จะว่า คสช. นั่นละทำให้ ธนาธร
จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคอนาคตใหม่ของเขา โดดเด่นมากในแนวโน้มการเมืองไทยยุค ‘คลายล็อค’ ขณะนี้ก็น่าจะใช่
เพราะ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหาร คสช.ผู้มีหน้าที่ไล่แจ้งความนักประชาธิปไตยทั้งหลาย
แท้ๆ ที่เป็นข่าวกระจายไปทั่วโลก สร้างจุดสนใจแก่ธนาธรยิ่งขึ้น ทั้งในเวทีสัมมนาเวิร์ลด์
เอคอนอมิค ฟอรัม หมาดๆ ที่เวียตนาม
ไปสู่การบรรยายหัวข้อ ‘Thailand’s
Transition Back to Democracy’ ที่มหาวิทยาลัยแม็คกิลล์ มอนทรีออล
แคนาดา ก่อนเข้าประชุม ‘Global Progress Summit’ ที่มอนทรีออลเช่นกัน
และการแสดงปาฐกถาที่ Concordia Summit นครนิวยอร์ค
คสช.ยื่นฟ้องธนาธรและผู้ร่วมงานของเขาอีกสองคน
ในข้อหา พรบ.คอมพิวเตอร์ จากการจัดทำเฟชบุ๊คไล้ฟ์วิจารณ์วีธีการ ‘ดูด’ อดีต ส.ส.พรรคต่างๆ เข้ากลุ่มสามมิตร
เตรียมส่งสมัครรับเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ ที่กลุ่มรัฐมนตรีในรัฐบาล
คสช.จัดตั้งขึ้นเป็นฐานการเมืองสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหลังเลือกตั้ง
ข้อวิจารณ์ระบุถึงบางส่วนของรายงานที่ว่ากลุ่มสามมิตรใช้คดีความที่ติดตัว
ส.ส.เหล่านั้น และข้อเสนอให้ความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเมื่อการเลือกตั้งมาถึง
ในวงเงิน ๓๐-๕๐ ล้านบาท ประการสำคัญรายการไล้ฟ์ของธนาธรได้มีการชักชวนผู้ชมร่วมลงชื่อรื้อกระบวนการยุติธรรมไทย
ข่าวเอเอฟพีรายงานว่าธนาธรได้รับความสนใจในฐานะนักการเมืองรุ่นใหม่จากนอกวงการ
‘outsider’ ที่สร้างกระแสความนิยมประดุจดังนายเอ็มมานูเอล
มาครอง ของฝรั่งเศส และเขาเสี่ยงที่จะถูกตัดสินความผิด “จำคุกสูงสุด ๕ ปี ค่าปรับมหาศาล”
แต่ พรรณิการ์ วานิช โฆษกของพรรคบอกกับเอเอฟพีว่า
“เราไม่กลัว เราจะสู้คดีและยังคงทำกิจกรรมต่อไป”
เช่นเดียวกับนายไกรก้อง ไวทยาการ
หนึ่งในแกนนำผู้ร่วมก่อตั้งพรรคตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าว หลังจากที่เขา ธนาธร และจารุวรรณ
ศรัณย์เกตุ กรรมการบริหารพรรค เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบความผิดคอมพิวเตอร์
(ปอท.) เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา
ว่าพวกเขาปฏิเสธทุกข้อหา “และจะให้การเป็นเอกสารต่อเจ้าหน้าที่ภายหลังภายใน
45 วัน ทั้งนี้
คดีความที่เกิดขึ้นไม่ได้มีผลกับการทำกิจกรรม ทั้งสามคนไม่ได้มีความกังวล
และยังยืนยันว่าจะทำงานต่อไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้”
หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจเอ่ยถึง ‘เป้าหมาย’ เฉพาะหน้าระยะสั้นช่วงคลายล็อคไว้อย่างกระชับในความหลากหลายและพร้อมมูล
“๖ เดือน คืออายุงานการเมืองของ ธนาธร
จึงรุ่งเรืองกิจ ๔๔ จังหวัด คือพื้นที่ที่ธนาธร ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
ลงเดินสายโฟกัสกรุ๊ปกับนักธุรกิจ-ปัญญาชนและชาวบ้าน
๔ ปัญหาเศรษฐกิจระดับฐานราก
กำลังพังทั้งระบบ คือข้อค้นพบ และจะถูกพัฒนาเป็นนโยบายพรรค
๓๕๐ เขตเลือกตั้ง คือเป้าหมายที่พรรคจะส่งผู้สมัคร
แต่ไม่มีเป้าหมายเป็นตัวเลข ส.ส.ที่จะได้ เพราะคิดว่าการปักหมุดทางความคิด
สำคัญกว่าการปักหมุดจำนวน ส.ส.ที่จะได้”
ต่อปัญหาเศรษฐกิจนั้นธนาธรบอกว่า “ทั่วประเทศ
๔๔ จังหวัด ทุก ๆ ที่ที่เราไป ประชาชนกระเป๋าหนักมาก มีแต่เหรียญ ไม่มีธนบัตรเหลืออยู่เลย
ปัญหาเศรษฐกิจชนบทหนักมาก” แม้ว่า คสช. (ทั้งประยุทธ์และสมคิด จาตุศรีพิทักษ์)
มักคุยแล้วคุยอีกว่าตัวเลขเศรษฐกิจโตวันโตคืน
นั่นเป็นเพราะการเติบโตทางเศรษฐกิจไปกระจุกกับบริษัทใหญ่ๆ
ทั้งหมด “ถ้าดูการเติบโตของบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯจะเห็นว่ามีกำไรโตขึ้นมา
๑๐% กว่า แต่เมื่อดูจีดีพีโตแค่ ๔%” ทางแก้ของเขาเป็นการ ‘ปลดปล่อยพลังเศรษฐกิจสร้างสรรค์’
โดยกระจายการพัฒนาเศรษฐกิจออกไปยังท้องถิ่น
จำกัดการควบคุมจากส่วนกลาง เช่นอุตสาหกรรมการแปรรูปผลิตผลเกษตร ไม่ว่าจะเป็นยาง
ปาล์ม หรือข้าว ส่งเสริมให้ท้องถิ่นทำการแปรรูปกันเอง
(ต่างกับโครงการประชารัฐของ คสช.
ที่ส่งเสริมชาวไร่ชาวนาเข้าร่วมโครงการเปิดให้กลุ่มบริษัทใหญ่ ๗
แห่งเช่าทำการเกษตรชนิด ‘ออกแบบ’
เจ้าสัวกำหนดมาหมดว่าจะทำอะไรอย่างไร
แล้วส่งเข้าโรงงานแปรรูปที่เจ้าสัวไปตั้งรอรับ)
ในระยะยาว เขาจะพาเกษตรกรออกจากกับดัก ‘ประกันราคา’ ก้าวข้ามทั้ง ‘ทักษิโณมิค’
และ ประชารัฐของ คสช.
เพราะสิ้นเปลืองงบประมาณเป็นแสนล้านแล้วการเติบโตไปอยู่ที่ผลกำไรของบริษัทเจ้าสัว
นอกจากนั้นธนาธรยังเผยแนวการกระตุ้นอุตสาหกรรมว่า
จะย้ายเขตเศรษฐกิจพิเศษไปกระจายทั่วภาคอีสาน “คนที่ได้ผลประโยชน์จาก EEC
ไม่ใช่คนตะวันออก แต่ฝ่ายที่รับประโยชน์ คือ
กลุ่มทุนที่มีสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพฯ” และ “กลุ่มทุนที่ทำงานกับคณะรัฐประหาร มีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับจีน
ในรอบ ๔-๕ ปีที่ผ่านมา”
เขาย้ำอีกตอนหนึ่งว่า “นโยบายที่ทำเกี่ยวกับรัฐบาลจีนทั้งหมดต้องนำกลับมารื้อและทบทวนทั้งหมด
นโยบายที่ทำแล้วไม่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ
ทำเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองต้องยกเลิกทั้งหมด”
กลับจากทัวร์แคนาดา-นิวยอร์ค ช่วง ๑๘-๒๖
กันยายนนี้ เขาคงมีแนวคิดใหม่ๆ เกี่ยวกับระบบขนส่งความเร็วสูง ‘ไฮเปอร์ลู้ป’ มาปรับเป็นนโยบายเพื่อสร้าง ‘อนาคตใหม่’ ให้โดดเด่นยิ่งขึ้นอีกก็ได้
เพราะนอกจากการบรรยาย ปาฐกถา และประชุมที่แคนาดาและนิวยอร์คแล้ว
ธนาธรยังมีกำหนดเยี่ยมชมกิจการค้นคว้าเทคโนโลยี่ไฮเปอร์ลู้ป ที่รัฐเนวาด้า และที่นครลอส
แองเจลีส (ซึ่งมีคนไทยกลุ่มหนึ่งนัดพบช่วงอาหารกลางวัน)
ดังที่ทวิตเตอร์ Thanathorn
Juangroongruangkit @Thanathorn_FWP
อ้างถึงตอนหนึ่งว่า “ตื่นเต้นมากที่จะได้มีโอกาสพบกับพี่น้องคนไทยที่นั่นด้วย
แล้วพบกันครับ! #ธนาธร #พรรคอนาคตใหม่”