วันเสาร์, เมษายน 29, 2560

พวกเขาเพิ่งตื่น เกือบ ๓ ปีผ่านไป “ร่างกฎหมายคุมสื่อ คือเผด็จการเต็มรูปแบบ”

อ่า เสร็จแล้วเขาไม่ได้ละเมอพูดยามหลับหรอกนะ ที่จริงฝันร้าย ตกใจตื่นขึ้นมาร้องโวยวายกันต่างหาก

เริ่มจาก ผู้จัดการ ชำแหละ เปลวณ ไทยโพสต์ “ลืมไปแล้วหรือ ก่อนหน้านี้ พระราชดำรัสอันเดียวกันที่เคยหยิบมาอ้างถึง ไม่เห็นด้วยกับการซื้อเรือดำน้ำ...มาวันนี้กลับพลิกลิ้น”

ยังไม่หมด แรงส์กว่านั้น “การเอาพระราชดำรัสมาตีความเข้าข้างตัวเอง เป็นเรื่อง หน้าด้าน และ ร้ายแรงอย่างมาก ในวงการสื่อมวลชน ซึ่งไม่มีใครเขาอยากทำกัน”


นั่นอาจทำให้หลายต่อหลายคนงงงวย ไหงสื่อสองรายสายเดียวกัน (อย่างน้อยๆ ตรงที่เกลียดทักษิณเข้าไขกระดูก ไม่ได้เกลียดประยุทธ์ ณ คสช. แม้นอาจไม่ถึง รักละก็) เกิดมา จวก(ไม่แค่จิก) กันเสียนี่

สังเกตุจากโพสต์ของ คนดี สายปฏิรูปผู้หนึ่งไม่เอ่ยถึงเลยทั้งสองหัว (หนังสือพิมพ์) เมื่อ (พล.ต. ดร.) อนุชาติ บุนนาค (April 25 at 5:26 pm) พูดถึง “สื่อไทยมีให้เลือกตามสมัครใจ ไม่มีสื่อใดเป็นกลาง ทุกสื่อเลือกข้างหมด

รักรัสเซียสุดใจ เกลียดสหรัฐฯ สุดโต่ง ชอบถูกหลอกเรื่องสงครามโลกทุกวันก่อนอาหารเช้าและก่อนนอน ไปอ่านทีนิวส์ รักจีนฟังที่เนชั่น รักทักษิณไปว้อยทีวี รักลุงตู่ไป MCOT รักการฆ่าฟัน กัดกันเลือดสาดคอขาดเห็นๆ ต้องไปอมรินทร์”

ตั้งแต่วานนี้ (๒๘ เมษา) คลื่นก่อตัว และมีสิทธิเป็นลูกใหญ่ถ้าได้แรงลมดี “สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เชิญชวนผู้สนใจร่วมเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ในวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก ซึ่งตรงกับวันที่ ๓ พ.ค....

หยุด! ตีทะเบียนสื่อ ครอบงำประชาชน”

เหตุจาก กฎหมายคุมสื่อจะเข้าที่ประชุมใหญ่ สปท. วันเมย์เดย์ ๑ พ.ค. “จัดตั้งสภาวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งชาติ...ทำหน้าที่ขึ้นทะเบียน ออกและเพิกถอนใบอนุญาตแก่ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน”

และมีบทกำหนดโทษทั้งนักข่าวและสื่อที่ไม่ปฏิบัติตาม “จำคุกไม่เกิน ๓ ปี หรือปรับไม่เกิน ๖๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” เหมือนกัน


ทำให้ ประวิตร โรจนพฤกษ์ กลั้นไม่อยู่โพสต์ว่า “พวกเขาเพิ่งตื่น เกือบ ๓ ปีผ่านไป มาวันนี้ นาย Chvarong Limpattamapanee ประธานสภาหนังสือพิมพ์ได้เริ่มแคมเปญต้านการคุกคามสื่อ”


ขนาด ขาใหญ่“สื่อมวลชนอาวุโส ที่ปรึกษากองบรรณาธิการเครือเนชั่น” ก็ยังอดรนทนเมินกระแสไม่ไหว ออกมา ฟันธงบ้างว่า “ร่างกฎหมายคุมสื่อ คือเผด็จการเต็มรูปแบบ”

อีกคนที่ อจ. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ใบ้ไว้ว่าเป็น บก.ข่าวของหนังสือพิมพ์เลือกข้างเจ้านึง “ด่ากฎหมายควบคุมสื่อฉบับใหม่เป็นชุดเลย ฟังแล้วขำชะมัด เห็นเชียร์ทั้ง กปปส. คสช. มาหลายปี พึ่งเห็นข้อเสียของเผด็จการหรือครับ”

พวกเขาอาจจะไม่ได้เพิ่งเห็น แต่ก็ยินดีนิ่งไว้จนกระทั่งเจ็บเนื้อตัวเองต่างหาก ก็เลยต้องดิ้น

ขณะเดียวกันสื่อที่ถูกผลักไสให้ยืนตรงข้ามกับ คสช. มาตลอด กลับไม่คิดขึ้นคล่อมกระแส เล่ากันแซ่ดขณะนี้ว่าตั้งแต่ ๑ พ.ค. เป็นต้นไป ว้อยซ์ทีวี “เลิกวิเคราะห์ข่าวการเมือง” เด็ดขาด

จากโพสต์ของ ธนาพล อิ๋วสกุล ที่อ้างว่า “แชร์ต่อมาครับ ไม่ได้เขียนเอง” ว่า ทรงศักดิ์ เปรมสุข ซีอีโอคนใหม่ของว้อยซ์ “ประเดิมยกเลิกรายการวิเคราะห์ข่าว ใบตองแห้งออนแอร์ และเตรียมยุติรายการวิเคราะห์ข่าวการเมืองทั้งหมด ปรับเปลี่ยนเป็นการอ่านข่าวตามสถานการณ์เพื่อความอยู่รอดจากการถูกสั่งปิด

ล่าสุดว้อยซ์ทีวีแสดงท่าทียืนยันเลิกวิจารณ์การเมืองแน่นอนแล้วด้วยการปลดนักวิชาการ บรรณาธิการข่าว นักข่าวอาวุโส ที่ได้รับเชิญมาเป็นผู้ดำเนินรายการร่วม อย่างเช่น พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์, ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข, วิโรจน์ อาลี และ อธึกกิต แสวงสุข ออกจากหน้าจอทุกรายการทันทีตั้งแต่ ๑ พ.ค.นี้เป็นต้นไป...

ส่วนรายการที่มีผู้ชมติดตามเหนียวแน่นอย่าง The Daily Dose ที่ดำเนินรายการโดย มล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล จะเน้นเฉพาะเรื่องการวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศ หลีกเลี่ยงวิพากษ์วิจารณ์การเมืองของไทย”

โพสต์ดังกล่าววิจารณ์ด้วยว่า “การยอมทุบจุดแข็งของตนเองทิ้งทั้งหมดเพื่อความอยู่รอดปลอดภัย จากที่เชื่อว่าถ้ายังคงวิพากษ์วิจารณ์วิเคราะห์ข่าวการเมืองต่อไป ช่องทีวีตนเองน่าจะถูก กสทช. สั่งปิดซ้ำแล้วซ้ำอีกและอาจถึงขั้นถูกสั่งปิดถาวร

นั้นจะเป็นกลยุทธ์เพื่อความ อยู่รอด ทางธุรกิจท่ามกลางการแข่งขันอย่างสูงในธุรกิจสื่อดิจิตอลทีวีได้หรือไม่ หรือจะกลายเป็นเพียง อัตตวินิบาตกรรม ของว้อยซ์ทีวี”


อย่างไรก็ดี มีนักปาฐกในสื่อสังคมเริ่ม ถก และแลกเปลี่ยนกับธนาพลกันบ้างแล้วพอควร โดยเฉพาะในแง่ที่วิพากษ์ว่าว้อยซ์ทีวี เป็นช่องแบบ เพื่อไทย-เสื้อแดง มากเกินไป

ธนาพลเองก็ต่อความยาวเรื่องนี้ด้วยว่า “ถ้าจะปิดช่องวอยส์ทีวีจริง ๆ อาจจะเป็นผลดีต่อทักษิณ ยิ่งลักษณ์ ก็ได้

เขาตั้งข้อสังเกตุว่า “ข่าวทักษิณ/ยิงลักษณ์ ถูกรังแก เช่นกรณีภาษีย้อนหลัง ซ้ำซาก หรือกรณี จำนำข้าว ทีวีช่องอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ เหลืองฮาร์คคอร์ ถึงไม่ยอมเล่นสักเท่าไหร่” เพราะ “มีวอยส์ทีวีนี่แหละ ที่ทำหน้าที่แก้ต่างให้แล้ว

การนี้ อธึกกิต แสวงสุข หนึ่งในผู้ดำเนินรายการของว้อยซ์ทีวีที่ยกเลิก ตอบว่า “พูดตามความเป็นจริงคือ ระหว่างยังมีสถานีอยู่ (ต่อให้ไม่มีคนดูก็เหอะ) กับถูกปิดถาวร คุณจะเลือกข้อไหน

ส่วนตัวผมไม่ซีเรียสอะไร ผมมองว่าสถานการณ์มันมาถึงจุดที่ Voice ถอยก็ได้ เพราะรัฐบาลทหาร ขาลงเปิดหน้าชนกับสังคมวงกว้างแล้ว ไม่ว่ากฎหมายสื่อ ซื้อเรือดำน้ำ กฎหมายพรรคการเมือง ยุทธศาสตร์ชาติ เช่าที่ ๙๙ ปี อะไรต่างๆ

ฝุ่นตลบแบบนี้เราไม่ต้องยืนกลางวงก็ได้ ๕๕”