วันอาทิตย์, เมษายน 09, 2560

1 ประเทศ 2 มาตรฐาน... บิ๊กป้อมโต้ รถทหารไม่มีเข็มขัดนิรภัย เพราะต้องคล่องตัว ไปฝึกซ้อมรบ





บิ๊กป้อมโต้ รถทหารไม่มีเข็มขัดนิรภัย เพราะต้องคล่องตัว ไปฝึกซ้อมรบ

ที่มา มติชนออนไลน์
7 เม.ย. 60

วันที่ 7 เมษายน 2560 ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานศูนย์การแก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ (ศมบ.) กล่าวถึงประชาชนต่อต้านมาตรา 44 ที่ห้ามประชาชนนั่งท้ายรถกระบะว่า มาตรการดังกล่าวที่ออกมาในช่วงนี้ เนื่องจากคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการลดปัญหาการเกิดอุบัติเหตุช่วงเทศกาล เมื่อเปรียบเทียบสถิติปี 2557-2559 พบว่ามีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เราไม่ต้องการให้สถิติเพิ่มขึ้น จึงออกมาตรการดังกล่าวออกมาที่เกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งไม่ได้บังคับอะไรเลย ขอแค่เพียงช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่าต้องไม่มีการเสียชีวิตสูงขึ้นในช่วง 7 วันอันตราย ทั้งนี้ หากประชาชนไม่รับก็ไม่ว่าอะไร แต่เราพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดความปลอดภัย แต่ประชาชนจะเอาทั้งสองอย่าง ทั้งเรื่องความปลอดภัยและความเสี่ยง ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ในฐานะที่ตนดูแลความปลอดภัยของประชาชนก็ต้องหาวิถีทางเพื่อให้เกิดความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรับผิดชอบด้านจราจรก็พยายามดูแลเรื่องนี้ให้ได้มากที่สุดในการเดินทาง

“ผมไม่ได้คิดไปห้ามโน่นห้ามนี่ แต่มีหัวหน้าพรรคการเมืองมาโจมตีว่ารัฐบาลมีมาตรการเช่นนี้บังคับใช้ประชาชน แต่รถทหารไม่มีเข็มขัดนิรภัย คิดว่าเป็นคนละเรื่องกัน ทหารไปฝึกไปรบ ต้องมีความคล่องตัว ไม่ใช่มัวแต่มาคาดเข็มขัดนิรภัย ดังนั้น ต้องดูเจตนาของรัฐบาลที่อยากดูแลประชาชนให้เกิดความปลอดภัยระหว่างเดินทาง โดยใช้ยานพาหนะที่ถูกต้อง แต่ถ้าประชาชนไม่เอามาตรการนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่อย่ามาไล่บี้ผม ผมรับว่าเป็นคนคิดเรื่องนี้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ทุกคนก็เห็นด้วย ถ้ามองมาตรการนี้ไม่เหมาะสม ก็บอกไป ไม่เป็นไร เราแก้ปัญหาได้ ไม่ใช่โจมตีนายกฯ อยู่เรื่อยๆ นายกฯก็อยู่ของท่าน และท่านอยากให้เกิดความปลอดภัย ไม่อยากให้มีการเสียชีวิต และอยากให้ประชาชนมีความสะดวก แต่เรื่องนี้ทุกคนก็คิดเพียงแต่ไปหมกมุ่นเรื่องนั่งท้ายกระบะ ได้หรือไม่ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นแค่ส่วนประกอบ” พล.อ.ประวิตรกล่าว

เมื่อถามว่า ประชาชนจะว่าให้ว่าท่านคนเดียว ไม่ใช่ว่านายกฯ หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “จะว่าผมก็ได้ ผมไม่อะไรอยู่แล้ว แต่จะว่าผมไปก็ไม่ถูก เพราะนายกฯเป็นคนตัดสินใจ เพียงแต่ผมเป็นคนเสนอแนะ เป็นคนคิด มีคนพูดว่าใครคิดว่านายกฯลุงตู่โดนด่าฟรี ทั้งหมดไม่ใช่ผมคิดคนเดียว แต่คิดร่วมกับคณะกรรมการ อยากให้ประชาชนคิดให้ดี และต้องเอาความจริงมาพูดกัน ไม่ใช่มาตะแบง ส่วนจะขอเวลาปรับตัวก็ว่ามา ซึ่งการนั่งท้ายกระบะรถตำรวจก็จับอยู่แล้ว ขึ้นทางด่วนก็ไม่ได้ ยกเว้นต่างจังหวัดที่พอยอมกันได้ ทั้งนี้ เข้าใจว่าประชาชนเดือดร้อน ถึงได้บอกว่าในต่างจังหวัดสามารถนั่งท้ายกระบะได้ แต่ไม่เกิน 6 คน และขับไม่เร็ว อีกทั้งห้ามนั่งขอบกระบะ ดังนั้น ขอให้เข้าใจว่าไม่ได้บังคับทุกอย่าง พร้อมทั้งเน้นย้ำกับตำรวจในเรื่องการจับกุมดำเนินคดีให้ใช้ดุลพินิจ ไม่ใช่จับทุกกรณี และให้จ่ายค่าปรับ รัฐบาลไม่กลัวว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้คะแนนลดลง เพราะไม่ต้องการคะแนนนิยมเพื่อไปเลือกตั้ง และนายกฯก็ไม่ต้องการ เพียงแต่ต้องการให้ประเทศเดินไปข้างหน้าให้ได้ด้วยความแข็งแกร่ง”


ooo


“บิ๊กป้อม” แอ่นอกรับ คิดคำสั่ง“ห้ามนั่งท้ายกระบะ”ห่วงความปลอดภัย ปชช.



https://www.youtube.com/watch?v=MbvTftZCQRQ

matichon tv

Published on Apr 7, 2017

เมื่อเวลา09.00 น. วันที่ 7 เม.ย. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานศูนย์การแก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณากรร (ศมบ.) กล่าวถึงประชาชนต่อต้านมาตรา 44 ที่ห้ามประชาชนนั่งท้ายรถกระบะ ว่า มาตรการดังกล่าวที่ออกมาในช่วงนี้ เนื่องจากคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการลดปัญหาการเกิดอุบัติเหตุช่วงเทศกาล เมื่อเปรียบเทียบสถิติปี 2557-2559 พบว่ามีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เราไม่ต้องการให้สถิติเพิ่มขึ้น จึงออกมาตรการดังกล่าวออกมาที่เกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งไม่ได้บังคับอะไรเลย ขอแค่เพียงช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่าต้องไม่มีการเสียชีวิตสูงขึ้นในช่วง 7 วันอันตราย

พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า ทั้งนี้หากประชาชนไม่รับก็ไม่ว่าอะไร แต่เราพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดความปลอดภัย แต่ประชาชนจะเอาทั้งสองอย่าง ทั้งเรื่องความปลอดภัย และความเสี่ยง ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ในฐานะที่ตนดูแลความปลอดภัยของประชาชนก็ต้องหาวิถีทาง เพื่อให้เกิดความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรับผิดชอบด้านจราจรก็พยายามดูแลเรื่องนี้ให้ได้มากที่สุดในการเดินทาง

“ผมไม่ได้คิดไปห้ามโน่นห้ามนี้ แต่มีหัวหน้าพรรคการเมืองมาโจมตี ว่ารัฐบาลมามาตรการเช่นนี้บังคับใช้ประชาชน แต่รถทหารไม่มีเข็มขัดนิรภัย คิดว่าเป็นคนละเรื่องกัน ทหารไปฝึกไปรบต้องมีความข้องตัว ไม่ใช่มัวแต่มาคาดเข็มขัดนิรภัย ดังนั้นต้องดูเจตนาของรัฐบาลที่อยากดูแลประชาชนให้เกิดความปลอดภัยระหว่างเดินทาง โดยใช้ยานพาหนะที่ถูกต้อง แต่ถ้าประชาชนไม่เอามาตรการนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่อย่ามาไล่บี้ผม ซึ่งผมรับว่าเป็นคนคิดเรื่องนี้ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย ถ้ามองมาตรการนี้ไม่เหมาะสม ก็บอกไป ไม่เป็นไร เราแก้ปัญหาได้ ไม่ใช่โจมตีนายกฯ อยู่เรื่อยๆ ท่านายกฯก็อยู่ของท่าน และท่านอยากให้เกิดความปลอดภัย ไม่อยากให้มีการเสียชีวิต และอยากให้ประชาชนมีความสะดวก แต่ เรื่องนี้ทุกคนก็คิด เพียงแต่ไปหมกมุ่นเรื่องนั่งท้ายกระบะ ได้หรือไม่ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นแค่ส่วนประกอบ” รองนายกฯประวิตร กล่าว

เมื่อถามว่า ถามว่าประชาชนจะว่าให้ว่าท่านคนเดียว ไม่ใช่ว่านายกฯ หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “จะว่าผมก็ได้ ผมไม่อะไรอยู่แล้ว แต่จะว่าผมไปก็ไม่ถูก เพราะนายกฯเป็นคนตัดดินใจ เพียงแต่ผมเป็นคนเสนอแนะ เป็นคนคิด มีคนพูดว่าใครคิดว่านายกฯ ลุงตู่โดนด่าฟรี ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่ผมคิดคนเดียว แต่คิดร่วมกับคณะกรรมการ”

พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำว่า ตนอยากให้ประชาชนคิดให้ดี และต้องเอาความจริงมาพูดกัน ไม่ใช้มาตะแบง ส่วนจะขอเวลาปรับตัวก็ว่ามา ซึ่งการนั่งรถท้ายกระบะตำรวจก็จับอยู่แล้ว ขึ้นทางด่วนก็ไม่ได้ ยกเว้นต่างจังหวัดที่พอยอมกันได้ ทั้งนี้ตนเข้าใจว่าประชาชนเดือดร้อน ตนถึงได้บอกว่าในต่างจังหวัดสามารถนั่งท้ายกระบะได้ แต่ไม่เกิน 6 คน และขับไม่เร็ว อีกทั้งห้ามนั่งขอบกระบะ ดังนั้นขอให้เข้าใจว่าไม่ได้บังคับทุกอย่าง พร้อมทั้งเน้นย้ำกับตำรวจในเรื่องการจับกุมดำเนินคดีให้ใช้ดุลยพินิจ ไม่ใช่จับทุกกรณี และให้จ่ายค่าปรับ ทั้งนี้รัฐบาลไม่กลัวว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้คะแนนลดลง เพราะไม่ต้องการคะแนนนิยมเพื่อไปเลือกตั้ง และนายกฯก็ไม่ต้องการ เพียงแต่ต้องการให้ประเทศเดินไปข้างหน้าให้ได้ด้วยความแข็งแกร่ง