วันพุธ, มกราคม 31, 2561

ตอนนี้มี 'รัฏฐาธิปัตย์' แต่ปัจจัยชี้ขาดสุดท้ายอยู่ที่ 'มัดหวาย' ประชาชนผู้รักเสรีภาพและประชาธิปไตย

“ก็ตอนนี้เราเป็นรัฏฐาธิปัตย์ จะเอาอะไร พี่ใหญ่ คสช. พ่นวลีย้อนยุค ที่ Pipob Udomittipong เปรียบเปรยให้ว่า “พูดแบบพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ L'État, c'est moi (The State, I am the State.) ขอให้มันมีจุดจบแบบเดียวกัน”

บ่ายวันอังคาร (๓๐ มกรา) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เดินออกมาจากการประชุมคณะรัฐมนตรี คสช. ๕ แวะให้สัมภาษณ์ตามที่ รปภ. นัดหมายไว้ล่วงหน้า “ซึ่งตลอดการให้สัมภาษณ์มีทีมรักษาความปลอดภัยจำนวนกว่า ๖ นาย คอยกันผู้สื่อข่าวไม่ให้เข้าใกล้”

นักข่าวถามถึงเรื่องกลุ่ม เดินมิตรภาพประกาศเคลื่อนไหวเรียกร้องการเลือกตั้งต่อไปไม่หยุดยั้งทุกวันเสาร์ แม้ว่าจะถูกทหารแจ้งข้อหาขัดคำสั่งหัวหน้า คสช. เอาไว้

“ทำได้ทุกอย่าง” แต่ต้อง “อยู่ใต้กรอบกฎหมายและคำสั่ง คสช. ก็ตอนนี้เราเป็นรัฏฐาธิปัตย์ จะเอาอะไร” โดยนัยยะที่พิภพแนะไว้ นักประวัติศาสตร์รู้ดีวาทกรรมพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ นั้นกลายเป็นโมฆะไปเมื่อทรงพบกับกิโยติน

ดูเหมือน คสช.พยายามทำทุกอย่างไปในทางนั้น เราเป็นรัฐ จะจัดเลือกตั้งเมื่อไหร่ (หรือไม่) อย่าถาม รอไปเดี๋ยวรู้เอง ใครบังอาจทักท้วงทวงถาม ต้องถูกจับยัดคุกแบบยุคปฏิวัติฝรั่งเศส

วานนี้เช่นกัน โฆษก คสช. แจ้งว่ามีความจำเป็นต้องเอาผิดกับนักวิชาการ ๘ คน ที่ไปจัดกิจกรรมหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยขัดต่อคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ ๓/๒๕๕๘ ฐานมั่วสุมและชุมนุมกันทางการเมืองเกินกว่า ๕ คนขึ้นไป
นักวิชาการทั้ง ๘ นำโดย ผศ.ดร.อนุสรณ์ อุณโณ จะได้รับหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา หากไม่ไปจะมีหมายเรียกอีกครั้ง ถ้ายังไม่ให้ความร่วมมือก็จะออกหมายจับ (รวมความว่าจะไปเองหรือถูกจับก็ต้องถูกดำเนินคดีแน่นอน)

ทำให้เป็นประวัติการณ์นานปีเพิ่งเกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีคณาจารณ์ ๒๖ ท่าน นำโดย ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ร่วมกันส่งหนังสือถึงหัวหน้า คสช. ให้ทบทวนเรื่องการดำเนินคดีกับผู้จัดกิจกรรมทั้งแปด

เนื้อความหนังสือร้องเรียนอ้างถึงรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ๒๕๖๐ รับประกันเสรีภาพของประชาชน การใช้มาตรา ๔๔ ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ถึงเวลาต้องทบทวนไม่ให้ไปขัดกับ รธน. อีกทั้งการเดินตามโร้ดแม็พของ คสช. ก็ควรจะเปิดกว้างให้ประชาชนมีส่วนร่วม

โดยเฉพาะกิจกรรม เดินมิตรภาพ ไม่ใช่การมั่วสุมทางการเมืองดังข้อกล่าวหาอ้าง แต่เป็นกิจกรรมรณรงค์ประเด็นทางสังคมโดยใช้วิธีการเดิน

ยิ่งศาลปกครองมีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราว ห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดกั้นขัดขวาง “จึงไม่ควรมีการดำเนินคดีด้วยข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ ๓/๒๕๕๘ อีก”


แต่นั่นแหละ ผิวหนาอย่าง คสช. มีหรือจะรู้คิด นอกจากเล่นงานนักวิชาการแล้วยังหันไปขย้ำคนรุ่นใหม่ด้วย เมื่อทหารกองบัญชาการทัพบก รับมอบหมายจาก คสช.ทำการยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีกับนักกิจกรรมรุ่นหนุ่มสาว ๗ คน ข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งห้ามชุมนุมเกิน ๕ คน ด้วยเหมือนกัน
รังสิมันต์ โรม นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ น.ส.ณัฎฐา มหัทธนา นายอานนท์ นำภา นายเอกชัย หงส์กังวาน นายสุกฤษฎ์ เพียรสุวรรณ และนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล จากกลุ่มพลเมืองโต้กลับ และฟื้นฟูประชาธิปไตย

จากการร่วมกันชุมนุมปาฐกถาบนสกายว้อค แยกปทุมวัน ขับไล่ คสช. เรียกร้องการเลือกตั้งตามกำหนดเดิมเดือนพฤศจิกายน ศกนี้ โดนข้อหาขัดคำสั่ง ๓/๒๕๕๘ และยุยงปลุกปั่น ตามมาตรา ๑๑๖ ประมวลกฎหมายอาญา พร้อมกันถ้วนหน้า


นายสิรวิชญ์ หรือจ่านิว แสดงปฏิกิริยาทันทีทางเฟชบุ๊ค “พูดตรงๆ นะครับ เผด็จการทรราช คสช. ไม่ไล่มัน มันก็ไล่บี้ประชาชนอย่างพวกเรา ๑๐ กุมภานี้ ผมขอประกาศไม่ถอยครับ”

ส่วนเนติวิทย์ ๓ ชั่วโมงต่อมาก็เขียนบนเฟชบุ๊คเช่นกันว่า “ผมไม่ได้อยุ่กลุ่มไหนทั้งนั้น และที่ไปงาน...ต้องการไปฟังเสียมากกว่า...

แต่ถ้าหากสิทธิพลเมืองในการตั้งคำถามกับคนที่เอาเงินภาษีของประชาคนไทยไปใช้ ไม่ได้ บอกอีกอย่างทำอีกอย่าง ถ้าถามเสียงดังๆ จะถูกเล่นงาน ผมคงไม่อาจปล่อยให้ประเทศนี้ตกอยู่ภายใต้การนำของคนเช่นนี้...

ดังนั้นการจะเล่นงานผมครั้งนี้ ผมไม่กลัวใดๆ ดีเสียอีกว่าอย่างน้อยผมคนนึง ก็ปกป้องประเทศชาติของเรา...(กรุณาอย่ากดเสียใจ ไม่มีอะไรประเสริฐเท่ากับการทำหน้าที่พลเมืองคนหนึ่งของชาติ)”

อีกคน อานนท์ นำภา มีปฏิกิริยาต่อโฑสต์ของผู้ใช้นาม Siriwanna Jill - New ซึ่งมักจะลงข้อความโจมตี ให้ร้ายป้ายสี บิดเบือนความจริงให้ผู้รณรงค์เพื่อประชาธิปไตยเสียหาย แล้ว ทีนิวส์ นำไปตีไข่ใส่สีเป็นนิจสิน

“ถึงขนาดบอกว่าการเรียกร้องการเลือกตั้งและหยุดการสืบทอดอำนาจเผด็จการ เป็นการ ป่วนและ EU เป็นท่อน้ำเลี้ยง มันฟังดูเป็นเหตุเป็นผลกันตรงไหนวะ ไอ้คนเชื่อนี่ก็ดักดาน”

แน่นอน ดักดาน เป็นเหตุปัจจัยหลักแห่งความล่มจมด้วยอำนาจเผด็จการ มันทำให้พวกที่จ้องฉวยโอกาสได้จังหวะยึดอำนาจ แต่ก็ไม่สามารถปิดหูปิดตาผู้คนได้ทั้งหมดทั้งมวล ยิ่งในระดับสากลล้วนเป็นที่รับรู้แต่ไม่ยอมให้ท้าย แม้กระทั่งช่วยกันประณาม
ครั้งนี้ก็เช่นกัน จรัล ดิษฐาภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและที่ปรึกษารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งอาศัยอยู่ในนครปารีสและเพิ่งได้รับสถานะพลเมืองของประเทศฝรั่งเศส แจ้งว่า

“ผมส่งข่าวการแจ้งความดำเนินคดีผู้นำนักศึกษา ทนายความและนักประชาธิปไตย ๗ คน คัดค้านเลื่อนการเลือกตั้ง ถึงอียู รัฐสภายุโรป โต๊ะไทยกระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน องค์การสิทธิมนุษยชนในยุโรป และสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน” ให้นานาชาติรับรู้กันหมดแล้ว

“แต่ปัจจัยชี้ขาด” ในท้ายที่สุด “อยู่ที่ประชาชนผู้รักเสรีภาพและประชาธิปไตยในประเทศ” มัดหวายร่วมกันคัดค้านและต่อต้าน ไม่ให้เผด็จการ คสช. ยึดครองบ้านเมืองอีกต่อไป เสียที

ก็ตอนนี้เราเป็นรัฏฐาธิปัตย์ จะเอาอะไร ???




ก็ตอนนี้เราเป็นรัฏฐาธิปัตย์ จะเอาอะไร ???



...



What is the meaning of Louis XIV statement l etat c est moi?

Louis XIV brought France to its peak of absolute power and his words 'L'etat c'est moi' ('I am the state') express the spirit of a rule in which the king held all political authority. His absolutism brought him into conflict with the Huguenots and the papacy, with damaging repercussions.

ooo


วงค์ ตาวัน : บทสรุปม็อบ 2557




วงค์ ตาวัน : บทสรุปม็อบ 2557


ที่มา มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 26 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ 2561

คอลัมน์ ชกคาดเชือก
ผู้เขียน วงค์ ตาวัน


ประวัติศาสตร์การเคลื่อนไหวเพื่อล้มรัฐบาลประชาธิปไตยโดยม็อบ กปปส. กลับมาเป็นข่าวให้ทั่วทั้งสังคมได้ทบทวนกันอีกครั้ง เมื่ออัยการเดินหน้าส่งฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. อีกกว่า 40 คน ในข้อหาหนักหน่วงรุนแรง ทั้งก่อการกบฏ ก่อการร้าย ขัดขวางการเลือกตั้ง จากปฏิบัติการชัตดาวน์ช่วงปลายปี 2556 ถึงต้นปี 2557

ก่อนลงเอยด้วยการเข้ายึดอำนาจของรัฐบาลทหาร คสช.


นอกจากข่าวนี้จะตอกย้ำถึงการเคลื่อนไหวเพื่อฉุดให้ประเทศไทยย้อนยุคกลับไปมีรัฐบาลจากทหารแล้ว





“ยังประจวบเหมาะกับที่สังคมวันนี้กำลังอยู่ในช่วงอึดอัดคับข้องใจกับการเลื่อนโรดแม็ปเลือกตั้งอีกรอบ จากปลายปี 2561 ไปเป็นปี 2562 โน่น”

คนที่ต้องการประชาธิปไตยกลับคืนมา รวมทั้งพรรคการเมือง นักการเมือง ต่างพากันแสดงความไม่พึงพอใจ ที่ประชาธิปไตยจะล่าช้าออกไปอีก

พร้อมกับได้ร่วมตั้งคำถามว่า นับจากม็อบนกหวีดช่วยกันลากรถถังออกมาล้มประชาธิปไตย นำมาสู่การรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557

เกือบจะครบ 4 ปีแล้ว การปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ได้นำมาซึ่งความก้าวหน้าของการเมืองอะไรบ้าง

“มีแต่การฉุดการเมืองให้ถอยหลังให้ล้าหลังหลุดโลก!”

กว่า 3 ปีที่มีรัฐบาลจากรัฐประหาร เศรษฐกิจการค้าประสบความยากลำบากขนาดไหน ปากท้องประชาชนเดือดร้อนกันมากมายเช่นไร


มีอะไรดีขึ้นบ้าง นอกจากอำนาจรัฐ ย้ายจากมือนักการเมืองไปสู่มือคณะคนกลุ่มหนึ่ง

“แล้ววันนี้ยังจะเลื่อนเลือกตั้ง เพื่อยืดอำนาจให้คนกลุ่มเดียวยืดยาวไปอีก รวมทั้งเพื่อให้การเตรียมการต่อท่ออำนาจหลังการเลือกตั้งมีความพร้อม เพื่อจะได้นายกฯ จากคนนอกต่อไปอีก”

3-4 ปีแล้ว รัฐบาลทหารยังปกครองได้ไม่สาสมเพียงพออีกหรือ กำลังจะยืดเวลาเลือกตั้งออกไป กำลังจะต่อท่ออำนาจให้ผู้นำรัฐบาลนี้ได้อยู่ต่อไปอีก 1-2 สมัย


ทั้งหลายทั้งปวงตอกย้ำให้เห็นว่า กลุ่มอนุรักษนิยมการเมืองไทย กลุ่มขุนศึกขุนนาง เฝ้ารอเวลาที่ฝ่ายประชาธิปไตยจะเพลี่ยงพล้ำมาตลอด เมื่อได้จังหวะเหมาะก็จะขอเข้ามายึดครองอำนาจเอาไว้เองบ้าง

แถมหนนี้ยังจะเตรียมการเพื่อให้ตัวแทนขุนศึกขุนนางครองอำนาจต่อไปอีก 1-2 สมัย

“งวดนี้ฝ่ายอนุรักษนิยมการเมืองไทย ตั้งใจจะไม่ให้ฝ่ายการเมือง ไม่ให้ฝ่ายประชาธิปไตย เข้ามามีอำนาจได้เลยอีก 10-20 ปี”





ทั้งหมดนี้เป็นความสำเร็จ จากการจุดประกายของแกนนำ กปปส.

ถ้า กปปส. ต้องการนำประชาชนไปล้มอำนาจอันเหิมเกริมของทักษิณและเพื่อไทย ต้องการปฏิรูปการเมืองไทยให้ดีงาม

ถ้าต้องการเช่นนี้จริงๆ เมื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยอมยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน

ถ้าแกนนำนกหวีดเลือกทางนี้ ต้องนำพาประชาชนที่อ้างว่ามีนับล้าน ไปร่วมกันลงคะแนนเลือกตั้งเพื่อสั่งสอนฝ่ายทักษิณ เลือกพรรคการเมืองที่เชื่อว่าจะปฏิรูปประชาธิปไตยให้ก้าวหน้า

“นั่นจะทำให้ทักษิณและเพื่อไทยพ่ายแพ้บนวิถีประชาธิปไตยอันเป็นเวทีที่เปิดเผยชัดเจนเป็นที่ยอมรับ และยังเป็นการต่อสู้เพื่อรักษาประชาธิปไตยและพัฒนาปฏิรูปการเมืองให้ก้าวหน้า”

แต่ กปปส. ไม่เลือกทางยุบสภา กลับเลือกเดินหน้าให้ไปสู่ทางตัน เพื่อเปิดทางให้ทหารเข้ามา

จึงต้องสรุปว่า กปปส. คือตัวแทนของฝ่ายอนุรักษนิยมการเมือง ตัวแทนขุนศึกขุนนาง ในการปลุกมวลชนให้ฮือขึ้นมาเพื่อล้มประชาธิปไตย

จะด้วยเหตุผลว่า ทนไม่ไหวกับทุนสามาย์ ทนไม่ไหวกับระบบทักษิณ

แต่สุดท้ายก็คือเลือกการนำอำนาจการเมืองไปไว้กับมือทหารแทน

แปลว่าไม่ต้องการให้ประชาชนส่วนใหญ่มีอำนาจมีส่วนร่วม เพราะมีแต่ประชาธิปไตยเท่านั้นที่เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในอำนาจ!





ในคำบรรยายฟ้องของอัยการ ได้อธิบายให้เห็นภาพการเคลื่อนไหวของ กปปส. ว่าได้กระทำผิดกฎหมาย ทำนอกเหนือรัฐธรรมนูญ กระทำการเพื่อล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอย่างเป็นฉากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปฏิบัติการขัดขวางข่มขู่คุกคามเพื่อไม่ให้มีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557

อันเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความขุ่นข้องใจให้กับประชาชนที่หวงแหนอำนาจการเมืองในมือของตนเองอย่างยิ่ง

ภาพมวลชน กปปส. ไปปิดล้อมสถานที่เก็บหีบบัตร ไปขวางหน้าคูหาเลือกตั้ง โห่ไล่คุกคามประชาชนที่หวงแหนสิทธิการเมือง มีการยื้อยุดฉุกกระชาก

“ไปจนถึงการบีบคอคน!!”

ภาพเหล่านี้จะไม่มีวันลืมเลือน ทั้งตอกย้ำว่าม็อบนั้น คือม็อบที่ไม่ต้องการให้ประชาชนคนไทยมีส่วนร่วมทางการเมืองเช่นไร

จะอ้างว่าเพราะการเมืองไทยยังไม่ดี ทำให้เป็นเหยื่อระบบทักษิณ แต่การขวางเลือกตั้ง ล้มประชาธิปไตย แล้วเอาอำนาจไปให้ทหารถือแทน


“บอกได้ชัดว่า ถอยหลังและเลวร้ายกว่าแน่นอน”





เพราะการพัฒนาประชาธิปไตยของคนทั่วโลกที่ทำสำเร็จมาแล้ว มีแต่ต้องให้ประชาชนเข้าร่วมเลือกตั้งและพัฒนาเติบโตทางความคิด เพื่อสร้างการเมืองให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็จะทำให้การเมืองนั้นมั่นคงแข็งแกร่งอย่างแท้จริง

วิธีที่ล้มกระดานประชาธิปไตยด้วยอำนาจกองทัพ แล้วให้คนหยิบมือเดียวมาบริหาร มาขีดเขียนกติกา ไล่ประชาชนกลับไปอยู่ในบ้าน อย่าเพิ่งมายุ่ง เป็นวิธีที่บ้านเราทำมาตลอดหลายปี และวนในอ่างเช่นนี้ไม่สิ้นสุด

“อีกทั้งพิสูจน์แล้วว่า ก็แค่ข้ออ้างเพื่อการขอเข้าครอบครองอำนาจรัฐของฝ่ายอนุรักษนิยมล้าหลังเท่านั้นเอง!”

ยิ่งวันนี้ประชาชนเริ่มรับไม่ได้กับการยืดวันเลือกตั้งออกไปเรื่อยๆ มีแต่จะก่อกระแสโหยหาตัวแทนฝ่ายประชาธิปไตย

รวมทั้งจะยิ่งรู้ซึ้งกับปฏิบัติการขัดขวางเลือกตั้งของมวลชน กปปส. อย่างไม่มีวันลืมเลือน

เมื่อถึงวันเลือกตั้งเมื่อไร ก็คงได้แสดงออกเพื่อสั่งสอนฝ่ายที่กีดกันประชาชนไม่ให้มีส่วนร่วมในทางการเมืองเมื่อปี 2557 อย่างชัดเจนแน่นอน

“ภาพชายที่ถูกบีบคอหน้าคูหาเลือกตั้งเพราะต้องการเข้าไปใช้สิทธิใช้เสียง ภาพหญิงสาวถือไฟฉายส่องทางท่ามกลางการถูกขัดขวางของม็อบนกหวีด ภาพหญิงสาวที่เดินฝ่าฝูงชนที่คุกคามแล้วปีนรั้วเข้าไปเพื่อจะเลือกตั้ง”

ล้วนเป็นบุคคลที่โดดเด่น เป็นคนรักสิทธิเสรีภาพ ที่จะต้องได้รับการเชิดชูในวาระเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้

อันเป็นภาพที่ตรงกันข้ามกับฝ่ายที่มkขัดขวางบีบคอ อันชัดเจนและสร้างอารมณ์ความรู้สึกหวงแหนประชาธิปไตยได้ดีที่สุด!

หากย้อนดูเหตุการณ์ลุกขึ้นสู้ของประชาชนโค่นล้มอำนาจรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น 14 ตุลาคม 2516 พฤษภาคม 2535 ล้วนแต่เป็นการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย ให้ประชาชนส่วนใหญ่มีส่วนร่วมทางการเมือง

14 ตุลาฯ นั้น คือการเบิกม่านประชาธิปไตย หลังจากที่รัฐบาลทหารและเผด็จการยึดครองมายาวนาน

พฤษภาคม 2535 คือการขับไล่รัฐบาลทหาร ที่แอบแฝงแทรกแซงอำนาจ รวมทั้งสร้างดอกผลการต่อสู้ที่สำคัญที่สุดคือ ให้มีนายกฯ จากการเลือกตั้งเท่านั้น โดยให้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ

หากเทียบกับการต่อสู้ของม็อบเสื้อเหลืองเมื่อปี 2548-2549 คือการต่อสู้เพื่อเรียกหาอำนาจนอกระบบ มาหยุดประชาธิปไตย อ้างว่าเพื่อหยุดระบบทักษิณ ไม่ต่างจากม็อบนกหวีด 2556-2557 ที่ไม่ยอมรับการยุบสภา และอ้างว่ายังไม่ควรมีเลือกตั้ง นี่ก็คือการกีดกันประชาชนออกจากการมีอำนาจทางการเมืองครั้งใหญ่อีกครั้ง

“นี่คือความต่างของขบวนการนำมวลชนลุกขึ้นสู้!”





แบบหนึ่งคือ สู้เพื่อประชาธิปไตย อีกแบบคือ สู้เพื่อหยุดประชาธิปไตย ปูทางให้คนคณะหนึ่งเข้ามาถืออำนาจการเมือง แล้วผลักให้ประชาชนส่วนใหญ่กลับไปอยู่ในบ้านเฉยๆ

หนักหนาสาหัสที่สุดคือ ผลจากการล้มประชาธิปไตยครั้งล่าสุด เราได้รัฐธรรมนญ 2560 ซึ่งเปิดทางให้มีนายกฯ คนนอกได้อีก

“น่าเศร้าเสียใจแทนวีรชน 2535 ยิ่งนัก”





ทั้งหลายทั้งปวง อะไรคือการเมืองที่ก้าวหน้าจากการต่อสู้ของ กปปส. และการบริหารอำนาจของ คสช.

มีแต่ฉุดการเมืองไทยให้ถอยหลัง เพื่อให้ฝ่ายอนุรักษนิยม ขุนศึกขุนนาง สามารถยึดครองอำนาจเหนือฝ่ายการเมือง ฝ่ายประชาธิปไตยมากกว่า


การส่งฟ้องแกนนำ กปปส. คือ การปลุกให้สังคมไทยได้หันกลับมาทบทวนเรื่องราวหน้าประวัติศาสตร์นี้อีกครั้ง!

สัญญาณแรงยิ่งกว่า 4 G - การเป็นเด็กเลี้ยงแกะของผู้นำ_ประชาชนรับไม่ได้...



...

เรื่องเกี่ยวข้อง...




(http://www.tnews.co.th/index.php/contents/407890)

...





วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า ไม่เคยสัญญา (ว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่) เคยแต่สัญญาว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
.
แต่ต้นเดือน ต.ค. 60 นายกฯ เคยพูดอย่างชัดเจน ว่าจะจัดการเลือกตั้งในเดือน พ.ย. 61
.
เราลองมาย้อนดูอีกครั้ง ว่า พล.อ.ประยุทธ์ เลื่อนเลือกตั้งมากี่ครั้งแล้ว
.
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : https://goo.gl/NEemPn
.
#WorkpointSHORTs

นายกฯบิ๊กตู่" ติง อย่าร้องเพลงคสช. แต่ ท่อนที่ว่า "เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน... หลัง ถูก ทวงสัญญา??!!





หลัง ถูก ทวงสัญญา??!!

"นายกฯบิ๊กตู่" ติง อย่าร้องเพลงคสช. แต่ ท่อนที่ว่า "เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน..."

แล้วทำไมไม่รัองท่อนที่ว่า "แผ่นดินที่งดงาม จะคืนกลับมา."

แล้วถ้าผมร้อง ท่อนนี้ล่ะ.."แผ่นดินจะดี ในไม่ช้า ความสุขจะคืนมาประเทศไทย"

บางความสุขผมคืนให้ได้ทันที บางความสุขก็ยังไม่ได้ เป็นเรื่องของกลไกในการแก้ปัญหา

"ผมขอเวลาผมวางรากฐานประเทศ อีกระยะหนึ่ง ‪จะมากจะน้อย ก็เป็นไปตาม กรอบกฏหมาย"‬

"ขออย่าเพิ่งหมดกำลังใจกับผม และ คสช. ผมขอความเข้าใจจากทุกคน"

พลเอกประยุทธ์ 30มค.2561

"ผมเห็นว่ามีสื่อหลายคน วันนั้นผมจำได้ว่าใครเป็นคนถามผม เรื่องสัญญา เรื่องเนื้อเพลง ทุกอย่างจับเป็นประเด็นไปหมด

"เรื่องสัญญาคืนความสุขในความหมายของผม คือ ประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายซึ่งมีอยู่กี่กลุ่ม

เพราะฉะนั้นบางความสุขผมคืนให้ได้ทันที บางความสุขก็ยังไม่ได้ เป็นเรื่องของกลไกในการแก้ปัญหา

ในการจะคืนความสุขต่อๆไป ในรัฐบาลนี้ และรัฐบาลหน้า จะมาบอกว่าผมไม่คืนความสุข

ผมขอถามว่าจะคืนได้ไหม ปัญหาร้อยแปดพันเก้า ทุกคนต้องไปช่วยกันแก้ไขด้วย

ขอให้เข้าใจผม ผม ไม่ได้แก้ตัวทั้งสิ้น ขอถามกลับว่าบ้านเมืองสงบเรียบร้อยขึ้นหรือไม่ตอนนี้ มีความสุขหรือไม่ เศรษฐกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลางดีขึ้นหรือไม่

ขณะนี้รัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาทั้งหมดอยู่หรือไม่ ปัญหาสะสมได้รับการแก้ไขไหม ปัญหาแรงงานรัฐบาลก็กำลังดูแลเรื่องค่าจ้างอยู่ นี่ไม่ใช่ความสุขเหรอ แม้จะไม่มากนัก แต่ก็เป็นความสุข

"นี่คือสัญญาของผม ผมคืนให้ ให้ในสิ่งที่ให้ได้ก่อน อันไหนยังไม่ได้รัฐบาลต่อไปต้องไปทำต่อไม่ใช่ไปโจมตีกันไปมา ถ้าโจมตีกันวันนี้ แล้ววันหน้าจะได้อะไรไหม มันก็โจมตีกันอยู่แบบนี้แหละ"

การโจมตีรัฐบาลอย่างเดียว ผมว่าไม่เป็นธรรม อยากให้สื่อทุกคนดูแลประเทศชาติด้วย

และถ้าจะพูดถึงเพลง มีการพูดถึงแต่เฉพาะว่า ขอเวลาอีกไม่นาน และถ้าผมจะเอาเนื้อเพลงตอนจบที่ว่า "แผ่นดินที่งดงามจะคืนกลับมา"

ก็เอาเนื้อเพลงคนละตอนบ้าง ความหมายมีสมบูรณ์อยู่ในเนื้อเพลงอยู่แล้ว

"ขออย่าเพิ่งหมดกำลังใจกับผม ทุกอย่างกำลังเดินหน้าไปได้ระดับหนึ่งไม่ว่าจะเวทีต่างประเทศ การจัดอันดับ เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจคู่ค้าเริ่มดีขึ้น

อย่าเพิ่งหมดกำลังใจกับผม และรัฐบาลคสช. ก็พยายามทำอย่างเต็มที่ อะไรที่มีปัญหาอยู่บ้าง ผมรับทั้งหมด เพราะผมรับผิดชอบอยู่แล้ว

ขอให้เห็นใจบ้างในสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี่ ประเด็นของ ผมไม่ใช่คำแก้ตัว

"ขอเวลาให้ผมวางรากฐานประเทศ อีกสักระยะหนึ่งก่อนเท่านั้นเอง มันจะมากจะน้อย

เป็นไปตามกฎหมาย"



Wassana Nanuam

...

ไชยนันทน์ ศุโภทยาน แล้วจะแต่งมาทำไม? คือตอนนี้อะไรที่ทำไว้แล้วมันเข้าตัวจะปฏิเสธหมดว่างั้น อืม!ชายชาติทหารไทย

ooo

เพลงคืนความสุขให้ประเทศไทย (เนื้อร้องโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา)



วันที่ชาติและองค์ราชา มวลประชาอยู่มาพ้นภัย

ขอดูแลคุ้มครองด้วยใจ นี่คือคำสัญญา

วันนี้ชาติเผชิญพาลภัย ไฟลุกโชนขึ้นมาทุกครา

ขอเป็นคนที่เดินเข้ามา ไม่อาจให้สายไป

เพื่อนำรักกลับมา ต้องใช้เวลาเท่าไร

โปรด จงรอได้ไหม จะข้ามผ่านความบาดหมาง

เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน

แล้วแผ่นดินที่งดงามจะคืนกลับมา

เราจะทำอย่างซื่อตรง ขอแค่เธอจงไว้ใจและศรัทธา

แผ่นดินจะดีในไม่ช้า ขอคืนความสุขให้เธอ ประชาชน

วันนี้ต้องเหน็ดเหนื่อยก็รู้ จะขอสู้กับอันตราย

ชาติทหารไม่ยอมแพ้พ่าย นี่คือคำสัญญา

วันนี้ชาติเผชิญพาลภัย ไฟลุกโชนขึ้นมาทุกครา

ขอเป็นคนที่เดินเข้ามา ไม่อาจให้สายไป

แผ่นดินจะดีในไม่ช้า ความสุขจะคืนกลับมา ประเทศไทย ….


ooo



...




ประเทศกูแย่กว่าเกาหลีเหนืออีกเหรอ..!!! (เสรีภาพเลือกตั้งโลก)




อันดับ 190) เกาหลีเหนือ
อันดับ 196) ไทย

...







ลิงค์ของรายงาน

http://www.fundalib.org/wp-content/uploads/2018/01/IMLE2018.pdf


เรื่องเกี่ยวข้อง...

พ่ายเกาหลีเหนือ! ไทยติดกลุ่มบ๊วยโลก 'เสรีภาพเลือกตั้ง'


(Voice TV)

ooo
...



สิทธิมนุษยชนที่หายไป - คสช. แจ้ง 2 ข้อหา 7 นศ.-นักกิจกรรม “คนอยากเลือกตั้ง”




คสช. แจ้ง 2 ข้อหา 7 นศ.-นักกิจกรรม “คนอยากเลือกตั้ง”


30 มกราคม 2018
ที่มา บีบีซีไทย


ตำรวจ สน.ปทุมวัน ออกหมายเรียกนักศึกษาและนักกิจกรรมรวม 7 คน เข้ารับทราบข้อกล่าวหาวันศุกร์นี้ หลังฝ่ายกฎหมาย คสช. แจ้งความดำเนินคดี จากกรณีจัดกิจกรรมชุมนุมเรียกร้องเลือกตั้งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

พ.ต.ท.สมัคร ปัญญาวงศ์ รองผู้กำกับ (สอบสวน) สน.ปทุมวัน ได้รับแจ้งความจาก พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารปฏิบัติการประจำกองบัญชาการกองทัพบก ปฎิบัติหน้าที่ หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมายส่วนงานการรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมา หลังได้รับมอบอำนาจจาก คสช. ให้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับนักศึกษาและนักกิจกรรม 7 คนที่จัดกิจกรรม "นัดรวมพลประชาชนอยากเลือกตั้ง แสดงพลังต้านสืบทอดอำนาจ คสช." เมื่อวันที่ 27 ม.ค. เวลา 17.30-19.00 น. ที่บริเวณสกายวอล์ค แยกปทุมวัน

สำหรับนักกิจกรรมทั้ง 7 คน ประกอบด้วย 1. นายรังสิมันต์ โรม 2. นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ 3. น.ส.ณัฎฐา มหัทธนา 4. นายอานนท์ นำภา 5. นายเอกชัย หงส์กังวาน 6. นายสุกฤษฎ์ เพียรสุวรรณ 7. นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล

นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นายรังสิมันต์ โรม และ น.ส.ณัฎฐา มหัทธนา (จากซ้ายไปขวา) ถูกตั้งข้อหาอย่างน้อย 2 ข้อหา จากการเป็นแกนนำจัดกิจกรรมครั้งนี้


ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทยตรวจสอบข้อมูลพบว่า บุคคลทั้ง 7 คน ถูกตั้งข้อหาอย่างน้อย 2 ข้อหาคือ 1. ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ห้ามชุมนุมหรือมั่วสุมการเมืองเกินกว่า 5 คนขึ้นไป และ 2. กระทำการยุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ขณะนี้ตำรวจ สน.ปทุมวัน ได้ส่งหมายเรียกไปยังผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 7 คนแล้ว เพื่อให้มาพบพนักงานสอบสวนในเวลา 10.00 น. ของวันที่ 2 ก.พ. นี้ แต่ในกรณีของนายสิรวิชญ์ หรือจ่านิว ตำรวจจะส่งเรื่องไปที่ศาลจังหวัดขอนแก่นด้วย เพราะก่อนหน้านี้ นายสิรวิชญ์ถูกศาลจังหวัดขอนแก่นตัดสินจำคุก 6 เดือน คดีละเมิดอำนาจศาล จากการแสดงออกทางสัญลักษณ์และจัดกิจกรรมทางการเมืองภายในเขตอำนาจศาล เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2560 แต่ให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเคลื่อนไหวทางการเมืองอีก จึงถือว่ากระทำการผิดเงื่อนไขศาล




JIRAPORN KUHAKAN/BBC THAI


เว็บไซต์เดลินิวส์และแนวหน้ารายงานตรงกันว่า การเข้าแจ้งข้อหากับนักกิจกรรมทั้ง 7 เป็นผลสืบเนื่องจากกองกำลังรักษาความสงบ กองทัพภาคที่ 1 ได้ตรวจสอบการใช้เพจเฟซบุ๊คที่ใช้ชื่อว่าเพจ "พลเมืองโต้กลับ Resistant Citizen" พบว่ามีการแชร์โพสต์ของกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย Democracy Restoration Group หรือ DRG เมื่อวันที่ 25 ม.ค. เวลา 22.00 น. โดยมีข้อความว่า "นัดรวมพล ประชาชนอยากเลือกตั้งแสดงพลังต้านสืบทอดอำนาจ คสช. ในวันเสาร์ที่ 27 ม.ค. 2561 เวลา 17.30 น. ที่สกายวอล์คปทุมวัน" ซึ่งเป็นการเชิญชวนให้กลุ่มของตนเองและประชาชนที่มีแนวคิดเหมือนกันมาเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุมต่อต้าน คสช. และยังได้แจ้งเหตุการณ์เป็นระยะ (อัพเดท) ในระหว่างมีกิจกรรมเมื่อวันเสาร์ที่ 27 ม.ค. จึงได้รายงานให้ คสช. ทราบ และดำเนินการสืบสวนหาข่าวการเคลื่อนไหวของกลุ่มนายรังสิมันต์กับพวก ทาง คสช. เห็นว่าการปราศรัยดังกล่าว เป็นการชุมนุมกันเกิน 5 คนในที่สาธารณะ เป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง และเป็นการกระทำด้วยวาจาอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่อง จึงมอบหมายให้ พ.อ.บุรินทร์เข้าแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว

ด้านนายรังสิมันต์กล่าวกับบีบีซีไทยว่า ยังไม่ได้รับหมายเรียกใด ๆ ทราบข่าวจากสื่อมวลชนเท่านั้น ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งตรวจสอบท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มที่เคลื่อนไหวนั้น นายรังสิมันต์ตั้งคำถามกลับไปว่า "เขาตรวจสอบพวกผมมาเกือบ 4 ปีแล้ว ไหนล่ะท่อน้ำเลี้ยง และถ้าเทียบกันหมัดต่อหมัด ใครกันแน่ที่รวยขึ้น ใครกันแน่ที่จนลง ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่มีนาฬิการิชาร์ด มิลล์ ใส่สักเรือน ไม่มีอะไรต่างจากเดิม"

ขณะเดียวกันเพจ DRG ได้ออกมายืนยันว่าจะจัดกิจกรรมชุมนุมในวันที่ 10 ก.พ. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตามที่นัดหมายกับประชาชนเอาไว้ หลังแกนนำถูก คสช. แจ้งความดำเนินคดี

เรื่องเกี่ยวข้อง...

สิทธิมนุษยชนที่หายไปในปีที่ 3 ของคสช.

(บีบีซี ไทย)


...

Thai Junta Files Charges Against Democracy Activists


By THE ASSOCIATED PRESS via NY Times
JAN. 30, 2018


BANGKOK — Thailand's ruling military junta has filed charges against seven democracy activists for calling for elections and an end to military rule.

Police Lt. Col. Samak Panyawong said Tuesday that a junta representative had filed charges of sedition and violating a ban on political gatherings against the activists, who demonstrated on Saturday.

Thailand has been under military rule since a 2014 coup ousted an elected government. One of many oppressive laws the junta has imposed is a ban on political gatherings of over five people. Sedition, or illicit efforts to bring about change in the country's laws, is punishable by up to seven years in prison.

The junta has pushed back several promised election deadlines, and recently indicated that polls intended for 2018 may be delayed, causing unusual public concern. The concern comes on top of a scandal involving many ultra-expensive watches possessed by a top junta member whose pay could not account for his ownership. The junta took power with a vow to purge corruption from politics.

"The world's history is proof that people's rights and liberties are never easily granted," Rangsiman Rome, one of the charged activists and protest group leaders, said at Saturday's demonstration in Bangkok that was joined by around 200 people. He said he would attend the next protest scheduled for Feb. 10, also in Bangkok.

Another charged activist, Anon Nampa, who is a civil rights lawyer, said Tuesday that he expects to receive a police summons via mail in the next few days, although he hasn't seen the official charges against him yet.

"The military dictatorship filed charges to arrest democracy activists on the grounds of violating the dictatorship's orders," Anon said in a Facebook post Tuesday. "It's funny. Not only do these people have no shame, they're also confused and lost in their generation."

The other charged activists are also outspoken critics of the ruling junta: Sirawit Seritiwat, Nutta Mahatana, Netiwit Chotiphatphaisal, Ekachai Hongkangwan and Sukrid Peansuwan.

Sunai Phasuk, senior Thailand researcher for Human Rights Watch, said the charges show that the ruling junta has no intention of restoring democracy, which it said was its goal when it seized power.

"How can the junta claim they are leading Thailand to a restoration of democracy when a peaceful exercise of freedom of expression, freedom of assembly, and freedom of association are denied and exercising such rights is considered a serious crime of sedition?" Sunai said. "This shows the true colors of the junta, that they continue to act with dictatorial instincts."

วันอังคาร, มกราคม 30, 2561

สะใจ เห็นใจ หรือเอาใจช่วยดี เมื่อ 'ดี้' ครวญ มีคนตอบแล้ว 'สองอย่า'

ถามมาก็ตอบไป ที่จริงไม่ควรต้องถาม เพราะไม่มีใคร เลือกคุณมา อาจจะมีพวกที่ เรียก จำนวนหนึ่ง ซึ่งเดี๋ยวนี้บ่นว่า พลาดท่า กันไปหลายคนแล้ว

“เลือกเอาว่าท่านจะเอาผม หรือจะอยากกลับไปที่เดิม” ตอบทันควันเลยว่าเราไม่เอามรึง

ส่วนอยากกลับไปที่เดิมเมื่อสี่ปีที่แล้ว ใช่รบกับสลิ่มตอนนั้นมันกว่าไล่พวก คสช.ตอนนี้เยอะเลย แต่จะให้ดีกลับไปที่ปี ๔๘ ช่วงที่ประเทศรุ่งเรืองสุดขีด ดีกว่าแน่ๆ 

ยิ่งเสียกว่าตอบคำถามไร้เดียงสาน่ารำคาญการเล่นลิ้นปลิ้นปล้อนของหัวหน้า คสช. เหนืออื่นใด พูดไม่มียางอาย กลืนเสลดน้ำลายตนเอง ตระบัดสัตย์ไม่มีที่สิ้นสุด นักยึดอำนาจที่ดัดจริตจะมาเป็นนักการเมืองเพื่อกอดตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลนานๆ

พอถูกนักข่าวรุกฆาตว่าผิดคำพูดที่เคยให้ไว้หลายหน แก้ตัวขุ่นๆ ตามสัญชาติญานตัวแลน ลดเลี้ยวหลีกลี้ “ผมไม่ได้ไปสัญญาอะไร ผมบอกว่าผมจะทำหน้าที่ตรงนี้ ตามโรดแมพ ไม่มีเปลี่ยนแปลง”

 
แหม่ โร้ดแม็พคุณพี่แมร่งเปลี่ยนง่ายรายปี เหมือนคุณพี่ที่ไม่มีไขสันหลัง (ฝรั่งว่า ‘Spineless’) โอนเอนเหมือนไม้หลักปักขี้เลน หาจุดยืนไม่ได้นั่นเชียว

ทั้งที่มีหลักฐานตำตา เพิ่งผ่านมาไม่นานนี้เอง ๑๑ ตุลา ๖๐ ข่าวไทยรัฐยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอบนักข่าวว่า “ไม่ต้องการหน่วงเวลาอะไรทั้งสิ้น...

ในส่วนตรงนี้พูดได้ว่าประมาณเดือน มิ.ย.๒๕๖๑ จะมีการประกาศวันเลือกตั้ง และประมาณเดือน พ.ย.๒๕๖๑ จะมีการเลือกตั้ง วันนี้มีความชัดเจนขึ้น ขอให้ทุกคน นักการเมือง พรรคการเมืองอยู่ในความสงบ”


ถ้าอยากให้เขาไปค้นคลิปมาเปิดให้ชมยืนยันอีกครั้งคงได้นะ สมัยนี้มีบันทึกครบถ้วนกระบวนท่าอยู่แล้ว สมมุติต่อไปในอนาคตถ้าหากจะใช้สำหรับเป็นองค์ประกอบพยานหลักฐาน ‘exhibits’ ตัวอย่างเช่นเอาไปใช้ในาลอาญาระหว่างประเทศ ก็ไปคุ้ยเอาตามปุยเมฆ ‘Clouds’ ได้ เมื่อไรก็เมื่อนั้น

คราวนี้ประยุทธ์ไปพูดที่โรงเรียนเตรียมทหาร ซึ่งเพิ่งเป็นข่าวอื้อฉาวนักเรียนตาย สงสัยถูกรุ่นพี่ซ้อม ช่วยกันปกป้อง นัยว่าคนทำเป็นลูกหลานผู้ยิ่งใหญ่ใน คสช. ยังเคลียร์ไม่ได้ เรื่องอย่างนี้แก้ให้ตกเสียก่อนคิดจะอยู่ยาว ชนิดพวกกันเองยังเริ่มระอา

ดูอย่างคนทำโพลนิด้าประกาศลาออกเพราะถูกอธิการบดีถอดผลสำรวจเรื่อง เพื่อนยืมนาฬิกา’* ออกไป อ้างว่าคดียังไม่สิ้นสุด ที่ไหนได้เมื่อมกรา ๕๙ เคยมีโพลว่า สนช. จะลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อ้าว ตอนนั้นศาลยังไม่ทันขยับ ไฉนนิด้าโพลเขยิบไปก่อนได้
*(ไอ้ผลโพล เพื่อนยืมนาฬิกา ที่ถอดออกไปนี่ ข่าวอิศราเขาแคะออกมาว่ามีสี่คำถาม หนึ่งในนั้น “คิดว่าคนพูดโกหกมีแนวโน้มการทุจริตหรือไม่ ได้คำตอบว่า ใช่อีกคำถามว่ารุ่นน้องช่วยรุ่นพี่ปกปิด รับได้ไหม ส่วนใหญ่ตอบว่ารับไม่ได้ https://www.isranews.org/isranews-scoop/63131-reports00.html)

สำหรับพวกศิษย์เก่า เป่านกหวีดและหลงกล ลุงกำนันที่เดี๋ยวนี้เริ่มไม่เอาลุงตูบกันแล้ว พยายามยื่นกิ่งมะกอกให้แก่ฟากตรงข้ามที่ตนเองเคยย่ำยี ไม่ว่าจะเป็นไพศาล พืชมงคล หรือ นิติพงศ์ ห่อนาค ก็ต้องเจริญกรรมของพวกเขา ยิ้มกริ่มให้ฉันมิตรที่เอ็งยังคิด กระโดด ทันการ

แม้นว่า รายนิติพงศ์ซึ่งเขียนเฟชบุ๊ควาบหวาม “ถ้าวันหนึ่ง คนเราแลกเปลี่ยนความเห็นทางการเมืองได้อย่างเมตตากัน ใช้ปัญญาและพยายามนึกถึงใจคนที่คิดต่าง ลดละเกลียดชังหยาบคาย คงดีนะ” นั้น จะได้รับคำตอบจากบางราย อย่าง @Incognito_me บอก “ollo ควั้ยย” แปลว่าอย่างไรไม่รู้ ก็เถอะ

ทำให้ต้องมาตรองหาทางสนองคำถามของ บก.ฟ้าเดียวกัน “เราควรทำอย่างไร” เมื่อคนที่เชียร์รัฐประหารเกิดออกมาวิจารณ์รัฐประหารกันตอนนี้ เขาตั้งความเป็นไปได้ไว้สามข้อ

ก.สะใจ ข. เห็นใจ (อย่างมีอุเบกขา วางเฉย) และ ค. เอาใจช่วย ข้อหลังนี่เขาว่าจะเป็นพลังมัดกล้ามกันไว้โค่นรัฐประหาร เพราะการแยกขั้วทำให้ทหารแข็งไม่มีทางโค่นได้

กำลังอ้ำอึ้งอยู่พอดี มีคนช่วยตอบให้ จะใครเสียอีก อธึกกิต แสวงสุข เจ้าเก่าของเรา “ในทางทฤษฎี เอากำปั้นทุบดินกี่ทีก็ตอบได้ว่า สุดท้ายต้องเป็นแนวร่วมกัน แต่คำว่าแนวร่วมไม่จำเป็นต้องไปโอ๋ไปเชียร์กันนี่หว่า”

โพสต์ของ Atukkit Sawangsuk เต็มๆ อยู่นี่ https://www.facebook.com/baitongpost/posts/1658911124190710 ไปขุดค้นอย่างยิบยับกันเองได้ แต่ที่นี่คัดเอาเฉพาะที่ สะใจบางส่วนเท่านั้น แค่ สองอย่า

อย่าลืมความจริงว่าต่อให้วันหนึ่งคนพวกนี้้เกลียดรัฐประหารเป็นขี้ มันก็เกลียดผู้รักประชาธิปไตย พร้อมจะให้ร้าย พร้อมจะแทงข้างหน้าข้างหลังอยู่ดี ไม่ต้องไปเห็นใจไม่ต้องไปเอาใจช่วยไรหรอก”

“อย่าไปเพ้อฝันประเภทแดงเหลืองสลิ่มนกหวีดจับมือกันไล่เผด็จการแล้วจะเกิดฟ้าสีทองผ่องอำไพ นับแต่นี้ประชาธิปไตยจะสดใส โธ่เอ๋ย มันยังขัดแย้งคดเคี้ยวอีกเยอะ”

“ฉะนั้นเราก็ต้องตั้งหลักไว้ให้ดี ใครทำถูกทำผิดแยกแยะให้กระจ่าง วันก่อนเมริงเรียกหารัฐประหาร วันนี้ออกมาเรียกร้องเสรีภาพ เออ ก็ดี”

แต่ที่เมริงเคยเกลียดคนที่คลั่งไคล้ประชาธิปไตย “ยังเห็นคนไม่เท่ากัน และไม่แยแส ไม่มีมนุษยธรรมมโนธรรม ต่อการละเมิดสิทธิเสรีภาพจับกุมคุมขังผู้รักประชาธิปไตย” นี่หยวนกันไม่ได้

กรรมเก่าเหล่านั้นยังต้องประจาน ตราบเท่าที่พวกเขายังไม่ยอมสารภาพบาป หรือรับโทษทัณฑ์ให้สาสมแก่ความผิด ขืนทำลืมๆ แล้วๆ กันไป พวกนี้มักได้ใจคอยยกตนข่มท่านอยู่ร่ำไป แล้วจะเรียกว่า ร่วมมือกัน ได้อย่างไร

นายกฯ ยืนยันภารกิจ คสช. จบตามโรดแมป แต่ไม่รู้ว่าภายใน ก.พ. 62 หรือไม่ (พูดแบบ เลอะๆ เทอะๆ)





นายกฯ ยืนยันภารกิจ คสช. จบตามโรดแมป แต่ไม่รู้ว่าภายใน ก.พ. 62 หรือไม่

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กล่าวช่วงหนึ่งในระหว่างมอบโอวาทวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนเตรียมทหารครบรอบ 60 ปี เมื่อเช้านี้ ซึ่งระบุว่าภารกิจยังไม่เสร็จสิ้นนั้น ตนไม่ได้พูดถึง คสช. แต่หมายถึงคนไทยทุกคน เพราะทุกคนคือประชารัฐและมีภารกิจเพื่อประเทศที่ไม่มีวันจบสิ้น ส่วนภารกิจ คสช. จะจบตามโรดแมปที่กำหนดระยะเวลาไว้

เมื่อถามต่อว่าโรดแมปจะจบช่วงเดือน ก.พ. 2562 หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่รู้ เพราะเป็นเรื่องกฎหมาย เขาว่ากัน”

“เรื่องกฎหมายผมบังคับได้ไหมเล่า เขายังไม่จบขั้นตอนไม่ใช่หรอ เพราะต้องประชุมร่วมกันสามฝ่าย และยังมีข่าวว่าจะมีคนไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ ก็ต้องไปว่ากันตอนนั้น เพราะผมไม่รู้ ผมไม่ได้เป็นคนยื่น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมถึงไม่สามารถยืนยันเวลาที่ชัดเจนได้

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ยืนยันหรือไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนครั้งสุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นคนเลื่อน ดังนั้นไม่มีคำว่าเลื่อนก่อนหรือเลื่อนหลัง เพราะตนยังไม่ได้เลื่อนอะไรเลย

เมื่อถามว่าการเลื่อนนี้จะส่งผลต่อคะแนนนิยมรัฐบาลไหม ถ้าอยู่นานเกินสัญญา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมเชื่อว่ากรณีนี้จะไม่ส่งผลต่อคะแนนนิยมของรัฐบาล ทีเวลานักการเมืองอยากอยู่นาน ๆ ไม่เห็นสื่อไปว่าเขาบ้าง ดังนั้นคำสัญญาผมยังเหมือนเดิม จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดและทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมป”

“ผมสัญญาเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ยังมีปัญหาที่คนบางกลุ่มบางฝ่ายพยายามจะให้ทุกอย่างกลับมาเป็นแบบเก่า ดังนั้นขอให้เลือกเอาแล้วกันว่าจะเอาแบบผม หรือจะให้กลับมาที่เดิม”




บีบีซีไทย - BBC Thai

...

เอก อิ เอ้ก เอ้ก -ปล้นมาปีแรก บอกจะแก้ไขความขัดแย้งทางการเมือง
-ปีที่สอง สมงสมองเริ่มเลอะเลือน ลืมว่าตัวเองเสนอหน้าเข้ามาทำอะไร
-เข้าปีที่สาม เข้าขั้นบ้า พูดเองเออเองอยู่คนเดียว ตัดสินแทนคนทั้งประเทศ
-พอถึงตอนนี้ คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของประเทศไปซะแล้ว ความขัดแย้งก็ยังเหมือนเดิม หนำซ้ำเศรษฐกิจ ราคาสินค้าเกษตร อันเป็นรายได้หลักของประเทศ และประชาชน ทิ้งดิ่งลงเหว ยังมีหน้ามาตั้งคำถามต่อ ปชช.ที่มีสิทธิ์ เสรีภาพ อย่างเท่าเทียมกันในการเลือกตั้ง อนู่อีกเหรอ วลีที่ว่า "ไครก็ได้ที่เป็นคนดี" แต่คนดีมันตรวจสอบอะไรๆม่ได้เลยครับ เลิกใช้เถอะวลีแบบนี้ #ลุงคิดอะไรของลุงอยู่ครับ

คลิป "ดอกไม้และอ้อมกอดให้กำลังใจ อ.ชาญวิทย์ ให้ได้รับชัยชนะในการต่อสู้กับหมู่มาร"




https://www.facebook.com/FahroongSK/videos/921082854723462/

‘ขอมอบช่อดอกไม้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้อาจารย์ได้รับชัยชนะในการต่อสู้กับหมู่มาร และพวกเราจะอยู่เคียงข้างอาจารย์ของเราตลอดไป’

อ้อมกอดและดอกไม้ช่อใหญ่ ให้กำลังใจ อ.ชาญวิทย์


28ม.ค.61 ก่อนเริ่มงาน 10 ปีสิงห์คืนถ้ำ วิทยาลัยสื่อสารการเมือง ม.เกริก

ลูกศิษย์ลูกหาจากวิทยาลัยสื่อสารการเมืองนำโดยอาจารย์นันทนา นันทวโรภาส มอบดอกไม้พร้อมอ้อมกอดให้กำลังใจอาจารย์ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์

จากนั้นถ่ายรูปหมู่ร่วมกับกับผู้เข้าร่วมงานทั้งหมด

สำหรับการกอดให้กำลังใจ เกิดขึ้นเนื่องจาก อ.ชาญวิทย์ ต้องไปรับทราบข้อกล่าวหาวันที่ 31 ม.ค. 61 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ศูนย์ราชการ อาคาร B ชั้น 4 เวลา 13.00 น.

กรณีแชร์ภาพกระเป๋าถือของนางนราพร จันทร์โอชา ภริยาของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมข้อความแสดงความคิดเห็น

อาจารย์นันทนา กล่าวว่า พวกเรา ‘ครอบครัว สื่อสารการเมือง’ ได้ทราบว่า อาจารย์ชาญวิทย์ ได้รับผลกระทบทางการเมือง
พวกเราในฐานะลูกศิษย์ ก็ อยากจะให้กำลังใจ แสดงความรู้สึกว่า เรายืนอยู่ข้างอาจารย์

จากนั้นได้มอบการ์ดที่ลูกศิษย์ร่วมกันเซ็น เพื่อเป็นกำลังใจและมอบดอกไม้ช่อใหญ่พร้อมอ้อมกอดให้อาจารย์

‘ขอมอบช่อดอกไม้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้อาจารย์ได้รับชัยชนะในการต่อสู้กับหมู่มาร และพวกเราจะอยู่เคียงข้างอาจารย์ของเราตลอดไปค่ะ

และเพื่อแสดงว่า พวกเราอยู่ข้างอาจารย์และยืนหยัดต่อสู้ร่วมกับอาจารย์

ขออนุญาตกอดอาจารย์ค่ะ’ อาจารย์นันทนากล่าว


Fahroong Srikhao ฟ้ารุ่ง ศรีขาว's video.


4 เทคนิคยืดเลือกตั้ง ของ คสช.



โดย iLaw


ยังไม่มีความแน่นอนว่าเดือนพฤศจิกายน 2561 จะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เคยลั่นวาจาไว้หรือไม่ เพราะมีแนวโน้มว่าโรดแมปตามรัฐธรรมนูญ 2560 จะถูกเลื่อนไปอีกถึง 90 วัน หรือสามเดือน หากที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.

เหตุที่ "โรดแมป" จะถูกขยับออกไปอีก 90 วัน เพราะคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. แก้ไข มาตรา 2 ของ ร่าง พ.ร.ป.ฉบับนี้ จากเดิม “...ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา...” เป็น “...ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 90 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา...” กล่าวคือ จากเดิมประกาศวันนี้ วันพรุ่งนี้ใช้ได้ทันที เปลี่ยนเป็นประกาศแล้วให้รออีก 90 วัน แล้วค่อยบังคับใช้ได้

ด้วยเหตุนี้ทำให้จากที่กำหนดเดิม คือ การเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นภายใน 150 วัน หลังกฎหมายลูกทั้งสี่ฉบับเกี่ยวกับการเลือกตั้งบังคับใช้ ระยะเวลา 150 จะยังไม่เริ่มนับทันที แต่ต้องรออีก 90 วันจึงจะเริ่มนับ และเมื่อเริ่มนับไป 150 วัน กว่าจะถึงวันเลือกตั้งก็ยาวไปอีกเกือบ 240 วัน หรือแปดเดือน ซึ่งเทคนิคนี้เป็นหนึ่งในสี่เทคนิคที่ คสช. ใช้เพื่อขยายโรดแมปยืดเวลาสู่การเลือกตั้งออกไปเรื่อยๆ

4 เทคนิคยืดเลือกตั้ง ของ คสช.

"การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นตามโรดแมป" เป็นประโยคที่ คสช. จะยืนยันทุกครั้งเมื่อถูกสอบถามเรื่องเลือกตั้ง แต่เป็นที่รู้กันว่าโรดแมปของ คสช. ไม่มีความแน่นอน ซึ่งปัจจัยหลักของ คสช. ที่เป็นข้ออ้างในการสร้างความไม่แน่นอนของโรดแมปสู่การเลือกตั้งขึ้นอยู่กับสามปัจจัย คือ รัฐธรรมนูญ กฎหมายลูก และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งที่ผ่านมา คสช. ใช้ข้ออ้างเหล่านี้เป็นเทคนิคในการเลื่อนการเลือกตั้ง


เทคนิคที่ 1 ยืดระยะเวลาบังคับใช้กฎหมายลูก

การยืดระยะเวลาบังคับใช้กฎหมายลูก ส.ส. เป็นเทคนิคล่าสุดที่ถูกนำมาใช้ในการยืดเวลาเลือกตั้ง จากที่กล่าวไปแล้วตอนต้นว่าเทคนิคนี้ สนช. นำมาใช้กับร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. โดยยืดเวลาการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ไป 90 วัน หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา

การขยายเวลาบังคับใช้ออกไปเช่นนี้ แตกต่างกับกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งฉบับอื่นๆ ที่กำหนดชัดเจนว่า “ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา” ขณะที่ย้อนกับไปดู พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ฯ พ.ศ. 2541 กับ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ฯ พ.ศ. 2550 ก็กำหนดให้ใช้บังคับวันถัดจากวันประกาศเช่นกัน

ดังนั้นการยืดเวลาออกไปอีก 90 วัน จึงไม่มีเหตุผลใดๆ รองรับในทางกฎหมาย เพราะเห็นชัดว่าสามารถประกาศให้มีผลใช้บังคับทันทีได้ และอาจกระทบต่อคำประกาศของ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อปลายปี 2560 ที่จะจัดการเลือกตั้งภายในเดือนพฤศจิกายน 2561

เทคนิคที่ 2 ไม่ปลดล็อกพรรคการเมือง

วันที่ 8 ตุลาคม 2560 พ.ร.ป.พรรคการเมืองฯ พ.ศ.2560 บังคับใช้อย่างเป็นทางการพร้อมด้วยการกำหนดกรอบว่าเวลาให้พรรคการเมืองต่างๆ ต้องดำเนินการจัดการภายในพรรคให้ทันก่อนถึงการเลือกตั้ง ดูเหมือนว่าการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้จะเป็นสัญญาณว่าประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่การเลือกตั้ง แต่ความจริงพรรคการเมืองยังไม่สามารถกิจกรรมใดๆ ได้ เนื่องจากติดล็อก ประกาศ คสช. ฉบับที่ 57/2557 ที่ห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจการทางการเมือง และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ที่ยังห้ามชุมนุมทางการเมือง ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป

จนกระทั่งวันที่ วันที่ 22 ธันวาคม 2560 พล.อ.ประยุทธ์ จึงออก คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 กำหนดให้พรรคการเมืองต่างๆ สามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่กำหนดไว้ใน พ.ร.ป.พรรคการเมืองฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 เป็นต้นไป ทั้งนี้ คสช. อ้างว่า เนื่องจาก สนช. กำลังพิจารณา ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. อยู่ และก็เพื่อไม่ให้มีผู้ฉวยโอกาสใช้พ.ร.ป.พรรคการเมืองฯ ทำลายความสงบเรียบร้อบของบ้านเมือง

ทั้งนั้มีข้อเสนอจากหลายฝ่ายว่า เพียงแค่ คสช. ยกเลิกประกาศ/คำสั่งที่ห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรม การเลือกตั้งก็จะเป็นไปตามโรดแมปแล้ว โดยไม่ต้องใช้เทคนิค ยืดเวลาบังคับใช้ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ออกไปอีก 90 วัน

เทคนิคที่ 3 กำหนดให้ตัวเองจัดทำร่างกฎหมายลูกนาน 11 เดือน


ระยะเวลาการจัดทำกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กับ สนช. รวมกันเป็นเวลาประมาณ 11 เดือน (330 วัน) โดยแบ่งเป็น กรธ. ใช้เวลาแปดเดือน (240 วัน) สนช. ใช้เวลาสองเดือน (60 วัน) และใช้เวลาอีกหนึ่งเดือน (30 วัน) ในกรณีที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่าร่างกฎหมายลูกฉบับนั้นไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ

ขณะที่กฎหมายลูกแปดจากสิบฉบับก่อนหน้านี้ กรธ.ลงมือร่างไว้ก่อนรัฐธรรมนูญผ่านและสามารถทำได้เสร็จก่อนกำหนดหลายเดือน แต่ร่างกฎหมายลูกเกี่ยวกับเลือกตั้งสองฉบับ คือ ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กับ ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. เป็นสองฉบับที่ใช้เวลาเต็มตามโรดแมปที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยไม่มีเหตุผลอธิบายถึงสาเหตุที่ใช้เวลาไปมาก ทั้งที่ก่อนนี้ กรธ. เคยกล่าวว่าจะเร่งดำเนินการให้เสร็จก่อนกำหนด เพื่อที่จะจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว

ทั้งนี้หากเปรียบเทียบการจัดทำร่างกฎหมายลูกเกี่ยวกับเลือกตั้งของรัฐธรรมนูญ 2550 จะพบว่ารัฐธรรมนูญกำหนดให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญในขณะนั้น จัดทำร่างกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้เสร็จภายใน 45 วัน นับแต่ร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ และให้ สนช.ในขณะนั้นเร่งพิจารณาให้เสร็จ ภายใน 45 วัน หลังจากนั้นต้องจัดการเลือกตั้ง

เทคนิคที่ 4 แก้รัฐธรรมนูญชั่วคราว


รัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ถูกแก้ไขเพิ่มเติมไปแล้วสี่ครั้ง โดยมีการแก้ไขเพิ่มเติมสองครั้งที่ทำให้ระยะเวลาในโรดแมปสู่การเลือกตั้งขยายออกไป การแก้ไขครั้งล่าสุดหากจำกันได้ เกิดขึ้นหลังร่างรัฐธรรมนูญผ่านการทำประชามติไปแล้วกว่าห้าเดือน โดย คสช. สั่งให้ สนช. แก้ไขเพิ่มเติมประเด็นให้พระมหากษัตริย์สามารถพระราชทานข้อสังเกตว่าสมควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อความใดลงในร่างรัฐธรรมนูญก็ได้ ส่งผลให้จากเดิมที่คาดว่าจะได้เลือกตั้งอย่างเร็วประมาณเดือนธันวาคม 2560 ต้องเลื่อนออกไป

การแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่ส่งผลให้โรดแมปสู่การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปเป็นครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อ คสช. ถูกหลายฝ่ายกดดันให้มีการจัดออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ แรงกดดันดังกล่าวจึงนำมาสู่การแก้ไขเพิ่มเติม โดย สนช. ผลของการแก้ไขทำให้การเลือกตั้งที่คาดการณ์ว่าจะเกิดอย่างช้าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ต้องขยับออกไปเป็นช่วงเดือนธันวาคม 2559

อย่างไรก็ตามภาพฝันแรกเริ่มเคยมีว่า จะเกิดการเลือกตั้งในปี 2559 ตามกติกาของรัฐธรรมนูญ ฉบับแรกของบวรศักดิ์ อุวรรณโณ แต่ก็ต้องสลายไปเมื่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) คว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับบวรศักดิ์ และหลังจากนั้นก็เข้าสู่ขั้นตอนการร่างรัฐธรรมนูญใหม่อีกครั้ง โดยครั้งใหม่นี้นำโดย มีชัย ฤชุพันธุ์ และขณะนั้นคาดกันว่าหากมีชัยร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ จะสามารถจัดการเลือกตั้งภายในปี 2560 ได้

สุดท้ายเข้าสู่ปี 2561 ก็ยังไม่มีความแน่นอนว่า คสช. จะจัดการเลือกตั้งเมื่อไร และดูเหมือนว่า คสช. ยังคงมองหาปัจจัยต่างๆ มาเป็นเงื่อนไขเพื่อยืดเวลาเลือกตั้งต่อไป และนั่นอาจตรงกับคำตอบของบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่กล่าวหลังร่างรัฐธรรมนูญของตัวเองถูกคว่ำว่า “เขา (คสช.) อยากอยู่ยาว”


เรื่องที่เกี่ยวข้อง:
ปลดล็อคพรรคการเมืองคืออะไร ถ้าไม่ปลดล็อคแล้วจะทำไม
รัฐธรรมนูญ(ชั่วคราว)’57 สองปีแก้สี่ครั้ง
สรุปร่างรัฐธรรมนูญ: ถ้าร่างผ่านเท่ากับ "ตีเช็คเปล่า" ให้ กรธ.เขียนกฎหมายลูก 10 ฉบับได้ตามใจ


“ประชาชนยิ่งใหญ่เสมอ”





“ประชาชนยิ่งใหญ่เสมอ”

ผมขอชื่นชมประชาชนที่ได้รวมตัวแสดงพลังที่สกายวอร์ค วีรกรรมดังกล่าวเป็นการยืนยันสิ่งที่ผมเชื่อมาตลอดว่าพลังของประชาชนยิ่งใหญ่เสมอ ขึ้นอยู่กับประชาชนจะรวมตัวแสดงพลังเมื่อไรเท่านั้น ที่สำคัญตั้งแต่โลกใบนี้กำเนิดขึ้นมายังไม่เคยมีเผด็จการที่ไหนชนะประชาชน

คสช. อ้างเหตุความจำเป็น 4 ประการที่ต้องยึดอำนาจการปกครองประเทศ ได้แก่ (1) เพื่อให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบ (2) เพื่อสร้างความปรองดอง (3) เพื่อการปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ และ (4) เพื่อให้เกิดความชอบธรรมกับทุกพวกทุกฝ่าย ปรากฏตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 1/2557 ท้ายบทความนี้

นับแต่ยึดอำนาจการปกครองของประชาชนมาเป็นของตัวเอง คสช. มิได้ทำตามที่ให้สัญญากับประชาชนไว้ ได้แก่ (1) รักษาความสงบโดยใช้อำนาจกดหัวประชาชนซึ่งไม่มีทางสงบจริง (2) ทำบ้านเมืองแตกแยกมากขึ้น (3) การปฏิรูปเป็นเพียงวาทกรรม และ (4) ทำลายหลักนิติธรรมใช้กฎหมายจัดการผู้เห็นต่าง สิ่งที่ประชาชนเห็นมาตลอดคือการเหลิงอำนาจและดูแคลนประชาชน รวมถึงการทำทุกทางเพื่อสืบทอดอำนาจเผด็จการโดยไม่เห็นหัวประชาชน เอางบประมาณแผ่นดินหาเสียง ใช้กฎหมายและเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเครื่องมือจัดการฝ่ายตรงข้าม ใช้เล่ห์เพทุบายเลื่อนการเลือกตั้งออกไปเรื่อยๆ แถมยังปกป้องพรรคพวกตัวเองที่มีข้อกล่าวหาว่าทุจริต การเมืองไทยวันนี้จึงเหลือเพียงสองฝ่ายคือเผด็จการกับประชาชน

สิ่งที่พยุงเผด็จการให้ยังชูคออยู่ในอำนาจได้ ทั้งที่ไม่เหลือศรัทธาแม้จากกลุ่มคนที่เคยเรียกให้ คสช. ออกมายึดอำนาจคือปืนและกองทัพที่มาจากภาษีของประชาชน สิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศชาติตลอดเวลาเกือบ 4 ปี บ่งบอกชัดแล้วว่า คสช. ทำเพื่อประชาชนหรือเป็นเพียงทหารเกษียณที่ยังอยากมีอำนาจ คำถามคือกองทัพจะเลือกข้างประชาชนหรือเลือกที่จะหนุนเผด็จการ คำตอบคงไม่ยากหากมีสำนึกว่าใครเป็นผู้จ่ายภาษีเป็นเงินเดือนให้กองทัพ

วัฒนา เมืองสุข
29 มกราคม 2561

http://library2.parliament.go.th/…/c…/ncpo-annouce1-2557.pdf



Watana Muangsook added 11 new photos

นับถือ นับถือ - "สฤณี" โพสต์ แจงสั้นๆ ไม่ยินดึทำงานกับเผด็จการ ถูกแต่งตั้งเป็น "กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ภายใต้คณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ" ขอให้เลิก "ตู่" เอาเองเสียที





มีน้องส่งมาให้ คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งให้ตัวเองเป็น "กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ภายใต้คณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ" มีลายเซ็นผู้นำเผด็จการทหารในฐานะนายกฯ ลงวันที่ 29 ธ.ค. 2560 ที่ผ่านมา

ขอแจ้งสั้นๆ นะคะว่า ตัวเองไม่เคยได้รับการทาบทามใดๆ มาก่อนเลย และต่อให้ได้รับการทาบทาม ก็ "ไม่ยินดี" ที่จะทำงานใดๆ ให้กับคณะกรรมการไหนก็ตามที่เผด็จการแต่งตั้ง

เบื่อหน่ายและรู้สึกเซ็งมากกับเรื่องแบบนี้ เมื่อไหร่เผด็จการทหารจะเลิก "ตู่" เอาเองเสียที ที่ผ่านมาก็เคยเจอเรื่องประมาณนี้มาแล้วสองสามครั้ง หน่วยงานอะไรสักอย่างจะเสนอชื่อเป็นคณะกรรมการที่เผด็จการตั้ง แต่อย่างน้อยหน่วยงานเหล่านั้นยังให้เกียรติโทรมาถาม พอตอบปฏิเสธไปเขาก็ไม่เสนอชื่อต่อ

#III

#อ่านเฟซบุ๊กคนที่คุณอยากแต่งตั้งดูมั่ง

#เมืองจะอัจฉริยะได้ไงในเมื่อเผด็จการยังบังคับให้คนเป็นนั่นเป็นนี่ที่เขาไม่ได้อยากจะเป็น




Sarinee Achavanuntakul - สฤณี อาชวานันทกุล



" ..ทำไงได้ เราเลือกที่จะยืนข้างประชาชน...": บันทึกจาก พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล หลังเยี่ยม ทอม ดันดี





" ..ทำไงได้ เราเลือกที่จะยืนข้างประชาชน...": บันทึกจาก พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล หลังเยี่ยม ทอม ดันดี


2018-01-28
ที่มา ประชาไท

พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล


เมื่อวันพุธ 24 มกราคม ที่ผ่านมา ผมไปเยี่ยม ทอม ดันดี มาครับ ที่เรือนจำราชบุรี

ได้คุยกับ คุณนัน ผู้ใกล้ชิดและคอยดูแลทอมมาตลอด จึงทราบว่าการถูกย้ายจากเรือนจำกรุงเทพฯ มายังราชบุรี เมื่อเดือนพฤศจิกายน เป็นไปอย่างรีบเร่ง กระทันหัน ไม่มีการแจ้งล่วงหน้าให้ญาติได้รับทราบ และไม่มีรายละเอียดว่าถูกคุมตัวเดินทางไปเรือนจำไหนของจังหวัดราชบุรี ทางญาติและมิตรสหาย ต้องสอบถาม หาข้อมูลกันเอง

เมื่อมาถึงราชบุรี จนถึงวันที่ผมไปเยี่ยม ทอม และญาติก็ยังไม่รู้เหตุผลที่ถูกย้ายมา

เมื่อถึงคิวที่กลุ่มเราได้เข้าเยี่ยม ผม คุณนันและมิตรสหาย ได้เข้าไปในห้องเยี่ยม ก็ไม่ต่างจากห้องเยี่ยมที่อื่น คือมีกระจกกั้น พูดคุยผ่านโทรศัพท์ มีเวลาเพียงแค่ 15นาที

ทอม ดันดี เดินเข้ามา ด้วยบุคลิกที่ดูมั่นคง ดูสดใสตามสภาพ พูดคุย ยิ้มแย้ม ถามเรื่องสุขภาพก็ว่าแข็งแรงดี

ทอม เล่าว่า เขียนเพลงได้หลายเพลง มีความหวังว่า ได้ออกมา จะมาร้องเพลง อยากออกมาทำมาหากิน

ทอม บอกว่า


“ ผมเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ยังยืนเคียงข้างประชาชน”

ผมบอกให้กำลังใจ เขาบอกว่า ไม่ต้องห่วง กำลังใจผมเกินร้อย และกล่าวอีกว่า


“ ....ทำไงได้ เราเลือกที่จะยืนข้างประชาชน ก็ต้องเจอแบบนี้ เราต้องทนให้ได้....”



น้ำเสียงของทอมจริงจัง แววตาของเขายังสดใส แต่ผมก็ยังแอบเห็นประกายของน้ำในเบ้าตา

หลังเยี่ยมเสร็จ ผมก็กลับมาทำงาน ส่วนคุณนันก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ มิตรสหายที่มาก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

จนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นคือวันพฤหัสบดี ทอมถูกนำตัวไปขึ้นศาลจังหวัดราชบุรี ที่สำคัญคือ กระบวนการยังคงเหมือนเดิมคิอ ทอมและญาติไม่ได้รู้ตัวมาก่อน ทางคุณนันเมื่อทราบข่าว ก็ต้องรีบเดินทางจาก กทม. มาโดยเร็ว

ผมไม่มีความรู้ในกระบวนการดำเนินคดีว่า เหตุการณ์อย่างที่ทอมได้รับการปฎิบัติ เป็นเรื่องปกติ ที่ถูกที่ควรแล้วหรือที่นักโทษจะไม่ได้รับการแจ้งล่วงหน้าเลยหรือว่า จะถูกย้าย จะไม่ได้รับการแจ้งล่วงหน้าเลยหรือว่าวันไหนจะถูกนำตัวไปขึ้นศาล หรือเพราะทางการมีเหตุผลเรื่องความปลอดภัยหรืออื่นใด แต่ผมคิดว่า มันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่นักโทษและญาติ สมควรที่จะได้รับรู้

เรื่องคดีที่โดนตามข่าว ช่วงก่อนรัฐประหาร ตำรวจราชบุรีเคยเชิญพวกเรา (แดงราชบุรี) บางคน ในฐานะกลุ่มที่จัดเวทีปราศรัย ปสอบปากคำ ตอนนั้น รวจถามว่า เราฟังเนื้อหาการปราศรัยแล้วคิดอย่างไร เราก็ตอบกันไปว่า ไม่เห็นว่ามีไรผิดปกติ เป็นการแสดงความเห็นทางการเมือง .....

หลังจากนั้น คดีนี้ก็เงียบไป ทราบภายหลังว่า อัยการสั่งไม่ฟ้อง แต่มาถึงเวลานี้กลับหยิบเอาคดีนี้มาปัดฝุ่นยื่นฟ้องใหม่

สุดท้าย ที่ทอม โดนคดีเพิ่มในครั้งใหม่นี้ ทำให้เราคิดกันได้ว่าความหวังว่า “อภินิหาร เรื่องคดี 112 จะบังเกิด “คงเป็นได้แค่ หวังลมๆ แล้งๆ เป็นแค่นิยายประโลมจิตใจหรือไม่ประการใด


เรื่องที่เกี่ยวข้อง:
‘ทอม ดันดี’ ถูกฟ้อง 112 คดีที่สาม จากการปราศรัยปี 53

เตือนความจำ "ทำตามสัญญา อีกไม่นาน" จาก the Joint Statement between the United States of America and the Kingdom of Thailand เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี







ในโลกของยุคดิจิตอล มันไม่เหมือนเมื่อสมัย 40 ปีที่ผ่านมาว่า ผู้นำพูดอะไร อีกสองสัปดาห์ คนก็ลืมกันหมด

เมื่อไปกล่าวออกโทรทัศน์ หรือให้สัมภาษณ์อะไรไว้ ทุกอย่างที่พูด มันก็กลับคืนเข้าตัวทุกอย่าง

สัญญาที่ให้ไว้กับประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อเดือนตุลาคม 2017 จะเป็นอย่างไร? อย่ามาโทษนู่นโทษนี่เลยดีกว่า

******

ส่วนคุณสรรเสริญ ที่ออกมากล่าวว่า ยืดออกไป 90 วันจะเป็นอะไรไปนั้น

การพูดแบบนี้ แสดงว่าคุณไม่มีประสบการณ์ในการทำสัญญากับทางต่างประเทศเลยใช่ไหม?

คำพูดที่เปรียบเสมือนโวหารให้ฟังดูดีๆ แต่เมื่อคุณสัญญาอะไรแล้ว คุณจะเปลี่ยนไม่ได้ เพราะนี่คือ สัญญาประชาคม โดยเฉพาะเมื่อมีการลงนามอย่างเป็นทางการ

ลองไปอ่านดูว่า ท่านผู้นำ ลงนามไว้ในเรื่องอะไรบ้าง จาก the Joint Statement between the United States of America and the Kingdom of Thailand เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี

คนอย่างนี่แหละ ที่ทางตะวันตกเขาเรียกว่า Siamese Talk คือ กลับกลอก ปลิ้นปล้น ไม่สามารถเชื่อใจอะไรได้

*****

สื่อของทางตะวันตก เขาไม่ได้ลงผิดแน่ๆ โดยเฉพาะการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2560 ที่ ทำเนียบรัฐบาลเสียด้วย

แต่อย่างว่า คนที่บอกว่า "ทำตามสัญญา อีกไม่นาน" ก็เหมือนกับคำพูดโวหารที่เปล่งออกมา แต่ไม่สามารถเชื่อถือได้

นี่คือ สิ่งที่ฝ่ายเผด็จการ (และกองเชียร์) ขอบพูดกันเสมอว่า นักการเมืองปลิ้นปล้อน

แต่ถ้ามันเกิดกับฝ่ายคุณ ก็ถือว่า มันเป็นเรื่องสุดวิสัย รวมทั้งชักแม่น้ำทั้งห้า มาให้เหตุผลเกี่ยวกับการ excuses?

*****

Road map คือ โครงสร้างที่วางแผนให้เราเดินไปตามทางที่ปูไว้

แต่มันุกำลังจะกลายเป็น Wreck map เพราะไม่มีความเชื่อถือหลงอยู่

เมื่อไปพูดอะไร เซ็นสัญญาอะไรกับทางต่างประเทศ เขาถือว่า เป็นการสัญญาในฐานะผู้นำ และมันมีเรื่องอื่นๆ ตามมาอีก

เมื่อการผิดสัญญาเกิดขึ้น ความเชื่อถือมันก็ลดลงไปตามลำดับ โดยเฉพาะเรื่องการค้าขาย การลงทุน การสนับสนุนทางการเงิน การเมือง ฯลฯ

******

อย่ามาแสดงโวหารหรือโกหกผู้คนในโลกดิจิตอลดีกว่า

เพราะประชาชนเขาตระหนักดีว่า ประชาธิปไตย มันคืออะไร ไม่ต้องไปเสี้ยมสอนเขาหรอก....

และโลกดิจิตอล มันก็สามารถเก็บข้อมูลทุกอย่างไว้เป็นเวลานับสิบๆ ปี

Happy Monday ค่ะ

Doungchampa Spencer-Isenberg

ooo


...




วันจันทร์, มกราคม 29, 2561

case in point :กรณีถอดนิด้าโพล เห็บไม่กระโดด แต่กัดกันเอง

น่าเป็นปลื้มเสียจริงกับ คสช. ที่มีลิ่วล้อบริวารแสนจะจงรักภักดี ทั้งในสถานปั่นกฎหมายและสำนักวิจัย แห่งชาติ

Cases in point : พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. กับ นายประดิษฐ์ วรรณรัตน์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า

สำหรับทั่นสมาชิก สนช. ลิ่วล้อคณะรัฐประหารพันธุ์แท้ ออกหน้าแก้ตัวแทนหัวหมู่เรื่องยืดเวลาเลือกตั้งออกไปอีก ๓ เดือน “จะเป็นจะตาย” ให้ทั้งฝ่ายการเมืองและภาคประชาสังคมค้านสนั่น นั่นน่ะ

“สนช.ให้ความสำคัญในแง่การชดเชยให้พรรคการเมือง ที่ติดล็อคตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีเวลาทำกิจกรรม

ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีการเลือกตั้ง โร้ดแม็พไม่ได้ตายตัวสามารถยืดหยุ่นได้ เป็นการแก้กฎหมายเพื่อให้พรรคสามารถทำตามขั้นตอนได้”


แหม่ทั่น ที่เขาค้านกันไม่ได้เกี่ยวเนื่องว่าจะไม่มีเลือกตั้ง แต่มันช้าเกินการนานเกินควรมาจะสี่ปีเข้านี่แล้ว พวกทั่นเลื่อนกำหนดโร้ดแม็พกันปีละหน ตระบัดสัตย์เรื่อยมา แก่ๆ กันแล้วรักษาคำพูดเสียบ้างก็ดี ลงโลงไปจะได้มีอะไรประคับประคองวิญญานให้ไปสู่สุคติ
 
โร้ดแม็พนั้นเปรียบประดุจสัญญา ถ้ายืดหยุ่นได้ไม่หยุดหย่อน จะมีไว้หาพระแสงของ้าวอันใดครับกระผม และประการสำคัญ ไอ้ ล็อค คำสั่ง คสช. นั่นละที่เป็นปัญหา ออกมาเพื่อยืดเวลาโดยหาได้มีความจำเป็นอันใดนอกจากช่วยเหลือพรรคใหม่ฝ่ายทหาร

มาถึงรายนักวิชาการใหญ่ เป็นถึงอธิการบดีสำนักค้นคว้าที่ เคย มีเกียรติภูมิระดับภูมิภาค หลังจากทำหน้าที่บริกรบริการรับใช้พวกนักรัฐประหารกันมากว่าทศวรรษ เดี๋ยวนี้แค่เล่นบท พรมเช็ดเท้า ให้แก่ คสช.

วันนี้ (๒๙ มกรา) อธิการฯ นิด้า แอ่นอกรับคำด่า เรื่องอื้อฉาวในการถอดผลโพลออกเพื่อปกป้องรองหัวหน้า คสช. ที่ผูกนาฬิกาหรูราคาเหยียบล้านตั้ง ๒๕ เรือน (เกิดเสียงนินทาว่ารับส่วยมา) กลับแก้ตัว “เพื่อนให้ยืมใส่”
 
นายประดิษฐ์ วรรณรัตน์ อ้างว่าตนเองน่ะแหละที่ถอดผลโพลกรณีนาฬิกาและแหวนเพชรของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปใดๆ จาก ปปช. “หากทำผลสำรวจในช่วงนี้ เท่ากับเป็นการชี้นำสังคม”

อะพิโถ ตอนที่ออกโพลว่าความนิยมรัฐบาล คสช. สูงลิบลิ่วนั่นไม่เห็นกลัวว่าจะเป็นการชี้นำสังคมบ้างล่ะ อ้างว่าคดียังอยู่ระหว่างสอบสวน ไม่มีคำตัดสินเป็นที่สิ้นสุด แต่นั่นมันเรื่องของตุลาการไม่ใช่เรื่องของการหยั่งความเห็นประชากร

ก็คนที่ทำโพลเองนั่นปะไรไม่ใช่หรือที่ออกมาโวย “นิด้าโพลมีหน้าที่ต้องดำรงความถูกต้อง ที่ควรสะท้อนเสียงของประชาชนอย่างตรงไปตรงมา เคารพความคิดเห็นของประชาชน เมื่อผลโพลออกมาอย่างไรก็มีหน้าที่ต้องนำเสนอ”

นายอานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็นของนิด้าให้สัมภาษณ์ สำนักข่าวไทย ภายหลังจากที่ได้ประกาศลาออกจากภาระหน้าที่จัดทำโพล เนื่องจากอธิการบดีเข้าไปแทรกแซงการทำงาน โดยคอยกำกับควบคุมผลโพลทางการเมืองไม่ให้ออกมากระเทือนซางของ คสช.

นายอานนท์ซึ่งอ้างตน “ผมสนับสนุนรัฐประหารและสนับสนุนรัฐบาลอยู่” แต่เห็นว่า เสรีภาพทางวิชาการและการให้เกียรติกัน สำคัญกว่า

“ถ้าสิ่งใดที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรม ผมก็ไม่จำเป็นต้องเลีย top boot นะครับ ยิ่งมีหลักฐานทางวิชาการที่รัดกุมเป็นความคิดเห็นของประชาชน หน้าที่ผมในฐานะนักวิชาการยิ่งต้องนำเสนออย่างตรงไปตรงมา” นายอานนท์ สาธยายไว้บนหน้าเฟชบุ๊ค 'Arnond Sakworawich' ของเขา

ถึงกระนั้นก็ดีเขาได้โพสต์เฟชบุ๊คเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดว่ากลายเป็น เห็บกระโดด หรือ กลับใจ แต่อย่างใด

“รัฐบาล/ทหาร/คสช. ไม่ได้เกี่ยวกับการเซ็นเซอร์ผลของ NIDA POLL แต่อย่างใด กรุณาอย่าโยงไปหารัฐบาล/ทหาร/คสช. นี่คือ self-sensor”

นิด้าโพลที่อ้างถึงเป็นชุดที่แถลงถึงความเชื่อมั่นในการตรวจสอบรัฐบาลและ คสช. โดย ปปช. ที่พบว่ามีความไม่ปกติ/ไม่โปร่งใส ถึง ๗๖.๓๒ % ซึ่งควรจะมีผลสำรวจเกี่ยวกับนาฬิกาอื้อฉาว ๒๕ เรือนของ พล.อ.ประวิตรรวมอยู่ด้วย แต่ถูกอธิการบดีถอดออกไปเสีย