ธุรกิจรับซื้อหนี้ ‘แข่งดุ’
19 เมษายน 2560
โดย วรินทร์ ตริโน
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
ธุรกิจ "รับซื้อหนี้" แข่งดุ แบงก์ "โละ" เอ็นพีแอล7หมื่นล.
แนวโน้มสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอล (NPL) ของธนาคารพาณิชย์ที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากที่ผ่านมา กลายเป็นโอกาสการเติบโตที่สำคัญของบรรดาบรรษัทบริหารสินทรัพย์ หรือ เอเอ็มซี (AMC) และนำมาซึ่งการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจรับซื้อหนี้เสียมาบริหาร
“นิยต มาศะวิสุทธิ์” รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท หรือ แซม (SAM) ระบุว่า ปีนี้ยังเป็นอีกปีที่ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่มีนโยบายแบบ aggressive ในการตัดขายหนี้เสีย โดยปีที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์มีการขายหนี้ประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาท ปีนี้ก็คาดว่าการขายหนี้จะไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามรูปแบบในการขายอาจจะเปลี่ยนไป จากเดิมที่มีการตัดขายล็อตใหญ่มูลค่าประมาณ 1 พันล้านบาทขึ้นไป แต่ปัจจุบันเริ่มเห็นมูลค่าที่ขายประมาณ 300-400 ล้านบาท เพื่อให้โอกาสเอเอ็มซีรายเล็กๆ เข้ามาได้ เนื่องจากปัจจุบันมีบริษัทเอเอ็มซีเกิดใหม่จำนวนมาก ล่าสุดในตลาดมีกว่า 40 แห่งแล้ว
นอกจากนี้ยังพบว่าธนาคารพาณิชย์มีการตัดขายหนี้เร็วขึ้น โดยหากมีนับเป็นเอ็นพีแอล หรือค้างชำระ 91 วันก็เริ่มมีการตัดขายแล้ว จากเดิมจะใช้เวลาหลังเป็นเอ็นพีแอลประมาณ 6 เดือน ถึง1 ปีก่อนถึงจะขายหนี้ก้อนนั้นออกมา
“การเข้ามาของเอเอ็มซีรายใหม่ๆ ทำให้แนวโน้มการแข่งขันในธุรกิจรับซื้อหนี้มาบริหารเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แนวโน้มราคาที่ขายออกมาก็มีราคาเพิ่มขึ้นมากกว่าในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในส่วนของแซมเองก็ต้องมีการปรับตัวเพื่อรับการแข่งขันด้วย”
เขากล่าวต่อว่า ในปี 2559 ที่ผ่านมา แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่ก็ทำผลงานได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ จนสามารถคืนเงินให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน หรือกองทุนฟื้นฟูได้ 7.5 พันล้านบาท คิดเป็น 112%ของเป้าหมาย
สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทมีเป้าหมายจะขายหนี้และมีเงินสดเข้ามาบริษัทประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แยกเป็นเงินที่ได้จากการขายหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล ประมาณ 6 พันล้านบาท และสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ เอ็นพีเอ ประมาณ 4 พันล้านบาท
ทั้งนี้เงินสดที่ได้มากว่า 1 หมื่นล้านบาทนั้น บริษัทจะคืนให้กับกองทุนฟื้นฟูประมาณ 5 พันล้านบาท ส่วนอีก 5 พันล้านบาทจะเตรียมไว้สำหรับการซื้อเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มหนี้ในพอร์ต หลังจากการขายหนี้ที่ผ่านมาทำให้มูลหนี้ในพอร์ตปรับลดลงเรื่อย
“เดิมทีบริษัทจะมีการซื้อหนี้เพิ่มเข้ามาปีละประมาณ 1-3 พันล้านบาท แต่ปีนี้ทางกองทุนฟื้นฟูฯได้อนุมัติให้บริษัทสามารถซื้อหนี้เพิ่มได้ ปีนี้จึงมีแผนจะซื้อหนี้เพิ่ม 5 พันล้านบาท อย่างไรก็ตามตามแผนระยะยาวที่ได้เสนอกองทุนฟื้นฟูไป บริษัทจะซื้อหนี้ประมาณปีละ 5-6 พันล้านบาท ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งหมายความว่าสามารถซื้อได้สูงสุดถึงปีละ 6 พันล้านบาท”
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทสามารถเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ เอ็นพีแอลคิดเป็นภาระหนี้ตามบัญชีได้แล้ว 8.6 พันล้านบาท และ สามารถจำหน่ายเอ็นพีเอ ได้กว่า 975.81 ล้านบาท โดยได้รับชำระเป็นเงินสดแล้วจำนวน 1,446 ล้านบาท
นอกจากนี้เดินหน้าประมูลซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพได้แล้ว 3 พอร์ต คิดเป็นเงินประมาณ 1 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเอ็นพีแอล ประเภทสินเชื่อเคหะ (Housing Loan) และ ยังคงจะเข้าร่วมประมูลซื้อเอ็นพีแอล จากสถาบันการเงินต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายการเข้าประมูลซื้ออีก 4 พันล้านบาท ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้
โดย ณ สิ้นไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทมีสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ หรือเอ็นพีแอลภาระหนี้ตามบัญชีจำนวน 3.59 แสนล้านบาท จำนวนลูกหนี้ 1.91 หมื่นราย และทรัพย์สินรอการขาย หรือเอ็นพีเอ จำนวน 3.8 พันรายการ มูลค่ารวมกว่า 2.19 หมื่นล้านบาท โดยตลอดระยะเวลาที่ตั้งบริษัทขึ้นมากว่า 17ปีจนถึงปัจจุบัน บริษัทสามารถขายหนี้และคืนเงินให้กองทุนฟื้นฟูได้แล้วประมาณ 2.4 แสนล้านบาท
การบริหารจัดการหนี้เอ็นพีแอลนั้น บริษัท ยังคงเน้นการให้โอกาสลูกหนี้เข้ามาติดต่อ และ เจรจาปรับโครงสร้างหนี้ตามความสามารถด้วยการให้คำปรึกษา และ ช่วยเหลือให้ลูกหนี้ได้ข้อยุติและปฏิบัติตามสัญญาเพื่อให้ลูกหนี้สามารถดำเนินธุรกิจ และ ประกอบอาชีพได้ตามปกติ
นอกจากนี้ ยังคงยึดมั่นในบทบาทของความเป็นหน่วยงานรัฐที่สนับสนุนนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้สินในรูปแบบต่างๆ ด้วยความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐ หรือจีทูจี เหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมาเช่น งานร่วมใจไกล่เกลี่ยกับกรมบังคับคดี เป็นต้น
ล่าสุดได้มีการลงนามความร่วมมือกับทางบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการสนับสนุนความมั่นคงทางด้านพลังงาน โดยหากบริษัทมีที่ดินที่มีศักยภาพในการตั้งปั๊มน้ำมันชุมชน หรือสนับสนุนยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางด้านพลังงานได้ ก็จะเสนอขายให้กับทางบริษัทปตท.ก่อน
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนเข้าไปรับจ้างบริหารหนี้ให้กับบรรษัทบริหารสินทรัพย์ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือไอแอม ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อรับโอนหนี้เสียจากไอแบงก์ไปบริหาร ซึ่งอยู่ระหว่างรอหลักการจากทางภาครัฐ ขณะเดียวกันก็เตรียมพร้อมสำหรับการเข้าไปช่วยติดตามและเจรจาหนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันให้กับธนาคารพาณิชย์ตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทั้งหนี้บุคคลและหนี้บัตรเครดิต เป็นต้น
ooo
เรื่องเกี่ยวเนื่อง...
ไปไม่รอด! “แสนสิริ” ขึ้นป้ายขายทิ้งโครงการคอนโดฯ ยักษ์โคราช 2,500 ล้าน แบบขาดทุนยับ (ชมคลิป)
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
19 เมษายน 2560
ไปไม่รอด! แสนสิริ ขึ้นป้ายประกาศขาย โครงการเดอะเบส ไฮท์-โคราช คอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ระดับพรีเมียม มูลค่า 2,500 ล้านบาท ถ.มิตรภาพ อ.เมือง จ.นครราชสีมา วันนี้ ( 19 เม.ย.)
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ไปไม่รอด “แสนสิริ” ขึ้นป้ายประกาศขายทิ้งโครงการ“ เดอะเบสไฮท์โคราช” คอนโดฯ ยักษ์ใหญ่ระดับพรีเมียม 2,500 ล้านบาท แบบขาดทุนยับ ตอกฝาโลงฝันผุดตึกสูงสุดเมืองย่าโม แต่ยังโอ่โครงการบ้านเดี่ยวขายดีเชื่อมั่นแบรนด์ ด้านนายกอสังหาฯ โคราชชี้แนวราบยังไปได้สวย ขณะแนวดิ่งไซส์เล็กอยู่ได้ยังมีตลาดเล่น และยักษ์ใหญ่ถอนตัวทำตลาดเกิดภาวะสมดุล
วันนี้ (19 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า ที่บริเวณด้านหน้าโครงการเดอะเบส ไฮท์-โคราช ถ.มิตรภาพ อ.เมือง จ.นครราชสีมา คอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ระดับพรีเมียม มูลค่า 2,500 ล้านบาท ของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้มีการติดป้ายประกาศขายด้วยตัวหนังสือขนาดใหญ่ระบุข้อความว่า “ขาย/ให้เช่า ที่ดินแปลงนี้ 11-1-88.7 ไร่ PLUS+ 02-6887555 plus.co.th” ไว้บริเวณซุ้มประตูทางเข้าออกด้านหน้าโครงการ
ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถาม พบมีเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวน 1 คน ประจำอยู่ในป้อมยามคอยเฝ้าดูแลอยู่บริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าออกโครงการเท่านั้น ส่วนสภาพภายในโครงการที่ได้ดำเนินก่อสร้างในส่วนถนน สำนักงานขายและงานก่อสร้างฐานรากเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นถูกทิ้งร้างปล่อยให้หญ้าขึ้นรกรุงรังและไม่พบมีการก่อสร้างใดๆ เพิ่มเติมอีก
สำหรับโครงการเดอะเบส ไฮท์-โคราช เปิดตัวขายอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2556 ช่วงแรกดูเหมือนมีการทุ่มทุนโหมเดินหน้าโครงการอย่างเต็มที่ แต่จากนั้นไม่นานกลับมีกระแสข่าวลือสะพัดเกี่ยวกับการคืนเงินจองให้ลูกค้าและข่าวชะลอการก่อสร้างโครงการออกมาเป็นระยะๆ เนื่องจากยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมาย กระทั่งล่าสุดโครงการเดินหน้าต่อไปไม่ไหวจึงตัดสินใจขึ้นป้ายประกาศขายทิ้งโครงการดังกล่าว
แหล่งข่าววงการอสังหาริมทรัพย์โคราชระบุว่า แสนสิริยอมขายโครงการนี้แบบขาดทุนยับจากที่ทุ่มเงินซื้อที่ดินแปลงนี้มาสูงลิ่วถึงตารางวาละ 100,000 บาท แต่พบว่าขณะนี้มีการเสนอราคาขายให้กลุ่มทุนต่างๆ เพียงตารางวาละ 80,000-95,000 บาทเท่านั้น ทั้งที่แสนสิริได้ลงทุนเฉพาะในส่วนงานก่อสร้างของโครงการคอนโดมิเนียมแห่งไปแล้วไม่ต่ำกว่า 90 ล้านบาท หากขายในราคาดังกล่าวถือว่ายอมขาดทุนอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 140 ล้านบาท เพื่อขายทิ้งโครงการไปทั้งหมด
ตอกปิดฝาโลง โครงการเดอะเบส ไฮท์-โคราช ฝันผุดตึกสูงสุดของเมืองโคราช
ทั้งนี้ โครงการเดอะ เบส ไฮท์-โคราช มีมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมความสูง 25 ชั้น จำนวน 1,134 ยูนิต เมื่อสร้างเสร็จจะเป็นอาคารสูงที่สุดใน จ.นครราชสีมา สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันสวยงามของเมืองได้โดยรอบ ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 6 ไร่ ริมถนนมิตรภาพ อ.เมือง จ.นครราชสีมา มีจุดเด่นในด้านทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้ศูนย์การค้าชั้นนำ มีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 6,000 ตารางเมตร (ตร.ม.)
มีสระว่ายน้ำความยาวขนาดโอลิมปิกเปิดรับทัศนียภาพนอกอาคาร Sky Access Garden สวนบนชั้น Roof Top เปิดรับมุมมองจากระดับความสูง 25 ชั้น สัมผัสวิวใจกลางเมืองโคราชได้ถึง 360 องศา ห้องโถงต้อนรับ Triple Volume สูงเปิดโล่งถึง 3 ชั้น และห้องออกกำลังกายพร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน พื้นที่จอดรถ และจักรยาน พร้อมอินเทอร์เน็ตไร้สายและมีระบบความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ออกแบบโครงการให้มีลักษณะเปรียบเสมือนประตูสู่ภาคอีสาน Sky Porch ส่วนพักผ่อนลอยฟ้า พร้อมช่องเจาะเปิดโล่งพื้นที่ระหว่างชั้นอาคาร
โดยอาคารประกอบด้วยห้องชุดพักอาศัย 2 รูปแบบ คือ แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 29.50-31.50 ตารางเมตร และแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 60.50-61.25 ตารางเมตร ซึ่งมีดีไซน์พิเศษกับ Bay Window หน้าต่างบานใหญ่
“เดอะ เบส ไฮท์-โคราช” เปิดการขายอย่างเป็นทางการ (Pre-Sale) ในวันที่ 5-6 ตุลาคม 2556 ที่ Sales Gallery แสนสิริ ถ.มิตรภาพ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ส่วนราคาขายอยู่ที่ ตารางเมตรละประมาณ 55,000-70,000 บาท ในช่วง Pre -Saleราคา เริ่มต้นที่ 1.59 ล้านบาท โดยมีกำหนดก่อสร้างโครงการในปี 2557 กำหนดแล้วเสร็จปี 2559
แสนสิริหนีไปเล่นอสังหาฯ แนวราบ โอ่ไปได้สวย
ด้านนายเมธา อังวัฒนพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงโครงการของแสนสิริในจังหวัดนครราชสีมาว่า แสนสิริมีโครงการบ้านเดี่ยว “สราญสิริ โคราช” ตั้งอยู่บนพื้นที่ 59 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า มียอดขายไปแล้วกว่า 150 ล้านบาท หรือขายไปได้ถึง 70% ของการเปิดเฟสแรก ทั้งนี้ เพราะลูกค้าชื่นชอบในการดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์สง่างามไม่ซ้ำใคร หยิบนำเอาความเป็นท้องถิ่นโคราชมาออกแบบโมเดิร์นได้อย่างลงตัว และทำเลศักยภาพบนถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมา (บายพาส) ซึ่งเป็นเส้นทางเข้าออกประตูอีสานสายหลัก
โครงการตั้งอยู่บนถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมาที่ไม่ต้องเจอกับรถติด ที่สำคัญยังเป็นทำเลที่น้ำไม่ท่วม เดินทางเข้าออกตัวเมืองได้สะดวกเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งคลับเฮาส์ส่วนตัวที่มีต้นไม้ล้อมรอบ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องออกกำลังกาย และพื้นที่พักผ่อนขนาดใหญ่ สวนส่วนกลางพื้นที่ถึง 2 ไร่ ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนโคราช จึงทำให้ได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่เชื่อมั่นและไว้วางใจในแบรนด์ของแสนสิริซึ่งนับว่าน่าพอใจอย่างมาก
สำหรับตลาดบ้านเดี่ยวในโคราชคาดว่ายังคงมีดีมานด์ต่อเนื่องจากผู้บริโภค โดยเฉพาะระดับราคาที่ 3 ล้านบาท ในทำเลนอกเมืองนับเป็นทำเลใหม่ที่น่าจับตา เพราะมีความต้องการที่อยู่อาศัยจำนวนมากจากผู้ที่ต้องการหลีกหนีการจราจรติดขัดในตัวเมือง จึงทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยขยายไปสู่นอกเมืองแทนที่จะกระจุกตัวอยู่แค่ในเมือง
“ยังมองว่าโคราชเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูง คาดว่าจะเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญทางภาคอีสาน รับอานิสงส์จาก การเปิดศูนย์การค้าขนาดใหญ่ รวมถึงในอนาคตที่จะมีโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา และมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา จะผลักดันความต้องการที่อยู่อาศัยสูงขึ้นและหนุนให้โคราชเติบโตอีกในอนาคต” นายเมธากล่าว
มีสระว่ายน้ำความยาวขนาดโอลิมปิกเปิดรับทัศนียภาพนอกอาคาร Sky Access Garden สวนบนชั้น Roof Top เปิดรับมุมมองจากระดับความสูง 25 ชั้น สัมผัสวิวใจกลางเมืองโคราชได้ถึง 360 องศา ห้องโถงต้อนรับ Triple Volume สูงเปิดโล่งถึง 3 ชั้น และห้องออกกำลังกายพร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน พื้นที่จอดรถ และจักรยาน พร้อมอินเทอร์เน็ตไร้สายและมีระบบความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ออกแบบโครงการให้มีลักษณะเปรียบเสมือนประตูสู่ภาคอีสาน Sky Porch ส่วนพักผ่อนลอยฟ้า พร้อมช่องเจาะเปิดโล่งพื้นที่ระหว่างชั้นอาคาร
โดยอาคารประกอบด้วยห้องชุดพักอาศัย 2 รูปแบบ คือ แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 29.50-31.50 ตารางเมตร และแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 60.50-61.25 ตารางเมตร ซึ่งมีดีไซน์พิเศษกับ Bay Window หน้าต่างบานใหญ่
“เดอะ เบส ไฮท์-โคราช” เปิดการขายอย่างเป็นทางการ (Pre-Sale) ในวันที่ 5-6 ตุลาคม 2556 ที่ Sales Gallery แสนสิริ ถ.มิตรภาพ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ส่วนราคาขายอยู่ที่ ตารางเมตรละประมาณ 55,000-70,000 บาท ในช่วง Pre -Saleราคา เริ่มต้นที่ 1.59 ล้านบาท โดยมีกำหนดก่อสร้างโครงการในปี 2557 กำหนดแล้วเสร็จปี 2559
แสนสิริหนีไปเล่นอสังหาฯ แนวราบ โอ่ไปได้สวย
ด้านนายเมธา อังวัฒนพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงโครงการของแสนสิริในจังหวัดนครราชสีมาว่า แสนสิริมีโครงการบ้านเดี่ยว “สราญสิริ โคราช” ตั้งอยู่บนพื้นที่ 59 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า มียอดขายไปแล้วกว่า 150 ล้านบาท หรือขายไปได้ถึง 70% ของการเปิดเฟสแรก ทั้งนี้ เพราะลูกค้าชื่นชอบในการดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์สง่างามไม่ซ้ำใคร หยิบนำเอาความเป็นท้องถิ่นโคราชมาออกแบบโมเดิร์นได้อย่างลงตัว และทำเลศักยภาพบนถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมา (บายพาส) ซึ่งเป็นเส้นทางเข้าออกประตูอีสานสายหลัก
โครงการตั้งอยู่บนถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมาที่ไม่ต้องเจอกับรถติด ที่สำคัญยังเป็นทำเลที่น้ำไม่ท่วม เดินทางเข้าออกตัวเมืองได้สะดวกเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งคลับเฮาส์ส่วนตัวที่มีต้นไม้ล้อมรอบ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องออกกำลังกาย และพื้นที่พักผ่อนขนาดใหญ่ สวนส่วนกลางพื้นที่ถึง 2 ไร่ ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนโคราช จึงทำให้ได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่เชื่อมั่นและไว้วางใจในแบรนด์ของแสนสิริซึ่งนับว่าน่าพอใจอย่างมาก
สำหรับตลาดบ้านเดี่ยวในโคราชคาดว่ายังคงมีดีมานด์ต่อเนื่องจากผู้บริโภค โดยเฉพาะระดับราคาที่ 3 ล้านบาท ในทำเลนอกเมืองนับเป็นทำเลใหม่ที่น่าจับตา เพราะมีความต้องการที่อยู่อาศัยจำนวนมากจากผู้ที่ต้องการหลีกหนีการจราจรติดขัดในตัวเมือง จึงทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยขยายไปสู่นอกเมืองแทนที่จะกระจุกตัวอยู่แค่ในเมือง
“ยังมองว่าโคราชเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูง คาดว่าจะเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญทางภาคอีสาน รับอานิสงส์จาก การเปิดศูนย์การค้าขนาดใหญ่ รวมถึงในอนาคตที่จะมีโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา และมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา จะผลักดันความต้องการที่อยู่อาศัยสูงขึ้นและหนุนให้โคราชเติบโตอีกในอนาคต” นายเมธากล่าว
นายกฯ อสังหาโคราชชี้คอนโดฯ ยักษ์เจ๊ง ไซส์เล็กยังอยู่ได้
ทางด้านนายวีรพล จงเจริญใจ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดนครราชสีมา ว่าในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาอาจมียอดขายที่ไม่เติบโตมากนัก แต่หากมองภาพรวมด้านเศรษฐกิจของ จ.นครราชสีมา ที่ยังคงมีการลงทุนของกลุ่มค้าปลีกขนาดใหญ่ และเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาล ส่งผลให้ยังมีการเคลื่อนไหวเม็ดเงินลงทุนมากกว่าจังหวัดอื่นๆ ในภูมิภาคหรือหากได้รับผลกระทบก็ค่อนข้างน้อยมาก
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในไตรมาสที่ 2-3 ของปีนี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเติบโตมากขึ้นประมาณร้อยละ 5 เพราะเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจน ตลาดโคราชมีข้อดีคือจะไม่สวิงแรงมากนัก นั่นหมายถึงว่า ช่วงดีไม่ได้หวือหวามาก ช่วงขาลงจึงไม่ได้ตกลงมากจนเกินไป ทำให้มีความเสถียรสูง
สำหรับโครงการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นแนวราบที่มีโครงการผุดขึ้นใหม่ แต่ไม่มากนัก ส่วนหนึ่งเนื่องจากมีการเร่งขออนุญาตการสร้างโครงการให้ทันก่อนการแก้ไขผังเมืองในปี 2557-2558 และมีบ้างในปี 2559 จนมาถึงปี 2560 ที่มีการประกาศใช้ผังเมืองใหม่แล้ว ทำให้บางพื้นที่ไม่สามารถจัดสรรที่ดินได้ ถือเป็นโอกาสทองของผู้บริโภค เพราะผู้ประกอบการมีสต๊อกอยู่ในมือมากและต้องการระบายสต๊อกในภาวะดอกเบี้ยที่ยังต่ำ ประกอบกับมีการแข่งขันจัดรายการโปรโมชันจำนวนมากจึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้บริโภค
ส่วนอสังหาฯ แนวดิ่งหรือคอนโดมิเนียมนั้น ล่าสุดผู้เล่นรายใหญ่อย่างโครงการเดอะเบส ไฮท์-โคราช ของ แสนสิริ ได้ถอยตัวออกไปจากตลาดเมืองโคราช ซึ่งก่อนหน้านั้น ในตลาดมีคอนโดมิเนียมรอขายประมาณ 3,000 หน่วย เฉพาะโครงการของแสนสิริ มีมากกว่า 1,000 หน่วย เมื่อรายใหญ่ถอยออกไปทำให้ดีมานด์กับซัพพลายเกิดภาวะสมดุล การซื้อขายจึงเป็นการซื้อจริง สร้างจริง โอนจริง ไม่เหมือนจังหวัดอื่นๆ ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เกิดภาวะโอเวอร์ซัปพลายขึ้น
“ในต่างจากจังหวัดนั้น ที่ดินสำหรับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังมีเหลืออยู่อีกมากในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในแนวราบ ส่วนตลาดแนวดิ่งหรือคอนโดมิเนียม นั้นเป็นกลุ่มเฉพาะซึ่งตลาดไม่ใหญ่นัก ฉะนั้นการขึ้นโครงการครั้งเดียวระดับกว่า 1,000 กว่ายูนิต ถือว่ามันใหญ่มาก และเมื่อเจ้าของโครงการเห็นว่ายอดขายไม่ดี จึงรับตัดสินใจถอยเร็วดีกว่า จึงเกิดเป็นภาพว่าคอนโดฯ ขนาดใหญ่ในเมืองใหญ่ภูมิภาคอีสาน ไม่ว่าจะเป็นขอนแก่น อุดรธานี หรือโคราช ล้วนไปต่อไม่ได้ แต่คอนโดไซต์เล็กยังพอไปได้ เพราะมันไม่ใช่ตลาดหลัก” นายวีรพลกล่าว
นายเมธา อังวัฒนพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
ทางด้านนายวีรพล จงเจริญใจ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดนครราชสีมา ว่าในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาอาจมียอดขายที่ไม่เติบโตมากนัก แต่หากมองภาพรวมด้านเศรษฐกิจของ จ.นครราชสีมา ที่ยังคงมีการลงทุนของกลุ่มค้าปลีกขนาดใหญ่ และเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาล ส่งผลให้ยังมีการเคลื่อนไหวเม็ดเงินลงทุนมากกว่าจังหวัดอื่นๆ ในภูมิภาคหรือหากได้รับผลกระทบก็ค่อนข้างน้อยมาก
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในไตรมาสที่ 2-3 ของปีนี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเติบโตมากขึ้นประมาณร้อยละ 5 เพราะเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจน ตลาดโคราชมีข้อดีคือจะไม่สวิงแรงมากนัก นั่นหมายถึงว่า ช่วงดีไม่ได้หวือหวามาก ช่วงขาลงจึงไม่ได้ตกลงมากจนเกินไป ทำให้มีความเสถียรสูง
สำหรับโครงการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นแนวราบที่มีโครงการผุดขึ้นใหม่ แต่ไม่มากนัก ส่วนหนึ่งเนื่องจากมีการเร่งขออนุญาตการสร้างโครงการให้ทันก่อนการแก้ไขผังเมืองในปี 2557-2558 และมีบ้างในปี 2559 จนมาถึงปี 2560 ที่มีการประกาศใช้ผังเมืองใหม่แล้ว ทำให้บางพื้นที่ไม่สามารถจัดสรรที่ดินได้ ถือเป็นโอกาสทองของผู้บริโภค เพราะผู้ประกอบการมีสต๊อกอยู่ในมือมากและต้องการระบายสต๊อกในภาวะดอกเบี้ยที่ยังต่ำ ประกอบกับมีการแข่งขันจัดรายการโปรโมชันจำนวนมากจึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้บริโภค
ส่วนอสังหาฯ แนวดิ่งหรือคอนโดมิเนียมนั้น ล่าสุดผู้เล่นรายใหญ่อย่างโครงการเดอะเบส ไฮท์-โคราช ของ แสนสิริ ได้ถอยตัวออกไปจากตลาดเมืองโคราช ซึ่งก่อนหน้านั้น ในตลาดมีคอนโดมิเนียมรอขายประมาณ 3,000 หน่วย เฉพาะโครงการของแสนสิริ มีมากกว่า 1,000 หน่วย เมื่อรายใหญ่ถอยออกไปทำให้ดีมานด์กับซัพพลายเกิดภาวะสมดุล การซื้อขายจึงเป็นการซื้อจริง สร้างจริง โอนจริง ไม่เหมือนจังหวัดอื่นๆ ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เกิดภาวะโอเวอร์ซัปพลายขึ้น
“ในต่างจากจังหวัดนั้น ที่ดินสำหรับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังมีเหลืออยู่อีกมากในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในแนวราบ ส่วนตลาดแนวดิ่งหรือคอนโดมิเนียม นั้นเป็นกลุ่มเฉพาะซึ่งตลาดไม่ใหญ่นัก ฉะนั้นการขึ้นโครงการครั้งเดียวระดับกว่า 1,000 กว่ายูนิต ถือว่ามันใหญ่มาก และเมื่อเจ้าของโครงการเห็นว่ายอดขายไม่ดี จึงรับตัดสินใจถอยเร็วดีกว่า จึงเกิดเป็นภาพว่าคอนโดฯ ขนาดใหญ่ในเมืองใหญ่ภูมิภาคอีสาน ไม่ว่าจะเป็นขอนแก่น อุดรธานี หรือโคราช ล้วนไปต่อไม่ได้ แต่คอนโดไซต์เล็กยังพอไปได้ เพราะมันไม่ใช่ตลาดหลัก” นายวีรพลกล่าว
นายเมธา อังวัฒนพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)