หึ่งละสิทีนี้ว่า คสช.
มีแผนยุบเพื่อไทยก่อนจะไปถึงเลือกตั้ง ถ้าสำเร็จตอนนี้ก็น่าจะจัดเลือกตั้ง กุมภา
๖๒ ได้สบายๆ โดยไม่ต้องห่วงคะแนนพรรคใหม่ลิ่วล้อที่รอผสมกับพรรค คสช. ทั้ง ๒๕๐ คนในวุฒิสภา
จะเป็นนายกฯ คนนอก คนใน หรือคนกลาง
เป็นได้ทั้งนั้นถ้าไม่มีพรรคเพื่อไทย มิใย ‘I-Tube’ แต่งกลอน ถล่มนักเลือกตั้ง “อย่าให้คนมองแค่เปลือก เลือกตั้งมา”
(อ่านเต็มได้จาก วาสนา นาน่วม https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1808315185893598&set=a.440635312661599.102230.100001454030105&type=3)
ซ้ำพี่ใหญ่ ‘บิ๊กตือ’
คุยทับบลั๊พแหลก บอกที่เพื่อไทยโจมตีนั้น “ขอให้โจมตี
ในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ไม่ใช่สิ่งที่คิดไปเองว่าจะทำให้ประเทศเกิดอันตราย”
พูดอย่างยะโส โอหังเสีด้วยว่า
“คสช.ทำงานมาตลอด ๔ ปี ถ้าไม่ดีจริง
ก็อยู่ไม่ได้หรอก”
ถึงจะปฏิเสธอย่างไร ไม่ได้แกล้ง
ดูจากท่าทีของกองเชียร์ คสช. อย่างสุริยใส กตะศิลา นั่นไง “ยุบพรรคเพื่อไทย
กลับมาเป็นประเด็นชวนระทึก น่าติดตาม เกมนี้ไม่ใช่แค่ลึกซึ้ง
แต่ต้องบวกความเด็ดขาดไปด้วย”
เห็นหรือยังเจตนาเบื้องหน้านี่เลย ยะใสลุ้นให้
ไม่เพียงแยบยลอย่างเดียว ต้องบวกเด็ดขาดเข้าไปด้วย เขาเชียร์ให้ฟันไม่ยั้ง
แต่อีกทาง ชำนาญ จันทร์เรือง
นักวิชาการเมือง (รัฐศาสตร์) จากพรรคอนาคตใหม่ วิเคราะห์ขาดว่าความ ‘ลึกซึ้ง’ นั่นเป็นของเพื่อไทย “เชื่อว่าแกนนำพรรคเพื่อไทยมองออกอยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
เขามองว่าการนี้ คสช. ไม่ทันเกมของพรรคเพื่อไทย
เพราะในแง่กฎหมาย “การแถลงข่าววิจารณ์ คสช. เป็นสิทธิที่ทำได้อยู่แล้ว
ที่สำคัญการอ้างคำสั่ง คสช.บางคำสั่งมาเอาผิด ทั้งๆ ที่ไม่มีโทษทางอาญา
และอย่าง มาตรา ๑๑๖ ก็ถือว่าตั้งข้อหารุนแรงเกินไป
ซึ่งเจ้าหน้าที่อาจถูกแจ้งความกลับได้ ตรงกับข้อวิจารณ์จากผู้เสียหาย
โดยที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง แถลงข่าวอีกครั้ง (๑๙ พ.ค.) ว่า
“การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่พึงได้รับการคุ้มครองโดยรัฐธรรมนูญ
ต้องไม่ถูกทำให้กลายเป็นอาชญากรรม” เช่นเดียวกับรองอธิบดีอัยการ ปรเมศวร์
อินทรชุมนุม ที่แสดงปฏิกิริยาทันทีว่า
“ถ้าการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ คสช.
และรัฐบาล เป็นความผิดถึงขนาดแจ้งความให้ดำเนินคดี แสดงให้เห็นเป็นประจักษ์ว่า
พวกคุณไม่มีความรู้เรื่องประชาธิปไตยแม้แต่น้อย
แล้วยังมาหน้าด้านอ้างเรื่องประชาธิปไตยกันทำไม”
ทางด้านพรรคเพื่อไทย ถูกแจ้งความดำเนินคดีทั้ง
๘ คนจะไปเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ ๒๑ พ.ค.นี้
พอเหมาะพอดีกับวันที่กลุ่มอยากเลือกตั้งจะเริ่มปักหลักชุมนุมไล่ คสช. กัน
นายชูศักดิ์ ศิรินิล
ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าการวิจารณ์รัฐบาล คสช. ไม่ใช่ความผิดแต่อย่างใด ทั้งต่อคำสั่ง
คสช.ฉบับที่ ๓/๒๕๕๘ หรือความผิดมาตรา ๑๑๖ เรื่องยุยงปลุกปั่น ซ้ำยังไม่ใช่ความผิดตาม
พรบ.คอมพิวเตอร์ฐาน ‘กล่าวความเท็จ’ เช่นกัน
“หากเห็นว่ามีการตั้งข้อหาที่รุนแรงเกินจริงก็คงจะต้องใช้สิทธิทางกฎหมายในการดำเนินคดีกลับเพื่อปกป้องสิทธิของตนเช่นกัน”
นายชูศักดิ์ให้ความเห็นแก่นักข่าวในตอนหนึ่ง
การที่พรรคเพื่อไทยเหมือนมีท่าทีขยับสู้เช่นนี้
น่าจะคิดในใจไว้แล้วว่า การเลือกตั้งเดือนกุมภาถ้าจะมี หาก
คสช.ไม่ได้เปรียบจนสามารถกลับมาเป็นรัฐบาล หรือเพียงนั่งตำแหน่งนายกฯ
ดูลิงจับหลักละก็ การยืดเวลาเลือกตั้งคงมีอันเป็นไปได้อีก
เหตุการณ์ในวันที่ ๒๑-๒๒ พ.ค. จะถึงนี้
ที่กลุ่มอยากเลือกตั้งจัดชุมนุมใหญ่ค้างคืนในสนาม มธ. แล้วจะเดินทางไปยื่นแถลงการณ์ที่ทำนียบนั้น
จะเป็นช่องทางแก่ คสช. ทำการปราบให้เป็นเรื่องใหญ่
แล้วอ้างว่าเกิดความไม่สงบอีกครั้ง ประดุจดังสุนัขจิ้งจอกโยกโย้หาสาเหตุให้เกิดเรื่องจนได้
หรือไม่ จะออกหัวออกก้อยทางไหน ย่อมเท่ากับหมดเวลาแล้ว พอกันทีสำหรับ คสช.
ดั่งคำประกาศจากหนึ่งในตัวตั้งตัวตีคนอยากเลือกตั้ง
Rangsiman Rome ซึ่งว่า #22พฤษภาเราจะหยุดระบอบ คสช นั่น “มันคือ
การต่อสู้ระหว่างสิ่งเก่ากับสิ่งใหม่ มันคือ
การต่อสู้ระหว่างความไม่เปลี่ยนแปลงกับความเปลี่ยนแปลง มันคือ
การต่อสู้ที่มีอนาคตของคนทั้งหลายเป็นเดิมพัน”