เรื่องหมุดฯยังมีคนไม่ยอมเงียบ พรุ่งนี้10โมงอดีตนักโทษมโนสำนึก ม112 เอกชัย หงส์กังวาน จะไปยื่นจดหมายเรียกร้องให้ประยุทธ์ตามหาเจ้าของหมุดหน้าใส และให้ถอนไปไว้ที่อื่นหากไม่พบเจ้าของใน 7 วัน (ถ้าไม่ถูกหิ้วไปก่อนเพราะตอนเย็นตำรวจมาขอก็ไม่ยอม) เอกชัยบอกผมว่าถ้าถูกหิ้วไป 2-3 วันก็ไม่เป็นไร เพราะเคยติดคุกมาเกือบ 3 ปีื - อีกหนึ่งก้อนหินปูทางเพื่อเสรีภาพสังคมไทย#ป #เอกชัย #หมุดคณะราษฎร
A former prisoner of conscience will ask Prayuth to find owner of new royalist Plaque. If not found in 7 days, it should be removed. Ekachai Hongkangwan dares to take risks. #Juntaland #Thailand
Pravit Rojanaphruk
ooo
จดหมายจากอดีตนักโทษทางความคิดถึงประยุทธ์เรื่องขอให้หาเจ้าของหมุดขำหน้าใส+ถ้าไม่เจอใน7วันให้ขุดไปเก็บ
วันอังคารที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2560
.
เรียน ประยุทธ จันทร์โอชา
เรื่อง การขอให้ถอนหมุดที่ไม่มีเจ้าของในลานพระบรมรูปทรงม้า
.
ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อมวลชนหลายแห่งตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2560 ถึงการแทนที่ของหมุดใหม่ซึ่งถูกขนานนามเป็น “หมุดหน้าใส” ในบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังไม่มีผู้ใดแสดงถึงความเป็นเจ้าของในหมุดดังกล่าวจนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในหมู่ประชาชนถึงความเหมาะสมของหมุดดังกล่าวที่นำมาติดตั้งในบริเวณเขตพระราชฐาน
ด้วยเหตุนี้พวกเราในฐานะประชาชนจึงขอให้รัฐบาล ดำเนินการดังต่อไปนี้เพื่อแก้ไขข้อสงสัยของหมู่ประชาชนต่อหมุดดังกล่าวดังนี้
1.รัฐบาลจัดให้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชน และสื่อของรัฐเพื่อให้เจ้าของหมุดดังกล่าวแสดงตัวเป็นเจ้าของภายใน 7 วัน
2.หากไม่มีผู้ใดแสดงความเป็นเจ้าของหมุดดังกล่าวภายในระยะเวลาที่กำหนด รัฐบาลต้องดำเนินการถอนหมุดดังกล่าวออกจากบริเวณนี้ และนำหมุดดังกล่าวไปเก็บรักษาในสถานที่อื่นที่เหมาะสมเพื่อรอให้เจ้าของหมุดดังกล่าวมารับหมุดดังกล่าวคืนในภายหลัง
ทั้งนี้การดำเนินการเหล่านี้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อการรักษาซึ่งนิติรัฐ อันเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการสร้างความปรองดองในหมู่ประชาชน
เอกชัย หงส์กังวาน
ooo
FORMER CONVICT RISKS ARREST TO PETITION PRAYUTH ON PLAQUE
A pro-democracy activist on June 24, 2016, lays down flowers about the 1932 revolution plaque at the Royal Plaza in Bangkok
By Pravit Rojanaphruk, Senior Staff Writer
Khaosod English
April 24, 2017
BANGKOK — A man once jailed for defaming the monarchy said he will petition junta leader Prayuth Chan-ocha on Tuesday to find out who replaced a plaque representing democracy with one bearing royalist inscriptions.
Despite being asked by the authorities to back off, Ekachai Hongkangwan said he will give Prayuth seven days to identify the owner of the new plaque. If no answer is forthcoming, he said it should be removed and kept elsewhere if none is found.
“I am not afraid. They may take me in for attitude adjustment for two or three days, but that’s fine. I have been in prison before,” he said.
Last week, two activists were taken away by the military and detained for questioning for hours after they tried demanding that Prayuth search for the lost plaque, which marked the revolution ending absolute monarchy in 1932.
Authorities have been mostly silent on the issue and discouraged people from making it an issue. Deputy national police chief Srivara Ransibrahmanakul said police could not investigate the public plaque’s disappearance unless an “owner” stepped forward to make a claim.
The 42-year-old Ekachai – who in 2013 was jailed nearly three years for distributing copies of a news program critical of the monarchy produced by the Australian Broadcasting Corp. and now assists lese majeste suspects and convicts – said eight police officers from Lat Phrao police visited him at his home at about 4:30pm today asking him not to go ahead tomorrow.
“They asked me if it’s possible that I not go. I said I had already announced it [on Facebook] so I can’t backtrack,” Ekachai said. Asked again if he’s not afraid, the man replied, “I told you, if they want to take me in, so be it. It’s not serious.”
ooo
อัฟเดทจากประชาไท...
ตร.ปรามถึงบ้าน 'เอกชัย' ยันจะยื่นหนังสือนายกฯ ถอนหมุดใหม่
Mon, 2017-04-24 20:48
ที่มา ประชาไท
ตำรวจบุกบ้าน 'เอกชัย หงส์กังวาน' นักกิจกรรมทางการเมืองและอดีตผู้ต้องขังคดีการเมือง ขอให้หยุดยื่นหนังสือนายกฯ เรื่องหมุดใหม่พรุ่งนี้ เจ้าตัวยืนยัน ไม่หวั่นโดนรวบ
24 เม.ย.2560 เอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมืองและอดีตผู้ต้องขังคดีการเมือง โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า วันนี้ เวลาประมาณ 16.30 น.มีชาย 8 คนมายืนที่หน้าบ้านของเขา โดย 2 คนในจำนวนนั้นแต่งเครื่องแบบตำรวจ ตัวแทนของกลุ่มที่มาแจ้งกับเขาว่า มาจาก สน.ลาดพร้าวและต้องการพูดคุยด้วย แต่เขาปฏิเสธที่จะออกไปคุยนอกบ้านและสนทนาผ่านกระจกหน้าบ้านแทน เจ้าหน้าที่ถามถึงการเตรียมจะไปยื่นคำร้องเกี่ยวกับหมุดคณะราษฎร เขาปฏิเสธว่าจะไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาลเกี่ยวกับหมุดใหม่ ไม่ใช่หมุดคณะราษฎรแต่อย่างใด จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ร้องขอไม่ให้เขาเดินทางไปทำเนียบรัฐบาลในวันพรุ่งนี้ แต่เขายังคงยืนยันที่จะไป
เอกชัยกล่าวว่า เขามีความกังวลเล็กน้อยที่จะถูกรวบตัว แต่เชื่อมั่นว่าการยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในประเด็นนี้ไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย ดูได้จากกรณีที่ผ่านมารัฐใช้มาตรการปรับทัศนคติเท่านั้น
ก่อนหน้านี้เขาโพสต์เฟซบุ๊กว่า เขาไม่เห็นด้วยที่ประชาชนจะตกอยู่ในความหวาดกลัวมาตรการนอกกฎหมายอย่างการปรับทัศนคติ และยอมหยุดเคลื่อนไหวทุกอย่างโดยง่าย
"เอาเป็นว่า ถ้า 10 โมง ผมยังไม่ถึงทำเนียบรัฐบาล แสดงว่าผมน่าจะโดนรวบไปแล้ว เพราะผมยืนยันว่ายังไงก็จะไป" เอกชัยกล่าว
สำหรับข้อเรียกร้องของเขาคือ ขอให้รัฐบาลประกาศเจ้าของหมุดใหม่ทางสื่อสารมวลชนทุกช่องทางเป็นเวลา 7 วัน หากยังไม่มีผู้แสดงตัวเป็นเจ้าของ ขอให้รัฐบาลขุดหมุดใหม่ออกไปเก็บไว้ยังที่เหมาะสมก่อนเพื่อรอเจ้าของมารับคืนภายหลัง
"การดำเนินการเหล่านี้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อการรักษาซึ่งนิติรัฐ อันเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการสร้างความปรองดองในหมู่ประชาชน" หนังสือระบุ โดยเอกชัยโพสต์หนังสือดังกล่าวไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.
ทั้งนี้ เอกชัย วัย 41 ปี เดิมมีอาชีพขายหวยบนดิน หลังการรัฐประหารในปี 2549 เอกชัยเริ่มสนใจการเมือง และชื่นชอบแนวทางของสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ เมื่อไปชุมนุมในเดือนมีนาคม 2554 เขาได้นำซีดีสารคดีการเมืองไทยของสำนักข่าว ABC ประเทศออสเตรเลีย และเอกสารวิกิลีกส์แปลไทยทำสำเนาไปขายชุดละ 20 บาทในที่ชุมนุม จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบล่อซื้อและจับกุม จากนั้นราว 2 เดือนถัดมา คดีก็เข้าสู่การพิจารณาของศาล โดยเอกชัยเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาไม่กี่คนที่สามารถประกันตัวได้ตั้งแต่ชั้นสอบสวน โดยถูกคุมขังอยู่เพียงสัปดาห์กว่าๆ
ภายหลังการจับกุมเขาเคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงมูลเหตุจูงใจในการขายซีดีและเอกสารดังกล่าวว่าต้องการให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ซึ่งมุมมองจากสื่อต่างประเทศนั้นเป็นสิ่งน่าสนใจและอาจดีกว่าสื่อไทยซึ่งต่างเลือกข้างกันหมด
ในระหว่างต่อสู้คดี ทนายจำเลยได้ร้องขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานสำคัญ 2 ปากคือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และพล.อ.อ.สิทธิ เศวตศิลา แต่หลังจากผู้พิพากษาหารือกับทนายจำเลยก็ยอมที่จะไม่เรียกพยานทั้ง 2 ปากดังกล่าว (อ่านรายละเอียด) จากนั้นวันที่ 28 มี.ค.2556 ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 5 ปีแต่ลดโทษให้เหลือ 3 ปี 4 เดือนเนื่องจากให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี (อ่านรายละเอียด) ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ส่วนศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นจำคุก 2 ปี 8 เดือน เขาถูกคุมขังในเรือนจำจนครบโทษและได้ออกจากเรือนจำเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558