“คุณเอกชัย ได้ทำสำเร็จแล้ว” ที่ชี้ให้เห็นจากการถูกจองจำ ว่า "ขบวนการยุติธรรมในรัฐบาล คสช.นั้นล่มสลายโดยสมบูรณ์”

ไม่ใช่พอเขาไม่เอา ‘ให้ดูด’ ก็เลยไม่ไปซะงั้น บิ๊กตู่ยกเลิกไปสระแก้วเพราะ ‘ฮุนเซน’ ไม่มาตะหาก

โฆษกห่านอูจวกยับใครคิดว่าจะไปดูดวังน้ำเย็น เป็นการ “ยุยงปลุกปั่นให้ร้ายเช่นนี้...แม้ขณะนี้ยังไม่เข้าสู่การเลือกตั้ง” พูดเหมือนร้อนใจ “เมื่อเลือกตั้งแล้วบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร” จะต้องชลอเลือกตั้งออกไปอีกไหมนี่

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายของตนปรารภด้วยความเป็นห่วง เกี่ยวกับกระแสข่าว “ยกเลิกการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ จ.สระแก้ว ในวันที่ ๑๘ พ.ค.นี้

“ไม่เกี่ยวข้องกับการไปพบใคร หรือจะไปดูด ส.ส.ในพื้นที่ หรือ (แม้แต่) ไปพบปะประชาชน และไม่ใช่เกรงว่าจะถูกมองเชื่อมโยงทางการเมือง” ด้วย

 

ถึงอย่างไร “พล.อ.ประยุทธ์ เคยรู้จักกับ นายเสนาะ เทียนทอง ที่ปรึกษาพรรคมานานแล้ว แต่ไม่ใกล้ชิดสนิทสนมหรือเกี่ยวข้องใด ๆ กัน” เท่านั้นเอง

เดิมว่าจะไปร่วมพิธีเปิดด่านผ่านแดนถาวร บ้านเขาดิน อ.คลองหาด ร่วมกับสะเด็จฮุนเซนของกัมพูชา แต่นายกฯ เขมรติดภารกิจมาไม่ได้เลยต้องยกเลิกกำหนดการ

ไม่รู้เหมือนกันว่า “ยกเลิกกำหนดการ” นี่เป็นอันด่านไม่เปิด หรือคนอื่นไปเปิดแทน ข่าวไม่บอก แต่ที่โฆษกสำนักนายกฯ บอก เป็นเรื่องการเมืองทั้งนั้น “นายกฯ ไม่ต้องการให้สื่อมวลชนหรือนักการเมือง นำประเด็นนี้ไปบิดเบือนสร้างความเข้าใจผิด

ส่วนการย้ายพรรคหรือรวมพรรค ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะรับประกันว่าผู้นั้นจะได้เป็น ส.ส. หากไม่มีผลงานหรือไม่ได้รับความไว้วางใจ ประชาชนก็ไม่เลือกอยู่แล้ว จึงไม่อยากให้กังวลจนมากเกินไป...”

(http://www.komchadluek.net/news/politic/325615)

ก็โฆษกรัฐบาลทหารที่อ้างคำของนายกฯ นี่แหละที่กังวลมากกว่า กลัวคนเห็น ทั้งขู่เข็น ทั้งกลับกลอก ทั้งหลอกล่อ ทั้งมั่วนิ่ม เล่นทีเผลอไม่ได้ก็ใช้บังคับเอาดื้อๆ อยู่เสมอ ถ้าตั้งใจจะไปเปิดด่านอย่างเดียว ถึงฮุนเซนไม่มาก็เปิดได้ ด่านไทยไม่ใช่เหรอ

ความต้องการของ คสช. เพียงให้ประชาชนเงียบสงบราบคาบ พวกตนจะได้ปั่นการเมืองให้เป้นไปตามต้องการได้ จากที่ปากเคยพร่ำบ้วนแต่คำว่าไม่ ไม่ต้องการอยู่นาน แค่โร้ดแม็พ แต่ใช้วิธีเลื่อนโร้ดแม็พแทน ไม่อยากเป็นนายกฯ อีก เหนื่อย เงินน้อย แต่ดันอ้างพระสยามเทวาธิราชบัญชาให้มาช่วยชาติ

ทั้งเจตนาและวิธีการล้วนแต่อำพราง เต็มไปด้วยเหลี่ยมคมทั้งนั้น อีกทั้งใช้กฎหมายไปในทางกดขี่ กฎหมายอาญามาตรา ๑๑๖ กับคำสั่งหัวหน้า คสช. (กฎหมายเถื่อน) ที่ ๓/๒๕๕๘ นี่ใช้บ่อยเพื่อปรักปรำ กำหราบ และกลั่นแกล้งกระบวนการเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งในทางประชาธิปไตยโดยเร็ว

เมื่อวาน (๑๓ พ.ค.) เอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมที่ทำการประท้วงเชิงสัญญลักษณ์ ประจานการคอรัปชั่นในหมู่แกนนำคณะรัฐประหารอยู่เนืองๆ และไม่ย่นย่อ ถูกสั่งขังผัดแรก ๑๒ วัน ต้องเข้าไปฉลองวันเกิดในคุก นอนห้องขังโรงพักชนะสงครามอย่างน้อย ๓ วัน ไม่สามารถยื่นประกันได้จนกว่าจะถึงวันอังคาร ด้วยข้อหาต่างๆ นานา

ที่ สุชาติ นาคบางไทร ให้ความเห็นในโพสต์ ‘#4ปีคสช.นี้_คนไม่ต้องมีความผิดก็ติดคุกได้’ ของเขาว่า “ใครๆ ก็ทราบว่าทุกกิจกรรมของคุณเอกชัย ซึ่งอาจดูวุ่นวายในจิตใจของใครบางคนนั้น ไม่มีอะไรผิดกฏหมายเลยสักมาตราเดียว”

อีกทั้งเขาชี้ว่าเป็น “การถูก จนท.ทุกรูปแบบไปคุกคามถึงบ้านครั้งแล้วครั้งเล่า ความพยายามจับกุมคุณเอกชัยเพียงคนเดียวในข้อหาที่ไร้สาระ ที่มีผู้อื่นร่วมด้วยจำนวนมาก” นี้ “เป็นสัญญลักษณ์ว่าขบวนการยุติธรรมในรัฐบาล คสช.นั้นล่มสลายโดยสมบูรณ์”

(https://www.facebook.com/suchart112/posts/1005213836297557)

สุชาติย้ำไว้น่าคิด “คุณเอกชัย ได้ทำสำเร็จแล้ว” ต่อการเปิดโปงพฤติกรรมละเมิดสิทธิพลเมือง (บางครั้งอย่างเนียนๆ) ของ คสช. โดยเฉพาะกรณีของเอกชัย หงส์กังวานเป็นตัวอย่าง

แม้นว่าการกระทำของเอกชัย ดังคำวินิจฉัยของศาลว่า “ผู้ต้องหามีเจตนาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานโดยไม่มีเหตุอันสมควร หากศาลไม่อนุญาตให้ฝากขังเชื่อว่าผู้ต้องหาจะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานตำรวจอีก”

ซึ่งเอกชัยได้ให้การต่อศาลไว้แล้วว่า “การกระทำของตนเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพ เหตุที่ไม่ไปพบพนักงานสอบสวน (ตามคำสั่งเรียกไปรายงานตัว ๒ ครั้ง) เพราะเชื่อว่าการกระทำของตนไม่เป็นความผิด”

นี่เป็นการต่อสู้คดีในลักษณะที่ในประเทศตะวันตกเรียกว่า ‘Catch 22’ วกไปวนมา อันยากแก่การหาทางออก ที่ซึ่งเมื่อมาเกิดขึ้นในกระบวนการยุติธรรมแล้ว ต้องใช้ทั้งการตีความข้อกฎหมายและพิจารณาตามสภาพความเป็นจริงอย่างถี่ถ้วน

จะอ้างแต่หลักกฎหมาย หรือใช้วิจารณาญานเฉพาะของผู้พิพากษาชี้ว่า ผู้ต้องหามีเจตนาละเมิดกฎหมายอย่างเดียวไม่ได้ โดยครรลองของหลักกฎหมายสากล ต้องดูด้วยว่าเขาละเมิดกฎหมายด้วยเจตนาอะไรแน่

ถ้าเขาต้องการประชาธิปไตย แต่การบังคับใช้กฎหมายเป็นเผด็จการ ไม่คำนึงถึงสิทธิมนุษยชน การใช้คำพิพากษาทำร้ายผู้ต้องหาด้วยการสั่งจองจำสถานเดียว ย่อมผิดคลองธรรมเสียยิ่งกว่าผู้เผด็จการนั้นเอง