เมื่อวานใครๆ ก็นึกว่า ‘ไทยโพสต์’ ละเมอลุกขึ้นพูดทั้งหลับ เมื่อฉบับ ๒๗ เมษา พาดหัวสะเด็ด “กดสื่อเท่าหมอนวด
เข็นสภาเทวดาตีตรานักข่าว/โลกประจานเสรีภาพดิ่งเหว”
เขาเล่นข่าวตี สปท. “แก๊งนายพลกระเหี้ยนกระหือรือ”
ในสภาปฏิรูปฯ ว่าเข็นกฎหมายควบคุมสื่อเข้าที่ประชุมใหญ่ ๘-๙ พฤษภานี้ ซึ่งมี “เนื้อหาสาระเผด็จการต้องเรียกพี่”
ที่จริงเขาอาจได้ซิก (แน่ล) จากบิ๊กตูบแล้วก็ได้
เมื่อบางกอกโพสต์ฉบับวันนี้ (๒๘ เมษา) รายงานว่า “ประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายกำกับสื่อที่อื้อฉาวของ
สปท. ฉบับนี้ แต่ก็จะรอดูก่อนว่าสาธารณชนมีความเห็นอย่างไร”
อย่างไรก็ดีบางกอกโพสต์อ้างด้วยว่า พล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร
ประธานอนุกรรมการปฏิรูปสื่อบอกเสียใจที่นายกฯ มีความเห็นอย่างนั้น
แต่ตนก็จะผลักดันกฎหมายนี้ต่อไป
เพราะ “สื่อไทยจำเป็นต้องมีการลงทะเบียน ทำให้เชื่อง และถูกเคี่ยวเข็นกดดันเหมือนในสิงคโปร์”
ถ้าพูดอย่างนั้นจริงก็พอเข้าใจได้ว่าทำไม โรจน์ งามแม้น
(นายใหญ่ที่ไทยโพสต์) ต้องออกมาเต้น ถึงแม้จะเป็นสื่อเลือกข้างทหารก็ตามที ดังที่
เปลว สีเงิน (นามปากกาของโรจน์) เขียนถึงเรื่องเรือดำน้ำจีนเมื่อวันก่อน
เหมือนเข้าไปนั่งอยู่ในห้องใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
“ไม่ใช่ซื้อมาหวังไปรบกับใคร" แต่ “ซื้อในความหมาย ใช้เป็น ‘มัดกล้าม’ ให้เดินข้อกางใต้น้ำ ดูเท่หน่อย”
ก่อนจะชม
โรจน์ขึ้นต้นประชดบิ๊กตือเสียบรม
ว่า “สังคมนอกจากไม่เชื่อถือแล้ว ยังระแวง และตั้งคำถามทุกเรื่อง” เหตุเพราะ “-เป็นทหารพ่อค้า
-แนบแน่นระบอบทักษิณ
-สมุน-บริวาร-คนรอบข้างเป็นพิษ -เป็นอำนาจสมประโยชน์กลุ่มทุน
และ -เป็น ‘นายกฯ คนนอกเงา’ ของบางพรรค”
บิ๊กตือก็เลยต้องออกมาย้อนยิ่งลักษณ์เสียหนัก
เรื่องที่เธอไปย้อนบิ๊กตูบซึ่งเอ็นจอยปากวิพากษ์ ‘จำนำข้าว’ ว่าทำให้ประเทศชาติเสียหาย “สูญเสียงบประมาณจำนวนมาก
ทำให้เราต้องมาผ่อนชำระชดใช้หนี้ต่างๆ ในระบบการเงินการคลังของประเทศ
ทำให้หลายอย่างติดขัด”
เฟชบุ๊คของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โต้ว่า “ก็น่าจะเทียบได้กับการจัดซื้อรถถัง
และเรือดำน้ำ แถมยังมีแผนจะจัดซื้อเพิ่มเติมในอนาคตอีก...
ดิฉันขอยืนยันว่าโครงการรับจำนำข้าว
เป็นการนำเงินทุกบาททุกสตางค์โอนเงินผ่าน ธ.ก.ส.
จ่ายถึงมือชาวนาโดยตรงซึ่งมีผลทำให้ชาวนาได้มีโอกาสลืมตาอ้าปาก เศรษฐกิจดีขึ้น
แต่วันนี้พลเอกประยุทธ์บริหารประเทศมาถึง
๓ ปีแล้วยังพบปัญหาเศรษฐกิจที่ต้องแก้ไข...แต่กลับใช้เงินงบประมาณไปกับการซื้อรถถัง
เรือดำน้ำซึ่งในอนาคตก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องซื้ออีกกี่ลำถึงจะสามารถป้องกันประเทศได้
ทั้งๆ ที่อ่าวไทยนั้นตื้นเขิน”
เธอจี้ให้ สตง. และ ปปช. “เข้ามาตรวจสอบให้เข้มข้น
เหมือนกับที่เคยทำกับรัฐบาลพลเรือนในอดีตโดยไม่เลือกปฏิบัติ และมีความเท่าเทียมกัน
และไม่ควรมีการอ้างเรื่องชั้นความลับของทางราชการแต่อย่างใด”
จึงถึงตาบิ๊กตือร่ายบ้าง เขาย้อน “คุณยิ่งลักษณ์ก็พูดไป
แต่เรื่องเรือดำน้ำที่ซื้อมาก็เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งให้กับกองทัพเป็นเรื่องการพัฒนาของกองทัพ
ผมไม่เห็นว่าเสียหายตรงไหน เสียเงินไปแต่ก็ได้ของมา
แต่โครงการจำนำข้าวเงินหายไปหมด ไปไม่ถึงตัวประชาชน
แล้วเงินหายไปไหน ขาดทุน ๕ แสนกว่าล้าน อยากให้คุณยิ่งลักษณ์ไปตอบพนักงานสอบสวน
ไม่ต้องออกมาแบบนี้”
เขายังเหน็บน้องสาวทักษิณ แบบคงนึกว่าจิกได้เจ๋ง “ถ้าเอาเงินที่เสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวมาซื้อเรือดำน้ำจะซื้อได้ประมาณ
๕๐ ลำ”
ยิ่งลักษณ์ยังไม่ได้ตอบบิ๊กตือ แต่ วัฒนา เมืองสุข ออกมาตอกบิ๊กตูบกระเทือนบิ๊กตือแทน
“พลเอกประยุทธ์ควรเรียนรู้ว่า
ทุกรัฐบาลมีหน้าที่ต้องแบกรับและแก้ไขปัญหาที่ตกทอดมาจากรัฐบาลเก่า...
ท่านทราบดีว่าการเข้ามาเป็นรัฐบาลไม่ว่าจะโดยวิธีอันชอบธรรมหรือมาโดยอำนาจปืนแบบรัฐบาลนี้
ล้วนเป็นการอาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาของประเทศทั้งสิ้น สิ่งนี้เรียกว่ามารยาททางการเมืองซึ่งท่านคงไม่รู้จัก...
โครงการรับจำนำข้าวเป็นนโยบายสาธารณะเพื่อช่วยเหลือชาวนา
ในการรับจำนำรวม ๕ ฤดูกาล ธกส. ได้โอนเงินให้กับชาวนาโดยตรงจำนวน ๘๗๘,๒๐๙ ล้านบาท
ทำให้เศรษฐกิจดีชาวนามีกำลังซื้อ...
โดยในปี ๒๕๕๔-๒๕๕๖ รัฐบาลยิ่งลักษณ์จัดเก็บภาษีได้เกินกว่าประมาณการถึง
๑๗๐,๐๐๐ ล้านบาท รัฐจึงไม่ได้เสียงบประมาณมหาศาลตามที่พูด”
แต่
“ในปี ๒๕๕๗-๒๕๕๘ รัฐบาลประยุทธ์จัดเก็บภาษีได้ต่ำกว่าประมาณการเกือบ
๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาท
ทั้งที่ใช้เงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจมากที่สุด
ดังนั้น
การที่ทุกอย่างติดขัดเพราะเก็บภาษีได้ต่ำกว่าประมาณการต่างหาก ซึ่งแสดงถึงความล้มเหลวในการใช้จ่ายเงินงบประมาณ
เช่น การซื้อเรือดำน้ำ”
นี่แหละนะ บริหารประเทศด้วยปากอย่างเดียว สักแต่พูดไม่ต้องใช้สมอง
ไม่ต้องมองข้อมูลและหลักฐาน ถ้าจะแปลกใจว่าทำไมอยู่มาได้จะครบสามปีนี่ ไม่ใช่เพราะฟากตรงข้ามแย่กว่าหรอกนะ
