให้พวกที่มาจากการเลือกตั้ง ปิดสวิทช์ นั่นนะ

ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ไหวเลย ชั่วร้ายสำหรับไพร่ฟ้าหน้าใส แต่ให้อำนาจเหลือหลายกับพวกสืบทอดรัฐประหาร ตลก.รัฐธรรมนูญงี้ กรรมการเลือกตั้งงั้น ขืนปล่อยไว้ช้าเนิ่นนาน จักทำให้เดชานุภาพของพระองค์ต้องหมองหมางไปได้นะ

ไหนๆ ก็ไหนๆ ในเมื่อตอนรัฐธรรมนูญผ่านแล้วใหม่ๆ พระองค์ยังทรงสั่งเปลี่ยนแปลงได้ ก็อีแค่ สว.จำนวนครึ่งหนึ่งของห้าร้อย ไม่ครณาพระบาทา ทรงรับสั่งต่อใครสักคน พรเพชรก็ได้ ตู่ก็ได้ หรือจะให้แดงเองเป็นคนไปเที่ยวกระซิบในหมู่พวกพ้อง สว.ก็ยิ่งดี

แล้วก็เวลาไปเพ็ดทูลต้องให้เหตุผลดีๆ นะแดง พระองค์ทรงโปรดปรานการใช้เหตุใช้ผล รุ้ละว่าแดงไม่ได้ฝึกฝนมาทางนี้ เก่งแต่ใช้ปืนลูกซองไล่ยิงเสื้อแดง จะแนะให้ไปดูที่หนู อั่งอั๊งหลานธนาธรอายุ ๑๖ ปี เสวนา #ถ้าการเมืองดี ที่คณะสังคมฯ มธ.


อัครสร โอปิลันธน์ พูดไว้กินใจคนสูงวัย “ถึงแม้ว่าเราจะทำบุญกี่ชาติ ทำบุญมากแค่ไหนในชาตินี้ หากรัฐธรรมนูญมันไม่เปลี่ยน เราจะเกิดอยู่ในลูปเดิมแห่งความยากจนลูปเดิมแห่งความไม่เท่าเทียมค่ะ เราไม่สามารถมาพึ่งบุญพึ่งบาปได้ในเรื่องนี้นะคะ”

ความบูดเบี้ยวของ รธน.๖๐ นี้มีให้เห็น ดังกรณีศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิพากษา ยกคำร้อง กกต.ที่ให้ใบส้มเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของอดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต ๘ เชียงใหม่พรรคเพื่อไทย เอาไว้ ๑ ปี จากการที่สุรพล เกียรติไชยากร เอาเงิน ๒ พันใส่ซองทำบุญสมทบกองผ้าป่า ไม่ใช่เพื่อหาเสียง

การนี้มีผลทำให้สุรพลได้สิทธิในการเลือกตั้งคืนมา ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายที่ กกต.เรียกร้องอ้างว่าต้องไปใช้จ่ายในการจัดเลือกตั้งซ่อม ซึ่งทำให้นางศรีนวล บุญลือได้รับเลือกตั้ง แล้วกลายเป็นงูเห่าเลื้อยดจากพรรคอนาคตใหม่ไปอยู่ภูมิใจไทย

นอกจากนั้นนายสุรพลยังให้ทนายยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก กกต. ๗๐ ล้านบาท ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ ทำให้ตนต้องเสียสิทธิ อดเป็น ส.ส. ทั้งๆ ที่นับคะแนนไปแล้วตนเป็นผู้ชนะได้กว่า ๕ หมื่นเสียง แต่การที่จะเอาตำแหน่ง ส.ส.คืนมานั้นอย่าหวัง


เพราะรัฐธรรมนูญฉบับออกแบบเพื่อพวกเรา คสช.นี้ อีตามีชัยแกเขียนไว้ตามที่ คสช.ต้องการให้คำสั่ง ของ กกต.เพิกถอนสิทธิและผลการเลือกตั้งนั้น เป็นที่สุดตามมาตรา ๑๓๒ อย่างที่ ใบตองแห้ง อุทาน “อ้าว ฉิบหาย นี่คือความเหี้ยของ รธน.๖๐”

น้าถึกวิจารณ์กฎหมายเลือกตั้งประกอรัฐธรรมนูญ “ที่ให้อำนาจ กกต.เป็นเทวดา ตัดสิทธิไปก่อน โดย มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พอขึ้นศาลบอกว่าไม่ผิดก็คืนสิทธิไม่ได้ เสร็จงูเห่าไปแล้ว” ซึ่ง สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. อธิบายว่า

“ไม่น่ามีผลต่อการคืนสิทธิการเป็น ส.ส....ไม่มีผลต่อผู้ได้รับเลือกตั้งในการเลือกตั้งซ่อม และ การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคต่างๆ” ด้วย และ “หากมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป นายสุรพลสามารถลงเลือกตั้งได้ เนื่องจากไม่ใช่ผู้ถูกเพิกถอนสิทธิ”

แต่ถ้านายสุรพลรอการเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ไหว จะทวงสิทธิการได้รับเลือกตั้งของตนคืน ก็ต้องไปฟ้อง กกต.อีกข้อหา ตามมาตรา ๑๕๗ ฐาน “ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ประมาทเลินเล่อ ใช้วิจารณญาณอย่างไม่รอบคอบจนเป็นเหตุให้ตนต้องเสียสิทธิ”

แต่ก็อาจจะได้แค่ ความเป็นธรรมในเวลาอีกหลายปี สุดแท้แต่ศาลทั่นจะทำคดีได้ช้าขนาดไหน ช้าปกติหรือช้าฉิบหายขึ้นกับวิจาณญานทั่น แต่จะให้รวดเร็วทันใจเหมือนคดีพวกพ้องคณะรัฐประหารเก่าละก็ น่าจะยาก

หากบังเอิญนายสุรพลชนะคดีเป็นปรากฏการณ์เหมือนครั้งนี้อีก แต่กว่าจะเสร็จคดีคงพอดีได้เลือกตั้งใหม่แล้วมั้ง

(https://www.khaosod.co.th/politics/news_5009674, https://www.facebook.com/baitongpost/posts/3434859833262488, https://www.facebook.com/Somchai.Srisutthiyakorn/posts/3212252958824085, https://www.facebook.com/Prachatai/posts/10157800783296699 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_2370633) 

อ่านพลังคนรุ่นใหม่ ก้าวต่อไปของการเมืองไทย




The101.world
September 22 at 5:00 AM ·

19 กันยายน 2563 มีความหมายทางการเมืองมากกว่าที่เคยเป็น เมื่อ ‘แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม’ ประกาศชุมนุมใหญ่ในวันดังกล่าว
.
ไม่ว่าจะเห็นด้วยกับการชุมนุมหรือไม่ นี่คือการเคลื่อนไหวทางการเมืองโดย ‘คนรุ่นใหม่’ ที่แหลมคมที่สุดครั้งหนึ่ง และจำเป็นอย่างยิ่งที่สังคมไทยต้องทำความเข้าใจและรับฟังอย่างตั้งใจ
.
คุยกับ ผศ.ดร.กนกรัตน์ เลิศชูสกุล คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในห้วงเวลาที่ ‘คนรุ่นใหม่’ ที่นำโดยนิสิต นักศึกษา และนักเรียนออกมาเคลื่อนไหวอย่างทรงพลัง
.
อ่านฉบับเต็มได้ที่ : https://www.the101.world/101-one-on-one-ep-180/



The101.world
September 22 at 5:00 AM ·

:: ม็อบที่เข้าใจความคิดของรัฐ ::
.
ม็อบวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาสะท้อนว่าเขาเข้าใจว่ารัฐ โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคงหรือรัฐบาลมองพวกเขาอย่างไร มีความคาดหวังอย่างไร ซึ่งเชื่อมโยงมาถึงยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวของเขาว่าเป็นอย่างไร
.
แพตเทิร์นของการเคลื่อนไหวตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่พฤษภาทมิฬ มาจนถึงเสื้อเหลืองเสื้อแดง คนรุ่นก่อนหน้านี้อยู่ในแพตเทิร์นของม็อบที่ระดมมวลชนให้ได้มากที่สุด เมื่อมวลชนสูงในระดับหนึ่งจะกดดันรัฐบาลด้วยการเผชิญหน้า ถ้าอ่านเรื่อง Weapons of the Weak จะพบว่าการทำตัวเราให้กลายเป็นเหยื่อของการใช้ความรุนแรงโดยรัฐ เป็นกลไกที่จะลดทอนความชอบธรรมของรัฐ และขบวนการก็จะรู้สึกเป็นผู้ชนะในแง่ของความชอบธรรม ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เราจะเห็นแพตเทิร์นแบบนี้เสมอ
.
ช่วงหลายวันก่อนเกิดม็อบ หลายฝ่ายค่อนข้างเกร็งมาก เพราะถ้าม็อบวันที่ 19 คนเยอะ แล้วขบวนการประกาศว่าจะไปทำเนียบรัฐบาลหรือกระทั่งยึดสนามหลวงตามที่บอกมาตั้งแต่ต้น ม็อบแบบนี้ผู้ใหญ่ฟังแล้วก็คิดว่าจะมาแพตเทิร์นเดิม ต้องการเผชิญหน้า ผลักให้เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรง ซึ่งดิฉันคิดว่าเจ้าหน้าที่ระวังเรื่องนี้มาก รัฐผ่านประสบการณ์ในการเคลื่อนไหวมาเยอะ ถ้ามีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้น ฝ่ายรัฐเองจะสูญเสียความชอบธรรม
.
ท่าทีของฝ่ายความมั่นคงและรัฐบาลช่วงก่อนการเคลื่อนไหวจึงค่อนข้างพยายามประนีประนอมเพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า แต่อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายต่างคิดว่าต้องนำไปสู่การเผชิญหน้าแน่นอน คิดว่านิสิตนักศึกษาต้องเพลี่ยงพล้ำ และสุดท้าย การสูญเสียชีวิตอาจไม่ได้นำมาซึ่งชัยชนะ
.
แกนนำนักศึกษาเข้าใจว่าทุกฝ่ายมองเกมแบบนี้ เข้าใจว่ากลไกรัฐทำงานแบบไหน การเคลื่อนไหวที่เราเห็นตลอดทั้งคืนถึงเช้าวันที่ 20 ซึ่งมีการต่อสู้เชิงวัฒนธรรม ตลอดจนการเคลื่อนขบวน จึงไม่มีใครรู้ว่าเขาจะออกไปไหน กลไกรัฐไม่รู้เลยว่าเด็กจะทำอะไร
.
การเตรียมมวลชนของเขาเองก็น่าสนใจมาก เขาพยายามบอกให้มวลชนไม่เข้าพื้นที่ที่ห้ามเข้า เตรียมหน่วยแกนนำที่เป็นแถวหน้า ใส่หน้ากากกันแก๊สน้ำตา กันให้มวลชนห่างจากแถวหน้าร้อยเมตร เขาป้องกันมวลชน และค่อนข้างมีความตระหนักเรื่องการต่อสู้แบบสันติวิธีจริงๆ ไม่ได้พาคนไปเผชิญหน้า
.
กระบวนการยื่นจดหมายก็เป็นไปอย่างเรียบง่าย เคารพผู้ที่มาเข้าร่วม มีการให้ทุกคนนั่งลง แม้แต่สื่อมวลชนก็ต้องไม่ละเมิดสิทธิของคนที่มาเข้าร่วม ในแง่นี้ ดิฉันว่าเขาเข้าใจว่ารัฐทำงานอย่างไร เข้าใจอดีตของการเคลื่อนไหวว่าอะไรคือความพ่ายแพ้ อะไรคือความไม่สำเร็จ หลายคนอาจจะบอกว่าม็อบกำลังเล่นเกมสับขาหลอก แต่นั่นแปลว่าเขารู้ว่ารัฐคิดอย่างไร สื่อคิดอย่างไร ขบวนการในอดีตมีบทเรียนอย่างไร
.


The101.world
September 22 at 5:00 AM ·

:: ไร้อุดมการณ์? ::
.
จุดเริ่มต้นของคนรุ่นนี้มาจากความไม่พอใจ ไม่พอใจต่อสิ่งที่เขามองเห็นว่าเป็นปัญหา สำหรับแกนนำ แน่นอนว่าหลายคนเริ่มต้นขบวนการจากความไม่พอใจต่อสิ่งที่เป็น ทั้งเรื่องตัวเองและไม่ใช่เรื่องตัวเอง หลังจากนั้นก็ไปสู่การหาทางออกว่าอะไรคือการแก้ไขปัญหา
.
ดิฉันมองว่าแกนนำมีฐานคิดที่แตกต่างหลากหลายมาก มีการพูดถึงประเด็นข้อเรียกร้องที่หลากหลาย เราจะเห็นพัฒนาการมาตั้งแต่ Free Youth ที่พูดถึงเรื่องเยาวชน เครื่องแต่งกาย การเกณฑ์ทหาร มาถึงม็อบมุ้งมิ้งที่เป็นม็อบ LGBT เห็นกลุ่มที่สนับสนุนการทำแท้งอย่างถูกกฎหมาย เด็กมหาวิทยาลัยที่อึดอัดคับข้องใจในระบบการศึกษา อำนาจนิยมในมหาวิทยาลัยหรือในโรงเรียน
.
แกนนำเหล่านี้เกิดขึ้นมาจากความไม่พอใจ และทางออกของพวกเขาก็เป็นทางออกที่ practical ไม่ใช่อุดมการณ์ ไม่เหมือนสังคมนิยมที่ต้องจัดการไม่ให้มีชนชั้น หรือโซเชียลลิสต์ ที่ทำให้สังคมเป็นธรรมขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือเสรีนิยมประชาธิปไตยที่เชื่อว่าการเลือกตั้งเป็นทางออก เด็กพวกนี้ไม่ได้ยึดติดกับอุดมการณ์แบบใดแบบหนึ่ง
.
ถ้าเป็นคนรุ่นเราอาจจะมองว่านี่เป็นจุดอ่อน นี่คือความอ่อนแอของประชาสังคมไทย แต่เด็กรุ่นใหม่ไม่ได้มองว่าเป็นจุดอ่อน การยึดถืออุดมการณ์ของพวกเขาเป็นสิ่งที่ very adaptive มาก และข้อเสนอการปฏิรูปของพวกเขามาจากฐานคิดของการมองปัญหาปัจจุบันในสังคมไทย ไม่ได้อิงจากอุดมการณ์
.
อ่านฉบับเต็มได้ที่ : https://www.the101.world/101-one-on-one-ep-180/



The101.world
September 22 at 5:00 AM ·

:: ต่างความคิดบนเส้นทางเดียวกัน ::
.
ถ้าเราผลักให้เขาเป็นพวกล้มสถาบันอย่างเดียว เราจะไม่เห็นว่าพวกเขามีความหลากหลายขนาดไหน
.
พวกเขาโคตรแตกต่างกันเลย เถียงกันเอาเป็นเอาตาย ตบโต๊ะ แต่ในสายตาคนนอก เราไม่ได้รู้สึกว่าพวกเขาแตกต่างกัน ไม่ได้เห็นภาพความขัดแย้งอย่างรุนแรงถ้าไม่รู้จักจริงๆ
.
ความน่าสนใจของคนรุ่นนี้คือ เขาแตกต่าง เขาทะเลาะกัน แต่เขาไม่เคยลุกขึ้นมาทำให้เพื่อนของเขาแปลกแยก ถ้านึกถึงก่อนหน้านี้ที่มีการเมืองเหลืองแดง หรือนึกถึงฝ่ายอนาคตใหม่กับเพื่อไทย เป็นปีกประชาธิปไตยเหมือนกันแต่ทะเลาะกัน เอาเรื่องส่วนตัวมาพูด สาดสีใส่กัน เราจะไม่เห็นในเด็กรุ่นนี้เลย มันไม่ได้แปลว่าเขาไม่ทะเลาะกัน หรือเขาคิดเหมือนกัน ความจริงคือเขาทะเลาะกันแทบตายในประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ ความคิด ขบวนการ แต่เขายอมรับว่า ถ้าคิดต่างก็ต่างคนต่างทำไป จะไม่มีการโจมตีกันในที่สาธารณะ
.
ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เท่าที่ดิฉันสัมผัสแกนนำแบบห่างๆ เรื่องเล่าที่บอกว่าทะเลาะกันไม่เห็นมีใครรู้ คนรู้น้อยมาก ทั้งที่เขาทะเลาะและมีจุดยืนแตกต่างกัน ยุทธศาสตร์ในการเคลื่อนไหวแตกต่างกัน นี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เอาเข้าจริง เทียบกันแล้วอาจมีวุฒิภาวะกว่าคนรุ่นเราอีก (หัวเราะ)
.



The101.world
September 22 at 5:00 AM ·

:: ยุทธศาสตร์และชัยชนะของม็อบรุ่นใหม่ ::
.
แกนนำจำนวนมากไม่ได้เพิ่งมานำม็อบ ไม่ได้เพิ่งมาเป็นนักกิจกรรมในช่วงสองเดือนนี้ พวกเขาเป็นนักกิจกรรมที่เติบโตมาตั้งแต่ก่อนรัฐประหารด้วยซ้ำ การเติบโตขึ้นของกลุ่ม เช่น กลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท ที่มีทั้งเนติวิทย์ เพนกวิน และเด็กมัธยมจำนวนมากผลักดันเรื่องทรงผม ชุดนักเรียน การเกณฑ์ทหารมาหลายปี
.
พวกเขาทำงานต่อเนื่องมาก ผ่านการเรียกร้องมาหลายระลอก และสังเกตการณ์การต่อสู้ของการเมืองเหลืองแดง เด็กหลายกลุ่ม เช่น กลุ่ม LLTD กลุ่ม DRG ก็เคลื่อนไหวมานานและสร้างเครือข่ายทั่วประเทศ แต่ไม่ได้ประสบความสำเร็จ
.
เด็กเหล่านี้เคลื่อนไหวต่อเนื่อง พอจบชั้นมัธยมก็กระจายตัวอยู่ทั่วมหาวิทยาลัย และเข้าไปทำงานในเชิงประเด็นกับสภานักศึกษา ชมรมนักศึกษา พวกนี้ผ่านการต่อสู้ที่ทั้งผิดหวังและประสบความสำเร็จมานาน
.
สิ่งที่ดิฉันคิดว่าพวกเขาตกผลึกมาก คือ การต่อสู้ไม่มีม้วนเดียวจบแน่นอน การเคลื่อนไหวของพวกเขาเป็นการทำแฟลชม็อบ ผู้ใหญ่ที่เข้าร่วมขบวนการก่อนหน้านี้อาจรู้สึกว่าจะทำแฟลชม็อบไปได้อีกนานแค่ไหน ทำแล้วได้อะไร แต่ช่วงสองเดือนมานี้น่าสนใจว่า เพียงแค่สองเดือน แฟลชม็อบนำมาซึ่งการเรียนรู้ของคนจำนวนมากมาย ประเด็นกว้างขวางขึ้น มันไม่เร็ว ไม่ทันใจ แต่ชัยชนะที่ดิฉันคิดเอาเองคือการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง
.
ถึงแม้สโลแกนของเขาคือให้มันจบที่รุ่นเรา ซึ่งหลายคนกังวลว่ามันไม่จบในรุ่นพวกเธอหรอก ปัญหาในสังคมมันสะสมมาหลายสิบปี คงแก้วันเดียวไม่ได้ แต่การเคลื่อนไหวของพวกเขาไม่เหมือนการเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ที่มองว่าชัยชนะคือล้มรัฐบาลแล้วทุกอย่างจบ เราจะ happily ever after เหมือนในเทพนิยาย มันไม่มีสำหรับพวกเขา
.



The101.world
September 22 at 5:00 AM ·

:: มุมมองคนรุ่นใหม่ต่อม็อบเหลืองแดงในอดีต ::
.
เด็กรุ่นนี้เติบโตมาท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง เด็กหลายคนเคยไปทั้งม็อบเสื้อเหลืองเสื้อแดงเพราะพ่อแม่พาไป ในโรงเรียนเองก็มีครูไปม็อบ มีการเรี่ยไรเงินในโรงเรียน เท่าที่สัมภาษณ์มาเยาวชนมอง พันธมิตร-กปปส. ในเชิงลบ และมองภาพของเสื้อแดงเป็นผู้ถูกทำร้าย ซึ่งดิฉันค่อนข้างแปลกใจและพยายามถามต่อว่าทำไม
.
ภาพความจำของเด็กจำนวนมากที่ทำให้เขาตื่น คือ ภาพการสลายการชุมนุมปี 2553 ภาพคนตายบนท้องถนน ในขณะที่คนที่บ้านหัวเราะ สะใจต่อการตาย บอกว่าพวกนี้เป็นพวกเผาบ้านเผาเมือง เด็กหลายคนรู้สึกว่า การตายเป็นเรื่องที่เขารับไม่ได้ ไม่ว่าคิดต่างอย่างไรก็ตาม ไม่สมควรมีการตายเกิดขึ้น
.
เด็กที่เราพูดคุยด้วยมอง กปปส. อย่างตั้งคำถามเยอะมาก จนนำมาสู่คำถามว่าคิดอย่างไรกับคุณทักษิณ
.
ดิฉันถามเด็กว่า มีผู้ใหญ่บอกว่าคุณไม่รู้จักคุณทักษิณล่ะสิ ไม่รู้ล่ะสิว่าคุณทักษิณทำอะไรมา คุณถึงไม่ลุกขึ้นมาต่อต้านคุณทักษิณ แต่มาต่อต้านคุณประยุทธ์ ซึ่งเด็กจะแบ่งการตอบออกเป็นสองแบบ
.
แบบแรกคือเขาไม่รู้จักและไม่แคร์ด้วย เขาคิดว่าสิ่งที่เขาเจอจากคุณประยุทธ์ไม่น่าต่างจากคุณทักษิณเท่าไร
.
แบบที่สองคือเด็กบางกลุ่มรู้จักคุณทักษิณในแง่ว่าทำให้เศรษฐกิจดี ก่อนเลือกตั้ง ดิฉันเคยถามนักศึกษาว่าจะเลือกพรรคอะไร 95 เปอร์เซ็นต์ตอบพรรคอนาคตใหม่ อีก 5 เปอร์เซ็นต์ตอบเพื่อไทย เด็กให้เหตุผลว่าเศรษฐกิจช่วงคุณทักษิณดีกว่านี้ และนโยบายเพื่อไทย โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจดีกว่าพรรคอนาคตใหม่
.
สิ่งที่น่าสนใจคือ เขาไม่ได้สนใจความขัดแย้งของเสื้อเหลืองเสื้อแดง เขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ จากสิบปีที่ผ่านมา ไม่ว่าคุณจะเชียร์กปปส. นปช, หรือพันธมิตร ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นเลย
.


The101.world
September 22 at 5:00 AM ·

:: การเมืองและความสัมพันธ์ในครอบครัว ::
.
พ่อแม่ส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าตัวเองเข้าใจการเมืองมากกว่าลูก โดยเฉพาะช่วงแรกๆ ผู้ใหญ่จะมองว่าการที่เยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองแบบนี้เป็นเรื่องอันตรายมาก เขาค่อนข้างกังวลมากว่าลูกกำลังลุกไปทำอะไรที่มันอันตราย โดยเฉพาะพ่อแม่ที่ไม่มีประสบการณ์ในการเข้าร่วมม็อบหรือมีส่วนร่วมทางการเมือง มันดูน่ากลัวมาก
.
ดิฉันได้เจอพ่อแม่กลุ่มหนึ่งที่มีลูกชูสามนิ้วในโรงเรียน เขาก็ยอมรับว่าเขาสร้างลูกให้เป็นแบบนี้ ความฝันของเขาคือไม่อยากเลี้ยงลูกในแบบที่พ่อแม่ของเขาเลี้ยงเขามา แบบที่ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบ ไม่เคยเห็นลูกเป็นผู้ใหญ่ เขาอยากเป็นเพื่อนกับลูก จึงเลี้ยงลูกให้เป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่วันแรก
.
เพราะฉะนั้น เขาจึงเข้าใจได้ว่าทำไมลูกคนเจเนอเรชันนี้เป็นแบบนี้ การที่ลูกชูสามนิ้ว สำหรับเขาอาจจะไม่เห็นด้วยและรู้สึกว่าการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันอนุรักษนิยมเป็นเรื่องที่อันตราย แต่เขาอยากให้ลูกเป็นเด็กที่คิดวิเคราะห์ คิดนอกกรอบ จึงไม่เคยห้ามลูก
.
ถ้าถามว่าควรทำอย่างไรกับเยาวชน ดิฉันคิดว่าการลองผิดลองถูกเป็นเรื่องที่อย่างไรก็ต้องปล่อยให้เขาประสบด้วยตัวเอง กรอบที่เราดูแลเขาคือป้องกันอันตรายที่มาจากการไปเข้าร่วมชุมนุม เราอาจจะไปกับเขา จะได้รับรู้ว่าเขาคิดอย่างไร
.
ถ้าเราคุยกับลูกมาตั้งแต่เด็ก อยากให้การเรียนรู้นี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตความสัมพันธ์พ่อแม่ลูกที่เราฝัน เราก็ต้องไปกับเขา ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม และต้องบอกว่าคนรุ่นนี้ถึงอย่างไรก็ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง เราเองต่างหากที่คุยกันแล้วยอมไม่ได้
.
เราต้องไม่โน้มน้าวฝ่ายที่คิดไม่เหมือนกันให้เชื่อเหมือนเราทั้งหมดในเวลาอันรวดเร็ว ตอนนี้มันไม่ใช่การเมืองเหลืองแดงแล้ว ตอนนี้เรากำลังทะเลาะกับเงาตัวเราเอง พวกเขาคือเงาของเรา เราไล่เขาไปไม่ได้ คำถามคือเราจะอยู่อย่างไรกับเงาของเราที่ตอนนี้ไม่ได้ยอมตามเราแล้ว เราจะเป็นพ่อแม่แบบไหน เมื่อเราทำผิดไปแล้ว เราจะอนุญาตให้เขาทำผิดแบบเราไหม
.



The101.world
September 22 at 5:00 AM ·

:: สร้างการศึกษาและสาธารณูปโภคที่ดีกว่าเดิม ::
.
ทางออกที่ดิฉันเห็น คือไม่มีทางอื่น นอกจากการปฏิรูป
.
เราไม่ได้พูดถึงการปฏิรูปสถาบันอนุรักษนิยม แต่พูดถึงการปฏิรูประบบการศึกษา ปฏิรูประบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่เยาวชนเผชิญทุกวันนี้
.
เราไม่ต้องไปพูดถึงอะไรที่ไกล ถ้าอยากให้สิ่งที่เราจะเห็นในช่วงอีกหลายเดือนไม่นำไปสู่ทฤษฎีที่เด็กหลายคนพูด คือ 3 เปอร์เซ็นต์ของประชากร หรือเทียบแล้วประมาณสองล้านคนอยู่บนท้องถนนเพื่อเปลี่ยนประเทศ ซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องให้การต่อสู้ไปถึงขั้นนั้น เราแค่ปฏิรูปเรื่องนี้ ง่ายกว่าการปฏิรูปเรื่องสถาบันอนุรักษนิยมหรือกองทัพอีก
.
ถ้าไม่มีการปฏิรูปเลย ดิฉันคิดว่าความโกรธของคนรุ่นนี้ก็ยังคงอยู่ นี่เป็นทางออกเดียว เพราะตอนนี้มันไปไกลกว่าการเปิดโต๊ะเจรจา ชวนตัวแทนเข้าไปพูดคุย เพราะเขาต่อสู้ในโลกแบบที่ไม่มีแกนนำ ดังนั้น ไม่มีแกนนำคนไหนของเยาวชนที่มีความชอบธรรมพอที่จะไปคุยกับผู้มีอำนาจ
.
(https://www.facebook.com/the101.world/posts/2404252703217293)

ใช้อำนาจรังแกคนเห็นต่าง - ธรรมศาสตร์จะไม่ทน : เปิดคำร้องคดี 10 สิงหา กับข้อกล่าวหา อานนท์-ไมค์ ภาณุพงศ์-รุ้ง ปนัสยา ล้มล้างการปกครองฯ



ธรรมศาสตร์จะไม่ทน : เปิดคำร้องคดี 10 สิงหา กับข้อกล่าวหา อานนท์-ไมค์ ภาณุพงศ์-รุ้ง ปนัสยา ล้มล้างการปกครองฯ

หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ
ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย
29 กันยายน 2020

ทนายความของ 3 ผู้ปราศรัยหลักบนเวที "ธรรมศาสตร์จะไม่ทน" เมื่อ 10 ส.ค. ซึ่งตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาคดีล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เตรียมยื่นหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอขยายเวลาในการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาออกไปอีก 30 วัน ขณะที่นายกรัฐมนตรีสั่งหน่วยงานความมั่นคงให้นำพยานหลักฐานส่งมอบแก่ "นักร้องการเมือง" เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดี

สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ทำหนังสือ "ด่วนที่สุด" ตอบกลับนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ลงวันที่ 24 ก.ย. 2563 ภายหลังเจ้าตัวดอดส่งหนังสือถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในช่วง 7 วันก่อนหน้านั้น แจ้งขอพยานหลักฐานของส่วนราชการ ได้แก่ กองบังคับการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาคดีที่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนญ

"นายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว มีบัญชาให้ส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บช.ส. และ สมช. ดำเนินการต่อไป" ข้อความจากหนังสือของ สลน. ระบุตอนหนึ่ง และยังบอกด้วยว่า ได้แจ้งให้ทั้ง 2 หน่วยงานรับทราบแล้ว

เอกสารตีตรา "ลับ" ฉบับนี้ลงนามโดย น.ส.ปราณี ศรีประเสริฐ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหาร ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการนายกฯ

นายณฐพรเป็นผู้ยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยและมีคำสั่งให้คณะบุคคลเลิกการกระทำตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสอง หลังเกิดปรากฏการณ์ "ทะลุเพดาน" อันหมายถึงการประกาศ 10 ข้อเรียกร้องในการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ในระหว่างการชุมนุมภายใต้ชื่อ "ธรรมศาสตร์จะไม่ทน" ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค. จัดโดยกลุ่มนักศึกษาที่เรียกตัวเองว่า "แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม"

ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยเมื่อ 16 ก.ย. พร้อมกำหนดให้ผู้ถูกร้อง 3 คน ประกอบด้วย นายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง แกนนำกลุ่ม "เยาวชนภาคตะวันออก" และ น.ส. ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำกลุ่ม "แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม" ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง และมีคำสั่งให้อัยการสูงสุด (อสส.) แจ้งผลการดำเนินการและส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งเช่นกัน

น.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความสิทธิมนุษยชน เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า ลูกความของเธอทั้ง 3 คนเพิ่งได้รับหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 19 และ 22 ก.ย. ซึ่งในการจัดทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต้องดำเนินการเป็นรายบุคคล จึงเตรียมยื่นหนังสือเพื่อขอขยายเวลาออกไปอีก 30 วัน

ทนายความหญิงรายนี้ยังแสดงความประหลาดใจที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องคดีนี้ไว้พิจารณา เพราะความมุ่งหมายของมาตรา 49 คือการขอศาลสั่งให้ยกเลิกการกระทำ แต่การกระทำของผู้ถูกร้องทั้ง 3 ได้จบสิ้นไปแล้วพร้อมกับการชุมนุมเมื่อ 10 ส.ค.

เล็งใช้คำวินิจฉัยศาล รธน. เป็นฐานเอาผิดอาญา-วินัย-ปิดปากปม 10 ข้อปฏิรูปสถาบันฯ

ความคาดหวังของนายณฐพรคือ "การเปิดโปงเบื้องหลังขบวนการนักศึกษา" และใช้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเพื่อเป็นฐานในการดำเนินคดีอาญาและเอาผิดทางวินัยกับ "ผู้ร่วมขบวนการ 10 สิงหา" ทุกระดับ

เขากล่าวกับบีบีซีไทยว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการชุมนุมเมื่อ 10 ส.ค. เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ศาลก็จะสั่งให้ยกเลิกการกระทำ นั่นเท่ากับว่ากลุ่ม "ผู้สมรู้ร่วมคิด" หรือ "ผู้สนับสนุน" จะเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายทันที

  • พรรคการเมือง ต้องถูกตั้งคดียุบพรรคต่อไป เพราะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) พรรคการเมือง มาตรา 92
  • นักวิชาการ 105 คนที่ออกแถลงการณ์สนับสนุนการชุมนุมของนักศึกษา มีความผิดตามประมวลจริยธรรมข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งกำหนดให้ "ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" มีโทษถึงขั้นไล่ออก
  • โรงพิมพ์ที่รับพิมพ์หนังสือ "สถาบันพระมหากษัตริย์กับสังคมไทย" และหนังสือ "ปรากฏการณ์สะท้านฟ้า" ที่นำออกแจกจ่ายในสถานที่ชุมนุมต่าง ๆ มีความผิดฐานยุยงปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในบ้านเมือง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116
ก่อนหน้านี้ นายณฐพรได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้เกี่ยวข้องกับการชุมนุมเมื่อ 10 ส.ค. ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เอาไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค. หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมา พนักงานสอบสวนก็จะเดินหน้าเอาผิดทางอาญาได้ทันที ซึ่งเขาคาดการณ์ว่าความชัดเจนจะเกิดขึ้นภายในสิ้นปีนี้


"นักร้องการเมือง" วัยเฉียด 70 ปียัง "ตีความอย่างกว้าง" ว่า คำสั่งให้ยกเลิกการกระทำที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ ของศาลรัฐธรรมนูญ จะครอบคลุมถึงการชุมนุมที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต และทำให้การพูดถึง 10 ข้อเรียกร้องในการปฏิรูปสถาบันฯ เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป

เปิดคำร้อง ณฐพร เอาผิด 7 เวที 8 นักปราศรัย

บีบีซีไทยตรวจสอบคำร้องของนายณฐพรจำนวน 38 หน้าที่ยื่นโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 พบว่า ได้อ้างถึงการชุมนุม 6 ครั้ง พร้อมระบุชื่อบุคคลที่ปราศรัยเนื้อหาเกี่ยวกับสถาบันฯ 8 คน ดังนี้

  • วันที่ 3 ส.ค. - เวที "เสกคาถาปกป้องประชาธิปไตย" อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กทม. อ้างถึงคำปราศรัยของนายอานนท์ นำภา
  • วันที่ 9 ส.ค. - เวที "เชียงใหม่จะไม่ทน" จ.เชียงใหม่ อ้างถึงคำปราศรัยของนายอานนท์ นำภา
  • วันที่ 10 ส.ค. - เวที "ธรรมศาสตร์จะไม่ทน" มธ. ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี อ้างถึงคำปราศรัยของนายอานนท์ นำภา, นายภาณุพงศ์ จาดนอก, น.ส. ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล
  • วันที่ 20 ส.ค. - เวที "ขอนแก่นพอกันที่" จ.ขอนแก่น อ้างถึงคำปราศรัยของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์
  • วันที่ 21 ส.ค. - เวที "อยุธยาไม่สิ้นประชาธิปไตย" จ.พระนครศรีอยุธยา อ้างถึงคำปราศรัยของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์
  • วันที่ 30 ส.ค. - เวที "สมุทรปรากาธ์ดีดนิ้วไล่เผด็จการ" จ.สมุทรปราการ อ้างถึงคำปราศรัยของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์, น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์, น.ส.สิริพัชระ จึงธีรพานิช, นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และ น.ส.อาทิตยา พรพรม
ทว่ามีเพียงเหตุการณ์เดียวที่นายณฐพรเคยยื่นคำร้องผ่าน อสส. เมื่อ 18 ส.ค. เพื่อขอให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ทำให้ศาลรับคำร้องเฉพาะเหตุการณ์วันที่ 10 ส.ค. ไว้พิจารณาวินิจฉัยกรณีเดียว

อย่างไรก็ตามนายณฐพรเปิดเผยว่า เขาได้เข้ายื่นคำร้องต่อ อสส. เพิ่มเติมในทุกกรณี รวมถึงการชุมนุมวันที่ 19-20 ก.ย. ด้วย เพราะมีพฤติกรรมที่เข้าองค์ประกอบล้มล้างการปกครองฯ อย่างชัดเจน และเป็นสิ่งที่ อสส. ต้องรวบรวมทั้ง 7 เหตุการณ์การชุมนุมเพื่อนำส่งศาลรัฐธรรมนูญตามคำสั่ง

"การตีความว่าล้มล้างหรือไม่ ต้องดูที่พฤติกรรม คนเหล่านี้เขาไม่ได้ต้องการปฏิรูปอย่างที่ปากว่า แต่ต้องการปฏิวัติคือพลิกเลย เช่น ประกาศให้งดยืนถวายความเคารพ หรือการปักหมุดคณะราษฎร 2563 มันปฏิรูปที่ไหน" นายณฐพรกล่าว

ยกคำวินิจฉัยศาล รธน. คดียุบไทยรักษาชาติ เทียบพฤติกรรม "เซาะกร่อน บ่อนทำลาย"

คำร้องของนายณฐพรระบุว่า การปราศรัยเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีเนื้อหาบิดเบือน จาบจ้วง ล้อเลียน และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างรุนแรง ทำให้ประชาชนไทยผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่ได้รับทราบและเห็นภาพการกระทำที่บังอาจเหิมเกริมของคนกลุ่มผู้ชุมนุมนี้แล้ว มีความรู้สึกห่วงใยและกังวลใจอย่างยิ่งที่เยาวชนของชาติกลุ่มนี้มีทัศนคติและการแสดงออกที่จาบจ้วงบังอาจเช่นนี้ เป็นการกระทำที่มีเจตนาล้มล้างระบอบการปกครองฯ

นักกฎหมายฝ่ายอนุรักษนิยมรายนี้ยังยกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อ 7 มี.ค. 2562 ในคดียุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) จากกรณีนำเสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นนายกฯ ในบัญชีของพรรค ที่เคยตีความคำว่า "ล้มล้าง" และ "ปฏิปักษ์" มาเทียบเคียงด้วย

  • ล้มล้าง หมายถึงการกระทำที่มีเจตนาเพื่อทำลาย หรือล้างผลาญให้สูญสิ้นสลายหมดไป ไม่ให้ธำรงอยู่ หรือมีอยู่ต่อไปอีก
  • ปฏิปักษ์ ไม่จำเป็นต้องรุนแรงถึงขนาดมีเจตนาจะล้มล้างทำลายให้สิ้นไป ทั้งยังไม่จำเป็นต้องถึงขนาดตั้งตนเป็นศัตรูหรือเป็นฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น เพียงแค่เป็นการกระทำที่มีลักษณะเป็นการขัดขวาง หรือสกัดกั้นมิให้เจริญก้าวหน้า หรือกระทำที่ก่อให้เกิดผลเป็นการเซาะกร่อน บ่อนทำลาย จนเกิดความชำรุดทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง ก็เข้าลักษณะการกระทำเป็นปฏิปักษ์ได้แล้ว
เหตุผลอีกด้านของ "นักร้อง" ที่โต้กลับ 10 ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันฯ

คำร้องของนายณฐพรยังระบุด้วยว่า 10 ข้อเรียกร้องในการปฏิรูปสถาบันฯ ของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ คือข้อเสนอที่รับเอาความคิดที่เสนอโดยนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล กับอดีตนักการเมืองพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และผู้ไม่ประสงค์ดีต่อสถาบันฯ มา อีกทั้งยังเป็นการเสนอโดยไม่ได้ศึกษาความเป็นมาของประวัติศาสตร์ของกฎหมายในหลายเรื่อง

เขายังร่ายเหตุผลส่วนตนตอบโต้เอาไว้ สรุปใจความสำคัญได้ ดังนี้

ยกเลิกการบริจาคและรับบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลทั้งหมด เพื่อกำกับให้การเงินของสถาบันฯ อยู่ภายใต้การตรวจสอบทั้งหมด

การบริจาคหรือการให้นั้น ถือเป็นเรื่องเสรีภาพในการแสดงเจตนาโดยอิสระของแต่ละบุคคลที่ย่อมมีเสรีภาพที่จะเลือกให้หรือไม่ให้กับใครก็ได้ ทั้งนี้การบริจาคให้กับสถาบันฯ หรือการร่วมบริจาคทำบุญโดยเสด็จพระราชกุศลนั้น "ถือเป็นความเชื่อของประชาชนชาวไทยจำนวนมากที่มีมายาวนานหลายสิบปีที่เชื่อกันว่าการทำบุญกับในหลวงหรือร่วมบุญกับในหลวง ตนเองจะได้บุญมากขึ้น ไม่ต่างจากการทำบุญกับพระ เพราะคติที่เชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญเพียรในชาตินี้"

ยกเลิกการประชาสัมพันธ์และการให้การศึกษาที่เชิดชูสถาบันฯ แต่เพียงด้านเดียวจนเกินงามทั้งหมด

เป็นข้อเสนอที่ตั้งบนสมมติฐานว่าประชาชนชาวไทยถูกล้างสมองในความจงรักภักดีต่อสถาบันฯ จากสื่อมวลชนต่าง ๆ ที่เป็นความเชื่อตามทฤษฎีของนักวิชาการที่เป็นฝ่ายตรงข้ามสถาบันฯ โดยขาดหลักคิดตามหลัก "กาลามสูตร" ขณะเดียวกันหลักของสื่อสารมวลชนย่อมนำเสนอข่าวที่ประชาชนสนใจและอยากรับรู้เป็นปกติธรรมชาติ "ข่าวพระราชสำนักคือข่าวที่คนไทยตั้งแต่รุ่นพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย อยากรับรู้รับทราบว่าท่านเป็นอย่างไร อยากได้เห็นภาพของในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระราชวงศ์ อยากได้ยินพระสุรเสียงเพราะพระองค์เปรียบเสมือนพ่อของแผ่นดินที่ชาวไทยผูกพันกับพระองค์มายาวนาน"

สืบหาความจริงเกี่ยวกับการสังหารเข่นฆ่าราษฎรที่วิพากษ์วิจารณ์หรือมีความข้องเกี่ยวใด ๆ กับสถาบันฯ

เป็นการเชื่อข้อมูลข่าวลือข่าวลวงในโลกออนไลน์ และทำการกล่าวหาอย่างเลื่อนลอยโดยไร้ความรับผิดชอบในพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือ

ห้ามมิให้ลงพระปรมาภิไธยรับรองการรัฐประหารครั้งใดอีก

เป็นความไม่เข้าใจในบทบาทพระราชสถานะในความเป็นกลางทางการเมือง การที่พระมหากษัตริย์ทรงเป็น "ผู้ปกเกล้า แต่ไม่ได้ปกครอง" และ "ไม่มีครั้งใดที่พระองค์ทรงรับรองการรัฐประหาร นับเป็นความเข้าใจผิดของคณะบุคคลที่ร้ายแรง เพราะเป็นการนำพระองค์ไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง โดยในความเป็นจริงที่ภายหลังการทำรัฐประหารสาเร็จ คณะผู้ก่อการย่อมจะต้องเข้าเฝ้าฯ พระองค์ในฐานะที่ทรงเป็นพระประมุขของราชอาณาจักรไทย การโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งตำแหน่งต่าง ๆ ให้คณะผู้ทำการรัฐประหาร ไม่ใช่การรับรองการรัฐประหาร แต่เป็นการทำให้บุคคลเหล่านั้นเข้าสวมบทบาทหน้าที่ในทางการเมืองที่ตนได้ยึดอำนาจเป็นรัฎฐาธิปัตย์แล้วเท่านั้น"

https://www.bbc.com/thai/54337789

เจ็บจิงๆ 555


Shavaritth Unyotha
4h ·

วันนี้รถติดมาก อยู่ๆ ก็มีตำรวจเดินมาเคาะกระจก...
ผมถามว่า : มีอะไรหรือครับคุณตำรวจ ทำไมรถติดอย่างนี้
ตำรวจ : ผู้ก่อการร้ายครับ ข้างหน้าโน่น มันจับนายกฯ ไว้แล้วขอค่าไถ่ 10 ล้าน ถ้ามันไม่ได้ค่าไถ่ มันจะเอาน้ำมันราดนายกฯ แล้วเผาทั้งเป็น ผมเลยเดินไล่ถามทีละคัน ถามว่าคุณจะช่วยบริจาคได้เท่าไหร่
ผม : แล้วคนอื่นๆ เขาบริจาคคนละเท่าไหร่
ตำรวจ : โดยเฉลี่ยเขาให้คนละลิตรครับ...

https://www.facebook.com/mesiah.un/posts/3555215244538304
...


Charnvit Kasetsiri
7h ·

How to get down from tiger's back?
แล้วประยุทธ์ จะลงจากหลังเสือ อย่างไร ?
อย่าง 'สง่างาม' หรือ 'อัปยศ'
เหมือนรุ่นพี่ ๆ จปร. ทั้งหลาย ทั้งปวง ?
เช่น
พระยาพหลฯ หัวหน้าคณะราษฎร = ลงอย่างสง่างาม
อย่าง ป.พิบูลฯ = โดนรัฐประหาร แล้วลี้ภัยไปนอก
อย่าง สฤษดิ์ = ตายคาตำแหน่ง ฉาวโฉ่ ถูกยึดทรัพย์
อย่าง ถนอม = ถูกประชาชนขับไล่ ถูกยึดทรัพย์
อย่าง เกรียงศักดิ์ = โดนบีบ แล้วลาออก
อย่าง เปรม = โดนบีบ แล้วลอยขึ้นฟ้า
อย่าง สุจินดา = ถูกประชาชนขับไล่
อย่าง สนธิ = ถูกต้ม แล้วหายต๋อม
อย่าง สุรยุทธ = สลับฉาก แล้วลอยขึ้นฟ้า
ประยุทธ์ จะจบอย่างไร หนอ
เวลากำลังหมดแล้ว
ปวศ. จะบอกเราในไม่ช้า ไม่นาน นี้ ครับ
ขอขอบคุณ เจ้าของภาพงาม ๆ ครับ

https://www.facebook.com/charnvit.ks/posts/3907082945972770

รศ.ดร. พวงทอง : จุดเชื่อมต่อ"เสื้อแดง-พลังนักศึกษา"ก้าวข้ามการเมือง"สีส้ม-สีแดง" : Matichon TV



#คนเสื้อแดง #นักศึกษาปลดแอก #อุดมการณ์ประชาธิปไตย

รศ.ดร. พวงทอง : จุดเชื่อมต่อ"เสื้อแดง-พลังนักศึกษา"ก้าวข้ามการเมือง"สีส้ม-สีแดง" : Matichon TV

Premiered Sep 25, 2020

https://www.youtube.com/watch?v=gVJVM3oqCrQ

ให้มันจบที่รุ่นเรา เพลงที่ผู้แต่งมอบให้เป็นของขวัญและกำลังใจกับทุกผู้คนที่ร่วมฝันอันเดียวกัน ณ วันนี้ - แชร์

https://www.facebook.com/MayimStudio/videos/376003763566248

โมเดลนี้คุ้นๆนะ "ระหว่างถูกล่วงละเมิดอย่างหนัก ในหลวงทรงงานต่ออย่างเงียบๆ..."

“พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินี ทรงมีรับสั่งให้สำรวจที่ของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ทั่วประเทศ เพื่อให้ดูว่าพื้นที่ไหน เหมาะแก่การสร้างแหล่งน้ำ อ่างเก็บน้ำ หรือเขื่อน เพื่อแก้ปัญหาน้ำให้ประชาชน พระองค์ท่านก็จะทรงสละให้”
"พระองค์ทรงปิดทองหลังพระ ไม่ออกข่าว ไม่ประชาสัมพันธ์ แม้ใครจะเข้าใจผิด พระองค์ท่านก็นิ่ง ทรงงาน ดูแลพสกนิกร ชาวไทย" พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว (https://www.naewna.com/politic/521604)

ตามรายงานนี้ (https://reut.rs/2Y9UZaN) #สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ครอบครอง #ที่ดิน 41,000+ ไร่ ทั่วประเทศ (เกือบครึ่งของสัญญาเช่าที่ดินอยู่ในกทม.)

เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศได้ตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณ อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ในฐานะกรรมการ #สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งต้องได้รับผลตอบแทน แต่ไม่เปิดเผยว่าเท่าไร และในฐานะ รองราชเลขาธิการ ที่มีอัตราเงินเดือน 114,640 บาท ควรนำข้อมูลมาเปิดเผยว่า ที่ดินแปลงไหนที่เป็น #ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ และนำมาทำโครงการพัฒนาดังที่อ้างมา จะได้ซาบซึ้งกันได้อย่างถูกต้อง อย่ามัวแต่ #ปิดทองหลังพระ เลยครับ

เพราะตอนออกกม.มาเปลี่ยนทรัพย์สินแผ่นดินให้เป็น #ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ก็ยังทำอย่างเปิดเผยเลยครับ

https://www.facebook.com/pipob.udomittipong/posts/10158629060526649
...

Chotisak Onsoong
12h · 

ไม่แน่ใจว่าที่คุณดี้พูดนี่เท็จจริงแค่ไหนนะ แต่ต่อให้จริง ถามว่าจะมีเหรอ ที่ดินของสำนักทรัพย์สินฯที่มีคุณสมบัติแบบนั้น?

คือเท่าที่ทราบ ที่ดินของสพนักทรัพย์สินฯนี่อยู่ในตัวเมืองย่านธุรกิจทั้งนั้นนะ

ส่วนใหญ่อยู่ในย่านธุรกิจใน กทม.
ส่วนต่างจังหวัดก็อยู่ในหัวเมืองใหญ่ ซึ่งก็อยู่ในตัวเมือง

www.facebook.com/110871426962846/posts/382377936478859/

รัฐราชการล้มเหลว ไม่มีประสิทธิภาพ แดกร้อยทำงานไม่ถึงสิบ - สภาพัฒน์เพิ่งมากระมิดกระเมี้ยนแนะนำรัฐบาลประยุทธ์ว่า จะเจอวิกฤติหนี้ ให้ลดข้าราชการลง



Thuethan Prasobchoke
18h ·

อ่านที่สภาพัฒน์ที่เพิ่งมากระมิดกระเมี้ยนแนะนำรัฐบาลประยุทธ์ว่า จะเจอวิกฤติหนี้ ให้ลดข้าราชการลง และ ให้ทำงบประมาณสมดุล เมื่อ 3 วันที่แล้ว ก็ได้แต่ยิ้มและสมเพชตัวเองกับชาวบ้านคนอื่นๆในประเทศนี้
สภาพัฒน์ปล่อยให้ประยุทธ์พาประเทศเดินทางผิด ถอยหลังลงเหวไปจนสุดก้นเหว แต่เพิ่งจะกล้ามาอ้อมแอ้มเตือน
ถ้าดูสิ่งที่สภาพัฒน์เตือน แล้วย้อนไปดูสิ่งที่นายกทักษิณทำเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ท่านจะยิ่งเสียดายโอกาสของประเทศที่เสียไป
เพราะสิ่งที่สภาพัฒน์เพิ่งมาแนะนำประยุทธ์ในวันนี้ คือสิ่งที่นายกทักษิณทำตั้งแต่เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว
การประเมินประสิทธิภาพการทำงานของข้าราชการทำในยุคนายกทักษิณอย่างเข้มข้น ใครที่ไม่มีประสิทธิภาพจะให้เออร์ลี่รีไทม์ ให้เงินก้อนไปเริ่มต้นอาชีพใหม่ หรือ ไปอยู่กินบำนาญที่บ้าน
การทำแบบนี้ทำให้ได้ผลดี 2 ด้าน คือ ข้าราชการแข่งกันทำงาน แข่งกันบริการประชาชน ขนาดสำนักงานที่ดินยังเปิดทำงานนอกเวลาราชการ มีอำเภอยิ้มไม่หยุดพักเที่ยง และอีกสารพัดที่เปิด one stop service
ส่วนอีกด้านคือ ได้ลดจำนวนข้าราชการลง เพื่อลดจำนวนรายจ่ายประจำลง เป้าหมายจริงๆอีกอย่างของนายกทักษิณคือ พอจำนวนข้าราชการลดลง จะเพิ่มค่าตอบแทนให้สูงขึ้น ในยุคทักษิณข้าราชการได้เปลี่ยนบัญชีเงินเดือนข้าราชการ และ ขึ้นเงินเดือนหลายครั้ง
แต่ข้าราชการจำนวนไม่น้อยที่ไม่พอใจนายกทักษิณเพราะการเปลี่ยนจากเจ้าคนนายคนมาเป็นผู้บริการประชาชน มันทำให้สถานะของข้าราชการเปลี่ยนไป
ไม่เพียงแต่ลดจำนวนข้าราชการลงเท่านั้น เป้าหมายของนายกทักษิณอีกอย่างคือรัฐวิสาหกิจ ที่นายกทักษิณต้องการแปรรูปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ จนเป็นที่มาว่า รัฐวิสาหกิจแบบการบินไทย หรือรัฐวิสาหกิจอื่นมาเป็นกำลังหลักในการต้านนายกทักษิณทุกรอบเวลามีม้อบไล่รัฐบาลที่มาจากฝ่ายนายกทักษิณ จนสุดท้ายตัวเองเจ๊งเอง เพราะการบริหารที่ไร้ประสิทธิภาพ และกัดกร่อนกินองค์กรของตัวเอง
ส่วนการทำงบประมาณรายจ่ายของนายกทักษิณ จากที่ต้องกู้ในปีแรกๆที่เข้ามาบริหารประเทศ นายกทักษิณก็สามารถทำงบประมาณสมดุลได้ถึง 2 ปีงบประมาณ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ประเทศที่ทำงบประมาณสมดุลและมีเงินเหลือเปลี่ยนจากประเทศผู้กู้ เป็นผู้ให้กู้กับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ใช่กู้มาให้ยืมเหมือนทุกวันนี้
นั่นคือ นายกทักษิณนำประเทศและบริหารประเทศในทิศทางที่ถูกต้องมาตั้งแต่เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ใช้ 4 ปีซ่อมประเทศที่เสียหายจากวิกฤติต้มยำกุ้งจนสำเร็จ และเตรียมอีก 4 ปีสร้างประเทศเพื่อก้าวไปข้างหน้า แต่ถูกเตะตัดขาด้วยรัฐประหาร
ในขณะที่ประยุทธ์หลังรัฐประหารเข้ามา ตอนนี้จะเข้าปีที่ 7 แล้ว อยู่ในอำนาจนานกว่านายกทักษิณ มีอำนาจพิเศษ ไม่มีฝ่ายค้าน กู้เงินใช้ได้เหมือนจะไม่มีวันหมด แต่พาประเทศเดินลงเหวผิดทิศผิดทาง
แทนที่จะลดจำนวนข้าราชการเพื่อลดรายจ่ายประจำ ประยุทธ์กลับทำประเทศให้เป็นรัฐราชการ ไปเพิ่มจำนวนข้าราชการในส่วนความมั่นคงที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หากไปย้อนดูการรับนักเรียนนายสิบทหารบก ไป 5 ปีย้อนหลัง ไปรวมกับที่หน่วยทหารจัดสอบเอง จะเห็นจำนวนนายสิบทหารบกที่เพิ่มขึ้นใน 5 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นมาเป็นหมื่นอัตรา ในขณะที่ความจำเป็นในการใช้กำลังรบมันน้อยลง
และการเกณท์แรงงานผ่านการเกณฑ์ทหารก็เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นหลักแสนคนในยุค คสช.
ซึ่งเหล่านี้เป็นรายจ่ายประจำที่เพิ่มขึ้นทั้งนั้น
ในขณะที่วิกฤตหนี้ ทั้งหนี้สาธารณะของรัฐ หนี้ sme หรือ หนี้ครัวเรือนก็ล้วนเป็นวิกฤติจากฝีมือประยุทธ์
เพราะบริหารแบบผิดทิศ สร้างรายได้เพิ่มไม่ได้ แต่รายจ่ายประจำมาก ก็ต้องกู้หนี้ พอกู้หนี้แต่สร้างสภาวะทางเศรษฐกิจที่ดีไม่ได้ มันก็ส่งผลต่อหนี้ sme ส่งผลต่อหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น และจะพากันล้มในที่สุด
อันที่จริงประเทศเราพื้นฐานของประเทศแข็งแกร่งมาก เพราะทนฝีมือการบริหารที่ผิดทิศของประยุทธ์อยู่มาได้นานขนาดนี้
และพูดได้ว่า ความแข็งแกร่งของประเทศถูกสร้างมาจากยุคทักษิณ เพราะก่อนยุคทักษิณประเทศก็ย่ำแย่ด้วยวิกฤติต้มยำกุ้ง
และหลังจากนั้นบ้านเมืองก็ง่อนแง่นจากวิกฤติการเมือง เพราะต้องการทำลายทักษิณมาตลอด อยู่ในภาวะเผาบ้านเพื่อจับหนูในความหมายของฝ่ายประยุทธ์
ยิ่งมองย้อนไปข้างหลัง แล้วเปรียบเทียบกับวิกฤติที่เกิดกับบ้านเมืองในตอนนี้ และถ้าบ้านเมืองไม่ถูกดึงออกจากทิศทางที่ถูกต้องด้วยการรัฐประหารเมื่อ 14 ปีที่แล้ว เราจะเป็นประเทศแถวหน้าของเอเชียไปแล้ว
เราจะไม่ใช่ประเทศที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพราะข้างหลังเราไม่เหลือประเทศไหนแล้วแบบนี้

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1824034004401591&id=100003850270527
...

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เปิดใจหลังประกาศลาออกจากประธานยุทธศาสตร์ เพื่อไทย กับอนาคตทางการเมือง - ทักษิณ ซัดแหลก คนปั่นข่าวทำ IO เรื่องกลับมาเป็นนายกฯ รัฐบาลแห่งชาติ

https://www.facebook.com/thestandardth/videos/1092572564511556




วันที่ 29 ก.ย. จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวในโซเชียลมีเดียว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีการตั้งรัฐบาลแห่งชาตินั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวใกล้ชิดนายทักษิณว่า การแต่งตั้งนายกพระราชทาน และการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ โดยมีนายทักษิณ เข้ามาเกี่ยวข้องนั้น อดีตนายกฯ ทักษิณ ไม่รู้และไม่ทราบในเรื่องดังกล่าว ซึ่งการกระทำในลักษณะ ไอโอ (Information Operation - ปฏิบัติการด้านข้อมูล) แบบนี้ เป็นการกระทำที่แย่มากๆ ประเทศยิ่งอยู่ในช่วงความขัดแย้ง แทนที่จะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองเงียบสงบ สร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติ แต่กลับไม่เห็นความสำคัญในเรื่องเหล่านี้
...

Thanapol Eawsakul
14h ·

ถึงนาทีนี้คงไม่ใช่รัฐบาลพระราชทาน
ไม่ว่าจะเป็นแบบสัญญา ธรรมศักดิ์ ธานินทร์ กรัยวิเชียร อานันท์ ปันยารชุน หรือสุรยุทธ์ จุลานนท์
แต่ก็ไม่น่าจะใช่รัฐบาลประยุทธ์แบบที่เป็นอยู่
มาดูกันว่าชนชั้นนำฝ่ายอำมาตย์จะแก้ปัญหารัฐบาลที่ไม่มีทั้งความชอบธรรมและประสิทธิภาพอย่างประยุทธ์ได้อย่างไร
นี่คือปัญหาของชนชั้นนำฝ่ายอำมาตย์เองที่ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง และรู้เห็นเป็นใจกับการผลักดันประยุทธ์ จันทร์โอชาขึ้นมาสืบทอดอำนาจ

สัมมนา 'วิสัยทัศน์ รวมพลัง สร้างกรุงเทพฯ' ขณะรอ...ชมความงามของถนนสายหนึ่งในไทเป ไต้หวัน ไปพลางๆก่อน

สัมมนา 'วิสัยทัศน์ รวมพลัง สร้างกรุงเทพฯ'

LIVE! กมธ.การจัดทำ และติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎรจัดสัมมนา 'วิสัยทัศน์ รวมพลัง สร้างกรุงเทพฯ' วิทยากรโดย
1. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย
2. รศ.ดร.โภคิน พลกุล นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน
3. นายดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกและนักออกแบบ
4. นายสรกล อดุลยานนท์ นักเขียน คอลัมนิสต์
5. นางสาวลักขณา ปันวิชัย พิธีกร คอลัมนิสต์
6. นางสาวอรุณี กาสยานนท์ (พิธีกร)
...

เฮ้ย นี่มันฟุตบาทไทยแลนด์ is in Taipei, Taiwan.
ไทเป ไต้หวันครับ ...ขอสักเส้นในกรุงเทพฯได้ไหมครับ ??
7h · 

วันอังคาร, กันยายน 29, 2563

เหอ เหอ กระโชกโฮกฮาก สำราก ส่อเสียด เนี่ยนะ 'ภาษาดอกไม้' ของตู่ ที่ "ปากอ้อล้อ มือบีบคอ"

เหอ เหอ “ทุกคนหันมาพูดจาคุยภาษาดอกไม้กันบ้าง” กระโชกโฮกฮาก สำราก ส่อเสียด เหน็บแนม ‘sarcastic’ แบบเฮียแป๊ะ ตำหวดหย่าย “เชือกจูงควาย น้ำลายจูงคน” น่ะหรือ ก็ต้องโดนเด็กเขกหัวเอาบ้าง “น้ำลายใคร จูงคุณให้มาดูถูกประชาชนและคนรุ่นเรา”

ต่ออายุ ฉุกเฉิน อีกหนึ่งเดือน (เป็นเดือนที่แปด) เพราะ อานนท์ อำภา ประกาศ “กลางเดือนตุลา เวลาเข้าข้างเรา “เป็นหน้าหนาว การชุมนุมขนาดใหญ่ การชุมนุมแบบต่อเนื่อง เป็นทางเดียวที่จะกดดันและให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” รอบใหม่

วานนี้ ตู่ ตบหัว “ถ้าผมสั่งให้มันเต็มที่ไปเลย จะเกิดอะไรขึ้น” แล้วลูบหลัง “วันนี้รัฐบาลทำอย่างเต็มที่ในการเปิดพื้นที่ให้...เราต้องป้องกันทั้งสองฝ่ายไม่ให้มีการเผชิญหน้ากัน” แถมขู่ซ้ำ “คนรักสถาบันและประเทศชาติมีตั้งหลายสิบล้านคน เข้าใจหรือไม่”


ว่าแต่ตู่น่ะเข้าใจหรือเปล่าล่ะ ว่าเด็กๆ เขาออกมางัดข้อด้วยเพราะทนไม่ไหวกันแล้ว เด็กเหล่านี้อึดอัดกันมาตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อ รู้ดีว่าปล่อยไปตามแบบลุงๆ เนี่ยพวกเขายิ่งโต ยิ่งอายุมากขึ้น อนาคตยิ่งมืดมนอนธการ จึงได้เรียกร้องการเปลี่ยนแปลง

ร้ายกว่านั้น ภาษาดอกไม้ ของพวกสืบทอดการยึดอำนาจนี่ มุสาปากอ้อล้อ มือบีบคอ โดยเฉพาะพวกตำรวจที่เลิกเป็น ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์กันแล้ว เปลี่ยนไปเป็นหัวไม้ ‘thugs’ นักเลงนอกเครื่องแบบ และสมุนมาเฟียไปกันหมด

ตัวอย่างตำตา ๒๘ กันยา “เอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมนัดหมายวางหมุดคณะราษฎร ๒๕๖๓ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า” แต่ถึงเวลา ๗ โมงเช้า มีกลุ่มชายฉกรรจ์ ๙ คนไปห้อมล้อมหน้าบ้านพักของเขา กดดันไม่ให้เอกชัยเดินทางออกไปชุมนุม

หลังจากเรียกตำรวจไปจับกุมพวกนักเลงเหล่านั้นแล้ว ท้ายที่สุดเอกชัยต้องเดินทางไปแจ้งความที่ สน.ลาดพร้าว ใช้เวลาราวสี่ชั่วโมงเพื่อแจ้งความ เพราะตำรวจกวดขัน ผู้เสียหาย ขนานใหญ่ ไหนจะกระบวนบันทึกคำให้การ ไหนต้องรอ ผู้การฯ มาสอบปากคำด้วยตนเอง

เป็นอันว่ากว่าจะได้ตั้งข้อหาพวกหัวไม้ทั้งเก้า ฐาน “ก่อความเดือดร้อนรำคาญ” แล้วเปรียบเทียบปรับไปคนละ ๓๐๐ บาท แลกกับการข่มขู่สกัดกั้นไม่ให้เอกชัยออกไปทำกิจกรรมได้สำเร็จ การวางหมุดที่ลานพระรูปต้องยกเลิกไปโดยปริยาย

จากประวัติในการต่อสู้ของเอกชัยในเรื่องหมุดคณะราษฎรนี้ ตั้งแต่ปี ๒๕๖๐ เขาเตรียมเดินทางไปขุด หมุดหน้าใสซึ่งมีอำนาจพิเศษเอาไปใส่แทนหมุดคณะราษฎร เขาก็ถูก อุ้ม จากบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลไปกักตัวไว้ที่ มทบ.๑๑


ฉะนี้ทำให้บรรดา #เยาวชนปลดแอก ต้องออกแนว ห้าว กันมากขึ้น เมื่อเย็นวาน น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และนายภาณุพงศ์ จาดนอก นำมวลชนราว ๓๐ คน ไปชุมนุมกันที่หน้ากองพันทหารม้าที่ ๔ รักษาพระองค์ (ตรงข้ามรัฐสภา)

“ทวงถามความรับผิดชอบ” ต่อเหตุการณ์เมื่อวันที่ ๒๒ ซึ่งวันนั้นมีการชุมนุมสนับสนุนยื่นรายชื่อกว่าแสนรายแก้ไขรัฐธรรมนูญของ ไอลอว์ ปรากฏว่ามีทหารนอกเครื่องแบบ ๓ คน วิ่งออกมาจากค่ายทหาร ล็อคตัวผู้ร่วมกิจกรรมคนหนึ่งแล้วบังคับให้ลบภาพที่ถ่ายทอดกิจกรรมไว้

หลังจากที่ปักหลักทวงถามกันอยู่กว่า ๒ ชั่วโมงแล้ว ยังไม่มีเสียงตอบมาจากภายในค่าย “กลุ่มแนวร่วมธรรมร่วมธรรมศาสตร์ฯ แสดงความไม่พอใจโดยขว้างปาไข่ และสาดสีเข้าไปบริเวณด้านหน้ากองพัน” รุ้งและไม้ค์ ยื่นคำขาดด้วยว่า

“หากไม่มีคำตอบว่าจะลงโทษ ๓ นายทหารดังกล่าวอย่างไร ตนจะพามวลชนไปทวงกับหัวหน้าใหญ่ที่กองทัพบก” นี่เป็นเพียงเรียกร้องในสิ่งที่กองทัพละเลย ใช้ทหารนอกเครื่องแบบข่มขู่ข่มเหงประชาชนแล้วไม่รับผิดชอบ

ตำรวจก็เช่นกัน กับพวกพ้องของการรัฐประหาร กลับเอาหูไปนาเอาตาไปไร่บ่อยไป ชนิดที่สำนักข่าวแห่งหนึ่งซึ่งอ้างตนเป็น สายวังปัจจุบันอยู่ในเครือ เนชัวกุข่าวกล่าวหากลุ่มเยาวชนปลดแอกอย่างชั่วร้าย โดยไม่มีความจริงแม้แต่นิด


เมื่อสองวันก่อน ทีนิวส์ พาดหัวว่า “ศาลนนทบุรีอนุมัติหมายจับแล้ว ชายฉกรรจ์ชุ ๓ นิ้ว ก่อเหตุอุกอาจ ชักปืนขู่กลุ่มผู้สนับสนุนไทยภักดี” ทั้งที่เรื่องจริง “เป็นการขับรถเฉี่ยวชนกัน มีการด่าทอ นำอาวุธปืนขึ้นมาขู่ เป็นเรื่องส่วนตัว”

คนชักปืนเป็นร้อยตรี อายุ ๕๔ ปี ขี่จักรยาน “เฉี่ยวชนกับขบวนรถกระบะของกลุ่มไทยภักดี ที่กำลังเดินทางเข้าไปยัง สภ.ชัยพฤกษ์ เพื่อแจ้งความดำเนินกับนายอานนท์ นำภา และช่องวอยซ์ทีวี” ทีนิวส์นำภาพของไม้ค์ ระยอง ลงประกอบข่าวพร้อมกับแกนนำคณะก้าวหน้านนทบุรีบางคน

นายเวสารัช ชาติยิ่งเจริญ พร้อมด้วยแกนนำคนอื่นๆ จึงได้ไปยื่นฟ้อง “ร้องทุกข์กล่าวโทษที่สถานีตำรวจภูธรชัยพฤกษ์” และ “จะเดินทางไปแจ้งความเอาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์กับทางสื่อทีนิวส์ ที่ให้ข้อมูลผิดบิดเบือน” ด้วย

เบื้องต้นทราบกันแล้วว่า ไม่ได้มีการอนุมัติหมายจับตามที่ทีนิวส์พาดหัวแต่อย่างใด ไม่มีแม้แต่บันทึกแจ้งความของพวกไทยภักดี เรื่องนี้จะต้องจับตาดูท่าของ รมว.ดิจิทัล แกนนำ กปปส.ที่ได้ดิบได้ดีเพราะกวักมือเรียกทหารมายึดอำนาจ

ว่าจะใช้ ภาษาดอกไม้ แบบ ไอทู้บ หรือ น้ำลายจูงคนแบบว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่ง ผู้ว่าฯ กทม.ที่มีคนอย่าง ป้าแพม (ศรีสมร มณีรัตน์) บอกว่า “เสียใจด้วยนะคะ...กลายเป็นเสลดถ่มออกไปกับน้ำลายของลุงเสียแล้ว”

(https://www.matichon.co.th/region/news_2370435, https://www.facebook.com/100001454030105/posts/3449917468400020/, https://www.facebook.com/iLawClub/posts/10164445257090551?__tn__=-R และ https://www.facebook.com/sanguan.khumrungroj/posts/3336181916467234) 

ทฤษฎีมโน ทักษิณกับร.10 รัฐบาลแห่งชาติ บลา บลา บลา - มีแต่พวกโง่เป็นควายที่เชื่อว่าปัญหาบานปลายมาถึงวันนี้ จะจบได้เพียงกระดิกนิ้ว


Atukkit Sawangsuk
13h ·

ทฤษฎีมโน มาจากความเชื่อว่า การเมืองพลิกผันได้ด้วยการตกลงกันไม่กี่คน ทั้งที่การเมืองในปัจจุบันกลายเป็นการเมืองมวลชน ถ้าคนทั้งสองฝ่ายไม่ยอม ก็เกี้ยเซียะปรองดองอะไรไม่ได้
แบบแคนดิเดท ทษช.นั่นไง สลิ่มยังเกลียดชังทักษิณ ยอมไม่ได้ ฝ่ายอนุรักษ์นิยมก็ยังเข้มแข็ง สุดท้ายยุบพรรค
เสื้อแดง คนรักประชาธิปไตย ยิ่งหนักกว่าอีก ถูกกระทำอยุติธรรมมา 14 ปี จะบอกเลิกแล้วต่อกันหน้าตาเฉย ได้ไง
ยิ่งคนรุ่นใหม่ไปถึงขั้นเปลี่ยนเกม รื้อโครงสร้าง ใครสนทักษิณกัน
:
แน่ละ มันมาจากความไม่ไว้วางใจ หลายคนคิดไว้ว่าทักษิณพร้อมเกี้ยเซียะเสมอ
แต่อย่างที่พูดไว้ ต่อให้มองทักษิณไม่ใช่นักประชาธิปไตย ทักษิณเป็นนักธุรกิจ
ทักษิณก็รู้ดีว่า สินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดของตัวเอง คือมวลชน อำนาจต่อรองที่เข้มแข็งที่สุดของตัวเอง คือมวลชน
ฉะนั้นจะต่อรองอะไรโดยทอดทิ้งความต้องการของมวลชนไม่ได้
:
เช่นการเข้าร่วมรัฐบาล ขืนร่วมกับตู่ เพื่อไทยก็โดนชาวบ้านปาขี้
ถ้าจะมีนายกฯ คนกลาง (ซึ่งประชาชนไม่ยอมรับ) ก็ต้องหาข้ออ้าง เช่น มีในระหว่างยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ กลับสู่ประชาธิปไตย
จะมาสมยอมกันง่ายๆ ประชาชนยอมที่ไหน เพื่อไทยก็รู้ ทำไม่ได้
สมสู่พรรคป้อม สมยอม 250 ส.ว.เมื่อไหร่ ส.ส.เพื่อไทยก็ไม่ต้องหาเสียง ยกคะแนนให้ก้าวไกลไปเลย
ซึ่งเมื่อไหร่ทักษิณเสียมวลชน ทักษิณก็ไม่มีราคาสำหรับชนชั้นนำ
แม้แน่ละ ช่วงที่ผ่านมา เขาต้องเฟดออกจากการเมือง เพื่อหลบกระแสเล่นงาน โดยเฉพาะการยัดคดีโอ๊ค
แต่กรูไม่ต้องฉลาดอย่างทักษิณกรูก็รู้ ทักษฺิณทิ้งพรรคทิ้งมวลชนเมื่อไหร่ก็หมด คิดหรือว่าฝ่ายตรงข้ามจะปล่อย
มันเป็น Dilemma ที่ต้องประคองตัว
:
มีแต่พวกโง่เป็นควายที่เชื่อว่าปัญหาบานปลายมาถึงวันนี้ จะจบได้เพียงกระดิกนิ้ว
มีแต่พวกงี่ๆ ที่เชื่อว่าทักกี้พร้อมเกี้ยเซียะจนชี้ให้ไปทางไหนก็ไป
เฮ้ย เขาอาจอยากเกี้ยเซียะตัวสั่นแต่ก็ไม่โง่ปานนั้นหรอก ถูกหลอกจนเจ็บมาตั้งหลายครั้ง ก็ต้องประเมินสถานการณ์บ้างละ
ว่าถ้าครั้งนี้โดดไปสมยอมอำนาจ แล้วเจ็บอีก จะไม่มีอะไรเหลือจริงๆ นะ

https://www.facebook.com/baitongpost/posts/3430694423679029
.....

Somyot Pruksakasemsuk updated his status.
September 26 at 8:29 AM ·

ข่าวลวงทักษิณกับร.10 มาอีกแล้ว
ข่าวเกี่ยวกับทักษิณกลับประเทศไทยกับเรื่องความสัมพันธ์กับรัชกาลที่ 10 ฟังมาตั้งแต่ปี 2550หลายครั้งแล้ว ทุกครั้งจบลงที่ความปราชัยของพวกทักษิณทุกครั้ง แม้แต่เสื้อแดงไปชุมนุมถนนอักษะนั่นก็จบลงด้วยความพินาศเช่นกัน แม้แต่ล่าสุดไทยรักษาชาติส่งคุณอุบลรัตน์แคนดิเดทนายกนั่นก็จบลงที่อวสานพรรคไทยรักษาชาติเช่นเคย
ข่าววันนี้เรื่อง รัฐบาลแห่งชาติ มีความพยายามจะดำเนินการอยู่จริงมาหลายครั้งหลายฝ่ายแต่ก็ไม่สำเร็จสักครั้ง ความขัดแย้งมันไปไกลและสลับซับซ้อน มีคู่กรณีพัวพันกันหลายฝ่ายอีรุงตุงนังไปหมดจนยากที่จะยอมรับรัฐบาลแห่งชาติได้
ความขัดแย้งกันในหมู่ชนชั้นนำบางทีก็ประนีประนอมกันได้ บางทีก็ห้ำหั่นกันแบบผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ เเพราะพวกเขาในหมู่ชนชั้นนำด้วยกันจัดเป็นกลุ่่มชนชั้่้นนำที่ได้เปรียบในสังคม จึงไม่ใช่เรื่องแปลกทักษิณจะดีลกับเครือข่ายกษัตริย์หรือหาทางประนีประนอมกัน หรือบางทีก็ต่อสู้กันจนหัวร้างข้างแตกกันไป
แต่วันนี้เป็นความขัดแย้งที่แจ่มชัดระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตย เป็นความขัดแย้งระหว้่างชนชั้นปกครองกับประชาชน เป็นความขัดแย้งที่ไม่อาจประนีประนอมกันได้ เพราะความแตกต่างทางชนชั้น ที่ต้องแตกหักกันในทางผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและทรัพยากร เป็นความขัดแย้งระหว่างสิ่งเก่าที่กำลังเน่าเฟะ กับสิ่งใหม่ ที่กำลังสดใสเติบโต ระหว่างความก้าวหน้าและล้าหลัง ที่สังคมวิวัฒนาการไปข้างหน้าโดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับอัตตวิสัยของคนใดคนหนึ่ง
ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ...
Z
Apirux Wanasathop
12h
พวกมันยังงมงายไม่คลายลงบ้างเลย โดยเฉพาะไอ้ตุบ
ที่ต้องเอาหมุดปะหน้าแทนแผ่นทอง


กลุ่มชายฉกรรจ์ล้อมบ้าน ‘เอกชัย’ ขวางกิจกรรมวางหมุดคณะราษฎรใหม่



https://www.facebook.com/paritchiwarakofficial/photos/a.214904325918181/852527045489236/

แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดย ไมค์-รุ้ง ร่วมสาดสี กองพันทหารที่ 4 กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ #สาดสี สถานที่ราชการ คือสถานที่ของชาติและประชาชน ไม่ใช่ดินแดนพิศวงหรือลึกลับอะไร ที่แม้แค่ถ่ายรูปป้ายก็ไม่ได้


The Reporters
 was live.

9h
 
🔴[LIVE] รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กล่าวถึงแนวทางการเคลื่อนไหวหลังจากนี้ว่า ให้จับตาดูในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ จะมีกิจกรรมแน่นอน รายละเอียดให้ติดตามผ่านเฟซบุ๊กเพจ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม
รุ้งยอมรับ รู้สึกผิดหวังกับกระบวนการของรัฐสภาที่ยื้อเวลาการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไป ทำให้ตนและประชาชนโกรธอย่างมาก สิ่งที่สังคมวิพากษ์วิจารย์ถึงถ้อยคำที่เธอโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าหยาบคายนั้นเธอน้อมรับว่าเป็นจริง และตั้งใจที่จะแสดงออกด้วยอารมณ์ที่โกรธ ที่บุคคลที่เป็นประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติกล่าวว่าอย่าสนใจเสียงภายนอก ทั้งที่ประชาชนทั้งหลายล้วนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยของชาติ กล่าวขอโทษที่ทำให้หลายคนไม่พอใจ ปกติตนไม่ได้เป็นคนกล่าวหยาบคาย แต่หากย้อนเวลาไปได้ก็ยืนยันจะใช้คำเดิม
หลังจากนี้จะมีการยกระดับการจัดกิจกรรมเรียกร้องทางแน่นอน ทั้งด้านเนื้อหาและรูปแบบการแสดงออก แต่ยังยึดมั่นในหลักสันติวิธี ย้ำจะต่อสู้จนทุกข้อเสนอได้รับการตอบรับทั้งเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ ยุบสภา หยุดคุกคามประชาชน และการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้ง 10 ข้อ

https://www.facebook.com/TheReportersTH/videos/326829221750345

ความลำเอียงอย่างเจตนา ของ"สื่อ"ไทย กรณีการสวรรคตของ ร.8 จากบันทึกของนักหนังสือพิมพ์ชาวอเมริกันและอดีตโอเอสเอส



Sateon Juntimatorn
12h ·

ความลำเอียงอย่างเจตนา
ของ"สื่อ"
ข่าวลือกับการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลถูกลอบปลงพระชนม์ซึ่งแพร่สะพัดในสังคม
ก่อให้เกิดกระแสต่อต้านปรีดีอย่างรุนแรง
นักหนังสือพิมพ์ชาวอเมริกันและอดีตโอเอสเอสคนหนึ่งได้บันทึกถึงบท บาทของหนังสือพิมพ์ท่ามกลางการต่อสู้ทางการเมืองในไทยขณะนั้นว่า
หนังสือพิมพ์ไทยจำนวน 35 ฉบับ
มีเพียงไม่กี่ฉบับเท่านั้นที่รายงานข่าวอย่างเที่ยงตรง นอกนั้นได้รับการอุดหนุนจากกลุ่มการเมืองที่เป็นปรปักษ์ต่อกันทั้งสิ้น
เช่น กลุ่มรอยัลลิสต์ รัฐบาลและกลุ่มทหาร
การรายงานข่าวขณะนั้นดุเดือดและมุ่งทำลายล้างศัตรูทางการเมืองโดยไม่คำนึงถึงจริยธรรมใดๆทั้งสิ้น
ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี
ณัฐพล ใจจริง
สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน,สิงหาคม 2563
หน้า 41

https://www.facebook.com/sateon.juntimatorn/posts/1006934443085625

...


เอกลักษณ์ไทย
ยอมจำนน
ต่อ ผู้มีอำนาจ
เมื่อสงครามเย็นเริ่มต้นขึ้น สหรัฐต้องการกำหนดแผนสงครามจิตวิทยาต่อต้านคอมมิวนิสต์ในไทย
จึงทุ่มเทค้นหาลักษณะประจำชาติไทยขึ้นอีก จนได้ข้อสรุปเกี่ยวกับตัวตนของคนไทยว่า
คนไทยมีความอ่อนน้อม
ไม่เอาจริงเอาจัง
ขอบความเจ้าเล่ห์เพทุบาย
ไม่สนใจปรัชญาที่หนักหน่วง
ไม่ทะเยอทะยาน
มีความเป็นปัจเจกสูงมาก แต่กลับยอมจำนนผู้มีอำนาจ
มีความภูมิใจในตนเองสูง
เป็นคนที่รักษาหน้าตามาก
และคนไทยพร้อมที่จะแสดงการต่อต้านทันทีหากมีการทวงบุญคุณ หรือพบกับความหยิ่งยโส
แม้จะมีคนไทยที่ต่อต้านชาวตะวันตกบ้าง
แต่คนไทยส่วนใหญ่ชมชอบคนอเมริกัน
คนไทยมีสำนึกภูมิใจในตัวตนที่ผูกพันหยั่งลึกกับพระมหากษัตริย์ ศาสนาและประเทศชาติ
ความสำนึกภูมิใจในตัวตนนี้
ทำให้พวกเขาหลอมรวมเป็นปึกแผ่นสร้างความเข้มแข็งภายในชาติ
ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี
ณัฐพล ใจจริง
สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน,สิงหาคม 2563
หน้า 7
.
แก่นแท้
ของ ประวัติศาสตร์
ราชาชาตินิยม
ธงชัย วินิจจกูล ชี้ให้เห็นว่า
ประวัติศาสตร์แบบราชาชาตินิยม ถือกำเนิดขึ้นจากคำอธิลายของชนชั้นนำไทย
ที่พยายามแย่งชิงดินแดนกับเจ้าจักรวรรดิ
แต่ไม่สามารถต้านทานอำนาจของเจ้าจักรวรรดิได้
ชนชั้นนำไทยทั้งเสียหน้าและผิดหวัง จึงทำความเข้าใจกับสภาวะดัง กล่าวด้วยการอธิบายว่า ไทยถูกคุกคามจากเจ้าจักรวรรดิจนต้องจำใจลงนามในสนธิสัญญาเบาว์ริ่งปี 2398 ที่ไม่เป็นธรรม
และติดตามด้วยการถูกคุกคามช่วงชิงดินแดนอีกด้วย
ด้วยการพรรณาให้ตัวเองเป็นเหยื่อเช่นนี้ ปฏิสัมพันธ์กับเจ้าจักรวรรดิใน สมัยอาณานิคมจึงกลายเป็นห้วงเวลาแห่งความขมขื่นของ"ชาติ" ที่ถูกเจ้า จักรวรรดิเอาเปรียบแต่เพียงฝ่ายเดียว
อย่างไรก็ดี ปรีชาสามารถของชนชั้นนำไทยก็ทำให้ไทยไม่ต้องตกเป็นอาณานิคมของเจ้าจักรวรรดิในท้ายที่สุด
ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี
ณัฐพล ใจจริง
สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน,สิงหาคม 2563
หน้า 15-16

ที่มา FB
Sateon Juntimatorn