วันพุธ, เมษายน 12, 2560

ที่นี่ประเทศไทย รวย = รอด? - จาก “บอส ทายาทกระทิงแดง” ถึง “โซโล ลูก แอ๊ด บาวแดง” มาตรฐานกระบวนการยุติธรรมไทย “เหมือนกัน”?




จาก “บอส ทายาทกระทิงแดง” ถึง “โซโล ลูก แอ๊ด บาวแดง” มาตรฐานกระบวนการยุติธรรมไทย “เหมือนกัน”?


ที่มา MGR Online
11 เมษายน 2560

ตอกย้ำคำว่า “คุกมีไว้ขังคนจน” ลูกคนรวย ทายาทมหาเศรษฐี เอาแค่ “บอส” ทายาทกระทิงแดง” และ “โซโล ลูกแอ๊ด คาราบาว” แม้จะตกเป็นผู้ต้องหากระทำความผิด แต่ทุกวันนี้ก็ยังใช้ชีวิตสุขสบาย

โต๊ะข่าวโซเชียลมีเดีย MGR Online ... รายงาน

“บอส วรยุทธ อยู่วิทยา” ลูกชาย นายเฉลิม อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง ตกเป็นผู้ต้องหาคดีขับรถขับรถหรูเฟอร์รารี พุ่งชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ วัย 48 ปี ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่เสียชีวิตคาเครื่องแบบตำรวจ เมื่อเช้ามืดวันที่ 3 กันยายน 2555

“โซโล ร.ต.ท.วรมันต์ โอภากุล ลูกชาย นายยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว เจ้าของเครื่องดื่มคาราบาวแดง ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน ล่อลวงเด็กหญิงวัย 13 ปี ดื่มน้ำผสมยาเพื่อกระทำชำเรา ก่อนถ่ายภาพวิดีโอที่ผู้เสียหายอยู่ในสภาพเปลือยเพื่อแบล็กเมล์ ในบ้านพักของ แอ๊ด คาราบาว เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2548

ท้ายที่สุดแล้ว คดีทั้งสองก็จบลงตรงที่ หากไม่ปล่อยให้ยืดเยื้อ ก็พ้นมลทิน ท่ามกลางข้อกังขาแก่สังคมว่า เป็นเพราะลูกคนรวย คนมีเงิน เป็นถึงมหาเศรษฐีติดอันดับโลกหรอกหรือถึงได้อยู่รอดปลอดภัย แตกต่างจากประชาชนคนธรรมดา ไม่มีเส้นมีสาย ถ้าไม่ประหารชีวิต ก็ถูกจำคุกตลอดชีวิต





ย้อนกลับไปที่คดีของ “นายบอส” ในวันก่อเหตุเขาอายุ 27 ปี ขับรถเก๋งเฟอร์รารี่ รุ่นพินอินฟาริน่า สีบรอนซ์เทา ทะเบียน ญญ 1111 กรุงเทพมหานคร พุ่งชน ด.ต.วิเชียร ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่บนถนนสุขุมวิท ช่วงปากซอยสุขุมวิท 47 ก่อนถึงแยกทองหล่อ แล้วลากร่างไปไกลถึง 200 เมตร ก่อนขับส่ายจน ด.ต.วิเชียร กลายเป็นร่างไร้วิญญาณที่ปากซอย 49

เรื่องกลับตาลปัตรตรงที่ พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ นามเมือง สวป.สน.ทองหล่อ (ในขณะนั้น) พา นายสุเวศ หอมอุบล อายุ 45 ปี ผู้มีหน้าที่ดูแลรถบ้านนายเฉลิม เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนที่โรงพัก โดยสมอ้างเป็นผู้ขับรถเฟอร์รารีพุ่งชนตำรวจเสียชีวิตเอง แต่เมื่อตรวจร่างกายแล้วไม่พบร่องรอยจากอุบัติเหตุ

ยอมจำนนว่า “มารับผิดแทนลูกเจ้านาย”

สรุปก็คือ พ่อบ้านโดนข้อหาแจ้งความเท็จ ส่วน พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ เด้งไปช่วยราชการ บช.น. เป็นเวลา 30 วัน จบลงง่ายดาย





เมื่อกระแสสังคมกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด นายบอส ก็เข้ามอบตัวกับตำรวจ ยอมรับว่า ขับรถสปอร์ตประสบอุบัติเหตุจริง แต่ผู้ตายขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ปาดหน้าทำให้หักหลบไม่ทัน แต่ก็พบพิรุธเพราะไปตรวจร่างกาย ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ รพ.สมิติเวช แทนที่จะเป็น รพ.ตำรวจ พบว่า มีแอลกอฮอล์ 64.8 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

แม้จะถือว่าเกินกฎหมายกำหนด แต่ไม่ถูกฟ้องในข้อหาเมาแล้วขับแต่อย่างใด เพราะทนายผู้ต้องหาอ้างว่า “ดื่มหลังขับ” ดื่มสุราหลังเกิดเหตุ เพราะเกิดความเครียดอย่างหนัก ไม่นับรวมผลตรวจร่างกายพบสารชนิดอื่นๆ ซึ่งเป็นส่วนประกอบในยาเสพติดและยานอนหลับ โคเคน กาเฟอีน และอัลปราโซแลม

นายบอส ถูกพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ แจ้ง 3 ข้อหา คือ ขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย อายุความ 15 ปี กับ ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกชน อายุความ 5 ปี แต่ข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด มีอายุความเพียงปีเดียว และถูกพนักงานอัยการเพิกเฉย ทำให้ขณะนี้หมดอายุความไปแล้วเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556

ขณะที่ข้อหา ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกชน จะหมดอายุความวันที่ 3 กันยายน 2560 แต่ฝั่งผู้ต้องหาประวิงเวลาเลื่อนนัดหลายครั้ง และมักจะอ้างว่า “ป่วยกะทันหันอยู่ที่ต่างประเทศ” ไม่สามารถเดินทางมาพบอัยการได้ทัน

แต่ก็พบว่า สำนักข่าวต่างประเทศอย่างเอพี ออกมาตีแผ่พฤติกรรมของนายบอส ว่า เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์หลังเกิดเหตุ บอสสามารถกลับไปใช้ชีวิตหรูหราตามแบบที่เคยเป็นมา ซึ่งรวมไปถึง บินรอบโลกด้วยเครื่องบินเจ็ตเรดบูล นั่งเก้าอี้ชั้น VIP ชมการแข่งรถฟอร์มูลาวันเชียร์ทีมของตัวเอง ไปพักผ่อนรีสอร์ตหรูเมืองหลวงพระบางในประเทศลาว

รวมทั้งใช้กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นที่เก็บรถสปอร์ต ปอร์เช่ คาร์เรรา สีดำ ป้ายทะเบียนพิเศษ B055 RBR บอส เรดบูล เรซซิ่ง เมื่อนักข่าวเอพีตามไปสอบถามถึงบ้านพักในกรุงลอนดอน นอกจากไม่ยอมตอบว่า จะกลับประเทศไทยในวันที่ 27 เมษายนนี้ เพื่อฟังคำสั่งคดีแล้ว ยังไม่ตอบอีกด้วยว่า มาทำอะไรที่อังกฤษ





อีกคดีหนึ่ง “โซโล” เมื่อครั้งที่กลับจากเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย มาเรียนหนังสือในระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนนานาชาติย่านสุขุมวิท เวลานั้นเขาอายุ 17 ปี ได้ร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน คือ นายภควัชร หรือ ไผ่ พันธ์มณี และ นายธนาศักดิ์ หรือ แฮม แสงฤทธิ์ ล่อลวงเด็กหญิงวัย 13 ปี ไปพรากผู้เยาว์แล้วถ่ายคลิป

คดีนี้สุดท้ายเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2553 อัยการพิเศษฝ่ายคดีเยาวชนและครอบครัว 3 ยื่นฟ้องผู้ต้องหา 2 รายเท่านั้น คือ นายไผ่ และ นายแฮม ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง แต่ในส่วนของโซโล อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ทำให้คดีในส่วนของโซโลถือว่าสิ้นสุดแล้ว โซโลจึงพ้นมลทิน

ทั้งที่เป็นผู้ขับรถพาเด็กหญิงผู้เคราะห์ร้ายไปให้เพื่อน “เชือด” กระทำชำเราที่บ้านตัวเอง

เวลาผ่านไป 6 ปี ก็พบว่า โซโลเข้าเป็นข้าราชการตำรวจ ด้วยวิธีใดไม่อาจทราบได้ วันที่ 17 พฤษภาคม 2559 ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศให้แก่ข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร จำนวน 6,101 ราย หนึ่งในนั้นมี ว่าที่ร้อยตำรวจโท วรมันต์ โอภากุล เป็นร้อยตำรวจโท

จากนั้น ร.ต.ท.วรมันต์ ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดท่ากุ่ม ต.หนองสาหร่าย อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา ก่อนที่ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2559 ได้เข้าสู่ประตูวิวาห์กับเจ้าสาวนามว่า อิ๊ก สายธาร พรประเสริฐมานิต บุตรสาวเจ้าของโรงงานผลิตและจำหน่ายเครื่องครัวอะลูมิเนียม ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี





เรื่องราวของทั้งสองคนนี้ มีความคล้ายกันตรงที่ ทั้งสองล้วนเป็นทายาทมหาเศรษฐีทั้งคู่

นายบอส ลูกชายของ “เฉลิม อยู่วิทยา” ถูกจัดอันดับให้เป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยเป็นอันดับ 4 ของไทย ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 3.49 แสนล้านบาท เป็นผลมาจากเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อ “กระทิงแดง” หรือ RED BULL เป็นเครื่องดื่มยอดฮิตของชาวยุโรป พอๆ กับประเทศไทยที่กระทิงแดงขวดละ 10 บาท เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมในหมู่ผู้ใช้แรงงาน

ส่วนโซโล เป็นลูกชายของ “แอ๊ด คาราบาว” เจ้าของบริษัท คาราบาวกรุ๊ป ผู้ผลิตเครื่องดื่มคาราบาวแดง ชิงส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังจนก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 2 ของไทย มูลค่าหลักทรัพย์ 64,250 ล้านบาท ขึ้นปกนิตยสารฟอร์บส์ฉบับภาษาไทย ประจำเดือนเมษายน 2560 ที่ปกติแล้วจะจับเฉพาะมหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจหลักหมื่นล้านบาทขึ้นปกเท่านั้น

มลทินที่ทายาทคนรวยทั้งคู่ได้ก่อไว้ สะท้อนให้เห็นว่าในบ้านนี้เมืองนี้ หากเป็นลูกมหาเศรษฐี ไม่ว่าจะก่อคดีร้ายแรงขนาดไหน สะเทือนขวัญแก่สังคมอย่างไร ก็มักจะหลุดรอดมาได้ตั้งแต่ชั้นตำรวจไปจนถึงอัยการ ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นน้ำของกระบวนการยุติธรรมไทย แตกต่างจากคนจนที่มักจะถูกเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน

คุณก็รู้ ... ว่าที่นี่ประเทศไทย!

ooo




http://news.voicetv.co.th/thailand/479733.html