วันพฤหัสบดี, เมษายน 13, 2560

ฟังปฏิกิริยา 3 "บุคคลต้องห้ามทางอินเตอร์เน็ต" - BBC Thai



นายปวิน และนายสมศักดิ์

ฟังปฏิกิริยา 3 "บุคคลต้องห้ามทางอินเตอร์เน็ต"


ที่มา BBC Thai

นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ และนายแอนดริว มาร์แชล เผยแพร่ข้อความทางเฟซบุ๊กหลังกระทรวงดิจิทัลออกประกาศให้ประชาชนงดเว้นการติดต่อ เผยแพร่ข้อมูลที่บุคคลทั้งสามเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต ชี้อาจเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมฯ

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ออกประกาศ อ้างอิงคำสั่งศาลอาญาให้ระงับการแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันไม่เหมาะสม ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และขอให้ประชาชนงดติดตาม ติดต่อ เผยแพร่หรือการกระทำอื่นใดที่เป็นลักษณะเผยแพร่เนื้อหา ข้อมูลของบุคคลทั้งสาม เพื่อไม่ให้เป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมฯ




นายสมศักดิ์ ซึ่งขณะนี้ลี้ภัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศส ได้เผยแพร่ข้อความทางเฟซบุ๊ก แสดงความประหลาดใจกับประกาศดังกล่าว และระบุว่าประกาศนี้ดังกล่าวไม่มีลักษณะ เป็นประกาศทางกฎหมายเลย แม้จะอ้างถึงคำสั่งของศาลอาญา แต่นายสมศักดิ์เห็นว่าเป็นการอ้าง "แบบกว้าง ๆ" ไม่มีการอ้างคดีหรือคำสั่งใดของศาล หรือไม่มีการอ้างข้อกฎหมายใดอย่างเฉพาะเจาะจง

นายสมศักดิ์ตั้งคำถามว่าเขาและบุคคลในประกาศอีกสองคนมีความผิดข้อใด และมีข้อหาอะไรที่ทำให้ออกประกาศชนิดที่เขามองว่า "ครอบจักรวาล" และ "มั่ว" เช่นนี้ได้

ด้านนายปวิน เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่าการออกประกาศดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงภาวะที่เข้าตาจนของรัฐไทยที่รู้ดีว่ากำลังเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการทำสงครามข้อมูลข่าวสาร



นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์


นายปวินกล่าวว่าประกาศดังกล่าวจะไม่มีผลใด ๆ ต่อเขาและจะยังคงโพสต์ข้อมูลทางเฟซบุ๊กเช่นที่เคยทำตามปกติ

"ผมไม่ทราบว่าคนอ่านจะได้ประโยชน์อย่างไรจากข้อความที่ผมโพสต์ แต่ความจริงที่ว่าผมมีผู้ติดตามเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ก็น่าจะชี้ให้เห็นว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นเป็นความจริง"

นายปวิน ซึ่งมีผู้ติดตามทางเฟซบุ๊กกว่า 121,000 คน เปิดเผยด้วยว่าหลังมีการเผยแพร่ประกาศดังกล่าว จำนวนผู้ติดตามตนลดลงไปเพียงเล็กน้อย หากประชาชนเลิกติดตาม หรือยอมรับการปิดกั้นข้อมูลข่าวสารก็เป็นเรื่องของบุคคลเหล่านั้น และเห็นว่าในห้วงเวลาอันวิกฤตเช่นนี้จำเป็นต้องมีความกล้าหาญ



นายแอนดริว มาร์แชลล์


ด้านนายมาร์แชล ซึ่งมีผู้ติดตามบนเฟซบุ๊กประมาณ 76,000 คน กล่าวกับบีบีซีไทยว่าหลังประกาศดังกล่าวเผยแพร่ออกมา จำนวนผู้ติดตามเขาทางเฟซบุ๊กเริ่มลดลงไปบ้าง และเขาเสนอให้ผู้ที่เกรงว่าจะตกอยู่ในความเสี่ยงให้ยกเลิกการเป็นเพื่อนเขาทางเฟซบุ๊ก

"ผมเชื่อว่าคนไทยควรจะมีเสรีภาพในการอ่านข้อมูลจากทุกแหล่งและตัดสินใจได้ด้วยตัวเองว่าควรจะเชื่อในเรื่องใด เสรีภาพในการพูดและการปกป้องสื่อมวลชนคือองค์ประกอบ สำคัญยิ่งในโลกประชาธิปไตยสมัยใหม่ ในขณะเดียวกันผมก็ไม่ต้องการให้คนไทยต้องถูกดำเนินคดีเพียงเพราะมาอ่านข่าวของผม ครอบครัวของผมต้องทนทุกข์มามากพอแล้ว และผมไม่ต้องการให้คนอื่น ๆ ต้องประสบชะตากรรมเดียวกัน ดังนั้นผมจึงอยากจะบอกคนที่รู้สึกว่าตกอยู่ในความเสี่ยงให้เลิกการติดตามผมทางโซเชียลมีเดีย คุณยังสามารถอ่าน สิ่งที่ผมเขียนและแชร์เนื้อหาเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องติดตามผมทางเฟซบุ๊กหรือทวิตเตอร์"

ด้าน น.อ.สมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์กับไทยพีบีเอสว่า ประกาศดังกล่าวเป็นเพียง "การประชาสัมพันธ์ทั่วไป" เป็นความหวังดีที่ให้กับประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้ใช้วิจารณญาณในการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างถูกต้อง ใช้สติในการแชร์ข้อมูลข่าวสารไม่ให้เกิดผลกระทบในการดำรงชีวิตประจำวัน

ส่วนการแชร์หรือไลค์จะเป็นความผิดหรือไม่นั้น น.อ.สมศักดิ์กล่าวว่าต้องดูที่เจตนาและวัตถุประสงค์ รวมทั้งตัวข้อมูลว่าเป็นข้อมูลใด มีผลกระทบ หรือผิดตามหมายศาลหรือไม่

.....
ผู้บริหารบีบีซีชี้เสรีภาพสื่อโลก "น่ากังวล"
บทวิเคราะห์: เสรีภาพสื่อไทยปี 2560 รัฐจะคุมหนักกว่าเดิม
สปท.เมินเสียงค้าน เดินหน้า พรบ.คุมสื่อ