ก็ถ้ายังต้องรอหลักฐานจากอังกฤษ
แล้วจะไปกล่าวหาเพจ ‘ซีเอสไอ แอลเอ’ และผู้ที่แชร์ข้อความ ๑๒ คนว่า “นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ
สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ” ได้อย่างไร
อย่างนี้สมชื่อที่สื่อบางส่วนให้ฉายาว่า ‘Big
Joke’ ตำรวจไทยใช้ตรรกะแบบเกสตาโป และ/หรือฟาสซิสต์ ละสิ
นายพลคนดัง เป็นทั้งรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว รองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
(ศปอส.ตร.) และรองโฆษกประจำตัว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
พูดถึงคดีการจับกุมผู้ต้องหาแชร์ข้อความ ๑๒ คนว่า
“ได้ประสานผ่านทางกงสุลใหญ่อังกฤษ
ประจำประเทศไทย เพื่อขอหลักฐาน...มาให้...ซึ่งต้องรอสักระยะ ไม่เกินเดือนก็คาดว่าได้หลักฐานที่ขอไป”
และ
“ทางสถานฑูตอังกฤษ
ยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการนำคำให้การ ซึ่งเป็นบันทึกปากคำของตำรวจอังกฤษ
พร้อมหลักฐานทางวัตถุพยาน คือ เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบอสุจิ พร้อมผลการตรวจ
ส่งกลับมายังประเทศไทย” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล แถลงต่อผู้สื่อข่าว
นายพลตำรวจท่องเที่ยวคนนี้มีงานการเมืองและประชาสัมพันธ์ให้
คสช. อย่างล้นมือ ขณะที่การท่องเที่ยวกำลังซบเซาหนัก เพราะเรือเร็วท่องทะเลล่ม
ทัวร์จีนตายเป็นเบือนอกฝั่งภูเก็ตบ้าง ฝรั่งแบ้คแพ็คถูกฆ่าที่เกาะเต่า
หรือข้อหาข่มขืนสาววัย ๑๙ ชาวอังกฤษขณะนี้ แม้กระทั่งกรณีนักเลงคุมตลาดหัวหินรุมทำร้ายครอบครัวนักท่องเที่ยวจากยุโรปที่หัวหิน
วันนี้ ‘บิ๊กโจ๊ก’
ของ คสช.รีบแชร์ข้อเขียนของโรจน์ งามแม้น เจ้าของทั้ง ‘ไทยโพสต์’ และนามปากกา ‘เปลว
สีเงิน’ ผู้แค้นฝังหุ่น ทักษิณ ชินวัตร สมัยเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วหนังสือพิมพ์ของตนถูกสรรพากรตรวจภาษี
มิหนำซ้ำโรงพิมพ์เจ้าประจำแจ้งงดพิมพ์จนกว่าจะจ่ายหนี้ที่คั่งค้างหมดก่อน
ข้อเขียนเรื่อง “จับ
CSI LA สะเทือนถึงใคร” ของโรจน์จึงไม่วายแว้งไปที่ “ระดับ ยิ่งลักษณ์ไอคิว” และ “มันผู้นั้น ไม่ใช่ใครที่ไหน
เผาบ้าน-เผาเมือง ยังสั่งเผาได้” ทั้งที่ได้มีข้อพิสูจน์ให้เห็นบ่อยแล้วว่าทั้งสองประเด็นล้วนเป็นการ
‘บิดเบือน’ ทั้งสิ้น
เรื่องไอคิวต้องดูคนที่เคยเป็นลูกน้องยิ่งลักษณ์เอาก็แล้วกัน
ส่วนเรื่อง ‘เผา’ นั่น เผาแค่วางดอกไม้จันทร์อาจจะใช่ แต่ ‘เผาจริง’ ระดับตาเปลวน่าจะรู้ว่าคดีเผาเซ็นทรัลเวิร์ลด์น่ะเป็นพวกนอกเครื่องแบบทั้งนั้น
คดีเผาศาลากลางบ้างก็ยกฟ้อง บ้างจับคนไปขังฟรีหลายปียังหาหลักฐานไม่ได้
สิ่งตีพิมพ์ของโรจน์ที่ระบุว่า
“กะอีแค่จ้างมั่วให้เป็นข่าวเผาประเทศไปเรื่อยๆ ทำไมมันจะสั่งไม่ได้...”
และ “เป็นขบวนการ ‘ปั่นข่าว’ ทำลายประเทศ” จึงเป็นข้อกล่าวหาโจมตีอย่างโคมลอยของคนที่มีอคติส่วนตัว
น่าเศร้าที่สามารถทำได้ผ่านสื่อสาธารณะในยุคที่ทหารครองเมือง โดยมีแร้ง กา
และหมาไนเป็นลูกมือ
ฉะนั้น การแถลงข่าวของ ‘บิ๊กโจ๊ก’ อย่างดีก็ propaganda
อย่างชั่วช้าเรียกว่า ตอแหล บิดเบือน สไตล์โฆษก ‘ห่านอู’ พูดเรื่อง ‘ผังล้มเจ้า’ อย่างไรอย่างนั้น
“ก็ดูซี ทั้ง CSI LA ทั้ง สมุยไทม์ ‘ไทยทาส’ สายอังกฤษ-อเมริกันทั้งนั้น” สุรเชษฐ์ หักพาล แชร์ข้อเขียนบนเฟชบุ๊คได้อย่างนี้เพราะมีตำแหน่งเป็นรองผู้การฯ
ในประเทศกะลานีเซียหรอกนะ ถ้าเป็นประเทศอารยะตะวันตก ไม่เพียงโดนข้อหาหมิ่นประมาท
แล้วยังเข้าข่ายใช้อำนาจเกินหน้าที่และใจความกฎหมายด้วย
สำหรับตาเปลวนี่
ถ้าจะใช้ภาษา ‘สถุล’ อย่างที่แกเขียน คงจัดเข้าประเภท ‘เก๋าเพราะเห่าเก่ง’
ต่อการที่แกแฉว่า “นายประมุข อนันตศิลป์ หรือ เดวิด อายุ ๔๑ ปี”
เป็น ‘แอดมินเพจ CSI LA’
“ให้สัมภาษณ์คุณสุทธิชัย
หยุ่น หลายวันก่อน เขาอ้างไม่ได้ทำผิด คดียังไม่จบ
สงสัยจับแก้แค้นที่เขาแฉเรื่องนาฬิกาเพื่อน ข่าวนั้นเขาเอาจากที่
‘เดลิเมล์’ กับ ‘เดอะ ซัน’ ของอังกฤษลงข่าว โดยแม่ของสาวอังกฤษเป็นผู้ให้ข่าวครับ”
และ "จะผิด-ไม่ผิด
ยังสรุปไม่ได้ การจับเป็นเพียง ‘ข้อกล่าวหา’ ของตำรวจ” ก็ถูกต้องแล้วในมาตรฐานและจิตสำนึกด้วยสติปัญญาสากล
หากแต่ เปลว สีเงิน ณ กะลาแลนด์ กลับใช้วาทะสำเร็จรูปสไตล์เผด็จการ คสช. ที่ว่า
“ในเมื่อนายประมุขมั่นใจว่าตัวเองไม่ผิด ต้องการยืนยันสิทธิในการนำเสนอข่าวสารเป็นจริงเพื่อสังคมได้รับความยุติธรรม
เช่นนั้นนายประมุขควรกล้าสู้-กล้าพิสูจน์
ตามกระบวนการกฎหมาย”
คงจะไม่มีคำไหนอธิบายได้ดีไปกว่าคำของเปลวเองที่ว่า
“ประโยคแบบนี้ มันคุ้นๆ หู
ว่าพวกสถุลไหนมันชอบยกมาอ้างประจำ”
ในเมื่อกระบวนการกฎหมายที่ตาเปลวเอ่ยถึงนี่
มันเป็นกฎหมายที่ถูกบิดเบือนใช้โดยเผด็จการ คสช. และลิ่วล้อ ผ่านการตีความของตุลาการที่ลำเอียง
เอาผิดเฉพาะบางคนบางพวก และให้ความกรุณามองข้ามความจริงสำหรับบางหมู่บางเหล่า
มันเป็นระบบตุลาการที่อยุติธรรมเห็นชัด