วันจันทร์, เมษายน 30, 2561

วีระ สมความคิด อัดกลับ 'สมีฟรีดอม' ขนหน้าแข้ง คสช.


อย่างนี้ละ เป็นทั้งขนหน้าแข้งและลิ่วล้อ คสช. ของแท้ จึงมีอาการศีรษะร้อนทันทีที่ได้ยิน วีระ สมความคิด ทวงถามความรับผิดชอบของพวกที่เป็นนั่งร้าน กวักมือเรียกทหารเข้ามายึดอำนาจปกครองจากตัวแทนประชาชน

สุวิทย์ ทองประเสริฐ บุคคลอุตรินุ่งห่มสบงจีวรยกตนเท่าศาสดา ครั้งหนึ่งเคยอ้างจะไปเป็นพุทธเจ้า เลยสถาปนาตนเองเป็น พุทธะอิสระ(ภาษาปะกิดว่า สมีฟรีดอม) โพสต์ข้อเขียนอย่างยาวบริภาษณ์นักต่อต้านคอรัปชั่นว่าไม่สำนึกบุญคุณ ที่ช่วยให้ได้ออกจากคุกเขมร

หลังจากเลิกเวทีมาใหม่ๆ ภรรยาหรือญาติของคุณวีระมาขอพบฉันที่วัด เพื่อขอให้ติดต่อกับทหาร คสช. เจรจาช่วยคุณวีระ ให้ออกมาจากคุก...

ฉันได้ติดต่อไปยังคนใกล้ชิดคุณประวิตร จนนำมาซึ่งการเจรจาขอปล่อยตัวคุณวีระในที่สุด หลังจากคุณวีระออกมาจากคุกแล้ว ยังรีบมากราบขอบคุณฉันเลยคงจะยังจำได้”


กลับกลายเป็นว่าทั้งสองประโยคของสุวิทย์มีสิทธิ์เป็น มุสาวาจาได้ ในเมื่อเจ้าตัวเขาปฏิเสธหมดสิ้น ประเด็นแรก “ขอยืนยันว่าคนในครอบครัวผมทั้งคุณแม่ พี่สาว และภรรยาผม

ทุกคนยืนยันกับผมว่า ไม่เคยไปขอพบพุทธะอิสระที่วัดเลย แต่จะเป็นผู้ใดที่ไปแอบอ้างนั้น ผมมิอาจทราบได้”

ส่วนเรื่อง “มากราบขอบคุณฉัน” นั้น “ก็ไม่เป็นความจริง เรื่องนี้เกิดจากการ์ดของผมชื่อเม่น ซึ่งเคยไปอยู่เป็นการ์ดให้พุทธะอิสระในช่วงที่ผมยังอยู่ที่เขมร ได้มาชักชวนให้ผมไปพบพุทธะอิสระที่วัดเพื่อทำความรู้จักกัน”

เรื่องอย่างนี้ผู้อ้างตนเป็น พญาราชสีห์แห่งเวทีแจ้งวัฒนะ อาจจะสำคัญผิดไปนิดก็ได้ “การไปพบในวันนั้นก็อยู่ท่ามกลางคนนับร้อย ไม่ใช่ไปกราบเพื่อขอบคุณที่ช่วยเหลือผมแต่อย่างใด แทบจะไม่มีเวลาพูดจาอะไรกันเลยด้วยซ้ำ” อดีตคนเคยคุกขี้ไก่เขมรลำดับความตามที่ตนได้เจอะเจอจริง

นอกจากนี้ผมรู้ว่า ฮุนเซน เป็นคนสั่งปล่อยผมชนิดที่คนในรัฐบาลเขมรเองก็ยังไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้เลย ฮุนเซนทำเรื่องนี้เงียบๆ คนเดียว”


ที่สุวิทย์บอกว่าได้ติดต่อไปยังคนใกล้ชิดของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จึงทำให้ทางการเขมรปล่อยตัววีระ นั่นก็อาจเป็นเพราะสุวิทย์คิดไปเอง (ภาษาสมัยนิยมเขาเรียก มโน)

 
กับอีกข้อที่สุวิทย์อ้างว่า “ากคุณวีระจะมาทวงถามความรับผิดชอบแก่พวกเราพี่น้อง กปปส. คุณวีระก็ควรจักมีใจเป็นธรรมบ้าง ในฐานะที่คุณวีระเป็นนักสู้ภาคประชาชน และทำเพื่อประชาชนจริงๆ...”

วีระเขาจึงช่วยฟื้นความจำของแท้ว่า “อีกประการที่พุทธะอิสระกล่าวว่าผมไปย่ำยีพวก กปปส.นั้น ผมก็ไม่ทราบว่าการกระทำใดของผมที่เป็นการไปย่ำยี กปปส. ช่วยเอาหลักฐานมายืนยันด้วยครับ การกล่าวหาเช่นนี้ไม่ค่อยเป็นธรรมกับผมสักเท่าใด”

ลงท้ายวีระบอกว่า “คนที่จะเดือดร้อนเสียหายจากการทำหน้าที่ของผม จะมีแต่คนโกงชาติ คนขายชาติ และคนที่สนับสนุนกลุ่มคนเหล่านี้เท่านั้นครับ”

เขาเขียนอย่างนี้ ไม่รู้จะมีใครรู้สึกรู้สาหรือเปล่าล่ะ

ขอต้อนรับ "สมยศ พฤกษาเกษมสุข" นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคสมัยเรา สู่อิสระภาพ



...


https://www.facebook.com/friendofsomyot/videos/2362531097094254/


...




29 เม.ย.2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟสบุ๊คแฟนเพจ 'เพื่อนสมยศ [ Friends of Somyot ]' โพสต์ข้อความแจ้งว่า สมยศ พฤกษาเกษมสุข ผู้ต้องขังในคดีหมิ่นประมาทกษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จะได้รับการปล่อยตัวในวันพรุ่งนี้ (30 เม.ย.61) เวลา 6.00 น. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลังถูกคุมขังมาเป็นเวลา 7 ปีทั้งคดีนี้ รวมกับคดีหมิ่นประมาท พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร

สำหรับ สมยศ นอกจากบทบาทในเราเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและ บรรณาธิการนิตยสาร Voice of Taksin แลัว เขายังเป็นนักรณรงค์เรื่องสิทธิแรงงานมาตั้งแต่ทศวรรษ 2520 มีบทบาทสำคัญในการร่วมเรียกร้องเรื่องค่าแรงขั้นต่ำและการส่งเสริมการรวมตัวของกรรมกร รวมถึงระบบประกันสังคม

โดยในปี 2549 เขามีบทบาทต่อต้านการรัฐประหารของ คมช. เคยเป็นแกนนำ นปช. รุ่น 2 หลังแกนนำ นปช. รุ่นแรกถูกจำคุกจากเหตุชุมนุมในเดือนเมษายนปี 2552 และหลังจากนั้นไม่นานเขาก่อตั้งกลุ่ม “24 มิถุนาประชาธิปไตย” ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เรียกร้องประชาธิปไตย พร้อมกันนั้นเขายังเป็นพิธีกรรายการ “เสียงกรรมกร” ผ่านสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม DTV ด้วย

สมยศ ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2554 หรือ 5 วันหลังจากที่มีการรณรงค์ล่ารายชื่อ 10,000 รายชื่อเพื่อให้รัฐสภายกเลิกมาตรา 112 โดยในระหว่างสู้คดี เขาถูกคุมขังโดยไม่ได้รับการประกันตัว ระหว่างไต่สวนคดี สมยศยังถูกนำตัวไปขึ้นศาลยังจังหวัดต่างๆ ถึง 4 แห่งตามที่อยู่ของพยานโจทก์ ได้แก่ นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ สระแก้ว สงขลา ซึ่งทำให้ครอบครัวเพื่อนของเขาต้องเดินทางไปเยี่ยมด้วยความลำบาก เพราะจะมีการย้ายตัวจำเลยไปก่อน 2-4 สัปดาห์ ก่อนขึ้นศาล เขาถูกกล่าวหาว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากการที่เขาเป็นบรรณาธิการนิตยสาร Voice of Taksin ซึ่งตีความว่าบทความ 2 ชิ้นของผู้ใช้นามปากกา “จิตร พลจันทร์” มีลักษณะเสียดสีและเข้าข่ายผิดกฎหมายมาตรา 112 โดยสมยศต่อสู้ในประเด็นหลักว่าเขาไม่ใช่ผู้เขียนบทความ เป็นเพียงบรรณาธิการ และเนื้อหานั้นมิได้หมายความถึงสถาบันกษัตริย์

เพื่อน 'สมยศ พฤกษาเกษมสุข' จัดวันเกิดปีที่ 56 หน้าห้องเยี่ยมเรือนจำพิเศษกรุงเทพ
FREE SOMYOT วันกรรมกรสากล คนงาน 'เกาหลี-อินโด' ชูป้าย 'ปล่อยสมยศ'
ข้อสังเกตบางประการต่อคำพิพากษาคดีสมยศ พฤกษาเกษมสุข นับแต่ศาลชั้นต้นถึงชั้นฎีกา

เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2556 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 10 ปี ต่อมาวันที่ 19 ก.ย.2557 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และในวันที่ 23 ก.พ.2560 มีคำพิพากษาศาลฎีกา ระบุว่าที่จำเลยฎีกาต่อสู้ว่า มิได้มีเจตนากระทำผิด และข้อความในบทความหมายถึงอำมาตย์นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งในขั้นฎีกาไม่อาจต่อสู้ในข้อเท็จจริงได้อีก อย่างไรก็ตาม ตามที่จำเลยได้ต่อสู้มารับฟังได้ว่า จำเลยเป็นเพียงบรรณาธิการ มิใช่ผู้เขียนและยังให้ข้อมูลว่าใครเป็นผู้เขียน จำเลยยืนยันว่ามีความจงรักภักดี อีกทั้งเมื่อพิจารณาประกอบกับอาชีพ อายุและประวัติของจำเลย ทั้งจำเลยก็ต้องโทษมาเป็นระยะเวลาพอควรแล้ว ศาลฎีกาจึงเห็นควรแก้โทษจำคุก เหลือกระทงละ 3 ปี รวม 2 กระทง 6 ปี ทั้งนี้เมื่อรวมกับโทษจำคุกคดีหมิ่นประมาท พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อีก 1 ปี ทำให้สมยศต้องจำคุกรวมเป็นเวลากว่า 7 ปี

ในช่วงที่ถูกจองจำ สมยศ ยังได้รับรางวัลนักสิทธิมนุษยชนที่น่ายกย่องประจำปี 2555 จากกองทุนรางวัลสมชาย นีละไพจิตร และในเดือนพฤศจิกายนปี 2559 เขายังได้รับรางวัลชุน แต อิล จากสมาหพันธ์แรงงานกลางเกาหลี KCTU โดย "ประกายดาว" ลูกสาวของสมยศเดินทางไปรับรางวัลแทนพ่อผู้ถูกคุมขัง
ที่มา ประชาไท
(https://prachatai.com/journal/2018/04/76652)


"โล้นอิสระ" บันทึกไว้... คสช. มีคุณต่อเราต่อแผ่นดินนี้อย่างไร




ภาพจากอินเตอร์เน็ต
.
.

หากจะถามว่า คสช. มีคุณต่อเรา มีคุณต่อแผ่นดินนี้อย่างไร

พุทธะอิสระ พญาราชสีห์แห่งเวทีแจ้งวัฒนะ จะพยายามไล่เรียงให้คุณวีระได้ทราบด้วยสติปัญญาอันน้อยนิดซักเล็กน้อย

ที่ว่า คสช. มีคุณต่อพวกเราก็เพราะ

๑. ทหาร คสช. เขาช่วยชีวิตพวกเรา เขาเข้ามาหยุดยั้งการลอบทำร้ายชีวิตและทรัพย์สิน จากพวกรัฐบาลประชาธิปไตย ซึ่งก็มีเจ้าหน้าที่รัฐต่างรู้เห็นเป็นใจด้วย นี่เรียกว่ามีคุณต่อพวกเรา

๒. เขาทำให้แผ่นดินนี้ ไม่ต้องลุกเป็นไฟ เพราะคนไทยมาฆ่ากัน นี่เรียกว่ามีคุณต่อแผ่นดิน

๓. เขาเข้ามารักษาสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของคนไทย ที่ถูกพวกพ้องเผ่าพันธุ์ของรัฐบาลประชาธิปไตย จ้องบ่อนทำลายสารพัดวิธี

๔. คสช. เขาเข้ามาจัดระเบียบทรัพยากร กระจายจ่ายแจกให้ถึงมือประชาชนผู้ยากไร้ อย่างทั่วถึงโดยยึดคืนที่ดินป่ามาจากพวกนายทุน แล้วนำมาแจกให้คนยากจนและทำให้ผืนป่าที่เสื่อมโทรม เป็นเขาหัวโล้น กลับมาเขียวขจี นี่คือมีคุณต่อแผ่นดิน

๕. คสช. เขาเข้ามาช่วยจัดระเบียบสังคมที่หมักหมม ไปด้วยทุจริตผิดกฎหมาย ให้เข้ามาอยู่ในระบบของกฎหมายที่ควบคุมได้ ไม่เอาเปรียบประชาชน เช่น กรณีเงินกู้นอกระบบ เป็นต้น

๖. คสช. เขาเข้ามาช่วยปรับปรุงมาตรฐานการบินพาณิชย์ที่ทั่วโลกเขาตราหน้าการบินของไทยว่า ไม่มีมาตรฐานด้านความปลอดภัย ให้ได้รับการพิจารณาความปลอดภัยจากองค์กรการบินระหว่างประเทศ

๗. คสช. เขาเข้ามาทำให้ทรัพยากรทางทะเลที่เสื่อมโทรมมาหลายสิบปีค่อยๆ ฟื้นตัว เพื่อให้คนไทยทุกกลุ่มได้เข้าถึงทรัพยากรทางทะเล ใช้ประโยชน์ได้อย่างเท่าเทียม ไม่ใช่แค่เฉพาะนายทุนเท่านั้นที่มีโอกาส

หากคุณวีระไปตามหัวเมืองชายฝั่งลองไปคุยกับประมงพื้นบ้านที่เป็นเจ้าของถิ่น เขาจะบอกให้คุณวีระให้รู้ความจริงว่า เวลานี้พวกเขาไม่ต้องออกไปหาสัตว์น้ำไกลชายฝั่ง ก็สามารถจับสัตว์น้ำได้มากขึ้นพออยู่พอกินเลี้ยงครอบครัวได้

๘. คสช. เขาเข้ามาทำให้ระบบคมนาคมสะดวก ปลอดภัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนของเอกชน อย่างเป็นผู้มีวิสัยทัศน์มองการไกลได้รอบด้าน

๙. และสิ่งที่พวกเราไม่มีโอกาสจะเห็นเลยว่า รัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย จัดการกับธุรกิจสีเทา สิ้นค้าหนีภาษีและผู้มีอิทธิพลต่างๆ ได้แต่ คสช. ทำได้ ทำจนสงบราบคาบ

๑๐. รวมทั้งกรณีธรรมกาย ที่เหิมเกริมถึงขนาดเขียนพระไตรปิฎกของตัวเองและย่ำยีพระธรรมวินัย กล่าวหาพระไตรปิฎกฉบับสยาม วว. บกพร่อง แต่พระไตรปิฎกของตนเองดีกว่า หรือคุณวีระคิดว่าปัญหานี้รัฐบาลประชาธิปไตยแก้ไขได้

๑๑. คสช. ช่วยพระพุทธศาสนาด้วยการชำระล้างสิ่งสกปรก และอลัชชีที่อาศัยผ้าเหลืองหากินกอบโกยและทุจริตเงินทอนวัด จนขยายความเน่าใน ไปถึงกรรมการมหาเถรสมาคม

เรื่องเหล่านี้มีมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลประชาธิปไตย แม้พุทธะอิสระจะพยายามไปยื่นเรื่องร้องเรียนสารพัดหน่วยงาน ก็ไม่มีใครจัดการได้ แต่ คสช. เขาจัดการได้

แน่นอนแหละ มนุษย์ปุถุชนมันคงไม่มีใครทำพูดคิดได้ถูกต้องชอบธรรมไปหมดหรอก แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ทำให้ประเทศชาติเสียหายไม่ทำให้สังคมวุ่นวาย ไม่ทำร้ายคนไทยด้วยคำหลอกลวง และไม่ปล่อยให้ใครมาฆ่าคนไทยด้วยกันเอง เหมือนกับรัฐบาลประชาธิปไตย


หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)

(https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/10156254382018446)

...



วิวาทะ พุทธะอิสระ - วีระ สมความคิด กรณี ‘วีระ’ เรียกร้องคนไทยออกบัตรเชิญรัฐประหารต้องรับผิดชอบ ‘บิ๊กตู่’ สืบทอดอำนาจ - พุทธอิสระเดือด โพสต์โต้




ขออนุญาตใช้สิทธิ์พาดพิงซักหน่อย
๒๘ เมษายน ๒๕๖๑

--------------------------------------------------

‘วีระ’ เรียกร้องคนไทยออกบัตรเชิญรัฐประหารต้องรับผิดชอบ ‘บิ๊กตู่’ สืบทอดอำนาจ

ที่มา : ไทยโพสต์ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 18:32 น.

19 เม.ย.61 - นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านการคอร์รัปชัน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าเพื่อต้องการสืบทอดอำนาจอยู่ยาว เผด็จการทหารเสียของมันกล้าทำทุกอย่างมันไม่สนใจว่าประชาชนคนไทยจะรู้สึกอย่างไร เพราะบัดนี้อำนาจที่มันยึดไว้อยู่ในมือเบ็ดเสร็จ

“คนไทยที่ไปเชิญทหารพวกนี้เข้ามายึดอำนาจจะรับผิดชอบกับผิดพลาดนี้อย่างไรหรือจะไม่รับผิดชอบอะไรแล้วยังจะหนุนมันต่อไปรู้ตัวว่าผิดพลาดแล้วกลับตัวกลับใจก็ยังไม่สาย”นายวีระ กล่าว

--------------------------------------------------

เห็นข่าวคุณวีระ สมความคิด ออกมาฟาดงวงฟาดงาทวงความรับผิดชอบจากคนไทย ที่ไปเชิญทหารมายึดอำนาจ จะรับผิดชอบกับความผิดพลาดครั้งนี้อย่างไร

หรือจะไม่รับผิดชอบอะไร แล้วยังหนุนมันต่อไป

รู้ตัวว่าผิดพลาดแล้วกลับตัว กลับใจก็ยังไม่สาย

ในฐานะที่พุทธะอิสระเป็นแกนนำเวทีแจ้งวัฒนะ และเป็นผู้มีส่วนต้องรับผิดชอบ ที่ทหารเข้ามาบริหารประเทศด้วยจิตสำนึกในหน้าที่ของลูกไทย

ไม่ว่ารัฐบาลทหารจะดีหรือเลวอย่างไร พวกเราคงไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบอยู่แล้ว จำได้ว่า ตอนที่พวกเราพี่น้อง กปปส. ร่วมกันต่อสู้กับรัฐบาลขี้โกงของนายกปู

พวกเราต้องลำบากลำบน กินนอนอยู่บนถนนเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายโดนลอบยิง ลอบทำร้ายจากพวกเผ่าพันธุ์ของรัฐบาลประชาธิปไตย จนมีพี่น้องเราเจ็บตายไปหลายคน

หากวันนั้น คสช. ไม่เข้ามาช่วยพวกเราคงต้องเจ็บตายเพิ่มขึ้นอีกเป็นร้อย

แค่ที่เฉพาะเวทีแจ้งวัฒนะยังถูกยิงถล่มด้วยระเบิดเอ็ม ๗๙ ถึง ๑๔ ลูก ๘ ครั้ง ตามด้วยระเบิดประทัดยักษ์ และอาวุธสารพัดอีกจนขี้เกียจจะนับ

เรื่องเหล่านี้คุณวีระ คงจักไม่รู้เพราะนอนอยู่ในคุกเขมร

ก่อนหน้าที่จะมีการยึดอำนาจ ๒ สัปดาห์ ตำรวจตรวจยึดอาวุธสงครามได้หลายร้อยกระบอกแถวๆ นครนายก ตามด้วยระเบิดยิงรถถัง อาร์พีจี และเครื่องยิงอีกเป็นเข่ง ที่หลังสำนักงาน ปปช. ซึ่งตอนนั้นพวกเสื้อแดงสายปากน้ำมาตั้งเวทีอยู่

จากสิ่งบอกเหตุเหล่านี้ ทำให้พวกเราพี่น้อง กปปส. ระลึกถึงบุญคุณของ คสช. ที่เข้ามาช่วยไม่ให้เราถูกยิงถล่ม ไม่เจ็บ ไม่ตายเพิ่ม

คนที่ไม่ได้รับรู้หรืออยู่ในเหตุการณ์ อย่างคุณวีระ คงจะไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้รอดตายอย่างพวกเราดอก

เหมือนๆ กับที่พวกเราไม่เข้าใจความรู้สึกของคุณวีระ ตอนนอนอยู่ในคุกเขมรนั้นแหละ

แต่พุทธะอิสระก็พยายามทำความเข้าใจความรู้สึกของคุณวีระนะ เพราะหลังจากเลิกเวทีมาใหม่ๆ ภรรยาหรือญาติของคุณวีระมาขอพบฉันที่วัด เพื่อขอให้ติดต่อกับทหาร คสช. เจรจาช่วยคุณวีระ ให้ออกมาจากคุก

ฉันยังจำได้ว่า ฉันมิได้พูดอะไรกับคุณผู้หญิงคนนั้น แต่ได้สั่งคนไปบอกว่าให้กลับไปเถอะ เดียวจะหาวิธีช่วย

ต่อมาฉันได้ติดต่อไปยังคนใกล้ชิดคุณประวิตร จนนำมาซึ่งการเจรจาขอปล่อยตัวคุณวีระในที่สุด

หลังจากคุณวีระออกมาจากคุกแล้ว ยังรีบมากราบขอบคุณฉันเลยคงจะยังจำได้

พอมาถึงวันนี้หลายคนเขาเห็นพฤติกรรมของคุณวีระ เขาก็เข้ามาตั้งคำถามเอากับฉันเหมือนกันว่า ใครจะรับผิดชอบต่อพฤติกรรมของคุณวีระ ที่แสดงออกมาย่ำยีพวกเราชาว กปปส. เช่นนี้

ฉันก็ได้แต่ตอบกับพวกเขาไปว่า ฉันไม่คิดว่าคุณวีระ จะเปลี่ยนไปเป็นคนเช่นนี้ คือเรียกว่า ฉันผิดเองที่ไปเอ่ยปากกับทหารให้ช่วย

หากจะโทษ ก็ต้องโทษที่ฉันมีเมตตากับพี่น้องนักสู้ผู้รักชาติเกินไป โดยไม่เลือกคน จึงต้องมานั่งรับคำตำหนิ จากคุณวีระอยู่เช่นนี้ และไม่เคยคิดด้วยว่า นักสู้ภาคประชาชนจักต้องมาคอยจิกสับกัน

ทำอย่างไรได้ล่ะ พวกเราเลือกเดินเส้นทางนี้มาแล้ว เราก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ คสช. ทำทั้งโดยตรงและโดยอ้อม

พวกเราพร้อมที่จะให้คุณวีระจิกหัวด่า ว่าประจาน

ถึงแม้จะแปลกใจอยู่ลึกๆ ว่าทำไมพวกเราไม่เคยเห็นคุณวีระ ไปไล่จี้ทวงถามความรับผิดชอบเอากับพวกรัฐบาลขี้โกง หรือคนที่ไปเลือกรัฐบาลขี้โกงมาบริหารประเทศบ้างเลย ทั้งที่รัฐบาลเหล่านั้นทำให้ประชาชนต้องบาดเจ็บล้มตาย แต่พวกเรายังไม่เคยเห็นรัฐบาล คสช. เขาทำให้ใครต้องเจ็บต้องตายเลย หรือที่คุณวีระมาทวงถามความรับผิดชอบจากพวกเรา ก็เพราะคุณวีระไม่ชอบทหารเป็นส่วนตัว มีอคติกับทหารหรือเปล่า หรือเพราะเขาไม่ให้ความสำคัญแก่คุณวีระ คุณวีระเลยไม่พอใจเขา ทั้งที่เขาเข้ามาช่วยชาติประชาชนแท้ๆ ไม่เป็นไรเมื่อคุณวีระมองไม่เห็นความดีของ คสช. คุณวีระก็ควรจะนึกถึงบุญคุณของเขาบ้างที่ช่วยให้คุณออกมาจากคุกเขมรได้ เมื่อคุณวีระไม่รู้บุญคุณเขา ก็ไม่เป็นไร แต่คงไม่ใช่พวกเราแน่

ด้วยเพราะพวกเราถูกสอนให้มีสำนึกกตัญญูรู้คุณ กตเวทิตาตอบแทนคุณต่อผู้ทรงคุณธรรม มีพระคุณต่อเรา มีคุณต่อแผ่นดินนี้

หากจะถามว่า คสช. มีคุณต่อเรา มีคุณต่อแผ่นดินนี้อย่างไร

พุทธะอิสระ พญาราชสีห์แห่งเวทีแจ้งวัฒนะ จะพยายามไล่เรียงให้คุณวีระได้ทราบด้วยสติปัญญาอันน้อยนิดซักเล็กน้อย

ที่ว่า คสช. มีคุณต่อพวกเราก็เพราะ

๑. ทหาร คสช. เขาช่วยชีวิตพวกเรา เขาเข้ามาหยุดยั้งการลอบทำร้ายชีวิตและทรัพย์สิน จากพวกรัฐบาลประชาธิปไตย ซึ่งก็มีเจ้าหน้าที่รัฐต่างรู้เห็นเป็นใจด้วย นี่เรียกว่ามีคุณต่อพวกเรา

๒. เขาทำให้แผ่นดินนี้ ไม่ต้องลุกเป็นไฟ เพราะคนไทยมาฆ่ากัน นี่เรียกว่ามีคุณต่อแผ่นดิน

๓. เขาเข้ามารักษาสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของคนไทย ที่ถูกพวกพ้องเผ่าพันธุ์ของรัฐบาลประชาธิปไตย จ้องบ่อนทำลายสารพัดวิธี

๔. คสช. เขาเข้ามาจัดระเบียบทรัพยากร กระจายจ่ายแจกให้ถึงมือประชาชนผู้ยากไร้ อย่างทั่วถึงโดยยึดคืนที่ดินป่ามาจากพวกนายทุน แล้วนำมาแจกให้คนยากจนและทำให้ผืนป่าที่เสื่อมโทรม เป็นเขาหัวโล้น กลับมาเขียวขจี นี่คือมีคุณต่อแผ่นดิน

๕. คสช. เขาเข้ามาช่วยจัดระเบียบสังคมที่หมักหมม ไปด้วยทุจริตผิดกฎหมาย ให้เข้ามาอยู่ในระบบของกฎหมายที่ควบคุมได้ ไม่เอาเปรียบประชาชน เช่น กรณีเงินกู้นอกระบบ เป็นต้น

๖. คสช. เขาเข้ามาช่วยปรับปรุงมาตรฐานการบินพาณิชย์ที่ทั่วโลกเขาตราหน้าการบินของไทยว่า ไม่มีมาตรฐานด้านความปลอดภัย ให้ได้รับการพิจารณาความปลอดภัยจากองค์กรการบินระหว่างประเทศ

๗. คสช. เขาเข้ามาทำให้ทรัพยากรทางทะเลที่เสื่อมโทรมมาหลายสิบปีค่อยๆ ฟื้นตัว เพื่อให้คนไทยทุกกลุ่มได้เข้าถึงทรัพยากรทางทะเล ใช้ประโยชน์ได้อย่างเท่าเทียม ไม่ใช่แค่เฉพาะนายทุนเท่านั้นที่มีโอกาส

หากคุณวีระไปตามหัวเมืองชายฝั่งลองไปคุยกับประมงพื้นบ้านที่เป็นเจ้าของถิ่น เขาจะบอกให้คุณวีระให้รู้ความจริงว่า เวลานี้พวกเขาไม่ต้องออกไปหาสัตว์น้ำไกลชายฝั่ง ก็สามารถจับสัตว์น้ำได้มากขึ้นพออยู่พอกินเลี้ยงครอบครัวได้

๘. คสช. เขาเข้ามาทำให้ระบบคมนาคมสะดวก ปลอดภัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนของเอกชน อย่างเป็นผู้มีวิสัยทัศน์มองการไกลได้รอบด้าน

๙. และสิ่งที่พวกเราไม่มีโอกาสจะเห็นเลยว่า รัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย จัดการกับธุรกิจสีเทา สิ้นค้าหนีภาษีและผู้มีอิทธิพลต่างๆ ได้แต่ คสช. ทำได้ ทำจนสงบราบคาบ

๑๐. รวมทั้งกรณีธรรมกาย ที่เหิมเกริมถึงขนาดเขียนพระไตรปิฎกของตัวเองและย่ำยีพระธรรมวินัย กล่าวหาพระไตรปิฎกฉบับสยาม วว. บกพร่อง แต่พระไตรปิฎกของตนเองดีกว่า หรือคุณวีระคิดว่าปัญหานี้รัฐบาลประชาธิปไตยแก้ไขได้

๑๑. คสช. ช่วยพระพุทธศาสนาด้วยการชำระล้างสิ่งสกปรก และอลัชชีที่อาศัยผ้าเหลืองหากินกอบโกยและทุจริตเงินทอนวัด จนขยายความเน่าใน ไปถึงกรรมการมหาเถรสมาคม

เรื่องเหล่านี้มีมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลประชาธิปไตย แม้พุทธะอิสระจะพยายามไปยื่นเรื่องร้องเรียนสารพัดหน่วยงาน ก็ไม่มีใครจัดการได้ แต่ คสช. เขาจัดการได้

แน่นอนแหละ มนุษย์ปุถุชนมันคงไม่มีใครทำพูดคิดได้ถูกต้องชอบธรรมไปหมดหรอก แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ทำให้ประเทศชาติเสียหายไม่ทำให้สังคมวุ่นวาย ไม่ทำร้ายคนไทยด้วยคำหลอกลวง และไม่ปล่อยให้ใครมาฆ่าคนไทยด้วยกันเอง เหมือนกับรัฐบาลประชาธิปไตย

ถึงพุทธะอิสระจะพูดอธิบายอย่างไร คุณวีระคงจะไม่ฟังดอก เพราะคนมันเกลียดเสียแล้ว ต่อให้ทำดีแทบตายมันก็ยังเกลียดใช่ไหมคุณวีระ

เอาเป็นว่าหากคุณวีระจะมาทวงถามความรับผิดชอบแก่พวกเราพี่น้อง กปปส. คุณวีระก็ควรจักมีใจเป็นธรรมบ้าง ในฐานะที่คุณวีระเป็นนักสู้ภาคประชาชน และทำเพื่อประชาชนจริงๆ ควรช่วยทวงถามความรับผิดชอบต่อรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ว่าทำไมปล่อยให้ที่มีกองกำลังติดอาวุธมาไล่ฆ่าพี่น้อง กปปส.

หรือคุณวีระคิดว่า ชีวิตพวกเขาสำคัญไม่เท่าชีวิตคุณวีระ

ก็เขียนอธิบายในฐานะคนกันเองนะ แต่ถ้าเผอิญทำให้คุณวีระไม่ได้คิดว่า พุทธะอิสระพญาราชสีห์แห่งเวทีแจ้งวัฒนะมิใช่คนกันเองก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยที่เขียนโดยไม่รู้อะไรควร อะไรไม่ควร ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบ

และขอออกตัวก่อนนะว่า คนอย่างพุทธะอิสระไม่ได้หูหนวก ตาบอด พอจะมีปัญญารู้จักแยกดีแยกชั่ว ได้พอสมควร

ฉะนั้นการที่เขียนอธิบายเรื่องนี้ ก็มิใช่จักไปโอบอุ้ม คสช. เสียจนไม่ลืมหูลืมตา บ่อยครั้งไปที่พุทธะอิสระออกมาเตือน การทำงานของ คสช. ในทำนองที่ว่า ต้องยึดถือประโยชน์ชาติและประชาชนเป็นใหญ่ ไม่เช่นนั้นจักกลายเป็นการเสียของ เสียโอกาสของชาติ ประชาชนไป

ขอย้ำว่า ถ้าคุณอยากด่ารัฐบาลก็ด่าไป ถือเป็นสิทธิ์ของคุณ

แต่อย่ามาลามปามถึงประชาชนที่เขามีจิตใจรักชาติ ต้องการจะปกป้องบ้านเมือง ซึ่งพวกเขาไม่ได้มีผลประโยชน์ทับซ้อนอะไร

ไม่ได้สู้เพื่อต้องการอำนาจ หรือตำแหน่งใดๆ จากรัฐบาล

พวกเขาแค่มุ่งหวังว่า ต้องการให้บ้านเมืองปฏิรูปในทุกมิติ เพื่อความเจริญอย่างยั่งยืนเท่านั้น เขาไม่ได้เรียกร้องอะไรมากกว่านี้เลย

ทั้งที่สิ่งที่พวกเราได้รับ ก็คือ ข้อหากบฏ พวกเราก็ยังสู้

ไหนๆ คุณวีระก็เป็นนักสู้ภาคประชาชนคนหนึ่ง จะพูดอะไร ก็ควรคิดถึงหัวอกของคนที่เขาเสียสละบ้าง ไม่ใช่พอไม่พอใจใคร แล้วจะมาจิกหัวโขกสับกันเป็นว่าเล่นอย่างที่เป็นอยู่

เรื่องเช่นนี้ผู้มีวุฒิภาวะผู้นำ มีจิตใจเที่ยงธรรมเขาไม่ทำกันดอกคุณวีระ

พุทธะอิสระ


หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)


ooo





มีเพื่อนมิตรส่งไลน์และโทร.มาสอบถามผมจำนวนมากถึง กรณีที่พุทธอิสระกล่าวหาว่าผมไม่นึกถึงบุญคุณของทหาร คสช. ที่ช่วยผมออกจากคุกเขมร กรณีที่ผมโพสต์เฟซบุ๊คถามหาความรับผิดชอบบรรดาผู้ที่ไปเชิญทหารเข้ายึดอำนาจแล้วทหารกำลังจะสืบทอดอำนาจอยู่ในขณะนี้ นอกจากนี้พุทธะอิสระยังพูดว่าเป็นผู้ไปเจรจากับทหาร คสช. ให้ไปช่วยผมออกจากคุก และเมื่อผมออก จากคุก ผมก็ยังไปกราบขอบคุณถึงที่วัด

มีบางคนที่ทราบเรื่องต่างๆเหล่านี้และอยู่ในเหตุการณ์ ได้โทร.มาบอกเล่าให้ผมฟัง และขอให้ผมต้อง ชี้แจงความจริงให้สังคมได้รับทราบอย่างตรงไปตรงมา มิฉะนั้นอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสิ่งที่ พุทธะอิสระโพสต์ออกมา

ผมจึงต้องขอเรียนชี้แจงดังนี้ ขอยืนยันว่า ผมไม่เชื่อว่าทหาร คสช. ช่วยผมออกจากคุก แต่ที่ผมรู้แน่ๆก็คือ เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.2553 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทหาร คสช.เป็นคนไทยคนแรกที่ยืนยันกับชาวโลกว่าคน
ไทยทั้ง 7 (รวมทั้งผม)ล้ำเข้าไปในเขตแดนของเขมร 55 เมตร นอกจากนี้ผมรู้ว่า ฮุนเซน เป็นคนสั่งปล่อยผมชนิดที่คนในรัฐบาลเขมรเองก็ยังไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้เลย ฮุนเซนทำเรื่องนี้เงียบๆคนเดียว นอกจากนี้ยังมีผู้ให้ข้อมูลยืนยันกับผมว่า จีน ก็เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการช่วยเหลือผมในครั้งนี้ จึงมีหลายคนที่อ้างว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการช่วย
ผม ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตามที่มีส่วนช่วยเหลือผมจริงๆ
ผมก็ถือเป็นเรื่องที่ดี และระลึกถึงอยู่เสมอ แต่ก็มิได้หมายความว่า บุญคุณที่ได้ช่วยเหลือผม จะมาเหนือกว่าความเลวที่เขาทำกับประเทศชาติและประชาชน จนผมละเว้นที่จะไม่ตรวจสอบเขานะ

ผมมีหน้าที่ช่วยเหลือราชการต้านภัยคอร์รัปชัน ผมทำหน้าที่นี้ให้กับสังคมไทยมานานกว่ายี่สิบปี จนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์กับสังคมมาโดยตลอด
หน้าที่หลักของผมคือการช่วยตรวจสอบ เปิดโปงการทุจริต เปิดโปงเรื่องความไม่โปร่งใสต่างๆ การที่พุทธะอิสระมากล่าวหาว่าผมไม่ชอบทหารเป็นส่วนตัว มีอคติกับทหาร หรือเพราะทหารไม่ให้ความสำคัญ ผมจึงไม่พอใจทหารนั้น

แสดงให้เห็นว่าพุทธะอิสระยังไม่รู้จักผมดีพอ ตลอดเวลากว่ายี่สิบปีผมตรวจสอบทุกรัฐบาล แม้แต่รัฐบาลทักษิณที่ให้ความสำคัญกับผม ถึงขนาดเป็นประธานเปิดหน่วยงาน เครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2544 รัฐบาลทักษิณก็ยังไม่ได้รับสิทธิยกเว้นไม่ต้องถูก
ตรวจสอบจากผม เพราะผมไม่ใช่หรือที่ตรวจสอบทักษิณ จนทักษิณต้องถูกศาลฎีกาฯพิพากษาให้จำคุก จึงต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศจนถึงบัดนี้

ดังนั้น คนโกงชาติ คนขายชาติ ไม่ว่าผู้ใด หากทำผิด ก็ต้องถูกตรวจสอบไม่มีการยกเว้น แม้จะเป็นผู้ที่มีบุญคุณกับผมก็ตาม ในสายตาของพุทธะอิสระอาจจะมองว่าทหาร คสช. มีคุณความดีมากมายจนบดบังความไม่ดีที่ทหาร คสช.กำลังทำกับประเทศชาติและประชาชนอยู่ใน
ขณะนี้ก็ตาม นั่นก็เป็นเรื่องของท่าน แต่สำหรับผม ผมแยกดี แยกเลว บุญคุณที่มีกับผมไม่อาจลบล้างความผิดความชั่วที่
เขาทำกับประเทศชาติได้

พุทธะอิสระน่าจะเข้าใจผิดว่าผู้หญิงที่ไปพบที่วัดหลังการเลิกชุมนุมใหม่ๆ ว่าเป็นภรรยาหรือญาติของผม ที่ไปขอให้ช่วยพูดกับทหาร คสช.เพื่อช่วยผมนั้น ขอยืนยันว่าคนในครอบครัวผมทั้งคุณแม่ พี่สาว และภรรยาผม ทุกคนยืนยันกับผมว่า ไม่เคยไปขอพบพุทธะอิสระที่วัดเลย แต่จะเป็นผู้ใดที่ไปแอบอ้างนั้น ผมมิอาจทราบได้
และที่พุทธะอิสระอ้างว่าหลังผมออกจากคุกกลับ

เมืองไทย ผมยังไปกราบขอบคุณที่วัดนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เรื่องนี้เกิดจากการ์ดของผมชื่อเม่น ซึ่งเคยไปอยู่เป็นการ์ดให้พุทธะอิสระ ในช่วงที่ผมยังอยู่ที่เขมร ได้มาชักชวนให้ผมไปพบพุทธะอิสระที่วัดเพื่อทำ
ความรู้จักกัน ในฐานะคนไทยผู้รักชาติด้วยกัน การไปพบในวันนั้นก็อยู่ท่ามกลางคนนับร้อย ไม่ใช่ไปกราบเพื่อขอบคุณที่ช่วยเหลือผมแต่อย่าง

ใด แทบจะไม่มีเวลาพูดจาอะไรกันเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากพุทธะอิสระกำลังยุ่งอยู่กับการต้อนรับญาติโยมจำนวนมาก ดังนั้น การที่มาสรุปเอาเองว่าผมไป กราบขอบคุณนั้นจึงไม่เป็นความจริง คนที่อยู่ในเหตุการณ์ส่วนใหญ่ยังมีชีวิตอยู่สามารถ
ยืนยันเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

อีกประการที่พุทธะอิสระกล่าวว่าผม ไปย่ำยีพวก กปปส.นั้น ผมก็ไม่ทราบว่าการกระทำใดของผมที่เป็นการไปย่ำยี กปปส. ช่วยเอาหลักฐานมายืนยันด้วยครับ การกล่าวหาเช่นนี้ไม่ค่อยเป็นธรรมกับผมสักเท่าใด

ความจริงผมยังมีเรื่องที่จะพูดอีกมาก แต่เกรงว่าจะยาวมากเกินไป ก็ขอให้เข้าใจกันตามนี้
คนที่จะเดือดร้อนเสียหายจากการทำหน้าที่ของผม จะมีแต่คนโกงชาติ คนขายชาติ และคนที่สนับสนุนกลุ่มคนเหล่านี้เท่านั้นครับ คนที่ไม่ทำผิดจะไม่เดือดร้อนเสียหายจากการทำ
หน้าที่ของผมแต่อย่างใดครับ


วีระ สมความคิด


10 เหตุผลไม่ควรหนุน'ประยุทธ์' เป็นนายกฯ - 'จาตุรนต์ ฉายแสง'





"พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยต้องต่อต้านคสช.สืบทอดอำนาจ ไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ"

อนาคตของประเทศไทยจะเป็นอย่างไรขึ้นกับว่าประชาชนจะสนับสนุนการสืบทอดอำนาจของคสช.หรือไม่? สนับสนุนนายกฯคนนอกหรือไม่?

ผมได้แสดงความเห็นไปแล้วว่าประเด็นนี้ได้พัฒนามาจนเป็นประเด็นที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น คือ จะสนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯหลังการเลือกตั้งหรือไม่?

ผมเชื่อว่า จากวันนี้ไปถึงวันเลือกตั้งที่จะมีขึ้น(เมื่อไหร่ยังไม่ทราบ) เรื่องสำคัญ 2 เรื่องแรกที่ประชาชนจะถามจากพรรคการเมือง คือ

1.จะมีนโยบายในการแก้ปัญหาของประเทศอย่างไร? จะทำให้ประชาชนพ้นจากความเดือดร้อนได้อย่างไร?

2.จะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หากพล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีขึ้นมา พรรคของท่านจะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่

ในความเห็นของผม สำหรับคำถามที่ 2 พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยควรจะประกาศให้ชัดเจนว่าจะหยุดวงจรการสืบทอดอำนาจเผด็จการของคสช. จะไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ และหากพลเอกประยุทธ์ได้เป็นนายกฯก็จะไม่เข้าร่วมรัฐบาลนั้น

เหตุใดไม่ควรสนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ

คำตอบต่อคำถามนี้ ไม่ซับซ้อนอะไรเลย ที่ไม่ควรสนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯหลังการเลือกตั้งอีก ก็เพราะพลเอกประยุทธ์ได้ทำสิ่งต่างๆไว้ดังต่อไปนี้

1.เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดสร้างเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหาร

2.เป็นผู้นำในการทำรัฐประหาร ทำให้ประเทศถอยหลังและเกิดความเสียหายใหญ่หลวงตามมาโดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ

3.เลื่อนการเลือกตั้งครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้ไม่เป็นที่เชื่อถือในสายตาชาวโลกและชาวไทย

4.ทำให้เกิดรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่างๆที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และเป็นการวางระบบสืบทอดอำนาจเผด็จการยาวนาน

5.ไม่ปฏิรูปใดๆ แต่กลับวางยุทธศาสตร์และแผนปฏิรูปที่ล้าหลัง และให้มีผลไปอีกยาวนาน

6.ทำลายพรรคการเมืองและระบบพรรคการเมืองเพียงเพื่อประโยชน์ในการสืบทอดอำนาจของตนเอง

7.ใช้งบประมาณอย่างฟุ่มเฟือย หวังผลในการปูทางไปสู่การเป็นรัฐบาล โดยไม่คำนึงว่า จะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองหรือไม่

8.จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชน ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนไม่มีสิทธิ์ ไม่มีเสียง ไม่สามารถตรวจสอบถ่วงดุลการทำงานของรัฐบาลได้

9.ทำลายระบบในการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น จนอ่อนแอไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีอิสระ ไม่เป็นกลางและไม่เป็นที่เชื่อถือ ทำงานอย่างลูบหน้าปะจมูก

10.จากหลายข้อข้างต้นและการขาดความรู้ความสามารถในการบริหารประเทศ ทำให้เศรษฐกิจเสียหาย ประชาชนทำมาค้าขายไม่ได้ เดือดร้อนยากจนไปทั่ว และอาจเสียหายไปอีกยาวนาน

หากปล่อยให้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯหลังการเลือกตั้งและสืบทอดอำนาจต่อไปยาวนาน ปัญหาต่างๆที่พลเอกประยุทธ์กับพวกได้สร้างไว้ ย่อมไม่ได้รับการแก้ไขและจะยิ่งเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างมากมายมหาศาล

........
#ต่อด้านคสช.สืบทอดอำนาจ


Chaturon Chaisang

'โอ๊ค-อุ๊งอิ๊ง' โพสต์รูป 'พ่อแม้ว-อาปู' เย้ยพลังดูด คสช. - "พ่อกับอานั่งว่างๆระหว่างรอเครื่องบิน กาแฟร้อนต้องใช้หลอดดูด ยังไงหน้าก็ไม่หาย สวยหล่อเหมือนเดิม สภากาแฟ"





'โอ๊ค-อุ๊งอิ๊ง' โพสต์รูป 'พ่อแม้ว-อาปู' เย้ยพลังดูด คสช.


29 เม.ย. 2561
โดย ไทยรัฐออนไลน์


"โอ๊ค-อุ๊งอิ๊ง" โพสต์ไอจี ภาพหน้า "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" โชว์กาแฟมีภาพหน้า 2 อดีตนายกฯ เหน็บกระแสโชว์พลังดูด คสช. พร้อมความเห็นมากมายระบุคิดถึง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 เม.ย.61 นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือ โอ๊ค บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ภาพผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว โดยเป็นภาพนายทักษิณ นั่งโพสต์ถ่ายถือถ้วยกาแฟลาเต้อาร์ต ที่ฟองนมได้ปรินท์เป็นภาพหน้าของนายทักษิณ พร้อมโพสต์ข้อความว่า "พ่อกับอานั่งว่างๆระหว่างรอเครื่องบิน กาแฟร้อนต้องใช้หลอดดูด ยังไงหน้าก็ไม่หาย สวยหล่อเหมือนเดิม สภากาแฟ"

อีกทั้ง นายพานทองแท้ ยังได้โพสต์ภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ นั่งถือถ้วยกาแฟปรินท์เป็นภาพ น.ส.ย่ิงลักษณ์ เช่นเดียวกัน พร้อมข้อความว่า "เรียกกำลังเสริมแพรบ แก้วนี้ก็ไม่กล้าดื่ม มิน่ารอดูดอย่างเดียว"

รวมถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง บุตรสาวคนสุดท้องของ นายทักษิณ ได้โพสต์ภาพนายทักษิณนั่งยิ้มถือถ้วยกาแฟผ่านอินสตาแกรมเช่นเดียวกัน พร้อมโพสต์ข้อความว่า "พ่อส่งรูปมาดูตื่นเต้นกับรูปถ่ายบนกาแฟ สมัยที่พ่อเป็นเด็กขายกาแฟที่สันกำแพง มีแต่แบบถุงๆนะคะ อุ๊ย มี 2 ถ้วย" โดยทั้ง 2 อินสตาแกรม ได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็น ส่วนใหญ่บอกว่าคิดถึง.

ชาวเชียงใหม่แสดงจุดยืนขอคืนผืนป่าดอยสุเทพ ขีดเส้นนายกฯ 7 วัน ต้องรื้อบ้านพักตุลาการ




...


เครือข่ายชาวเชียงใหม่ต้านบ้านศาล ไม่เอา ม.44 แก้ปัญหาหมู่บ้านป่าแหว่ง



BUSABA SIVASOMBOON/BBC THAI
คำบรรยายภาพเครือข่ายภาคประชาชนชาวเชียงใหม่แสดงจุดยืนเพื่อปกป้องและขอคืนผืนป่าดอยสุเทพจากกรณีการก่อสร้างบ้านพักตุลาการริมดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่


29 เมษายน 2018
ที่มา บีบีซีไทย


ชาวเชียงใหม่แสดงจุดยืนขอคืนผืนป่าดอยสุเทพ ต้องการให้รื้อบ้านพักตุลาการ ยืนยันไม่ได้ออกมากดดันให้หัวหน้า คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อให้ยกเลิก

ตั้งแต่ช่วงเช้า ประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่ได้รวมตัวกันที่บริเวณลานประตูท่าแพ ก่อนเดินทางไปยังอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ แสดงจุดยืนเพื่อปกป้องและขอคืนผืนป่าดอยสุเทพจากกรณีการก่อสร้างบ้านพักตุลาการริมดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ ขบวนของประชาชนต่างผูกริบบิ้นสีเขียวเป็นสัญลักษณ์การต่อต้าน พร้อมตะโกนว่า "ตุ๊บขว้าง เตขว้าง" หรือ "ทุบทิ้ง รื้อทิ้ง" ก่อนจะอ่านประกาศเจตนารมณ์ ที่บริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์และสลายตัวเมื่อเวลา 10.00 น.



สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตำรวจประมาณการณ์ว่ามีผู้เข้าร่วมชุมนุมประท้วงราว 1,250 คน และเป็นการชุมนุมที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งตั้งแต่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เข้ายึดอำนาจเมื่อปี 2014 และมีการประกาศห้ามชุมนุมมากกว่า 5 คนขึ้นไป

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอีกว่า ตำรวจในพื้นที่ระบุว่า นี่เป็นการชุมนุมเพื่อประเด็นทางสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่การเมือง และผู้จัดก็ได้ทำหนังสือขออนุญาตชุมนุมประท้วงอย่างถูกต้อง และก็ทำความสะอาดสถานที่หลังจากกิจกรรมเสร็จสิ้น

เจตนิพิฐ (ขอสงวนนามสกุล) วัย 20 ปี บอกกับบีบีซีไทยว่า "เราเป็นคนเชียงใหม่เกิดและเติบโตที่นี่ ถ้าเรานิ่งเฉยคือการยอมรับ ต้องออกมาแสดงพลังร่วมว่าจะต้องรื้อ ถ้าเราปล่อยไปก็อาจจะเกิดโครงการที่ 2-3-4 ต่อไป"



BUSABA SIVASOMBOON/BBC THAI


ด้านนายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ประธานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ซึ่งเป็นการรวมตัวของภาคประชาชน 44 องค์กร กล่าวกับบีบีซีไทยว่า การชุมนุมในวันนี้เป็นการแสดงพลังของชาวเชียงใหม่และคนทั่วประเทศที่บอกว่าเราไม่ต้องการโครงการบ้านตุลาการ และยืนยันที่จะรอฟังคำตอบของนายกรัฐมนตรีหรือหัวหน้า คสช. ในการแก้ไขปัญหานี้

อย่างไรก็ตาม นายธีระศักดิ์กล่าวว่าเครือข่ายฯ ไม่ได้ต้องการให้นายกฯ ใช้อำนาจมาตรา 44 สั่งให้ยกเลิก แต่จะให้เวลานายกฯ อีก 7 วันเพื่อที่จะตอบว่าจะดำเนินการอย่างไร ก่อนที่จะยกระดับการเรียกร้องขึ้นไปอีก


BUSABA SIVASOMBOON/BBC THAI


การเรียกร้องจะกระทำในทุกมิติ โดยจะเริ่มในวันที่ 6 พ.ค. มีการแสดงงานศิลปะต่อต้านบ้านศาลและจะเดินหน้าคัดค้านไปจนกว่าจะได้รับคำตอบ

บีบีซีไทยได้สอบถามไปทางศาลอุทธรณ์เชียงใหม่ที่มีพื้นที่โครงการตั้งอยู่ แต่ศาลปฏิเสธที่จะให้ความเห็น




BUSABA SIVASOMBOON/BBC THAI


ศาลขอให้ได้พิสูจน์ด้านอนุรักษ์ธรรมชาติ


ก่อนหน้านี้นายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา ซึ่งอดีตเคยเป็นประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 ในช่วงเริ่มโครงการบ้านพักตุลาการ ได้กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสว่า "การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่ใช่ต้องรื้ออย่างเดียว เราทำให้สิ่งที่มีอยู่แล้ว มาปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ไหม ขอเวลาสัก 10 ปีแล้วค่อยว่ากัน ถ้า 10 ปีแล้ว บริเวณแถบนี้ยังคงเป็นทะเลทราย อย่างนั้นก็ค่อยมาดูกันอีกที"

และนายชำนาญก็ยังได้ย้ำว่า "ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีภาคประชาชนใดมาพูดคุย ผมไม่เห็นเลยเครือข่ายที่ว่านี้" เพื่อตอบคำถามที่ว่าเมื่อเริ่มโครงการมีเครือข่ายใดในเชียงใหม่ออกมาคัดค้านหรือไม่



GOOGLE/เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ
คำบรรยายภาพโครงการก่อสร้างบ้านพักตุลาการซึ่งเชื่อว่ารุกล้ำเข้าแนวเขตป่าดั้งเดิม (เส้นประ)


ในขณะเดียวกัน นายนิคม พุทธา ประธานกลุ่มอนุรักษ์ลุ่มแม่น้ำปิง กล่าวกับบีบีซีไทยว่า ตัวเขาจะใช้วิธีการอดข้าว และสวดมนต์ทางด้านหน้าศาลอุทธรณ์ภาค 5 ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีโครงการในวันที่ 25 เป็นต้นไป

"ผมว่าทั้งสองฝ่ายต้องยอมรับข้อผิดพลาดของตนเอง ร่วมมือกันแก้ไขปัญหา ทางฝ่ายเครือข่ายประชาชนก็ต้องพร้อมจะหารือพูดคุยรับฟังศาล ทางด้านศาลเองก็อย่าไปยืนยันว่าได้มาโดยถูกกฎหมาย เพราะโครงการนี้ก็เหมือนกลัดกระดุมเม็ดแรกไม่ตรง เม็ดที่สองที่สามมันก็ไม่ตรงตามมา" นายนิคมกล่าว

เขาเคยมีส่วนร่วมในการอดข้าวและสวดมนต์ประท้วงเรื่องความขัดแย้งด้านการเมืองระหว่างเสื้อเหลืองเสื้อแดงในเมืองเชียงใหม่มาแล้ว รวมทั้งเคยทำวิธีนี้เพื่อประท้วงการระเบิดแก่งหินในแม่น้ำโขงของบริษัทจีนมาก่อนหน้านี้ด้วย


ชาวเชียงใหม่ส่งเสียงถึง นายกฯ "รื้อบ้านพักศาล




https://www.facebook.com/ThaiPBSFan/videos/10160549678555085/


วันอาทิตย์, เมษายน 29, 2561

อารมณ์ ‘เหลืออด’ ก้าวข้ามทักษิณ หนักหนายิ่งกว่าทวงคืนผืนป่าหมู่บ้านตุลาการ

“คนแถวนี้ถ้าเขาไม่เหลืออดจริงๆ เขาไม่ออกมาประท้วง หรือเรียกร้องอะไรหรอก” ถ้อยคำที่ Pipob Udomittipong เขียนโพสต์ว่า “คนเหนือแต๊ ๆ ที่ไม่ได้ยุ่งกับการเมืองเลยบอกผม”

ถึงเหตุการณ์ที่ชาวเชียงใหม่ กว่าพันพร้อมเพรียงกันออกมาเรียกร้อง “ให้นายกรัฐมนตรี สั่งรื้อถอนบ้านพักตุลาการศาลอุทธรณ์ ภาค ๕ ที่รุกล้ำแนวเขตป่าธรรมชาติ เพื่อปรับพื้นที่และฟื้นฟูให้กลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิม” (@Weeranan VoiceTV21)
นอกจากนั้นยังมีผู้ตอบสำรวจ นิด้าโพล ๘๕.๒ เปอร์เซ็นต์ของตัวอย่าง ๑,๒๕๐ คน เห็นว่าการขึ้นไปจัดทำโครงการสร้างบ้านพักตุลาการอย่างหรูนี้ “ไม่เหมาะสม

เพราะเป็นการทำลายป่าไม้ ทำลายธรรมชาติและระบบนิเวศ สิ้นเปลืองงบประมาณควรนำงบประมาณไปใช้ทำอย่างอื่นที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับคนในพื้นที่ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไม่ควรมีสิ่งปลูกสร้าง”

อีกทั้งโพลของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์นี้ยังพบว่า “ส่วนใหญ่ร้อยละ ๕๓.๘๔ ระบุว่าเห็นด้วย...กับการรื้อถอนบ้านพักตุลาการศาลบริเวณดอยสุเทพออกทั้งหมด “เพราะจะได้คืนผืนป่าให้กลับมาอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิม และจะเป็นการช่วยอนุรักษ์ผืนป่าเอาไว้


เช่นนี้ก็น่าจะเกินพอให้มีการยุติโครงการอย่างสิ้นเชิง และรื้อถอนวัสดุก่อสร้างต่างๆ ออกไปให้หมด มิใช่แก้ไขปัญหาด้วยปาก บอกว่ายับยั้งและจะไม่ให้ตุลาการเข้าไปอยู่อาศัย แต่การก่อสร้างก็ยังดำเนินมา อย่างน้อยในตลอดเวลากว่าเดือนที่เริ่มมีกระบวนการประท้วงคัดค้านเกิดขึ้น

มิหนำซ้ำฝ่ายตุลาการผู้ได้รับประโยชน์เกินเต็มจากโครงการนี้แสดงความเห็นแก่ตัวจะเอาแต่ได้ อดีตผู้พิพากษาระดับประธานศาลนายหนึ่งอ้างการปักปันโดยทหาร ให้เนื้อที่ ๑๔๗ ไร่ของโครงการอยู่นอกเขตป่าสงวน

ผู้พิพากษาคนนั้นยังแสดงอาการพาลพาโล ไปแขวะโครงการก่อสร้างมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่งในเนื้อที่กว่า ๖ พันไร่ว่าลุกล้ำป่าเหมือนกันใยไม่มีใครค้าน อดีตผู้พิพากษาคนนั้นคงหูตาเมามัวเสียจนมองไม่เห็นว่าโครงการสร้างมหาวิทยาลัยนั้นเป็นประโยชน์ทางการศึกษาแก่เยาวชนของชาติเป็นหมื่นเป็นแสนคน และเป็นล้านๆ ในระยะยาว

แต่โครงการหมู่บ้านป่าแหว่งบนดอยสุเทพ เป็นความสุขสบายส่วนตัวของผู้พิพากษาไม่กี่สิบคน ไฉนผู้มีอาชีพบังคับใช้กฎหมายจึงต้องมีอภิสิทธิ์ความเป็นอยู่สูงส่งบนเขา ขณะที่คนธรรมดาไม่สามารถทำได้

อดีตผู้พิพากษาระดับสูงถึงดอยอีกคนมีหน้าบอกว่า ขืนไม่ให้ผู้พิพากษาอยู่บ้านเก๋ไก๋รายล้อมด้วยป่าอย่างนี้ ชาวบ้านต้องเสียเวลาไปฟังการพิจารณาคดีถึงกรุงเทพฯ เชียวละ จึงขอให้พวกตุลาการได้อยู่อาศัยใช้สิทธิพิเศาไปก่อนสักสิบปีดูสิว่าจะช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศที่เสียไปจากการก่อสร้างได้ไหม

เหล่านั้นน่ะหรือคือความคิดความอ่านของคนที่ทำหน้าที่พิพากษาคดีความเพื่อธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม มิน่าประเทศชาติถึงได้ถดถอยทางจริยธรรมในความเสมอภาคแห่งมนุษยชนลงไปได้เพียงนี้ เมื่อผู้ใช้กฎหมายอ้างบางตัวบทให้เกิดความได้เปรียบแก่ตน และสร้างความเหลื่อมล้ำทับถมสามัญชนอื่น

มันสะท้อนสถานะในสังคมแห่งการแบ่งแยกแตกร้าวฝังลึกกระทั่งทุกวันนี้ ยากที่จะผ่อนคลาย ไม่ต้องพูดถึงการเลิกรา เมื่อมีการตีตราฝ่ายหนึ่งว่าเป็นคนไม่ดี อีกฝ่ายเป็นคนดีเพียงเพราะสนับสนุนให้ทหารเข้ามายึดอำนาจเอาไปครองอย่างเบ็ดเสร็จ เสียจนกำลังจะก่อความเดือดร้อนเสียเองแก่ฝ่ายที่เป็นนั่งร้านรองรับเผด็จการ

หนึ่งในพวก นั่งร้าน ตัวยง นัก ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง เพิ่งจะรู้สึกว่าถูกทหารหลอกใช้เป็นบันไดเหยียบขึ้นสู่อำนาจ โพสต์ข้อความอันย้อนแย้งอย่าง ‘irony’ ว่า “เมื่อไหร่พี่น้องเสื้อเหลืองเสื้อแดงจะจับมือก้าวข้าม คสช.+ทักษิณ+คอร์รัปชัน” เสียที
 
รสนา โตสิตระกูล อดีต สว.คนดังของกรุงเทพฯ เปรียบเปรยการจับมือกันของผู้นำเกาหลีเหนือ-ใต้ ลงนามเขตปลอดอาวุธปรมาณูบนคาบสมุทรเกาหลี และร่วมกันกรุยทางไปสู่การรวมตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของสองฝ่าย แล้วย้อนมาดูตัวเองของพวกเรา

มีคนถามว่า “แล้วที่ไปเดินขบวนขับไล่ตระกูลทักษิณไม่ได้ผลหรือ” น.ส.รสนาให้ความเห็นว่า “๔ ปีของ คสช.ไม่ได้ปฏิรูปเรื่องสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง” แต่ผู้ตั้งคำถามที่เป็น เสื้อเหลือง เต็มที่คนนั้นก็ยังคงยืนยันว่า

“ไม่ต้องการให้ทักษิณกลับมา เลยยังต้องสนับสนุน คสช.ต่อไป ดิฉันถามว่าแม้ในสมัยนี้ที่มีการคอร์รัปชันไม่ต่างจากรัฐบาลในเครือข่ายทักษิณที่เธอออกมาเดินขบวนขับไล่กันหรือ เธอได้แต่นิ่งอึ้ง”

รสนาเจาะจงถึงประเด็นที่มีการเอ่ยถึงมาแล้วในช่วงเกือบปีที่ผ่านมา หลังจากที่คนส่วนใหญ่ตระหนักแล้วว่า คสช. ไม่เพียง ไร้น้ำยา หากเข้ามาเพื่ออำนาจของตนเองเท่านั้น และยิ่งอยู่นานก็ยิ่งลงยาก

เธอว่า “หากเสื้อเหลืองเสื้อแดงยังแตกคอกัน ปกป้องแต่ผู้นำที่ตนเชียร์ แม้ผู้นำของตนจะคอร์รัปชัน เราก็คงเป็นเหมือนเกาหลีเหนือเกาหลีใต้ที่ไม่ยอมก้าวข้ามเส้นแบ่งสมมติที่ขีดกันขึ้นมา”


ข้อเรียกร้องของรสนามิใช่แค่ ‘too little, too late’ เพราะการเกลียดชังซึ่งกันและกันของสองฝ่ายมันก้าวข้ามทั้งทักษิณและ คสช. ไปไกล อีกทั้งเนิ่นนานยากที่จะกู่กลับเสียแล้ว ตราบเท่าที่ความรู้สึกกร่าง หยามหมิ่น และเอาเปรียบยังฝังอยู่กับมโนจริตการเป็น คนดี
 
พงศกร รอดชมภู ถือโอกาสตอบคำของรสนาว่า “แดง-เหลืองส่วนใหญ่ไม่ใช่คู่ขัดแย้งกัน แต่เป็นเหตุจากชนชั้นนำที่บอกว่าควรปกครองด้วยการแต่งตั้ง ด้วยผู้ดีมีสกุล แต่ปัญญาอ่อนก็ได้ต่างหาก ที่ไม่ยอมสละอำนาจนั้น...

ไม่ต้องก้าวข้ามใคร นอกจากชนชั้นปกครองทั้งหลายที่เห็นแก่ตัว ทำนาบนหลังคน เพื่อสร้างความเสมอภาคและความยุติธรรม เท่านั้นครับ” อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงฯ สมัยทักษิณ โต้นักปฏิรูปพลังงานตัวยง “แม้แต่ ปตท. ที่บางคนยังไม่ก้าวข้าม”

สวนรสนาทันควัน (แรงส์) อีกคนไม่พ้น Pavin Chachavalpongpun นักวิชาการสังกัดมหาวิทยาลัยเกียวโต แต่ตะลอนสอนหนังสือและบรรยายไปทั่วโลก ว่า “ตัวมึงเองนะคะที่มีส่วนเป่านกหวีดเรียกทหารทำรัฐประหารล้มอีปู” และ

“คนเสื้อแดงถูกยิงตายฟรีๆ เกือบ ๑๐๐ คน ให้เค้าก้าวข้ามหรอคะ ถ้าพ่อแม่มึงถูกยิงกะโหลกด้วย มึงจะก้าวข้ามไหมคะ” เสริมด้วยว่า “ตอนนี้ไทยอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการ คสช วิธีเดียวที่จะก้าวข้ามได้คือต้องโค่นล้มมันคะ”


นี่ก็น่าจะเป็นอารมณ์ เหลืออด เหมือนกัน หากหนักหนายิ่งกว่าความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้พิพากษาสูงส่งบนดอยกับชาวบ้านติดดิน

ชาวเชียงใหม่ยกระดับ กดดันบ้านพักศาลเชิงดอยสุเทพ




https://www.facebook.com/ThaiPBSFan/videos/10160546671600085/


การให้ลองอยู่บ้านพักสัก 10 ปีเผื่อปรับตัวเข้ากับป่าได้ ไม่ต่างอะไรกับการข่มขืนผู้หญิงแล้วบอกว่าให้อยู่กันไปก่อนเผื่อวันหน้าอาจจะรักกัน - ร่วมคัดค้านการบุกรุกทำลายป่าบนแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์



...



ทำไมต้องเป็นป่าตรงนี้ ? กับคำถามที่คาใจของใครหลายๆคน!!
#แคมเปญขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพที่ https://goo.gl/N2cnns #เพจขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ https://goo.gl/drKZ7v (มินท๊อป

...



ข้าพเจ้ากำลังร่วม #ชุมนุมออนไลน์คู่ขนาน
ต้านป่าแหว่ง 29 เมษายน 2561
ร่วมกดแชร์โพสต์นี้ต่อ... เติมยอดแชร์ = เติมยอดชุมนุมคู่ขนาน
.
.
1 แชร์ = 1 ผู้ชุมนุม
.
.
แชร์ตั้งแต่บัดนี้ สิ้นสุด เวลา 12.00น. ของวันที่ 29 เมษายน 2561
ยอดจำนวนแชร์ เท่ากับ ยอดจำนวนผู้ชุมนุมออนไลน์ 
.
วันประกาศเจตนารมณ์ประชาชน ทวงคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ https://www.facebook.com/events/1764865720242238??ti=ia
.
ฉัน 💚 ดอยสุเทพ
#เพจขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ (มินพล)

ooo





ความเข้าใจผิดในเรื่องสำคัญยิ่งของคุณรสนา กรณีเกาหลี และเหลืองแดง





ความเห็นผม คุณรสนาเข้าใจผิดเรื่องเกาหลี และเหลืองแดงในเรื่องสำคัญยิ่ง
กรณีเกาหลี ผู้นำเกาหลีเหนือรู้ตัวว่าการแข็งขืนเป็นเผด็จการอันดับ ๑ ที่สหรัฐฯตราหน้าว่าเป็นรัฐอันธพาลและจัดงบประมาณเตรียมถล่มนั้น ไม่มีทางรอด สู้ลงจากหลังเสือดีกว่า ได้หน้าแบบฉลาดด้วย

สุดท้ายเกาหลีจะจบลงด้วยการะบวนการประชาธิปไตย

ส่วนไทยเรา ไม่ใช่เรื่อง แดง เหลือง ไม่ใช่เรื่องทักษิณ คสช. หรือแม้แต่ ปตท. ที่บางคนยังไม่ก้าวข้าม

มันเป็นเรื่องระหว่างชนชั้นนำที่กดขี่ หากินกับความยากไร้ จน เจ็บ โง่ ของประชาชน กับประชาชนที่ไม่ต้องการระบบอุปถัมภ์ เส้นสาย การมีอภิสิทธิ์ของคนกลุ่มต่างๆ ที่แม้แต่ฮวงซุ้ยก็ยังไปขอที่บนเขาทำฟรีๆ

แดง เหลือง ส่วนใหญ่ไม่ใช่คู่ขัดแย้งกัน แต่เป็นเหตุจากชนชั้นนำที่บอกว่าควรปกครองด้วยการแต่งตั้ง ด้วยผู้ดี มีสกุลแต่ปัญญาอ่อนก็ได้ต่างหากที่ไม่ยอม สละอำนาจนั้นเหมือนที่ คิมทำ

การก้าวข้ามทักษิณ หรือ คสช. ไม่มีความจำเป็นเลย เพราะประชาชนเลิกสนใจตัวบุคคลมานานแล้ว และเห็นว่าเป็นปัญหาของระบบ ของโครงสร้างที่ล้าสมัย ต้องรีบแก้ไข มิฉะนั้นจะล้าหลัง ยากจนไม่ทันคนอื่นเขา

เปรียบเสมือน เรียวมะ ของญี่ปุ่นที่มุ่งหาทางรวมชาติ โค่นล้มระบอบศักดินา ขุนนางของโชกุน และมาจบที่สงครามซามูไรยุคสุดท้าย

ไม่ต้องก้าวข้ามใคร นอกจากชนชั้นปกครองทั้งหลายที่เห็นแก่ตัว ทำนาบนหลังคน เพื่อสร้างความเสมอภาคและความยุติธรรม เท่านั้นครับ


พงศกร รอดชมภู



รสนาถาม อ.ปวินตอบ เรื่องเมื่อไหร่เหลืองแดงจะปรองดองสักที และจะจับมือก้าวข้ามคสช.+ทักษิณ+คอร์รัปชัน !?!





เมื่อไหร่พี่น้องเสื้อเหลืองเสื้อแดงจะจับมือก้าวข้ามคสช.+ทักษิณ+
คอร์รัปชัน !?!

ข่าวใหญ่ของวันนี้คือการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างเกาหลีเหนือ-ใต้เริ่มขึ้นเมื่อสองผู้นำมาพบกัน ทั้งคู่ทักทายด้วยการจับมือกันโดยที่ผู้นำเกาหลีเหนือยืนอยู่ทางฝั่งเหนือของเส้นแบ่งเขตแดน ในขณะที่ผู้นำเกาหลีใต้ยืนอยู่ในดินแดนฝั่งใต้
คิม จองอึนได้เชื้อเชิญและจูงมือพาประธานาธิบดีมุน แจอินข้ามเส้นเขตแดนเข้ามาในดินแดนฝั่งเหนือ ซึ่งเป็นการกระทำที่เหนือความคาดหมาย ก่อนที่จะเดินข้ามเส้นเขตแดนกลับมาที่ฝั่งใต้ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเข้ามาในเขตปลอดทหารเพื่อเปิดงานประชุมในฝั่งใต้ ซึ่งคิม จองอึนเป็นผู้นำเกาหลีเหนือคนแรกที่ได้ข้ามเส้นเข้ามาในฝั่งเกาหลีใต้ตั้งแต่ทั้งสองเกาหลีลงนามสงบศึกในสงครามเกาหลีเมื่อ 65 ปีก่อน

เรื่องนี้ทำให้ดิฉันนึกถึงการสนทนากับคู่สามีภรรยา ที่ได้พบกันโดยบังเอิญที่ตลาดเมื่อวานนี้ ฝ่ายภรรยาเข้ามาถามว่าใช่คุณรสนาไหม พอทราบว่าใช่ เธอก็ขอคุยเรื่องการเมือง

สิ่งที่เธออยากรู้คือเลือกตั้งครั้งหน้า ใครจะชนะ พอบอกนักการเมืองเก่าๆคงจะกลับมาอีก เธอส่งเสียงขึ้นมาว่า ได้ยังไง แล้วที่ไปเดินขบวนขับไล่ตระกูลทักษิณไม่ได้ผลหรือ?

ดิฉันแสดงความเห็นว่า 4ปีของคสช.ไม่ได้ปฏิรูปเรื่องสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง น่าเสียดายที่มีอำนาจมากขนาดนั้น แต่ไม่ทำให้เกิดการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงอย่างที่ประชาชนที่ออกมาเดินขบวนต้องการ ที่เห็นชัดเจนคืออุ้มกลุ่มทุนเป็นหลัก แบบที่สื่อเคยนิยามพฤติกรรมรัฐบาลคสช.ว่า “ยื่นปลาซิวให้คนจน มอบเรือประมงแก่นายทุน”

นโยบายสาธารณะอย่างเงินสวัสดิการแห่งรัฐให้คนจนเดือนละ300บาท แต่เงินนั้นไม่เกิดการหมุนเวียนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับรากหญ้า แต่เป็นการเอางบประมาณแผ่นดินผ่านมือคนจนเข้าสู่กระเป๋าเจ้าสัว

ยิ่งกว่านั้นในรัฐบาลคสช.กิจการดีๆของรัฐวิสาหกิจที่เป็นกิจการสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อดูแลประชาชนกำลังถูกบริหารให้เจ๊ง เพื่อผ่องถ่ายกิจการและทรัพย์สินของรัฐวิสาหกิจไปให้เอกชนทำกำไรแทน

ผลประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมก็บิดกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนอย่างชัดเจนโดยรัฐบาลไม่รับฟังเหตุผลเพราะคิดว่าตนคือรัฐาธิปัตย์ที่จะทำอะไรก็ได้โดยไม่ฟังเสียงทักท้วง

แม้แต่นักวิชาการก็ยังระบุว่ามีงานวิจัยที่สำรวจพบว่ามีการคอร์รัปชันสูงมากในรัฐบาลนี้ และไม่มีกลไกการตรวจสอบ ถ่วงดุลอำนาจจากสภานิติบัญญัติและจากบรรดาองค์กรอิสระทั้งหลาย

เธอท้วงว่าก็เห็นข่าวบอกว่าเศรษฐกิจดีขึ้นไม่ใช่หรือ ดิฉันบอกเธอลองเดินไปถามพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสดดูสิ เท่าที่ดิฉันฟังเสียงบ่นคือการค้าขายเงียบเหงา ขายได้น้อยลง

เธอยังยืนยันว่าไม่ต้องการให้ทักษิณกลับมา เลยยังต้องสนับสนุนคสช.ต่อไป ดิฉันถามว่าแม้ในสมัยนี้ที่มีการคอร์รัปชันไม่ต่างจากรัฐบาลในเครือข่ายทักษิณที่เธอออกมาเดินขบวนขับไล่กันหรือ เธอได้แต่นิ่งอึ้ง

เธอเป็นเสื้อเหลืองที่สนใจการเมืองมาตั้งแต่ยังเป็นสาวรุ่น เธอเล่าว่ากระเตงน้องไปฟังการหาเสียงของนักการเมืองทุกครั้ง สมัย14ตุลาก็ไปร่วมเดินขบวนกับเขาด้วย

ทั้ง2เหตุการณ์ทำให้ดิฉันคิดถึงเส้นแบ่งระหว่างเสื้อเหลืองและเสื้อแดงที่ต่างไม่ยอมก้าวข้ามเส้นแบ่งสมมติเหมือนเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้

พี่น้องเสื้อแดงที่เชียร์ทักษิณก็จะไม่แตะประเด็นคอร์รัปชันเชิงนโยบายหลายเรื่องรวมทั้งการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของเครือข่ายทักษิณ และที่ต้องเชียร์ทักษิณเพื่อต่อต้านคสช.

เช่นเดียวกับพี่น้องเสื้อเหลืองที่จะไม่แตะเรื่องการคอร์รัปชันและการกินรวบรัฐวิสาหกิจของเครือข่ายคสช.ที่ไม่ต่างจากเครือข่ายทักษิณ และยังต่อยอดสิ่งที่เครือข่ายทักษิณทำมาก่อนให้ขยายขอบเขตกว้างขวางยิ่งขึ้น พี่น้องเสื้อเหลืองก็ไม่ต่อต้าน ที่ต้องยึดคสช.ไว้เพราะไม่เอาทักษิณ

ต่างฝ่ายต่างด่าว่าอีกฝ่าย โดยไม่เคยตรวจสอบฝ่ายของตนเองในประเด็นการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย เช่นการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่ถ่ายโอนสาธารณสมบัติและสิทธิผูกขาดของรัฐไปให้เอกชนทำกำไรจากประชาชน ซึ่งเป็นกระบวนการฉ้อราษฎร์บังหลวงขนาดใหญ่

ฝ่ายเสื้อแดงก็ด่าว่าฝ่ายเสื้อเหลืองที่สนับนุน
ทหารมายึดอำนาจรัฐบาลจากการเลือกตั้งและสมน้ำหน้าที่ยุคคสช.ก็มีคอร์รัปชันไม่ต่างกัน และยังถูกริดรอนสิทธิเสรีภาพอีกด้วย แต่ฝ่ายเสื้อแดงไม่เคยทบทวนดูว่าการทุจริตคอร์รัปชันของรัฐบาลจากการเลือกตั้งเป็นข้ออ้างให้ทหารมายึดอำนาจ ใช่หรือไม่ ถ้าประชาชนทุกฝ่ายไม่ปล่อยให้รัฐบาลฝ่ายไหนคอร์รัปชัน จุดเปลี่ยนจะเกิดขึ้น

ถ้าทุกฝ่ายลองทบทวนดูประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชนที่ผ่านมา เราสูญเสียคนหนุ่มคนสาวที่ต่อสู้ขับไล่เผด็จการ บางคนเสียชีวิต บางคนพิการ บางคนถูกฟ้องล้มละลาย

เรายอมให้การเสียสละเหล่านี้เพียงเพื่อเป็นนั่งร้านให้ทั้งนักเลือกตั้งและนักรัฐประหารขึ้นมาเสพเสวยอำนาจโดยไม่ฟังเสียงประชาชนเท่านั้นหรือ

ตัวแทนเหล่านี้ไม่ได้เป็นปากเป็นเสียงของประชาชน แต่เข้ามาเป็นตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ทางธุรกิจของพรรคพวกตนเอง

หากเสื้อเหลืองเสื้อแดงยังแตกคอกัน ปกป้องแต่ผู้นำที่ตนเชียร์ แม้ผู้นำของตนจะคอร์รัปชัน เราก็คงเป็นเหมือนเกาหลีเหนือเกาหลีใต้ที่ไม่ยอมก้าวข้ามเส้นแบ่งสมมติที่ขีดกันขึ้นมา

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ประชาชนไม่หลงกลการถูกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายโดยผู้นำพวกนั้น และกลับมาตระหนักในอำนาจของตนเองว่าในการต่อสู้ขับไล่เผด็จการทั้งเผด็จการทหารและเผด็จการรัฐสภา เพื่อให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นนั้น ประชาชนได้อยู่ในสมการของดุลแห่งอำนาจทางการเมืองหรือไม่ หรือประชาชนเป็นเพียงนั่งร้านที่จะถูกถีบทิ้งทุกครั้งเมื่อขับไล่เผด็จการฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสำเร็จแล้ว และปล่อยให้ตัวแทนผลประโยชน์อีกฝ่ายเข้ามาใช้อำนาจกอบโกยราวกับอำนาจเป็นของเขา และประชาชนเป็นเพียงขอทานรอคอยความเมตตาที่เขาจะหยิบยื่นให้

เมื่อไหร่ก็ตามที่ประชาชนมีสำนึกในอำนาจที่แท้จริงของตนมิใช่แค่ตัวอักษรที่ตราไว้ในรัฐธรรมนูญ เมื่อนั้นพี่น้องประชาชนทั้งเสื้อเหลืองและเสื้อแดงต้องจับมือกันก้าวข้ามคสช.+ ทักษิณ เพื่อร่วมกันกำหนดดุลแห่งอำนาจของประชาชนใหม่ในสมการทางการเมืองเพื่อขจัดการทุจริตคอร์รัปชันที่ตัวแทนทางการเมืองทั้ง2ประเภทใช้อำนาจของประชาชนเป็นช่องทางแสวงหาเงิน เพื่อเป็นฐานเข้าสู่อำนาจทางการเมือง และใช้อำนาจทางการเมืองเป็นช่องทางหาเงิน วนเวียนกันเป็นวัฏจักรของการทุจริตคอร์รัปชันที่ไม่สิ้นสุด

ประชาชนฝ่ายเหลืองและฝ่ายแดงควรยึดอุดมการณ์ร่วมที่จะไม่ยอมรับการทุจริต คอร์รัปชันของฝ่ายใด เมื่อนั้นเราจะสามารถก้าวข้ามเส้นแบ่งมาหากันได้ อย่างที่คิมจองอึนกล่าวว่า “ตลอด 11 ปี ก็คิดอยู่นะว่า แค่ก้าวข้ามมาอีกฝั่งทำไมมันยากเย็น วันนี้ก็พบว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่คิด”

รสนา โตสิตระกูล
27 เมษายน 2561

...


รสนาเห็นเกาหลีปรองดอง เลยถาม เมื่อไหร่เหลืองแดงจะปรองดองสักที และก้าวข้าม คสช-ทักษิณสักที ขอตอบ ดังนี้

1. ตัวมึงเองนะคะที่มีส่วนเป่านกหวีดเรียกทหารทำรัฐประหารล้มอีปู เสือกจะให้บอกก้าวข้าม คสช

2. คนเสื้อแดงถูกยิงตายฟรีๆ เกือบ 100 คน ให้เค้าก้าวข้ามหรอคะ ถ้าพ่อแม่มึงถูกยิงกะโหลกด้วย มึงจะก้าวข้ามไหมคะ

3. ตอนนี้ไทยอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการ คสช วิธีเดียวที่จะก้าวข้ามได้คือต้องโค่นล้มมันคะ

4. ข้อนี้ขอด่านะคะ อีรสนา อีเวร



Pavin Chachavalpongpun

บทเรียนพรรคประชาธิปัตย์และความรับผิดชอบของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ





ที่มา FB

Thanapol Eawsakul


บทเรียนพรรคประชาธิปัตย์และความรับผิดชอบของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
.......

ก่อนรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 พรรคมีประชาธปัตย์ มีสมาชิกที่ได้แจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองไว้ จำนวน 2,895,933 คน นับเป็นพรรคการเมืองที่มีสมาชิกมากที่สุดในประเทศไทย และมีสาขาพรรคจำนวน 175 สาขา

https://th.m.wikipedia.org/wiki/พรรคประชาธิปัตย์

แต่อย่างที่ทราบพรรคประชาธิปัตย์ เป็นส่วนหนึ่ง ของการสร้างเงื่อนไขในการรัฐประหารเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมืองดังเช่นรัฐประหาร 2549

แต่ข้อเท็จจริงคือรัฐประหาร 2557 หาได้เป็นคุณกับพรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใดไม่

กลับกัน คณะรัฐประหารเล่นเกมยุบพรรคแบบครึ่งหนึ่งคือการให้สมาชิกพรรคการเมืองเก่ามายืนยันสภาพสมาชิกภายใน 1 เดือนพร้อมทั้งจ่ายค่าสมาชิก 100 บาท

มาตราการดังกล่าวได้ทำให้พรรคประชาธิปัตย์มีสมาชิกมายืนยัน เพียงแค่หลักหมื่นเท่านั้น

หมายความว่ามีสมาชิกหายไปอย่างน้อย 2 ล้าน 8 แสนคน

มาร์ค โอดสมาชิก ปชป. ยืนยันตนแค่หลักหมื่น
https://www.thairath.co.th/content/1265932

ปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คือความรับผิดชอบโดยตรงของนายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แน่นอนว่า

เมื่อมีการปลดล็อคพรรคการเมืองแล้วมีการประชุมใหญ่นายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะก็ต้องรับผิดชอบ ด้วยการลาออก หลังจากนั้นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์คงจะต้องเลือกว่าจะฝากความหวังกับนายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะในการนำพรรคลงเลือกตั้งหรือไม่

เพราะจากประสบการณ์การเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้งของนายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ มีการเลือกตั้งทั่วไป 4 ครั้ง นายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ นำทัพแพ้เลือกตั้ง 2 ครั้งและอีก 2 ครั้งก็นำพรรคประชาธิปัตย์บอยคอต การเลือกตั้งเพื่อสร้างเงื่อนไขให้เกิดรัฐประหาร

สำหรับรัฐประหาร 2549 พรรคประชาธิปัตย์อาจจะได้กำไรติดปลายนวมมานิดหน่อยแต่รัฐประหาร 2557 พรรคประชาธิปัตย์ขาดทุนย่อยยับป่นปี้ สมาชิกพรรคหายไป 2ล้าน 8แสนคน เป็นแค่รูปธรรมหนึ่ง

นี่ยังไม่รวมว่า ถ้ามีการเลือกตั้งครั้งต่อไป พรรคประชาธิปัตย์อาจจะพ่ายแพ้อย่างย่อยยับโดยมีความเป็นไปได้ที่จะได้ที่นั่งต่ำ100

ถึงวันนั้นเราคงไม่เห็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกต่อไป





"4 ปี คสช" ปท.เสียหาย-สร้างวิกฤติ ท้า"ประยุทธ์"หยุดสืบทอดอำนาจ




https://www.youtube.com/watch?v=wkE84rdp5Uw

"4 ปี คสช"ปท.เสียหาย-สร้างวิกฤติ ท้า"ประยุทธ์"หยุดสืบทอดอำนาจ

jom voice
Published on Apr 27, 2018


นายธนวัฒน์ วงศ์ไชย รองประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะเศรษฐศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ Thai Voice กรณีส่งสาส์นเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อร่วมดีเบตเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับชาติบ้านเมืองในยุคที่ คสช.บริหารประเทศว่า เป็นไปตามความต้องการของพล.อ.ประยุทธ์ เองที่บอกว่าในยามที่บ้านเมืองเสียหาย ให้พวกตนและนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวออกมา ถึงตอนนี้ 4 ปีแล้วที่คสช.ได้สร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจที่จำนวนคนจนเพิ่มขึ้นจาก 7% เป็น 11% การทุจริตคอรัปชั่น การทำลายสิ่งแวดล้อม การละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมถึงวิกฤติด้านความเชื่อถือ ยอมรับในระดับนานาชาติ เป็นต้น แต่เสียดายที่ พล.อ.ประยุทธ์ ปฎิเสธไม่ยอมรับคำเชิญของตน อย่างไรก็ตามกลุ่มนักศึกษา จะยังคงเรียกรอ้งให้ คสช.ลงจากอำนาจและหยุดสืบทอดอำนาจในทันที

ooo




“เวลาประเทศเสียหายก็ออกมาด้วยนะ” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี “ผมออกมาแล้วครับ แต่ทำไมท่านกลับผิดคำพูดอะ ผมแอบเสียใจนะเนี่ย” ธนวัฒน์ วงค์ไชย นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอดีเบต พล.อ.ประยุทธ์





ที่มา FB

Tanawat Wongchai


หลังจากที่ผมได้ทำการส่งสาส์นเทียบเชิญให้ พล.อ.ประยุทธ์ มาทำการดีเบตกันเพื่อหาทางออกให้กับประเทศจากวิกฤตในทุกมิติ ยุติทศวรรษที่สูญหาย ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้บอกกับพวกผมในวันที่ไปชูป้าย “ชาวจุฬาฯ รักลุงตู่ (เผด็จการ)” ที่ว่าเมื่อประเทศเสียหาย ก็ให้ออกมาด้วยนะ นั้น แต่เมื่อผมออกมาเชิญให้ท่านมาดีเบตกันด้วยวิสัยทัศน์ที่มีต่อประเทศแห่งนี้ ท่านกลับปฏิเสธคำเทียบเชิญ และโฆษกของรัฐบาลอย่าง พล.ท.สรรเสริญ ได้บอกให้ผมไปขออนุญาตคณบดีก่อนมาท้านายกฯ ดีเบต แล้วยังบอกอีกว่าการเมืองไม่ใช่เรื่องของเด็ก

ผมจึงขอทำการดีเบตฝ่ายเดียว ด้วยการนำคำพูดและวิสัยทัศน์ของนายกฯ ในบางประเด็นตั้งแต่ประเด็นที่เล็กและหลายๆ คนไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาอย่างเรื่อง “ราคามะนาว” ไปจนถึงประเด็นใหญ่ระดับประเทศอย่างเรื่องของรถไฟ สวัสดิการของประชาชน มาเทียบกับวิสัยทัศน์และความคิดของผมที่มีต่อประเด็นดังกล่าว (รายละเอียดอยู่ในรูป)

หาก พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อเห็นรูปชุดนี้แล้วเกิดเปลี่ยนใจ สามารถให้ลูกน้องของท่านติดต่อผมมาเพื่อนัดหมายเวลาและสถานที่ตามที่ท่านสะดวกได้เสมอนะครับ ท่านอย่าไปเชื่อคำแนะนำของโฆษกของท่าน ว่าการเมืองไม่ใช่เรื่องของคนรุ่นใหม่ หรือแนวคิดที่ว่านายกฯ ไม่ควรลดตัวไปคุยกับนิสิตนักศึกษา ท่านควรมีความคิดและความเชื่อเป็นของตัวเองครับ

ด้วยรักและหวังว่าท่านจะมาพูดคุยด้วยเสมอ





"ปัญหามะนาวแพงก็กินให้น้อยลงเท่านั้นเอง ทำไมฉันจะต้องกินมะนาวทุกวันหรือไง ถ้าอย่างนั้นก็ให้ปลูกไว้สิ"

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

การควบคุมราคาสินค้าและค่าครองชีพของประชาชนเป็นหน้าที่ของรัฐบาลครับ ไม่ใช่ไปไล่ให้ประชาชนปลูกมะนาวกินเอง ไม่อย่างนั้นประชาชนคงต้องปลูกพืชผักทุกอย่างที่มีขายในท้องตลาดเสียกระมังครับ

เมื่อใดก็ตามที่ค่าครองชีพของประชาชนมีแนวโน้มที่จะถูก“กระชาก” ให้สูงขึ้น ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยภายในหรือภายนอกประเทศ รัฐบาลควรมีมาตรการที่เหมาะสมในการช่วยเหลือประชาชน ไม่ให้ได้รับผลกระทบมากนัก

ในระยะยาว รัฐบาลควรจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรของไทย ให้สอดคล้องกับความต้องการซื้อและความต้องการขายในช่วงเวลาต่างๆ ผ่านข้อมูลเชิงสถิติ รวมทั้งแก้ปัญหาการปั่นราคาโดยพ่อค้าคนกลาง ให้เกษตรกรไม่ถูกกดขี่จากพ่อค้าคนกลาง

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการอื่นๆ อีกมาก ที่รัฐบาลสามารถนำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาค่าครองชีพของประชาชน ไม่ใช่เอาแต่คอยนั่งบอกให้ประชาชนลดการบริโภคสินค้าที่ราคาสูงขึ้น หรือปลูกพืชผลนั้นๆ ไว้กินเอง

ธนวัฒน์ วงค์ไชย นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย






ผมยืนยันว่าตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้น แม้ชาวบ้านอาจจะบอกว่าไม่เห็นดีขึ้นตรงไหน"

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

เหตุที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจดีขึ้นภายใต้รัฐบาลทหาร แต่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้รู้สึกดีขึ้น ก็เพราะรัฐบาลชุดนี้เอื้อประโยชน์แก่ภาคธุรกิจขนาดใหญ่ที่คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1% ของสังคม แล้วละเลยประชาชนอีก 99% ที่เหลือไว้ข้างหลัง

การมองการพัฒนาทางเศรษฐกิจผ่านการเติบโตของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) แต่เพียงอย่างเดียว มันไม่เหมาะสมกับบริบทของการพัฒนาในปัจจุบันอีกต่อไปแล้ว รัฐบาลต้องมองตัวเลขทางเศรษฐกิจอื่นๆ ประกอบควบคู่กันไปด้วย

นอกจากนี้ ตัวเลข GDP ไม่ได้สะท้อนความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคม ดังนั้น การที่ตัวเลข GDP จะเติบโตสูงโดยกระจุกตัวการเติบโตไว้ที่ภาคธุรกิจขนาดใหญ่และคนเพียงบางกลุ่ม แต่คนส่วนใหญ่ในสังคมไม่ได้รู้สึกถึงการเติบโตนั้นด้วย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่จะเกิดขึ้น

ธนวัฒน์ วงค์ไชย นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย





"อยากจะมีรถไฟทางคู่ อยากจะมีรถใหม่ อยากจะมีรถความเร็วสูงเหมือนต่างประเทศ หาเงินมาครับ หาเงินมา.."

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

โครงสร้างขั้นพื้นฐานอย่างรถไฟเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการจัดสรรครับ คนที่ต้องหาเงินมาสร้าง คือ รัฐบาลครับ ไม่ใช่ประชาชน อีกอย่างรถไฟจะเกิดประโยชน์ต่อประเทศในระยะยาว คนที่มองว่าประชาชนอยากให้มีรถไฟเพียงเพราะประชาชนอยากได้อยากมี จึงเป็นการมองอย่างคนขาดวิสัยทัศน์

อีกทั้ง รถไฟยังสามารถสร้างชุมชนเมืองรอบข้างชุมทางรถไฟให้เติบโตได้ เป็นการกระจายความเป็นเมือง (urbanization) และความเจริญสู่พื้นที่ชนบท ลดต้นทุนการขนส่ง ยกระดับโลจิสติกส์ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาศักยภาพของประเทศในโลกของการแข่งขันเสรี

ดังนั้น พวกเราต้องมีรถไฟเพื่อ “การพัฒนา” ครับ ไม่ใช่มีเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนคนใดคนหนึ่งในประเทศนี้ และเป็นสิ่งจำเป็นที่รัฐต้องจัดสรร ไม่ใช่เงินของประชาชนคนใดคนหนึ่ง ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์จักต้องตระหนักถึงหลักการของ “การพัฒนา” ให้มากกว่านี้ครับ

ธนวัฒน์ วงค์ไชย นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย





“ผู้มีรายได้น้อยที่ปรับเปลี่ยนตนเอง เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนวิธีการ เพิ่มความขยันขันแข็ง อดทนโอกาสจะมีอยู่เสมอ เว้นแต่หากท่านอยากสบาย ไม่ต้องทำงานมาก เกียจคร้าน ไม่อดทน ไม่เปลี่ยนแปลง แล้วต้องการรายได้เพิ่มขึ้น รัฐบาลต้องช่วยเหลือตลอดเวลา คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในโลกแห่งความจริง”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ผู้มีรายได้น้อยที่ต้องรับความช่วยเหลือจากรัฐ เพราะ พวกเขาถูกทิ้งไว้ข้างหลังจากการพัฒนา ถูกนายทุนกดขี่เอารัดเอาเปรียบพวกเขาอันเป็นผลมาจากนโยบายที่เอื้อต่อภาคธุรกิจของภาครัฐ สังคมที่รัฐจัดสรรสวัสดิการอย่างเพียบพร้อมและมีคุณภาพแก่ประชาชนยังคงเป็นไปได้เสมอครับ เมื่อท่านเลิกเอื้อประโยชน์ให้แก่นายทุน

รัฐสวัสดิการในประเทศไทย ใช่ว่าจะไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้ครับ เราสามารถ ทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้ หากเราใช้จ่ายอย่างถูกทางตัดลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นและแสวงหารายได้ให้รัฐเพิ่มมากขึ้นผ่านการปฎิรูประบบภาษีโดยจัดเก็บภาษีจากคนรวยให้สูงมากขึ้น ขยายฐานภาษีคนจนให้ประชาชนในประเทศมีส่วนร่วมในการจ่ายภาษีมากขึ้น จากที่ตอนนี้มีประชากรจ่ายภาษีทางตรงเพียง 4 ล้านคน จัดเก็บภาษีในส่วนที่ยังไม่เคยจัดเก็บ เช่น ภาษีในตลาดหุ้น

นอกจากนี้ คนจนในประเทศนี้ใช่ว่าจะมีแต่ความเกียจคร้านไม่อยากทำงานและรอรับแต่สวัสดิการจากภาครัฐ มายาคตินี้เป็นมายาคติที่ชนชั้นกลางปั้นแต่งขึ้นมาเพื่อทำลายความชอบธรรมการมีอยู่ของรัฐสวัสดิการ ในความเป็นจริงแล้ว รัฐสวัสดิการ ไม่ได้ทำให้ประชาชนงอมืองอเท้าหรือไม่ทำงาน หากแต่เป็นการสร้างหลักประกันในชีวิตของพวกเขาเวลาเจ็บป่วย แก่ตัวมาหรือไม่มีงานทำ พวกเขาจะได้รับการดูแลจากภาครัฐและไม่ถูกทอดทิ้งไปไหน แทนที่พวกเขาจะต้องทำงานหนักเพื่อตอบสนองต่อระบบตลาด แล้วหาความมั่นคงให้ตัวเองผ่านการซื้อกองทุน ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในภาวะที่เศรษฐกิจการเงินของโลกยังคงเปราะบางเช่นนี้ สวัสดิการของพลเมืองมันควรจะมีแต่ความแน่นอน มิใช่เต็มไปด้วยความเสี่ยงเหมือนเช่นทุกวันนี้

อีกทั้ง การที่ประชาชนได้รับสวัสดิการขั้นพื้นฐานจากรัฐที่ดีตั้งแต่เกิดจนตาย จะทำให้ทุนมนุษย์ของประเทศนี้ถูกยกระดับ และชักจูงให้เกิดบรรยากาศทางเศรษฐกิจมหภาคที่ดีและดึงดูดการลงทุนไม่น้อยไปกว่าการมีค่าแรงและอัตราภาษีภาคธุรกิจที่ต่ำเลย

ทั้งนี้ รัฐบาลควรต้องระวังคำว่า “รัฐสงเคราะห์” กับ “รัฐสวัสดิการ” ให้ดี เพราะ ทั้ง 2 คำนี้มีความหมายแตกต่างกัน โดยสิ่งที่รัฐไทยกำลังทำอยู่ในตอนนี้ เช่น บัตรคนจน เป็นการทำรัฐสงเคราะห์ ที่ไม่ได้ช่วยพัฒนาทุนมนุษย์หรือสรางความยั่งยืนในคุณภาพชีวิตของประชาชนแต่อย่างใด

ธนวัฒน์ วงค์ไชย นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย





"เขา (แจ๊ก หม่า) ไม่ได้มุ่งหวังเรื่องของเศรษฐกิจเพราะเขามีเพียงพอแล้ว"

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

เป้าหมายสูงสุดของหน่วยธุรกิจ คือ การแสวงหากำไรสูงสุด อีกอย่างแจ๊ก หม่า เขาทำธุรกิจครับ ไม่ได้ทำองค์กรการกุศล ถึงจะไม่หวังประโยชน์ในทางเศรษฐกิจอย่างที่ท่านบอก

นอกจากนี้ แจ๊ก หม่าและอาลีบาบา ยังได้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากไทยไปเป็นจำนวนมาก ทั้งสิทธิยกเว้นภาษี 8 ปีแรก สิทธิลดหย่อนภาษีปีที่ 9-13 จำนวน 50% สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร สร้าง smart digital hub ศูนย์กระจายสินค้าในพื้นที่ EEC สิทธิเช่าที่ราชพัสดุ 99 ปี

คำถามที่ใหญ่ที่สุด คือ โครงการที่ใหญ่เช่นนี้ไม่มีบริษัทอื่นที่มีความพร้อมเลยหรืออย่างไร เป็นการผูกขาดไว้ที่บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนี้เพียงแห่งเดียวหรือไม่ การที่ผู้ส่งออกทุเรียนไปยังจีนก็เป็นเครือข่ายธุรกิจของคนจีนอยู่แล้ว และการมีบริษัท COFCO ของจีน (เป็นรัฐวิสาหกิจของจีน) ที่ทำหน้าที่ควบคุมการซื้อขายสินค้าเกษตรในประเทศจีน อาจทำให้เกษตรกรไทยไม่ได้รับประโยชน์อย่างที่รัฐบาลโฆษณา

มันจึงนำไปสู่คำถามสุดท้ายที่ว่า “รัฐบาลได้พิทักษ์ผลประโยชน์ของประเทศ” อย่างเพียงพอแล้วหรือไม่ เพราะ แจ๊ก หม่าไม่ได้รวยแล้วต้องการเข้ามาช่วยเราฟรีๆ เหมือนอย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าใจแน่ๆ

ดังนั้น รัฐบาลควรเปิดให้มีการแข่งขันเสรีในการทำธุรกิจประเทศไทยโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและเกษตรกร ควบคู่ไปกับการป้องกันไม่ให้เกิดการผูกขาด บังคับใช้กฎหมายต่อต้านการผูกขาดการค้า (anti-trust law)ให้มีประสิทธิภาพ และเฝ้าระวังไม่ให้ภาคธุรกิจและการเงินก่อพฤติกรรมที่อาจสร้างความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจ

เพราะ ไม่มีใครช่วยเราได้ดีไปกว่าการที่เราช่วยเหลือตัวเองครับ

ธนวัฒน์ วงค์ไชย นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย





"ผมผิดตรงไหนไหม ผมทำอะไรผิด รัฐธรรมนูญยังเนี๊ยะ"

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

คุณผิดตั้งแต่ยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง แล้วเข้ามาเป็นนายกฯ โดยไม่ผ่านการเลือกตั้ง คุณผิดตั้งแต่วันที่ทำการรัฐประหารจนถึงทุกวันนี้ครับ

นอกจากนี้ ท่านยังร่างกฎหมายขึ้นมาเองแล้วเอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง แต่กลับใช้กฎหมายที่ท่านร่างขึ้นมานี้จัดการกับคนอื่น จัดการกับประชาชนที่ลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิที่พวกเขาพึงจะมี ท่านชอบเรียกร้องให้คนอื่นทำตามกฎหมาย และสร้างความชอบธรรมให้กับตนเองว่า ตนนั้นทำถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ทั้งๆ ที่การเข้ามาของท่านก็ผิดกฎหมาย แล้วยังมาร่างกฎหมายให้คนอื่นทำตาม กลายเป็น “กฎหมายที่ถูกร่างโดยคนทำผิดกฎหมาย” ผมว่าหากไล่เรียงตรรกะแล้ว มันก็จะเพี้ยนอยู่หน่อยๆ ครับ

ธนวัฒน์ วงค์ไชย นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย





อนาคตประเทศไทยที่อยากเห็น 12 ประการ (ไม่ใช่ค่านิยม 12 ประการ)

1. ปฏิรูปกองทัพ ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ลดขนาดกองทัพ และปฏิรูปตำรวจ
2. ปฏิรูปการศึกษาที่ไม่ได้เน้นการท่องจำ
3. ลดขนาดของรัฐราชการไทย กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น
4. สังคมที่มีความเหลื่อมล้ำลดลงในทุกมิติ ความยากจนหมดไปจากสังคมไทย ประชาชนมีความกินดีอยู่ดี
5. รัฐที่จัดสรรสวัสดิการให้กับประชาชนอย่างมีคุณภาพ
6. การมุ่งสู่ระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยองค์ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยี
7. ระบบเศรษฐกิจที่พร้อมรับมือกับความท้าทายจากประเด็นสังคมผู้สูงวัย และมีความยั่งยืนทางการคลัง
8. รัฐบาลที่คำนึงถึงสิทธิ เสรีภาพของประชาชน ปกป้องสิทธิมนุษยชน ไม่ละเมิดและคุกคามประชาชน
9. สังคมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้พลังงานสะอาดและทดแทนมากขึ้น คำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม
10. ประชาธิปไตยที่แท้จริงเกิดขึ้นในประเทศนี้
11. กระบวนการทางการเมืองที่คนรุ่นใหม่สามารถมีส่วนร่วมได้มากขึ้น เยาวชนอายุ 16 ปีขึ้นไป สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งได้
12. สังคมที่เปิดกว้างต่อกลุ่มที่มีความต้องการเฉพาะ กลุ่มเพศหลากหลาย สังคมที่ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน การพัฒนาประเทศที่ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง