วันอังคาร, พฤษภาคม 29, 2561

เด็กๆ กับป้าๆ ไปยืนกิน ‘มาม่า’ ‘ไวไว’ ‘ควิก’ ในที่สาธารณะน่ะ "ขัดต่อคำสั่งของหัวหน้า คสช." นะจ๊ะ


ตอกย้ำซ้ำซากอีกครั้งจนนับไม่ถ้วน ว่ารัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจชุดนี้นี่บิดเบือนนิติธรรม บิดเบี้ยวนิติรัฐมหาวายร้ายเพียงใด

เด็กๆ กับป้าๆ ไปยืนกิน มาม่า ไวไว ควิกในที่สาธารณะเป็นสัญญลักษณ์ อยากเลือกตั้ง ถูกตำรวจเรียกไปสถานีทำบันทึกประจำวัน ไม่แจ้งข้อหา แค่ขู่ว่า

“ถ้าฝ่ายกฎหมายของ คสช. พิจารณาแล้วพบว่าการยืนกินมาม่าของเราในวันนี้ขัดต่อคำสั่งของหัวหน้า คสช. และพ.ร.บ.ชุมนุมก็จะออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป” (จากโพสต์ของ Tanawat Wongchai @drballban คู่หูเรียกร้องเลือกตั้งประชาธิปไตยของ เพ็นกวิน พริษฐ์ ชีวารักษ์)

เมื่อสีกากีเป็นลูกไล่สีเขียวก็อย่างนี้แหละ นักกิจกรรมรุ่นเฟร็สชี่ทั้งสองชวนกันไปยืนกินบะหมี่สำเร็จรูป “รอการเลือกตั้ง” ที่สกายว้อคหน้าศูนย์การค้าเอ็มบีเค เย็นวานนี้ (๒๘ พ.ค.) เป็นนัยยะว่าถ้ายิ่งรอเลือกตั้งนานเท่าไร ยิ่งอดอยากมากเท่านั้น

ก็มีป้าๆ อีกสองท่านไปร่วมรับประทานบะหมี่กระป๋องโฟมกับสองวัยรุ่นก้าวหน้าด้วย ร่วม “ฝึกอดอยาก” หากเลือกตั้งช้า หรือว่าไม่มีเลย แต่ป้าทั้งสองไม่เอามาม่า คนหนึ่งขอกิน ไวไว แทน

บอกว่า “เพราะป้าอยากจะเลือกตั้งไวไวแล้วค่ะ” อีกป้าคว้า ควิก มาเปิดกินแทนเช่นกัน ป้าคนนี้อ้างว่า “อยากจะเลือกตั้งควิกควิก” น่ะ (เก็บจากทวี้ตของ TyphooNzz @Typhoonapr)

ที่ รังสิมันต์ โรม คอมเม้นต์เรื่องนี้ว่า อะไรมันจะเปราะบางขนาดนั้น ผู้ยิ่งใหญ่ของบ้านเมืองน่ะ เราว่าไม่ใช่ ที่จริงพวกเขา เขี้ยวลากดินชั้นเชิงสุดวายร้าย ขนาดเอา คำสั่ง ของตนมาอ้างเป็นกฎหมาย โดยไม่คำนึงถึงความสมเหตุสมผลแห่งหลักยุติธรรมสากล นี่ไม่ใช่ปุถุชนธรรมดาแล้วละ (โจรป่าห้าร้อยหรือผีห่าซาตาน ก็เป็นได้)

ดูแต่ที่หัวหน้าใหญ่พูดเรื่องพรรคอนาคตใหม่ประกาศว่าจะทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ และลบล้างคำสั่ง คสช. ที่ดำเนินคดีกับนักกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตยทั้งหลายสิ

“การจะมาติติงให้ร้ายอะไรต่างๆ มันสมควรหรือไม่ ก็ต้องไปดูในประเด็นข้อกฎหมาย” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขู่ว่า “เป็นเรื่องที่ คสช.จะติดตามอีกทีว่าการดำเนินการใดๆ ก็ตามเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่”


ถ้าเป็นกฎหมายปกติก็ว่าไปอย่าง แม้กระทั่งกฎหมายที่ คสช. เอามาตีความใช้แต่กับพวกเรียกร้องต้องการประชาธิปไตย มาตรา ๑๑๖ งี้ พรบ.คอมพิวเตอร์งี้ ล้วนแต่ตีความกำหนดข้อกล่าวหาให้ตรงกับเจตนากดขี่ผู้ที่เห็นต่างกับอำนาจเผด็จการทั้งนั้น

ยิ่งคำสั่งต่างๆ ของ คสช. โดยเฉพาะฉบับที่ ๓/๒๕๕๘ ซึ่งเขียนขึ้นมาให้อำนาจ คสช.ล้นพ้น ก็เป็นข้อบังคับต่อประชาชนที่จัดตั้งมาไม่ถูกต้องตามธรรมนองคลองธรรมของหลักกฎหมายสากลที่เรียก ‘Rule of Law’

แน่ละ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าวในวันประชุมพรรคอนาคตใหม่ครั้งแรกที่โรงยิมฯ ธรรมศาสตร์ รังสิต ว่า รธน. ๖๐ นั้นลิ่วล้อเขียนไว้ให้แก้ไม่ได้ ก็จะต้อง “ฉีกเลย” เป็นคำโวหารเปรียบเปรยให้เห็นความเหลวไหลของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ที่เจือปนบทบัญญัติให้อำนาจพิเศษกับคณะบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเหนือกว่า ปวงชน

กระทั่งเนติบริกร มือกฎหมายของ คสช. ก็ยังพยายามจะบิดให้เป็นข้อกล่าวหาความผิดให้จงได้ “ขอให้ทุกคนขีดเส้นใต้ไว้เพราะเป็นคำรุนแรง จะทำให้เป็นปัญหาได้ ดังนั้น ใครพูดอะไรต้องรับผิดชอบเอง” นายวิษณุ เครืองามบอกกับนักข่าวเมื่อถูกถามเรื่องพรรคอนาคตใหม่จะแก้รัฐธรรมนูญ

ในเมื่อพวก คสช. ทำเซ่อ พออย่างนี้ตีความแคบแค่คำเดียว (ปกติเรื่องอื่นๆ ตีความกว้างครอบจักรวาลไว้ ถ้าไม่ถูกใจหรือกระทบ คสช.ให้เจ็บ) รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นักรัฐศาสตร์จึงต้องอธิบายให้นักกฎหมายและนักรัฐประหารฟัง

“การฉีกรัฐธรรมนูญหมายถึงการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ก็เหมือนตอนรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ ที่ร่างขึ้นมาใหม่ทั้งฉบับ ก็เป็นการฉีกฉบับเดิม โดยใช้วิธีการตามกฎหมาย ที่นำไปสู่การตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)”

ชี้แจงเสร็จ ชำนาญ จันทร์เรือง ตบกะโหลกด้วยวจีเตือนความทรงจำ “ไม่เข้าใจว่าจะโกรธ จะฮึ่มทำไม ในเมื่อจะฉีกรัฐธรรมนูญด้วยวิถีทางตามกฎหมาย ไม่ได้ฉีกรัฐธรรมนูญด้วยวิธีการยึดอำนาจซักหน่อย”


มิหนำซ้ำพ่อตัวดี ขี้อวดขี้โอ่ ตะคอกใส่ “ใครที่มาพูดว่าเศรษฐกิจเพิ่มแค่ ๒ เปอร์เซ็นต์ระวังหน่อย เป็นการบิดเบือนผิดกฎหมาย ถ้าไม่ใช่ละก็ เตือนทุกคนนะ อย่ามาหาว่าผมไปรังแกใคร”

อันนั้นเนื่องมาจาก นายกฯ ๔.๐ ‘I-Tube’ คุยโต “กระทรวงพาณิชย์รายงานว่าการส่งออกขยายตัวร้อยละ ๑๒.๓ ในเดือนเมษายนขยายตัวถึงร้อยละ ๗.๑”


และว่านี่ “เป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๑๔” แต่เฮียไม่บอกว่าขยายตัวจากที่มันหดวูบวาบไปเท่าไหร่เมื่อสามปีก่อนหน้านั้น

แล้วที่ไอ้คนผมบางของบิ๊กตุ่นเขาออกมาแย้งว่า “สถาบัน IMD ลดอันดับความสามารถแข่งขันของไทยลงหนักมาอยู่อันดับที่ 30 สาเหตุหลักมาจากความไม่มีประสิทธิภาพของรัฐบาล และขาดดุลงบประมาณมาก และได้ชี้ให้เห็นว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยโตเฉลี่ยปีละ 2% กว่า เท่านั้น และถึงปีนี้จะโตได้ 4% กว่า แต่ยังต่ำสุดในอาเซียน” นั่นล่ะจะว่าไง


(ดูข่าว “พิชัย ลั่นไม่บิดเบือน เศรษฐกิจโต 2% แนะบิ๊กตู่ อ่านหนังสือ” http://www.thairath.co.th/content/1294116)

เอางี้ จะจวกจะด่า จะหาช่องเตะตัดขาอะไรกับพรรคอนาคตใหม่ ไปดูข้อเท็จจริงที่พวกเขาเอามาเปิดเบิ่งให้ประชาชนได้เห็น เป็นแผงกร๊าฟฟิคจับต้องได้ ในงานประชุมเลือกตั้งผู้บริหารพรรคเมื่อวันที่ ๒๗ ที่ผ่านมาเป็นไร

 
เรื่องงบประมาณหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ถูกงบฯ ทหารแซงในยุค คสช. เรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศทุกรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยเขาจะทำกันต่อเนื่องสม่ำเสมอ แต่มาหยุดนิ่งในยุคทหารครองเมืองล่ะว่าไง

แล้วก็การปราบคอรัปชั่นไหงมาอ่อนเปลี้ยตอนมีนายทหารใหญ่สะสมนาฬิการาคาเหยียบล้าน ๒๐ กว่าเรือน อ้างเพื่อนให้ยืม ฉะนี้นี่เอง เขาจึงบอกว่า ถ้าขาดประชาธิปไตย (คำย่อว่า คสช.) ละก็คอรัปชั่นถาโถมกันมาทันที