‘อนาคตใหม่’ ลั่นชวนคนไทยหยุดอำนาจรัฐประหาร พร้อมนิรโทษฯทุกคดีการเมืองยุคคสช.
27 พฤษภาคม 2561
ที่มา มติชนออนไลน์
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ที่อาคารยิมนีเซียม 5 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ภายหลังการประกาศอุดมการณ์และแนวทางพรรค รวมถึงแนะนำกรรมการบริหารพรรค นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคอนาคตใหม่ว่า ต้องเสนอหัวหน้าพรรค ส่วนจะต่อสู้กับกระแสของพรรคการเมืองที่หนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ดำรงตำแหน่งนายกฯต่อไปอย่างไรนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ เพราะตั้งแต่เห็นรัฐธรรมนูญปี 2560 ก็รู้อยู่แล้วว่าวันนี้ที่ คสช.จะพยายามสืบทอดอำนาจของตัวเองต้องมาถึง จึงได้ชักชวนประชาชนและสื่อมวลชนทุกคนที่มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เราจะยอมอยู่ภายใต้เผด็จการอย่างนี้ไปนานเท่าไหร่ ตนขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมภารกิจนี้ให้สำเร็จ ภารกิจที่จะหยุดอำนาจ คสช. หยุดการสืบทอดเผด็จการ
เมื่อถามว่า หากเป็นฝ่ายค้านจะล้างอำนาจของ คสช.อย่างไร นายธนาธรกล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะความคิดหลักของพรรค อนค.การทำงานทางความคิด หากไม่มีในส่วนนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็ไม่มีความหมาย การแพ้ชนะอยู่ที่การทำงานทางความคิด เราต้องดึงจิตวิญญาณของรัฐธรรมนูญปี 2540 กลับคืนมา มาช่วยกันทำให้ได้ เมื่อถามว่า จะมีแนวคิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายปิยบุตรกล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 หากเราไม่โกหกตัวเอง บอกได้เลยว่าการแก้ไขทำได้ยากมาก คือการเขียนให้แก้โดยไม่ให้แก้ เพราะมีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จัดตั้งเอาไว้ ให้การแก้ไขแต่ละครั้งต้องใช้เสียงของ ส.ว. ใช้เสียงของพรรคฝ่ายค้าน และอาจจะเจอกับศาลรัฐธรรมนูญอีก แต่ถ้าเราเห็นว่าแก้ยากแล้วไม่ทำอะไรเลย งอมืองอเท้าแบบเดิมก็เท่ากับรัฐธรรมนูญ 2560 จะอยู่กับเราชั่วกัลปาวสาน การเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ต่อให้เราเป็นเสียงข้างมาก สามร้อยกว่าเสียง ต่อให้เรามีเสียงข้างน้อยยี่สิบเสียง เชื่อเถอะว่าไม่มีทางที่จะแก้ไขได้สำเร็จในตอนแรก พรรคต้องการยกระดับความคิด รวมพลังทุกพรรคการเมือง ตกลงกันเพื่อเปิดทางแก้รัฐธรรมนูญฉบับเพื่อเปิดทางสู่การทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เหมือนตอนที่เราทำรัฐธรรมนูญปี 40 การจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จจะต้องมีการรณรงค์ คะแนนเสียงอย่างเดียวไม่พอ ต้องรณรงค์ให้เกิดฉันทามติจากคนทั้งประเทศว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 ไปต่อไม่ได้ ต้องมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง
“ถ้าเรามีโอกาสเข้าสภาเมื่อไร วันแรกที่มีโอกาสจะเสนอเรื่องแก้รัฐธรรมนูญทันที มีโอกาสเมื่อไรทำเมื่อนั้น ทำซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่สำเร็จก็จะทำ เพื่อให้สังคมเห็นว่ารัฐธรรมนูญนี้เป็นทางตัน โดยยกเลิกมาตราเดียวที่ง่ายที่สุด คือ มาตรา 279 ซึ่งเป็นมาตราที่ให้ความคุ้มกันประกาศต่างๆ ของ คสช.ทั้งหมดให้ถูกต้องเสมอ ซึ่งผลของมาตรานี้ทำให้ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ คือชุดประกาศคำสั่งของ คสช.ที่ถูกเสมอ และรัฐธรรมนูญปี 2560 ผมถามว่าบ้านเมืองจะอยู่กันแบบนี้หรือ นี่ไม่ใช่เรื่องรุนแรง ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นการฟื้นกลับมาสู่ระบบนิติรัฐ ระบบที่รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด และอีกเรื่องถ้าจำกันได้คือ การแก้รัฐธรรมนูญปี 2534 ให้เป็น 2540 ก็มีการแก้แค่ 1 มาตรา เพื่อที่จะบอกว่า จะทำรัฐธรรมนูญใหม่เข้ามาแทนที่ ประเทศนี้ีทำรัฐธรรมนูญใหม่ด้วยวิธีเอารถถังออกมายึดอำนาจ แล้วถ้าผู้แทนประชาชนและประชาชนทั้งประเทศยืนยันว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มันจะแก้ไม่ได้หรือ” นายปิยบุตรกล่าว
เมื่อถามว่า ก่อนจะมีการปลดล็อกพรรคการเมือง ได้มีการเสนอให้มีพรรคขนาดกลางมาเป็นโซ่ข้อกลาง เพื่อสร้างบรรยากาศการเลือกตั้ง พรรคอนาคตใหม่จะเสนอตัวหรือไม่ นายปิยบุตรกล่าวว่า เป็นเรื่องของสังคมในการตัดสิน ซึ่งเรื่องนี้ตนไม่ได้มองว่าเป็นโซ่ข้อกลางแต่เป็นสิ่งที่ต้องทำ และยืนยันว่าทางพรรคจะปักธงในการเดินทางไปข้างหน้าว่า ประกาศและคำสั่งของ คสช.จะอยู่แบบนี้ไม่ได้ การยึดอำนาจเข้ามาผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 ข้อหากบฏ แล้วก็นิรโทษกรรมตัวเอง การออกคำสั่งมาเพื่อใช้จับกุมคุมขังคนอื่นเต็มไปหมด ตนขอถามสื่อมวลชนว่าทนอยู่อย่างนี้ได้อย่างไร คำสั่ง คสช.จำนวนมากจำกัดเสรีภาพสื่อ ซึ่งการปลดล็อกคำสั่ง คสช.นั้นเพื่อให้พรรคสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เป็นสิ่งที่เราเคยเรียกร้องมาแล้วว่าระหว่างที่ คสช.ยังไม่ไป ต้องยกเลิกคำสั่ง คสช.ทั้งหมดที่เป็นอุปสรรคต่อการรณรงค์ทางการเมืองและอุปสรรคในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนทั้งหมด เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปตามมาตรฐานสากลที่ให้มีการแสดงความคิดเห็น ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นการเลือกตั้งปลอมๆ
เมื่อถามว่า จากที่เคยมีการประกาศหาแนวร่วมหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. จะทำอย่างไรให้คนเข้าร่วม นายธนาธรกล่าวว่า ก็ทำในสิ่งที่ทำอยู่ คือไปพบปะประชาชนและเผยแพร่อุดมการณ์ให้ประชาชนได้เห็น เข้าถึงประชาชนให้ได้มากที่สุด ส่วนเรื่องปัญหาเศรษฐกิจซึ่งถือเป็นเรื่องนโยบายนั้น ขอให้รอฟังในเดือนกรกฎาคมหรือภายหลังมีการปลดล็อกพรรคการเมืองตามที่ คสช.ได้ยืนยันมาก่อนหน้านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกตั้งเลื่อนมาแล้ว 3-4 ครั้ง มั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่ถูกเลื่อนออกไปอีก และทุกพรรคจะร่วมกันทำฉันทานุมัติกับ คสช.ให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นในปีนี้หรือปีหน้าหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า เราต้องการเลือกตั้งอยู่แล้ว เพราะทุกวันที่เสียไปคือหายนะของประเทศไทย ดังนั้น ยิ่งเลือกตั้งเร็วยิ่งดี แต่ปัญหาคือ คนที่จะไปทำข้อตกลงไม่ใช่เรา แต่อยู่ที่ คสช. ซึ่งเราเรียกร้องมาตลอดว่าการเลือกตั้งที่เป็นธรรมและโปร่งใส จะต้องเกิดขึ้น และเราเรียกร้องมาตลอดเรื่องการหยุดอำนาจ คสช. ส่วนที่มีการชุมนุมเรียกร้องการเลือกตั้ง แต่ คสช.ก็แจ้งข้อหาต่อกลุ่มคนเหล่านี้ ทางพรรคเคยพูดไปแล้วว่าเมื่อมีอำนาจทางการเมือง เราจะนิรโทษกรรมคนที่โดนคดีทางการเมืองในยุค คสช.ทั้งหมด เพราะเราเห็นว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นกลุ่มคนหนุ่มสาวที่มีความใฝ่ฝัน เป็นประชาชนที่แสดงออกถึงสิทธิเสรีภาพของตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้ควรเป็นเรื่องที่ได้รับการรับรองในฐานะพลเมือง ขณะที่นายปิยบุตรกล่าวว่า มีการใช้ประกาศ คสช.จำนวนมากสั่งให้บุคคลเหล่านี้มารายงานตัว ห้ามการชุมนุมเกิน 5 คน ห้ามเดินทางไปต่างประเทศ เป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน และเมื่อมีการออกเสียงประชามติก็ไปจับคนที่รณรงค์โหวตโน แต่กลับให้คนที่รณรงค์โหวตเยสพูดได้ และนำกฎหมายคอมพิวเตอร์เข้ามา ซึ่งรัฐบาลทหารเอากฎหมายมาเป็นเครื่องมือเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้อาวุธ ซึ่งในความเป็นจริง มันคือปืนที่เอากฎหมายไปห่อหุ้ม
เมื่อถามว่า พรรคอนาคตใหม่เดินสายหาเสียงทางการเมืองและจัดรายการทุกวันศุกร์ โดยพูดถึงเรื่องนโยบาย เกรงจะเข้าข่ายการหาเสียงล่วงหน้าและเกรงจะถูกยุบพรรคหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า ถ้าเรากลัว เรายังติดกับดัก ก็ไม่ต้องทำอะไรเลย สังคมที่ติดอยู่ทุกวันนี้เพราะเรากลัว เลิกกลัวได้แล้ว ถ้าคุณยืนขึ้น 1 คน 10 คน คุณจะกลัวเขา แต่เมื่อไรก็ตามที่เรายืนขึ้นหมื่นคน คสช.จะต้องกลัวประชาชน เราต้องดึงการเมืองไทยให้กลับมาเป็นปกติ
นายปิยบุตรกล่าวถึงการประเมินอนาคตของพรรคจนถึงวันเลือกตั้งไว้ว่า ในวันนี้พรรคยังเป็นพรรคที่ไม่สมบูรณ์ ต้องรอเดือนสิงหาคม ซึ่งตนขอให้ไปดูกฎหมายการตั้งพรรคให้ชัดเจนว่าการตั้งพรรคหรือไม่ให้ตั้งพรรคไม่ได้เกี่ยวกับการทำผิดกฎหมาย คสช. แต่จะดูว่าข้อบังคับพรรคสอดคล้องกับที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ จะดูว่ากรรมการครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ เพราะในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 จะไม่มีการเขียนเจาะจง ซึ่งตนขอถามว่าเป็นสิ่งผิดปกติหรือไม่ที่จะมีการเลือกตั้งในปีหน้า แต่ไม่ให้พรรคการเมืองไหนทำกิจกรรมเลย ยกเว้น พล.อ.ประยุทธ์ไปได้ทุกจังหวัด แล้วการเลือกตั้งอย่างนี้จะสมบูรณ์ ถามว่าผิดกฎหมายไหม ตนมองว่าไม่ผิดกฎหมายอะไรทั้งสิ้น นี่คือเรื่องปกติที่การเลือกตั้งกำลังจะกลับมาเข้าสู่ระบบ แล้วจะมีสิทธิมาห้ามคนไม่ให้ทำกิจกรรมทางการเมือง เมื่อพรรคทำกิจกรรมแบบนี้คนก็หาว่าล้ำเส้นหรือไม่ แต่ถ้าทุกพรรคทำแบบเดียวกัน เส้นนี้ก็จะหายไปเอง