วันพุธ, เมษายน 05, 2560

สุกเอาเผากิน





สุกเอาเผากินน่ะใช่แน่ การเอามาตรา ๔๔ มาบังคับใช้กฎหมายเรื่องเข็มขัดนิรภัย จนเป็นที่สาปแช่งของชาวบ้านกันอึงมี่อยู่ขณะนี้

มันเป็นชั้นเชิงวางสนุ๊กหรือเปล่านี่ แกล้งโง่ใช้กฎหมายเง่าๆ บังเหลี่ยมเรื่องอร่อยกว่า ควักงบประมาณรัฐ ๒ พันล้านซื้อรถถังจากจีนอีก ๑๐ คัน

วันนี้ (๕ เมษา) โพสต์ทูเดย์สะกิดแล้วว่า “ทำจริงได้ยาก-แก้ปัญหาปลายเหตุ” โดยนำความเห็นบุคคลต่างๆ ในสังคมออนไลน์มาแจงว่า “จำนวนมากไม่เห็นด้วยในประเด็นที่ห้ามโดยสารหลังกระบะ

เนื่องจากไม่สะท้อนความเป็นจริง เนื่องจากสังคมไทยใช้รถกระบะเพื่อการโดยสารมานาน รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายแบบกระทันหันทำให้ประชาชนไม่มีเวลาปรับตัว”

(http://www.posttoday.com/social/hot/488592)

มิใยที่นายตำรวจใหญ่อย่างผู้การภูธรอุดรธานีชี้ว่า “กฎหมายมีมาแต่ พ.ศ. ๒๕๒๒ ครับ...ผ่อนผันกันเรื่อยมาจนเกิดความเคยชิน...ถึงเวลาแล้วที่เราต้องปฏิรูปความสะดวกสบายของเราเองด้วย”

พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว. แสดงความเห็นบนไลน์ “แต่เพิ่งมาตกใจว่าจะเคร่งครัดกันปีนี้ เพราะเมื่อปีใหม่ตายกันยกคันรถ ไม่ทำไม่ได้แล้ว”

(http://www.matichon.co.th/news/519700)

อุ๊ แหม่ แต่ที่สารคามเขาบ่นกันว่าตำรวจภูธรกันทรวิชัยใจเร็วอะ จับปรับตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ ม.๔๔ บอกเริ่มบังคับวันนี้ เมื่อวาน (๔ มีนา) มีคนเอาใบเสร็จค่าปรับ ๒๐๐ บาทมาแฉโซเชียล ทั้งแชร์ทั้งเม้นต์กันตรึม





บ้างหัวหมอว่า “กฎหมายยังไม่ประกาศบังคับใช้ ให้ไปร้องศูนย์ดำรงธรรม ฟ้อง จนท. ปฏิบัติหรือละเว้นฯ ม.๑๕๗ ได้เลย”

อีกคนขานรับ “จนท. บังคับใช้ก่อนประกาศ ถือว่า จนท.จงใจทุจริตต่อหน้าที่ครับ ห้า ห้า ห้า”

(https://hilight.kapook.com/view/151481)

กระทั่งนายตำรวจ ‘หุ่นงาม’ (นามสกุลของท่านน่ะ) จาก สภ.สลุย ชุมพร โน่นก็ยังร่วมวงวิจารณ์อัน ‘แซ่ด’ อยู่ขณะนี้ด้วย

พ.ต.ท.เอกราช เขียนดีมีคนกดไล้ค์เกือบแสนสอง กดแชร์สี่หมื่นกว่า





“การออกกฎหมายควรกำหนดเป้าหมายความต้องการให้ชัดเจนหลายๆ ด้าน แล้วนำมาประชุมหารือสรุปว่าจะเอาด้านไหนที่เหมาะสมที่สุด เช่น จะเอาเป็นผลประโยชน์ด้านทรัพย์สินเข้าส่วนรวม หรือจะเอาประโยชน์ด้านความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนเป็นหลัก” เรื่องหลักการกฏเกณฑ์มาก่อน เดี๊ยะ

“เหมือนครั้งหนึ่งเคยบอกให้รวมๆ กันไปรถคันเดียวหลายๆ คน เพื่อลดรถบนถนนจราจรจะได้ไม่ติดขัดและเป็นการประหยัดน้ำมันช่วยชาติ แต่ตอนนี้ห้ามนั่งรถเกินสี่คนต่อคันรวมถึงห้ามนั่งกระบะหลัง โดยมองถึงความปลอดภัย

แต่ผมมองว่าความปลอดภัยน่าจะห้ามความเร็วมากกว่า เศรษฐกิจตอนนี้ควรผ่อนปรนกันแบบกลางๆ จะมีความสุขกว่า ไว้เศรษฐกิจดีดีเมื่อไรค่อยทำก็ยังทัน”

(http://www.matichon.co.th/news/519527)

ไหมล่ะ ตรูว่าแล้ว ผู้พันท่านมาย้ำหัวตะปูว่า ‘เศรษฐกิจตอนนี้ไม่ดีนะ’

ไหงไม่ตรงกับที่ทั่นผู้นัมพ์ปาวๆ ไว้ไม่กี่วันนี้เอง แถม ครม. เห็นใจทั่นรองฯ ประวิตรอยากได้เรือดำน้ำจีนใจจะขาดป่านนี้ยังไม่ได้ ขนาด รมช. พาณิชย์อุตส่าห์ออกมาหนุนตัวเกร็ง

“ ศ.ดร.เผดิมศักดิ์ จารยะพันธุ์ หนุนเรือดำน้ำช่วยเสริม ‘สมุทราภิบาล’ สร้างไทยให้กลายเป็นชาติทางทะเลที่สมบูรณ์ สร้างมิติใหม่ทางเศรษฐกิจ #VoiceNews

บอกให้ “อย่ามองเพียงด้านความมั่นคง ชี้สามารถช่วยสำรวจขุมทรัพย์ใต้ทะเล เสริมเศรษฐกิจประเทศ” ได้ด้วยละ

เสียดายจะมีเลือกตั้งเสียแล้วนี่ ถ้ายืดอีกนิด มีรัฐบาล ‘ตู่ห้า’ ท่าจะได้เปลี่ยนสรรพนามนำชื่อเป็น รมว.

อย่างไรก็ (ดัน) ดี ครม. ได้ปลอบใจบิ๊กวงษ์สุวรรณไปแล้ว อนุมัติให้สองพันล้านซื้อรถถังจีน ‘วีทีโฟร์’ แทนอีกสิบคัน จะได้ครบกองพัน

(http://www.nationtv.tv/main/content/social/378541418/)

ส่วนที่ รมว.สาธารณสุขบ่น “โรงพยาบาลรัฐ ๑๘ แห่งถังแตก” ขอให้เร่งแก้ไข





ในเมื่อ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร “ย้ำว่าปัญหาวิกฤตทางการเงินของโรงพยาบาลไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่เป็นมานานแล้วและกำลังเข้าขั้นวิกฤต”

(http://news.thaipbs.or.th/content/261368)

นั้นน่ะ ท้ายสุด นพ.ปิยะสกล แจ้งใหม่ว่า “มีโรงพยาบาลรัฐขาดทุนระดับปานกลาง (เพียง) ๕ แห่ง ตัวเลขไม่ถึงหลักร้อยล้าน สามารถแก้ไขได้ พร้อมเตรียมเงินฉุกเฉินไว้ช่วย #สำนักข่าวไทย

ใช่เลย ขนาดสองพันล้านยังไม่เห็นเป็นไร แค่ร้อยกว่าล้านสบายบรื๋อ

เห็นไหมการบริหารราชการยุค คสช. นี่ง่ายจุงเบย ไม่มีก็เบิก อยากได้ก็ซื้อ งบประมาณมีไว้ให้จ่าย เก็บไว้เฉยๆ นานหน่อย เดี๋ยวก็สนิมสร้อยขึ้น