วันพฤหัสบดี, เมษายน 13, 2560

ข้อมูลที่ต้องพิจารณาเบื้องต้น เรื่องการลี้ภัยในต่างประเทศ - จรรยา ยิ้มประเสริฐ





มีหลังไมค์มาปรึกษาผมเรื่องการลี้ภัยเป็นระยะๆ เลยคิดว่าควรจะเขียนถึงเรื่องการลี้ภัย สำหรับเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้กับคนที่ไม่อยากอยู่แล้วประเทศไทยสักหน่อยนะ

1. การลี้ภัยการเมืองไม่ใช่การเดินทางออกนอกประเทศไปทำงานเมืองนอก นี่เป็นความเข้าใจผิดของหลายคน ที่ คิดว่าการทำเรื่องลี้ภัยการเมืองเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อหาเหตุผลในการอยู่ต่อในต่างประเทศ ... คนงานไทยที่อยู่ทำงานเกินวีซ่าที่ต่างประเทศ ก็เริ่มเห็นช่องทางเรื่องการขอลี้ภัยเป็นทางออกของการไม่ถูกส่งกลับบ้านเหมือนกันเหมือนกัน แต่โอกาสที่ผู้ลี้ภัยด้วยเหตุผลนี้จะได้รับสถานภาพการเป็น "ผู้ลี้ภัยการเมือง" นั้นยากมาก และนั่นหมายความว่าจะถูกส่งตัวกลับประเทศและอาจจะถูกแบนในการเดินทางเข้าประเทศนั้นๆ ต่อไปด้วย ... อ้อ เมื่อทำเรื่องขอลี้ภัยแล้ว พาสปอร์ตไทยมักจะถูกอายัติเก็บไว้ ไม่สามารถเดินทางได้ และเป็นการถือว่าถ้ายังใช้พาสปอร์ตไทยได้ ก็ถือว่ายังไม่อยู่ในอันตรายพอ ก็จะยิ่งเป็นเงื่อนไขให้การขอลี้ภัยถูกปฏิเสธ

2. กระบวนการตัดสินรับเรื่องลี้ภัยนั้นขึ้นอยู่กับแนวนโยบายของแต่ละประเทศ เรื่องนี้ก็ต้องควรศึกษาให้ดีถึงประเทศที่อยากจะลี้ภัยไปอยู่ ... นับตั้งแต่มีผู้อพยพจากซีเรียจำนวนหลายล้านคนที่ละลักเข้ายุโรป มาตรการการตรวจรับผู้ลี้ภัยของทุกประเทศก็เข้มข้นมากขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้ก็มากอยู่แล้ว... และระยะเวลาในการพิจารณาเรื่องก็จะยาวนานมากขึ้นด้วย นั่นก็ส่งผลต่อเรื่องสิทธิในการเคลื่อนย้ายเดินทาง เพราะในระหว่างการทำเรื่องและยังไม่ได้รับการอนุมัติ ผู้ขอลี้ภัย ก็จะไม่มีหนังสือเดินทางและไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศนั้นๆ ซึ่งในบางประเทศก็อาจจะกินเวลายาวนานหลายปี

3. กระบวนการพิจารณารับหรือไม่รับนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ขอมีภัยถึงชีวิตจากการคุกคามทางการเมืองถ้าอยู่ในประเทศบ้านเกิด หรือคดีการเมืองที่จะไม่ได้รับความยุติธรรมในบ้านเกิดหรือไม่ ดังนั้นการสามารถยืนยันถึงอันตรายถ้าอยู่ในบ้านเกิดหรือถ้าถูกส่งกลับไปยังบ้านเกิด เป็นหัวใจสำคัญของการพิจารณารับหรือส่งกลับของทุกประทศ ...

ผู้ที่ไม่มีคดีการเมืองหรือคดี 112 ไม่มีหมายจับ หรือไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าชีวิตอยู่ในอันตราย ควรต้องคิดให้หนักก่อนจะทำเรื่องขอลี้ภัย

4. สภาพทางเศรษฐกิจ แม้บ้างประเทศจะมีงบประมาณรองรับและดูแลผู้ลี้ภัย แต่มันก็จำกัดมากและน้อยมาก และในหลายประเทศก็ไม่มีงบประมาณส่วนนี้ ซึ่งหมายความว่าคนที่ต้องการลี้ภัยต้องมีศักยภาพทางการเงินที่จะดูแลตัวเองที่ต่างแดนได้ ในะยะเวลาอย่างน้อย 2-3 ปี หรือถ้าไม่มีเงินก็มีเครือข่ายครอบครัวหรือเพื่อนฝูงที่จะช่วยดูแลในช่วงนี้ได้ ... สภาพการเงินก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องเตรียมตัวก่อนคิดลี้ภัย และต้องเตรียมเผื่อไว้ยาวทีเดียว

5. การปรับตัวเข้ากับสภาพประเทศใหม่ก็เป็นเรื่องที่เตรียมตัวเตรียมใจเยอะ ยิ่งถ้าไม่สามารถพูดภาษาท้องถิ่นได้ ศักยภาพในการเรียนรู้เรื่องภาษาใหม่และการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่เป็นเรื่องต้องเตรียมมากพอสมควร คนรุ่นใหม่วัยเยาว์มักจะปรับตัวและเรียนภาษาได้เร็วกว่า และมีโอกาสในการหางานได้เร็วกว่าผู้อาวุโส

6. ผู้ลี้ภัยการเมืองต้องตระหนักถึงปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนให้จงหนัก เพราะนั่นคือเกราะคุ้มครองตัวเองและในการให้เหตุผลรองรับของกิจกรรมการเมืองของตัวเองได้ดีที่สุด ... สิ่งที่ประเทศปลายทางระมัดระวังกันมากในตอนนี้ คือ รับผู้ลี้ภัยที่มีแนวคิดหัวรุนแรงและมีแนวโน้มในการก่อการร้าย ... ท่วงทำนองของการอยู่ในอาศัยในประเทศปลายทาง ก็ยังจำเป็นต้องยึดมั่นในหลักการเรื่องสิทธิมนุษยชน และการจัดกิจกรรมทางการเมืองเพื่อประเทศบ้านเกิดเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ต้องไม่เป็นการยั่วยุให้เกิดการใช้ความรุนแรง ... ในหลายประเทศจะมีมาตรการสอดส่องพฤติกรรมผู้ลี้ภัยอยู่ถ้าไม่อย่างเปิดเผยก็อย่างลับๆ

7. การลี้ภัยการเมืองสำหรับหลายคนมันเป็นเรื่องการไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ มันจึงไม่ใช่เป็นช่องทางการไปหาเงินที่ต่างประเทศ แต่มันคือการเปลี่ยนวิถีชีวิต เปลี่ยนสภาพแวดล้อม ต้องเข้าสู่กระบวนการเรียนรู้ใหม่ ที่ต้องมีสภาพจิตใจที่เปิดกว้างและเข้มแข็งมากพอที่จะรองรับทุกความกดดันต่างๆ ได้

8. ขอให้คนที่ขอลี้ภัยการเมืองทุกคนโชคดีและได้รับสถานภาพโดยเร็ว

...

ความเห็นเพิ่มจาก

Spencer Isenberg 

ขอแอดเรื่องหนึ่ง และ เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ
คือ การขอลี้ภัย แบบ on-demand หมายถึงว่า พอไปถึงประเทศนั้น ก็ขอลี้ภัยที่ Immigration เลย
เรื่องนี้ มีความเสี่ยงเช่นกัน เพราะไม่ได้หมายความว่า เขาจะอนุมัติให้โดยอัตโนมัติ และ ต้องคิดถึงเรื่อง ถูกส่งไปอยู่ในค่ายกักกัน (ไม่ใช่โรงแรม และสามารถหาความสะดวกต่างๆ ได้)
ถ้าเคสถูก rejected หรือไม่มีหลักฐานพอเพียง เรื่องอาจจะยาวยิ่งกว่านั้น
เท่าที่เห็นมา คือ ประเทศผู้อนุมัติให้ผู้ลี้ภัยอยู่ ต้องการหลักฐานชิ้นหนึ่งที่สำคัญมากๆ
นั่นคือ การพิสูจน์ว่า ทำไมคุณถึงอ้างว่า ตนเองไม่ปลอดภัยและการอยู่ในประเทศไทยต่อไป สามารถเป็นอันตรายกับชีวิตของคุณและครอบครัวได้
ถ้าตอบคำถามเกี่ยวกับการพิสูจน์แบบนี้ไม่ได้ เรื่องจะยาวมาก และอาจจะต้องรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งหมดอีกด้วย