วันอังคาร, กันยายน 04, 2561

ไม่เพียง ปชป. ที่หนาว ทำไปทำมาพลังประชารัฐอาจจะ ‘สั่น’ เสียด้วย

พอไปอยู่ค่าย สามมิตร ไม่ทันไร แรมโบ้อีสาน แสดงให้นายใหม่ได้เห็นคุณภาพลิ่วล้อ ไม่ว่าจะราคา ๓๐ หรือ ๕๐ ก็นับว่าคุ้มราคา พอมีข่าวตกเขียว สุภรณ์ อัตถาวงศ์ จัดการฟอกขาวให้ คสช. ทันใจ

เขาไปยื่นฟ้องร้องเรียนต่อ กกต.โคราช ให้จัดการยุบพรรคภูมิใจไทย ฐานที่ “ฝ่าฝืนจงใจกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ขัดคำสั่ง คสช.ที่ห้ามดำเนินการเคลื่อนไหวหาเสียงทางการเมือง” จากกรณีที่รองโฆษกพรรคเพื่อไทยออกมาปูดว่า “มีขบวนการเก็บบัตรประชาชนของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)”

แล้วอดีต ส.ส. โคราช โกศล ปัทมะ ตามยืนยันว่าเป็นจริง “มีทีมผู้ที่คาดว่าจะลงสมัคร ส.ส.บางพรรค ไปติดต่อประธาน อสม.ตำบลแต่ละพื้นที่ ให้ไปรวบรวมบัตรประชาชนของ อสม. และชาวบ้านในพื้นที่ นำไปทำบัตรสมาชิกพรรคการเมือง

โดยมีการแจ้งด้วยว่าจะให้ค่าตอบแทน อสม.และชาวบ้าน รายละ ๑๐๐-๒๐๐ บาท ตั้งเป้าให้ได้สมาชิกพรรคอำเภอละ ๑๐,๐๐๐-๒๐,๐๐๐ ใบ ยืนยันว่าไม่ใช่การเรียกเก็บบัตรประชาชนไปทำบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อยของรัฐ”

แรมโบ้ไปไกลกว่านั้น เขา “โชว์หลักฐานการเก็บบัตรประจำตัวประชาชน รายชื่อผู้ที่ถูกเก็บบัตร ภาพถ่ายและคลิปการนำชาวบ้านในพื้นที่ อ.ครบุรี และ อ.เสิงสาง ออกไปเที่ยว เพื่อหวังผลทางการเมือง” นายสุภรณ์แจงไม่ยั้งว่าการพาชาวบ้านไปเที่ยวกันนี้

“ว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต พรรค ภท.และพ่อค้าเจ้าของกิจการโรงงานแป้งมันรายใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้สนับสนุน” ทั้งจงใจฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง แล้วยังขัดคำสั่ง คสช. “เข้าข่ายผิดร้ายแรงตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองและกฎหมายประกอบการเลือกตั้ง ถึงขั้นยุบพรรคได้หรือไม่” ขอให้ กกต.เอาไปคิดดู


ขณะที่ทางพรรคเพื่อไทย ปูด เรื่องนี้โดยไม่ระบุว่าเป็นใครเหมือนที่แรมโบ้ ปาด ภูมิใจไทย ก็เป็นที่เข้าใจไม่ยากในเมื่อกระแส ดูด อดีต ส.ส.เข้าพรรคใหม่เพื่อสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกฯ อีกครั้ง มันสุมอยู่ที่กลุ่มสามมิตรและพรรคพลังประชารัฐของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ

และหลังจากประยุทธ์พา ครม.สัญจรไปอีสานใต้ ได้รับการต้อนรับอย่างเอิกเกริกจาก เนวิน ชิดชอบ ผู้ทำให้ฉายา งูเห่า ทางการเมือง เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์แห่งวิชามารชั้นอ๋อง จัดการต้อนรับอย่างเอิกเกริกแล้ว พรรคภูมิใจไทย ภายใต้การกำกับของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็แสดงตนรักษาระยะห่างกับ คสช. และรัฐบาลของประยุทธ์อย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
 
ท่ามกลางเสียงซุบซิบที่ว่าอนุทินเป็นหนึ่งในผู้ที่จะถูกเสนอชื่อเป็นตัวเลือกตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่พรรคการเมืองกลายเป็นเบี้ยหัวแตกหลังเลือกตั้ง ตาม กับดัก ในรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกที่เนติบริกรของ คสช.จัดไว้ นัยว่าเพราะเขาไม่ห่างไกลพระเนตรพระกรรณเท่าไรนัก

ไม่กี่วันมานี่เอง อนุทินเพิ่งวิพากษ์โครงการระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก หรือ อีอีซีของนายสมคิดและ คสช. อย่างไม่สะทกสะท้าน เขา “โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คถึงข้อสงสัยเกี่ยวกับ ความคุ้มค่าจากการใช้งบประมาณมหาศาลสร้างรถไฟความเร็วสูง และการดำเนินโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก”

อนุทิน “ถามว่า รถไฟความเร็วสูงใครจะเป็นผู้โดยสาร ในเมื่อคนชนบทส่วนใหญ่มีรายได้จากภาคเกษตรที่ไม่แน่นอน บางช่วงผลผลิตราคาตกต่ำ...ถามว่าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าใน กทม. อีกหลายเส้นทาง ทั้งที่ตอนนี้การจราจรใน กทม.ติดไปทุกเส้นทางยังไม่พออีกหรือ...

โครงการอีอีซี มีบุคลากรในเทคโนโลยีชั้นสูงหรือยัง เราควรจะนำเม็ดเงินหลายแสนล้านบาทมาพัฒนาทรัพยากรบุคคลในประเทศ ให้มีความพร้อมก่อนจะดีกว่าหรือไม่...ผมจึงเห็นว่าเราควรต้องกลับมาจัดลำดับความสำคัญในการใช้จ่ายงบประมาณของประเทศเสียใหม่”


การเมืองเรื่องเลือกตั้ง ท่าจะแน่ ในปี ๖๒ (จะต้นปี กลางปี หรือกระทั่งปลายปี ก็แล้วแต่) ตอนนี้มีลมขึ้นลมลง ไม่มั่นคงเหมือนน้ำที่ขึ้นเอา ขึ้นเอา เมื่อพรรคประชาชาติของกลุ่มวาดะห์ กำลังเป็นที่จับตาของสื่อสลิ่มอย่างตาไม่กระพริบ

หนังสือพิมพ์ คมชัดลึกบอกว่าการเกิดของประชาชาติเป็นดั่งพระประสงค์องค์อัลเลาะห์ ที่ว่าวาดะห์จะต้องมีบ้านของตนเองเสียที อย่างไรก็ดีคมชัดลึกวิเคราะห์ว่า “กลุ่มวาดะห์แม้จะเป็นจุดแข็งใน พื้นที่เฉพาะอย่างสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

แต่ในทางกลับกันได้กลายเป็น จุดอ่อน หากจะผลักดันให้พรรคนี้เติบโตต่อไป และมีบทบาทในระดับ ตัวแปร ของระบบการเมืองไทย เพราะพรรคประชาชาติได้ติดภาพการเป็น พรรคมุสลิม ไปแล้ว”

ดังนั้นจึงได้มีการดึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตเลขาธิการ ศอ.บต. สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นพุทธและมีผลงานดีเด่นในความพยายาม ดับไฟใต้ เข้าไปร่วม คมชัดลึกอ้างว่าถึงแม้เวลานี้ พ.ต.อ.ทวียังไม่ได้มีการตอบรับอย่างเป็นทางการ
 
แต่ถึงวันนี้คนในพื้นที่ชายแดนใต้ก็พากันเรียก พ.ต.อ.ทวี ว่าเป็นเลขาธิการพรรคประชาชาติ กันหมดแล้ว

ไม่เพียงเท่านั้น คมชัดลึกยังหาญกล้า projection ‘ฟันธงว่า “แนวนโยบายและความพร้อมของพรรคการเมืองใหม่พรรคนี้ ซึ่งต้องบอกว่าน่ากลัวไม่แพ้พรรคอนาคตใหม่ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เลยทีเดียว” จนทำให้พรรคประชาธิปัตย์ที่เคยถูกฝั่งตรงข้ามเหน็บแนมว่า จะชั่วช้าอย่างไรคนใต้ก็ยังเลือก ชักจะหนาว

จึงเป็นเหตุให้ เจะอามิง โตะตาหยง อดีตส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ ต้องเต้นเร่า ร้องแรกแหกกระเชอ ว่า “พรรค ปช. เป็นนอมินีของพรรคการเมืองไหน...มันไม่ง่ายอย่างที่คิด โดยเฉพาะกับ ๓ จังหวัดชายแดนใต้

ที่เขามีบทเรียนที่ฝังใจกันมายาวนาน ต้องก้าวข้ามความไม่สงบให้ได้ เพราะประชาชนเขาต้องการสันติสุข อย่าลืมว่าอดีต ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้เขาก็มีศักยภาพพอเหมือนกัน” เลยทำให้ “การนำพาพรรคประชาชาติ ไม่ให้มีสถานะเป็นเพียงสาขาของพรรคเพื่อไทย

จึงเป็นโจทย์ข้อสำคัญของ พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง ในวันที่กำลังลิ้มลองสนามการเมืองแบบเต็มตัว” คมชัดลึกว่า ทั้งที่พยายามวางนโยบายไปในสายก้าวหน้าอย่างอนาคตใหม่ เช่น แก้ไขปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ คิดส่งผู้สมัครหญิงที่เป็นคนรุ่นใหม่เข้าสู่สมรภูมิเลือกตั้ง เป็นอาทิ


รวมความ (ตอนนี้) ว่า ไม่เพียง ปชป. ที่หนาว ทำไปทำมาพลังประชารัฐอาจจะ สั่น เสียด้วย