ลองอ่านยุทธศาสตร์ชาติคร่าวๆแล้วบอกได้เลยว่า...เอวัง
จะจัดทำยุทธศาสตร์ชาติทั้งที่แถมยังบังคับผูกมัดไว้ใน รธน. อีก ทำกันออกมาได้แบบนี้
ผมยกตัวอย่างคร่าวๆ ด้านเศรษฐกิจยุทธศาสตร์ที่วางไว้คือ...เราจะต้องเป็นผู้นำด้านการค้าและการลงทุน...
เพื่อนๆอ่านแล้วมองเห็นอะไรครับ ผู้นำด้านการค้าและการลงทุน...
ลองกวาดตาไปทั่วโลก ประเทศที่เป็นผู้นำด้านการค้าและการลงทุน..มีประเทศใดบ้าง สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เยอรมัน ฝรั่งเศษ มาเลเชีย
ถามว่า..การวางยุทธศาสตร์ชาติแบบนี้เราจะแข่งขันกับประเทศเหล่านี้ได้เหรอ อีก 20ปีข้างหน้าเราจะก้าวมาเป็นผู้นำเขาได้เหรอ
อย่าว่าแต่เป็นผู้นำเลยครับ แค่ติด 1 ใน 10 ประเทศที่เป็นผู้นำด้านการค้าและการลงทุนก็ทำไม่ได้แล้ว
ล้มเหลวตั้งแต่กำหนดยุทธศาสตร์แล้วครับ เพราะเป็นการกำหนดยุทธศาสตร์ที่ไม่ได้วิเคราะห็มองตัวเอง
....ฉะนั้นความชัดเจนในยุทธศาสตร์จึงไม่มี....
แทนที่จะวิเคราะห็หาจุดแข็งของประเทศ แล้วนำมาเป็นยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อสร้างความแตกต่างในด้านการแข่งขัน
เช่น ประเทศไทยมีจุดเด่นตรงไหน การเกษตร ท่องเที่ยว การแพทย์ เป็นต้น
เอามาวิเคราะห์และสร้างยุทธศาสตร์ที่มันชี้เฉพาะลงไปในแต่ละด้านที่เป็นจุดแข่งของประเทศ แบบนี้จะมีโอกาสก้าวขึ้นเป็นผู้นำได้มากกว่า
แต่นี่ไร...เปิดออกมาครอบจักรวาลไปหมด
ล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่เริ่มละ
ยุทธศาสตร์ที่จะแข่งขันได้ มันต้องเป็นยุทธศาสตร์ที่เด่นชัด แตกต่าง บนต้นทุนที่เรามีอยู่ ไม่ใช่จะก้าวไปเป็นผู้นำด้านการค้า การลงทุนของโลก แต่ต้นทุนเราแตกต่างจากพวกประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสิ้นเชิง
ผมยกตัวอย่าง สมมติผมจะกระโดดเข้าธุรกิจรับสร้างบ้าน อยู่ๆผมตั้งยุทธศาสตร์ว่า...ผมจะต้องเป็นผู้นำในตลาดรับสร้างบ้าน
แค่วางยุทธศาสตร์แค่นี้ผมก็จบแล้ว เพราะไม่มีทางที่จะไปแข่งขันกับบริษัทใหญ่ๆได้ เพราะต้นทุนธุรกิจผมไม่เท่าเขา จุดเด่นก็ไม่มี
แต่ถ้าผมบอกว่า...ผมบอกผมจะเป็นผู้นำ 1 ใน 5 ในด้านสร้างบ้านเย็น ประยัดพลังงาน หรือบ้านที่รองรับผู้สูงอายุ แบบนี้ยังมีความเป็นไปได้มากกว่า
เพราะยุทธศาตร์มันมีความชัดเจน โฟกัสมากกว่า มีความแตกต่าง ยูนิค
ยุทธศาสตร์น่ะ...ไม่ใช่ความฝัน เล่นวางยุทธศาสตร์กันแบบนี้ แถมผูกมัดไว้ใน รธน. ก็ตาย....กันพอดี
สุดท้ายคงเป็นแค่ความฝันเช่นเคย เสียเวลาเปล่าๆ
ที่มา
Srapipath Khruthram
อ้าว..ฟังดีๆครับ นั่นคือความจริงประเทศ
ป่าน...ยังไม่เข้าใจอีกว่าเพราะอะไร