วันเสาร์, เมษายน 22, 2560

รัฐธรรมนูญ คสช. ว่าประดุจดังมหาโจรปล้นประชาธิปไตย (แบบเดียวกับหมุดหมายไพร่ฟ้าหน้าใส) แล้ว พวก พ.ร.ป. ลูกๆ นี่ยิ่งกว่าทะโมน

มาแล้ว ยุทธศาสตร์ชาติตามบงการ คสช. มาก่อนพิมพ์เขียวปฏิรูป มาไล่เรี่ยกับกฎหมายกรรมการเลือกตั้ง เจอสกัดด่านแรกจากฝ่ายการเมืองอดีตพรรคฝ่ายค้าน

บอกว่า “ต่อไปรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะทำงานยากมากขึ้นเพราะถูกตีกรอบ”

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ความรู้สึกไวกว่าหัวหน้าและพรรคคู่แข่ง มองไม่เห็นอนาคตการเมืองหลังเลือกตั้ง เลยประชดว่า

“อยากให้ สนช.ล้มร่างกฎหมายเลือกตั้ง เพื่อที่จะให้รัฐบาลนี้อยู่ต่อได้อีก ๕-๑๐ ปี เพื่อที่สังคมไทยจะได้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง ว่าคนในสังคมต้องการจะเลือกระบอบการปกครองแบบใด”

ถึงตอนนี้ก็คงจะล้มยากเสียแล้ว ในเมื่อ สนช. กำลังเดินเครื่องเต็มสปีดเพื่อผ่านกฎหมายลูกๆ เหล่า พ.ร.ป. ทั้งหลาย แม้ยังไม่ถึงคิว กม.เลือกตั้ง ก็รับหลักการ กม.ว่าด้วยคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) กันไปแล้ว

(ดูรายงานข่าว บีบีซีไทยเรื่องเพิ่มจำนวน เสือกกต. เป็น ๗ แต่ ๒ ใน ๕ ที่มีอยู่ปัจจุบันอาจ ปิ๋วเพราะคุณสมบัติขาดแคลนตาม กม. ใหม่ http://www.bbc.com/thai/thailand-39670002)

ที่จริงนายนิพิฏฐ์คงรู้อยู่แล้วว่าระบอบปกครองจะเป็นแบบใด ไม่ใช่คอมมิวนิสต์ ไม่ใช่ประชาธิปไตย ไม่ใช่เผด็จการทหาร แต่เป็นระบอบรัฐธรรมนูญของ คสช. ภายใต้เศวตฉัตร

รัฐธรรมนูญ คสช. มาตรา ๖๕ ก่อให้เกิดกฎหมายฉบับวิเศษที่เรียกว่าแผนแม่บท ยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เชิดชูให้ “เป็นกฎหมายที่เหนือกว่าทุกฉบับ มีผลผูกพันกับทุกองค์กร” ใครไม่ปฏิบัติตามมีโทษ

ในสถานเบาจะตักเตือนหน่วยงานที่ฝ่าฝืนให้ปรับปรุงแก้ไข แต่ถ้ายังไม่นำพา ให้ส่งเรื่องไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

หาก ป.ป.ช.ชี้ว่ากระทำผิดจริง จงใจฝ่าฝืน ให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อหัวหน้าส่วนราชการที่ฝ่าฝืนได้”


ความวิเศษของแผนแม่บทยุทธศาสตร์ชาตินี้ ประการหนึ่งอยู่ที่มาตรา ๒๙ ที่ระบุว่า “ถ้ามติคณะรัฐมนตรี รวมถึงชุดที่จะมาทำหน้าที่หลังการเลือกตั้ง ไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติหรือแผนแม่บท ให้วุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. (ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๖๙) ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

เมื่อศาลฯ วินิจฉัยแล้วเห็นว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติส่งเรื่องไปยัง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเพื่อตรวจสอบภายใน ๖๐ วัน

ถอดความนัยได้ว่า คณะรัฐมนตรีของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ถูกฝ่ายการเมืองที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. ควบคุมหมด แม้องค์กรอิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญและ ปปช. ก็เนื้อนาของ คสช. เพราะวุฒิสภาที่ คสช.แต่งตั้งเป็นผู้รับรอง

นอกเหนือจากกำหนดยุทธศาสตร์ล่วงหน้าเป็นเวลายาวนานมาก ๒๐ ปี (สมัยนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกพระราชทานที่พยายามจะกำหนดแม่บทขั้นตอนจัดระเบียบการปกครองใหม่แต่ไปไม่รอด ก็ยังใช้เวลาแค่ ๑๒ ปี) แล้ว

ยุทธศาสตร์ชาติที่จะจัดทำขึ้นนี้ อย่างไรเสียก็จะอยู่ในมือของ คสช. เอง แม้ว่าขั้นตอนการจัดทำและการพิจารณาเห็นชอบจะมีรายละเอียดซับซ้อนและมีหลายหน่วยงานที่เข้ามาเกี่ยวข้อง

แต่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติที่จะเกี่ยวข้องโดยตรงก็มีหัวหน้า คสช. นั่งเป็นประธาน โดยรัฐบาล คสช. ยังเป็นผู้แต่งตั้งกรรมการทั้งหลาย รวมทั้งส่งผู้นำเหล่าทัพมานั่งเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง


ข้อนี้แหละที่นายนิพิฏฐ์คัดค้าน เนื่องจาก “ใช้ความมั่นคงทางทหารมาคุมความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงทางการเมือง...

และคนที่พิจารณาร่างกฎหมายนี้ก็เป็นคนที่เขาตั้งมาเอง ผลจึงออกมาเช่นนี้ ทั้งที่มิตินี้มันล้าหลังที่สุด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะมิตินี้เขาคิดมาให้แล้วว่า คนในสังคมไม่ต้องคิดอะไรมากแค่ทำตามที่เขาสั่งก็พอ”

นอกจากนี้ ไอลอว์ ได้ตั้งข้อสังเกตุด้วยว่า “ร่างยุทธศาสตร์ชาติที่ว่านี้ มีการจัดทำไว้ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว โดยที่ประชาชนไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งจัดทำขึ้นก่อนที่จะมีการร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ และก่อนที่จะมีรัฐธรรมนูญฉบับปี ๒๕๖๐ เสียด้วยซ้ำ

อีกทั้งการรับฟังความเห็นประชาชนเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ ตามมาตรา ๘ ของ พรบ. นายวิษณุบอกว่าได้ทำไปแล้วเมื่อ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ โน่น

เช่นนี้เป็นการเปิดช่องให้ ลักไก่ ไม่ต้องจัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นอีก และเป็นวิธีการหลีกเลี่ยงการรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญ

รวมขั้นตอนทั้งการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติ การพิจารณาและประกาศใช้ จะใช้เวลาประมาณ ๑๒ เดือน

แต่ถ้าหาก สนช. สิ้นสุดลงก่อนพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อร่างยุทธศาสตร์ชาติแล้วเสร็จ เนื่องจากมีการเลือกตั้งและมีสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว

ร่างพ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติฯ กลับไม่ได้ให้สภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งทำหน้าที่พิจารณาเห็นชอบ แต่กลับให้คณะรัฐมนตรีเสนอร่างต่อ ให้วุฒิสภาซึ่งมาจากการแต่งตั้งของ คสช. พิจารณาแทน


นี่แหละขอรับ พระเดชพระคุณ รัฐธรรมนูญ คสช. ว่าประดุจดังมหาโจรปล้นประชาธิปไตย (แบบเดียวกับหมุดหมายไพร่ฟ้าหน้าใส) แล้ว พวก พ.ร.ป. ลูกๆ นี่ยิ่งกว่าทะโมนไม่ว่าน้อยหรือใหญ่