ถ้ายักษ์ผสมพันธุ์มาร จินตนาการสิ ออกมาเป็นอะไร :ว่าด้วยหัวหน้า "ไม่ออก" คสช. แต่จะเล่นการเมือง

ไม่รู้จะเหนียมอะไรนักหนา ค่อยๆ แพลมทีละนิดทีละหน่อย เที่ยวนี้ไม่ต้องถาม ปล่อยออกมาเอง “ในขณะนี้ผมสนใจงานการเมือง” แต่จะให้ลาออกจากหัวหน้า คสช. แล้วมาเป็นนักการเมืองเต็มตัวไม่เอา

พอนักข่าวถามว่า “ต้องลาออกจากตำแหน่งหัวหน้า คสช. เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า ไม่ออก” เพียงให้เหตุผลการสนใจมาลงการเมืองว่า เพื่อติดตามสิ่งที่ “ทำลงไป ว่าไปถึงไหนอย่างไร” ด้วยเป็นห่วงว่า “วันข้างหน้าจะได้รับการสืบสานต่อไปหรือไม่”

(บางเนื้อความ-ถ้อยคำ จาก บีบีซีไทย, THE MATTER และ THAI PBS ผ่านทาง ‘ทรงเกล้า ทองแท้’)

ก่อนหน้านี้ประยุทธ์ตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวเรื่องที่เคยแจ้งว่าจะแถลงจุดยืนทางการเมือง (สังกัดพรรคอะไร) ในเดือนกันยา ถึงเวลาหรือยัง เขาสะบัดใส่ว่ายังไม่บอกหรอกตอนนี้ เรื่องอะไรจะพูดให้โดนด่า

นั่นน่าจะเป็นเหตุแท้จริงที่พยายามอุบความทะเยอทะยานส่วนตัวเอาไว้จนถึงนาฑีสุดท้าย เพื่อจะได้จัดการกับคนที่วิพากษ์วิจารณ์ (‘ด่า’) เจตนาเอาเปรียบเช่นนี้มันไปออกที่ลิ่วล้ออย่าง พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารผู้มีหน้าที่ฟ้องดะพวกคัดค้าน คสช.

อานนท์ นำภา ทนายฝ่ายประชาธิปไตยที่ต่อสู้กับการวางอำนาจของ คสช. ให้กับนักกิจกรรมคัดค้านรัฐประหารมากราย (รวมทั้งตนเอง) โพสต์ไว้ว่า “แหม่ ได้ข่าวพันเอกบุรินทร์ไปกร่างในศาลทหารอีกแล้ว สงสัยนิสัยนี้จะซึมลึก...ไม่ทิ้งพฤติกรรมแบบต่ำทราม”

บุรินทร์กร่างอย่างไรไม่แน่ใจ แต่ที่มีคนแชร์กันอื้อบนเน็ต เห็นเขาพูดว่า “กูจะจับให้หมด ไอ้พวกด่าท่านประยุทธ์ ด่า คสช. กูเป็นทหาร พวกขี้ข้าแบบมึงอยากเจอกูได้ทุกเวลา ถ้าพวกมึงแน่จริง”

ในจังหวะปะเหมาะกับที่นิด้าออกโพลความนิยมประยุทธ์เป็นครั้งที่สี่ ชี้ให้เห็นว่าประชาชนยังอยากได้ ‘บิ๊กตู่’ เป็นนายกฯ อยู่อีก เพียงแต่มีอะไรตะหงิดๆ นิดหน่อย ดังที่ Atukkit Sawangsuk สะกิดว่า “เดี๋ยวๆ โพลหลอกตู่หรือเปล่า”

เพราะคะแนนนิยมที่ได้ครั้งนี้น้อยกว่าครั้งที่แล้ว ซึ่งน้อยกว่าครั้งก่อน และต่ำเตี้ยกว่าครั้งแรก (จาก ๓๘ เปอร์เซ็นต์มาเป็น ๓๒, ๓๑ และ ๒๙ ตามลำดับ และขอบคุณที่อธึกกิตต์สรุปให้ว่า) ถึงตู่จะเป็นอันดับหนึ่ง แต่ถ้าแยกฝั่ง คะแนนตู่+มาร์ค=๔๐%

ขณะที่คะแนนหญิงหน่อย+ธนาธร+วิโรจน์+เสรีพิศุทธิ์ ได้ ๔๑% เฉือนไปแล้วสบายๆ ยิ่งเมื่อดูคะแนนพรรค เพื่อไทยได้ ๒๘% มากกว่าเพื่อน และถ้ามีอนาคตใหม่กับเสรีรวมไทยมาสมทบ ก็จะได้ ๔๙% ส่วนประชาธิปัตย์กับประชารัฐมีเพียง ๔๐%

(https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1143304)

นั่นยังไม่ได้นับพรรควันนอร์ ‘ประชาชาติ’ ที่มี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็นว่าที่เลขาธิการพรรค ซึ่งถูกพวกพรรคลิ่วล้อ คสช. (รวมทั้ง ปชป.) พยายามโจมตีว่าเป็นพรรคนอมินีของเพื่อไทย แต่จะใช่ไม่ใช่ไม่สำคัญเท่าเขาประกาศสนับสนุนการรณรงค์ “ปลดอาวุธ คสช. ยกเลิก ม.๔๔” ของสำนัก ‘ไอลอว์’

 

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ว่าที่หัวหน้าพรรคแถลงเมื่อวานนี้ ๒๔ ก.ย. จะ “ผลักดันให้มีการยกเลิกและปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่ไม่จําเป็น ไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์...และกฎหมายที่บัญญัติขึ้นในขณะที่ประเทศไม่ได้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย”

(https://www.matichon.co.th/politics/news_1145381)

พรรคนี้จึงเป็นพรรคที่อาจนับคะแนนนิยมไปรวมไว้ที่กลุ่มตรงข้าม คสช.-ปชป. ไว้ก่อนก็ได้ ถึงกระนั้นยังมีประเด็นให้ต้องดีเบทกันเล็กน้อย จากการที่โพลให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นอันดับหนึ่งสู่ตำแหน่งนายกฯ โดยมีนางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อันดับสอง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อันดับสาม และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อันดับสี่

โดยที่ Thanapol Eawsakul ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง บอกว่านี่เป็น “โพลที่หลอกลวง ไม่น่าเชื่อถือทั้งสิ้น” โดยเฉพาะกรณีที่ธนาธรแซงหน้าอภิสิทธิ์ ทางด้าน ชำนาญ จันทร์เรือง ว่าที่รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก็แสดงความไม่เชื่อถือโพลเหมือนกัน

เขาคัดค้านว่า “ผู้ทำโพลใช้การจินตนาการเอาเอง เป็นการจับแพะชนแกะ เพราะตัวเลือกบุคคลที่มีในโพลไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้” โดยยกตัวอย่างกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ ขณะนี้ยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย

ส่วนนายอภิสิทธิ์ก็ยังไม่แน่ว่าจะยังคงเป็นหัวหน้า ปชป. ต่อไปไหม กระทั่งประยุทธ์เองก็ยังไม่ยอมบอกว่าจะเลือกสังกัดพรรคใด ชำนาญจึงประกาศท้าทายให้สำนักนิด้าทำโพลใหม่ ว่าอยากให้ใครเป็นนายกระหว่างประยุทธ์กับธนาธร

ว่าที่รองหัวหน้า ‘อนาคตใหม่’ ออกมาท้าทายสุดโต่งอย่างนั้นน่าจะเป็นเพราะเหลืออดกับการเอารัดเอาเปรียบของประยุทธ์และ คสช. เขาว่า “อนาคตใหม่ไม่คิดว่าเราจะมาอยู่แถวหน้าขนาดนี้ เป็นเพราะ คสช.ทำตัวเขาเองโดยการพยายามฟ้องปิดปากเรา”

(https://www.matichon.co.th/politics/news_1146016)

ชั้นเชิงการเมืองมันก็ชั่วร้ายทำนองนี้มานาน ถึงเวลาต้องซัดกันจะจะแจ้งแจ้งเสียที มิฉะนั้นก็จะสืบเนื่องต่อไปเป็นกงกรรมกงเกวียนไม่จบสิ้น สมัยหนึ่งพรรค ปชป.เคยถูกโจมตีว่าชอบใช้วิชามาร สมัยนี้ คสช. เป็นพวกเล่นการเมืองที่ใช้วิชายักษ์

ถ้าหากยักษ์กับมารผสมพันธุ์กัน ไม่อยากจินตนาการว่าจะออกมาเป็นอะไร