วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 10, 2561

#วันนี้ไม่มีพี่ชาย iLaw คุยกับน้องชายทนายประเวศ "เขามีความกล้ามาแต่เด็ก"





#วันนี้ไม่มีพี่ชาย

คุยกับน้องชายทนายประเวศ "เขามีความกล้ามาแต่เด็ก"
.
.
วันนี้ (9 พฤษภาคม 2561) ศาลอาญานัดสืบพยานคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ของทนายประเวศต่อเป็นวันที่สอง การพิจารณาคดีนี้ยังคงเป็นการพิจารณาลับที่นอกจากตัวประเวศ อัยการ และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์แล้วก็ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปนั่งฟังการพิจารณา ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัยก็เต็มไปด้วยความเข้มงวดบริเวณหน้าห้องพิจารณาคดีหมายเลข 707 จะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลคอยเดินมาดูแลความเรียบร้อยอยู่ตลอดเวลา
.
ภายใต้สุ้มเสียงเงียบงัน นอกห้องพิจารณาคดี ไอลอว์ถือโอกาสพูดคุยกับประวิทย์ น้องชายผู้แวะเวียนไปเยี่ยมประเวศที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพอยู่เป็นประจำตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ประเวศต้องสูญเสียอิสรภาพ

เราชวนเขาคุยถึง อุปนิสัย ชีวิตวัยเด็กของประเวศ สภาพความเป็นมาเป็นไปของพี่น้องหลังทนายหนุ่มถูกจับ รวมทั้งความคิดเห็นของประวิทย์ที่มีต่อการดำเนินคดีพี่ชายของเขาว่า ถึงที่สุดแม้การกระทำของพี่ชายเขาอาจไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องแต่โทษทัณฑ์ที่เขาได้รับนั้นรุนแรงเกินไป
.
มีความกล้ามาแต่เด็ก
.
ประวิทย์เล่าถึงพื้นเพครอบครัวของเขาและประเวศว่าเป็นครอบครัวคนจีนที่อพยพจากซัวเถามาตั้งรกรากอยู่ที่กรุงเทพ เมื่อมาตั้งรกรากในแผ่นดินใหม่คุณพ่อของเขากู้เงินเพื่อนมาเซ้งตึกแถวในซอยสุขุมวิท 101 เพื่อเปิดร้านขายของชำ และได้นำเงินส่วนหนึ่งไปเซ้งแผงขายขนมในโรงเรียนสหะพาณิชย์ฯ (วิทยาลัยเทคโนโลยีสหะพาณิชย์ บริหารธุรกิจ) ในภายหลังเมื่อพ่อของเขาเสียชีวิตแม่ก็รับช่วงทำการค้าขายต่อ
.
ประวิทย์เล่าความทรงจำบางช่วงบางตอนในวัยเด็กของเขาอีกว่าพ่อกับแม่มีลูกทั้งหมดเจ็ดคน ประเวศเป็นลูกคนที่สามส่วนตัวเขาเป็นลูกคนที่สี่ สำหรับตัวของประเวศฉายแววความเป็นคนกล้าไม่กลัวใครมาตั้งแต่วัยเด็ก ครั้งหนึ่งน้องชายของเขาอีกสองคนวิ่งหนีตำรวจเข้าใจว่าน่าจะไปมีเรื่องทะเลาะกับใครมา ประเวศซึ่งขณะนั้นน่าจะมีอายุไม่เกิน 11 ขวบก็ถามตำรวจที่ตามมาว่าเกิดอะไรขึ้น ตำรวจก็บอกว่าวิ่งตามน้องชายของเขาอีกสองคนมา ประเวศก็ถามตำรวจกลับไปว่าเป็นตำรวจจะมาจับมีบัตรประจำตัวหรือเปล่า พอได้ยินเช่นนั้นตำรวจคนนั้นก็เลยเอากุญแจมือคล้องมือประเวศเสียเลย ย้อนรำลึกความหลังถึงตรงนี้ประวิทย์ก็หัวเราะขึ้นมาถึงวีรกรรมของพี่ชายของเขา
.
เมื่อถามถึงแนวทางการต่อสู้คดีแบบ "ดับเครื่องชน" ของประเวศ ที่ประกาศว่าจะไม่ยอมรับกระบวนการพิจารณาคดีนี้และจะไม่ถามค้านหรือนำพยานเข้าเบิกความแก้ต่างให้ตัวเอง ประวิทย์ระบุว่าตอนแรกเขาก็ไม่เข้าใจแนวทางการต่อสู้คดีของประเวศเพราะตัวเขาไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย แต่หลังจากเพื่อนของประเวศคนหนึ่งอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังเขาก็เข้าใจและเห็นด้วยในแนวทางการสู้คดีของประเวศ
.
พี่น้องไม่ทิ้งกัน
.
นับตั้งแต่ประเวศถูกจับกุมตัวเขาคือคนที่เดินทางมาเยี่ยมประเวศอยู่เป็นประจำ ช่วงแรกมาเยี่ยมทุกวันอังคารแต่เมื่อเริ่มมีคนมาเยี่ยมประเวศมากขึ้นเขาก็ลดการเยี่ยมเป็นอังคารเว้นอังคารเพื่อให้คนอื่นมีโอกาสได้เข้าเยี่ยมบ้าง โดยในวันที่มาเยี่ยมประเวศ ประวิทย์จะขับรถออกจากบ้านพักตั้งแต่ประมาณแปดโมงเช้าและมาถึงเรือนจำพิเศษกรุงเทพประมาณเก้าโมงครึ่ง เหตุที่เขาต้องใช้เวลาอยู่บนรถนานถึงชั่วโมงครึ่งก็เป็นเพราะต้องเจอกับรถติดและระยะทางจากบ้านของเขาที่อยู่ย่านสวนหลวงร.9 มาถึงเรือนจำซึ่งอยู่แถวงามวงศ์วานก็ไกลพอสมควร แต่ถึงระยะทางจะห่างไกลประวิทย์ก็มาเยี่ยมประเวศไม่ได้ขาดเพราะเขาและประเวศมีความผูกพันและช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาโดยตลอด
.
ประวิทย์เล่าย้อนไปถึงความสัมพันธ์ของเขาและพี่ชายว่า เขาสนิทกับประเวศมาตั้งแต่เด็กเพราะสมัยเรียนชั้นประถมเคยสอบเทียบได้ทำให้ได้เรียนชั้นเดียวกัน พอโตขึ้นมาประเวศประกอบอาชีพทนายความแต่ก็มักจะขัดสนเรื่องเงินเพราะหลายคดีเขาไปช่วยคนที่ถูกบริษัทบัตรเงินกู้เก็บหนี้หรือดอกเบี้ยอย่างไม่เป็นธรรมโดยไม่คิดมูลค่า ประวิทย์ซึ่งก่อนหน้านี้เคยประกอบอาชีพเกี่ยวกับการวางระบบอินเทอร์เน็ตซึ่งมีรายได้ดีก็จะคอยให้ความช่วยเหลือด้านการเงินทั้งค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและค่าผ่อนบ้าน
.
ประวิทย์เล่าต่อว่าในช่วงปี 2554 ธุรกิจของเขาเริ่มประสบปัญหา เริ่มขาดรายได้ บ้านพักที่เขาอาศัยอยู่กับพี่สาวอีกคนย่านสวนหลวงร.9 ซึ่งเป็นห้องแถวสองห้องก็ถูกธนาคารยึดไปแล้วห้องหนึ่ง ส่วนอีกห้องซึ่งพวกเขาพักอาศัยในตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการบังคับคดี ประวิทย์เล่าต่อไปว่าในช่วงที่เขาเริ่มประสบปัญหาทางการเงินประเวศก็จะคอยแบ่งเงินส่วนหนึ่งมาให้ใช้จ่ายเป็นรายสัปดาห์ หนึ่งวันก่อนประเวศจะถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวก็พึ่งจะโอนเงินรายสัปดาห์มาให้เขา ประวิทย์เล่าต่อไปว่าก่อนที่จะถูกจับกุมตัวประเวศยังผ่อนบ้านอยู่แต่เมื่อถูกดำเนินคดีก็ไม่มีเงินที่จะส่งต่อบ้านก็ถูกยึดไปแล้ว หากประเวศได้รับอิสรภาพเขาก็คงต้องกลับมาอยู่กับประวิทย์และพี่สาวอีกคนหนึ่งแทน ประวิทย์ตั้งข้อสังเกตเจือน้ำเสียงหัวเราะที่ยากจะบอกความรู้สึกที่แท้จริงได้ว่า "ตลกดีนะที่พอคนหนึ่งมีเรื่องดีๆอีกคนก็มักจะมีปัญหาสลับกัน"
.
เมื่อเราถามถึงโทษทัณฑ์ที่พี่ชายเขาอาจได้รับแม้ประวิทย์บอกว่า แม้การโพสต์ข้อความที่มีลักษณะเป็นการหมิ่นประมาทไม่ว่าจะเป็นการหมิ่นพระมหากษัตริย์หรือหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาจะเป็นเรื่องที่ผิด แต่ก็รู้สึกว่าโทษทัณฑ์ที่ประเวศกำลังเผชิญและต้องเผชิญต่อไปก็ดูจะรุนแรงเกินไป อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่พอจะทำให้เขามีกำลังใจก็คือประเวศยังไม่ถูกลืม มีคนที่รู้จักประเวศฝากเงินให้ประเวศผ่านเขาอยู่บ้างและมีคนมาให้กำลังใจหรือมาเยี่ยมประเวศอยู่เป็นระยะ
.
.
ติดตามความเคลื่อนไหวคดีประเวศ ได้ที่ : https://freedom.ilaw.or.th/th/case/786



...

ชีวิตถึงกับพัง เพียงเพราะ.....amazing Thailand!!!!!
มิตรสหายท่านหนึ่ง

ooo


...