วันพฤหัสบดี, เมษายน 20, 2560

โร้ดแม็พรัฐบาล คสช. ตอนนี้มีแต่หมุดสำหรับไพร่ฟ้าหน้าใส ที่ขายหาบเร่ไม่ได้แล้วยังต้องจ่ายค่าไฟอาน

สงสัยว่าไอ้การทวงถาม แจ้งความให้ตามหาหมุดคณะราษฎร ที่ถูกมือดีใจร้ายขุดออกหายไปแล้วเอาหมุดใหม่สำหรับ ไพร่ฟ้าหน้าใสมาฝังแทน นั้นมันจะไปขัดขวางปรองดองได้อย่างไรกัน

พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีมีกลุ่มคนยังคงเคลื่อนไหวทวงคืนหมุดคณะราษฎร ว่า

“บรรยากาศของบ้านเมืองตอนนี้กำลังก้าวหน้า และมีการบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว สิ่งใดที่จะทำให้เกิดความไม่เรียบร้อยเราก็ต้องขอความร่วมมือ ความร่วมแรงร่วมใจเพื่อนำพาประเทศไปสู่ความปรองดอง”


ความเรียบร้อยบ้านเมืองแบบทหารนี่รวมถึง ห้ามจัดกิจกรรมเสวนา “วิพากษ์การให้เช่าที่ดิน ๙๙ ปี ผลประโยชน์ของไทย หรือผลประโยชน์ของใคร?” วันที่ ๒๓ เมษายน ด้วยสิ

มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร จึง “ต้องเลื่อนการเสวนาไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด

นายภานุเดช เกิดมะลิ เลขามูลนิธิ เล่าว่า “ไม่แน่ใจว่าทหารไปโยงกับหมุดคณะราษฎรหรือไม่ เพราะมีนักวิชาการบางคนโพสในเฟชบุ๊กเกี่ยวข้องกับหมุดคณะราษฎรดังกล่าว จึงไม่อยากให้ผู้ที่เห็นต่างกับรัฐบาลจัดเสวนานี้ขึ้น

ส่วนเรื่องการเช่าที่ดิน ๙๙ ปีนั้น “ทหารให้เหตุผลกับเราว่า...ตามนโยบายของรัฐบาลในการผลักดันการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นเพียงการร่าง พ.ร.บ.เท่านั้น

ยังไม่ได้ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติและยังไม่มีการประกาศใช้ใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งอาจมีเนื้อหาที่เปลี่ยนแปลงได้จึงไม่อยากให้เราวิตกกังวลไปก่อน


ถึงกระนั้นก็ฟังไม่ขึ้น เพราะถ้าไม่มีการวิจารณ์กันก่อน ถึงเวลา สนช. ผ่านสามวาระรวดโดยไม่แก้ไขล่ะ ก็เท่ากับปล่อยไปตามที่เขาต้องการนั่นซี พูดแบบนี้เอาแต่ได้

เรื่องนี้ รมว. อุตสาหกรรมก็ออกมาแถหน้าใสๆ เหมือนกัน นายอุตตม สาวนายน ชี้แจงว่า “การเปิดให้สิทธิถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ ของคนต่างด้าวผู้ประกอบกิจการและอาศัยภายในพื้นที่

ที่สามารถทำสัญญาเช่าได้ถึง ๕๐ ปี และสามารถต่อสัญญาได้อีกไม่เกิน ๔๙ ปี (รวมเป็น ๙๙ ปี) นั้นไม่ใช่ประเด็นใหม่” เขาอ้าง พรบ.อสังหาฯ พ.ศ. ๒๕๔๒ เปิดโอกาสให้ผู้เช่าระยะยาว ๓๐-๕๐ ปี สามารถตตกลงกับผู้ให้เช่า ต่อสัญญาได้อีกไม่เกิน ๕๐ ปีอยู่แล้ว


เพียงแต่ว่า สิ่งที่มูลนิธิสืบฯ เขาต้องการเสวนาวิพากษ์ มันรวมถึง “ข้อกังวลเป็นห่วง เนื่องจากในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษในบางพื้นที่อยู่ในแนวเขตป่า เช่น ป่าสงวนที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์อยู่

ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสัตว์ป่า ชุมชน ความคุ้มค่าในเชิงเศรษฐศาสตร์ ซึ่งหากเกิดปล่อยให้มีการเช่าที่ดิน ๙๙ ปี จะเกิดผลอย่างไรบ้าง” ด้วยต่างหาก

อีกทั้งมีกลุ่ม Land Watch Thai’ ออกมาชี้แนะว่าแม้กระทั่งประเทดลาวก็ยังไม่เอาด้วยกับการให้เช่ายาว ๙๙ ปี “โดยข่าวจาก http://transbordernews.in.th/home/?p=16565 ระบุว่า

ตอนนี้รัฐบาลลาวได้ผ่านกฎหมายส่งเสริมการลงทุนฉบับใหม่ โดยแก้ไขเนื้อหาการให้เช่าที่ดินในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ จาก ๙๙ ปี เป็น ๕๐ ปี

เนื่องจากเห็นว่า การให้เช่าที่ดิน ๙๙ ปี นั้น ส่งผลให้รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย ในขณะที่ระยะเวลา ๕๐ ปี เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมและยังเป็นระยะเวลาที่ใช้กันทั่วไป”

นี่ก็แสดงแล้วว่าการทำงานของรัฐบาล คสช. ไม่ว่าพวกทหารหรือพลเรือนลิ่วล้อ เจอบ่อยไปเรื่องสุกเอาเผากิน หรือไม่ก็ตอแหลบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อจะทำตามที่ต้องการสถานเดียว

ตัวอย่างเรื่องที่สำนักนายกฯ แถลงว่าทั่นหัวหน้าใหญ่เป็นปลื้มเหลือหลายที่ “เครือข่ายการแก้ปัญหาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (UNSDSN) ได้ประกาศผลการจัดอันดับประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก ประจำปี ๒๐๑๗

โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดอันดับ ๒ ของอาเซียน อันดับ ๓ ของเอเชีย และอันดับที่ ๓๒ ของโลก”

แต่แท้ที่จริงนั่นเป็นการจัดทำ ดัชนีแห่งอาการระเหี่ย ทุกข์ทรมานใจ ‘misery’ ต่างหาก

ทั้งที่โดน ThaiPublica ท้วงเอาว่า ไทยถูกจัดอยู่ในอันดับ ๖๕ น้อยสุดของประเทศที่ประชากรมีความทุกข์ทรมานใจ ก็เลยตีความกลับหัวกลับหางเป็นว่า มีความสุขที่สุด เป็นต้น

เท่านั้นไม่พอ ทั้งที่ยอมรับว่าการจะฟื้นเศรษฐกิจของประเทศจะต้องเรียกนักท่องเที่ยวให้กลับคืนมาประเทศไทย

พอนิตยสารต่างประเทศชมว่า ‘street foods’ หาบเร่ รถเข็น อาหารริมทางของไทยเป็นที่ตื่นตาตื่นใจที่สุดในโลก กทม. ลิ่วล้อ คสช. ดันจัดระเบียบทางเท้าขนานใหญ่เสียนี่

นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พูดถึงนโยบายการจัดระเบียบทางเท้ารามคำแหง ราชประสงค์ สยามสแควร์ ที่ทำไปแล้ว กับย่านบางลำภู (และถนนข้าวสาร อันทำให้ฝรั่งหดหาย) นั้น

“ที่ผ่านมาประชาชนเห็นด้วย” (http://www.komchadluek.net/news/regional/272114)
ย้ำนะ นั่นน่ะคำของที่ปรึกษา กทม. แต่แน่ๆ นักท่องเที่ยวไม่ค่อยเห็นด้วยหรอก

แล้วยังมีส่วนที่ประชาชนไม่เห็นด้วย ตรงที่ Jamies Moller (shared a link to the group: Moon Red Shinawatra) ว่า

“ขึ้นเงินเดือนตัวเอง แต่ปรับแอร์ช่วยชาติ ไอ้สัส กรูขรรม์ชิพหาย” ตามข่าวว้อยซ์ทีวี “วาระแห่งชาติ! สปท.มีมติปรับอุณหภูมิแอร์เป็น ๒๔ องศาช่วยชาติประหยัดไฟ

ข่าวอธิบายว่าตามปกติรัฐสภาจะเปิดแอร์เย็นเฉียบ ๒๐ องศาเซลเซียส ให้สมาชิกใส่สูทไปทำงานกัน ขณะที่เงินเดือนของสมาชิก สปท. ลดหลั่นจากประธานลงมาถึงสมาชิกธรรมดาไม่หนีแสนบาทกว่าต่อเดือนทั้งนั้น


ตอนนี้ยิ่งหนักเข้าไปอีก คณะกรรมการพลังงาน (ชื่อย่อ กกพ.) ผุดมติถอนขนลูกเจี๊ยบ (ไม่ยักถอนห่านหรือไก่อู) ปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (หรือเอฟที) ในงวดเดือนพฤษภาถึงสิงหา ๖๐ อีกหน่วยละ ๑๒.๕๒ สตางค์

จะมีผลทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทอยู่ที่ .๕๐๗๙ บาท/หน่วย ซึ่งไม่นับรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม


ตกลงโร้ดแม็พรัฐบาล คสช. ตอนนี้ยุครัฐธรรมนูญใหม่ ไม่มีหมุดหมายประชาธิปไตย ตามหาก็คงยากเพราะตอนเกิดเหตุพอดีไม่มีกล้องวงจรปิดจับภาพ บังเอิญถูกถอดออกไประหว่างปรับปรุงสัญญานไฟ


มีแต่หมุดสำหรับไพร่ฟ้าหน้าใสที่ขายหาบเร่ไม่ได้ แล้วยังต้องจ่ายค่าไฟอาน