“พึ่งพระโคแล้วเว้ยเฮ้ย” อธึกกิต แสวงสุข
อุทานทันทีบนไซเบอร์ หลังจากที่หัวหน้า คสช. บอก “ก็โอเค สบายใจขึ้น”
เมื่อรู้ผลเสี่ยงทายพระโคกินเลี้ยงวันแรกนาขวัญ ว่า “การคมนาคมดี
เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง”
และการเกษตร การค้าขายต่างประเทศ จะดีขึ้น ประจวบเหมาะกับที่กำลังลุ้นต่างชาติมาลงทุน
‘อีอีซี’ โดยจะมีการเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง
มูลค่า ๒.๒๔ ล้านล้าน เชื่อม ๓ สนามบินแบบไร้รอยต่อ ปลายเดือนพฤษภานี้
ตามด้วยการ “เปิดให้เอกชนที่สนใจร่วมทุนแบบ
PPP ยื่นซองประมูลปลายเดือนตุลาคม ๒๕๖๑” ซึ่งมติชนสุดสัปดาห์รายงานว่า ทุนใหญ่ของไทยอย่างกลุ่มซีพี บีทีเอส
ปตท. ช.การช่าง อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ ฯลฯ “ที่เวลานี้พากันเดินสายเจรจาจับคู่กับพันธมิตรทั้งไทย
จีน ญี่ปุ่นฝุ่นตลบ”
แต่ที่ตลบนี่เพราะเร่งกว้านซื้อที่ดินกัน “ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุว่า
ช่วง ๖ เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่พฤศจิกายน ๒๕๖๐-เมษายน ๒๕๖๑
ยอดจดทะเบียนตั้งบริษัทประกอบธุรกิจนายหน้าตัวแทนซื้อขายอสังหาฯ มีมากกว่า ๕๐๐ บริษัท
เป็นที่น่าสังเกตว่านอกจากผู้ประกอบการไทยแล้ว
นักธุรกิจจีน ญี่ปุ่น
ยื่นขอจดทะเบียนตั้งบริษัทประกอบอาชีพนายหน้าและตัวแทนซื้อขายอสังหาฯ
จำนวนมากเช่นเดียวกัน” อันจะทำให้ “ราคาที่ดินในพื้นที่ EEC
ทั้ง ๓ จังหวัดจะพุ่งขึ้นกู่ไม่กลับ”
ศัลยา ประชาชาติ รายงานด้วยว่า
“ล่าสุดราคาซื้อขายที่ดินในทำเลติดถนนบริเวณศรีราชาปรับขึ้น ๓๐-๕๐% เป็นไร่ละ ๘๐-๑๐๐ ล้านบาท
ส่วนที่ดินติดชายทะเลไร่ละ ๑๐๐ ล้านบาท เช่นเดียวกับทำเลสัตหีบที่ได้อานิสงส์แผนพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา”
เช่นนี้กลับเป็นว่า “ราคาที่ดินภาคตะวันออกเกือบทั้งโซนพุ่งกระฉูดจนแทบจับไม่ไหว
กลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่นักธุรกิจ นักลงทุน รวมทั้งคนทั่วไป ต้องหาคำตอบให้ได้ว่า จะฝ่ากับดักนายทุน
นายหน้าค้าที่ดินอย่างไรดี”
ไม่เหมือนเพื่อนบ้านที่ไม่ได้คุยใหญ่คุยโตอย่างไทย
แต่เขาก็เริ่มผลิตรถไฟฟ้าใช้เองกันได้แล้ว ทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย และเมียนมาร์
(ใช่เมียนมาร์ เริ่มใช้รถไฟฟ้าผลิตเองในปีนี้) ดังสรุปสั้นๆ ของ ARM
WORAWIT @armupdate บนทวิตเตอร์ที่ว่า
“มาเลย์ผลิตรถไฟฟ้าใช้เอง
เรียนรู้วิทยาการจากซีเมนส์และเทคโนโลยีเยอรมัน / พม่าผลิตรถไฟใช้เองเรียนรู้จากจีน
ทำหัวรถจักร ๒,๐๐๐ แรงม้าได้ /
อินโดฯพุ่งเป้ามาลงทุนแข่งขันระบบรางในไทย พร้อมสู้ทุกเงื่อนไข”
ไทยก็กำลังจะเอาอย่างมาเลย์เหมือนกัน
ทางด้านการเมือง พรรคที่รู้จักแต่คำว่า ‘ฝ่ายค้าน’ มาหลายสิบปี กำลังโหนกระแสมหาเธร์ มูฮัมหมัด อดีตนายกฯ มาเลย์ วัย ๙๒ ปี
ที่เพิ่งชนะเลือกตั้งต่อรัฐบาลอำนาจนิยมของนายราจิบ ราซักไปหมาดๆ
ทั้งหัวหน้าพรรค และอดีตรองหัวหน้าของประชาธิปัตย์
ออกมาให้ความเห็นผลักดันนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรค กลับมาเอาชนะเลือกตั้งเป็นนายกฯ
อีกครั้งอย่างมหาเธร์บ้าง
บ่องตง ถ้าลงคงได้เป็น ส.ส. แน่
แต่จะได้เป็นนายกฯ อีกไหม คงยาก หากเป็นชาวบ้านคงต้องฝ่ามือตบหน้าผาก ได้นายกฯ
ชอบกรีด แต่จะทำอะไรชอบรอรายงานก่อน มิหนำซ้ำ มีคนเม้นต์เห็นจริงว่า
“มหาเธร์ไม่เคยปล่อยหมากัด ปชช.” นะฮับ (สตีฟจ๊าก @stevejark)
จากข่าววานนี้ (๑๔ พ.ค.) นายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ ถึงจะแบ่งรับแบ่งสู้ว่า “ที่ผ่านมาท่านเป็นคนที่แสดงออกว่าท่านไม่รับในทำนองนั้น
แต่ก็เป็นเรื่องของอนาคต” กระนั้น “ท่านยังเป็นบุคคลที่มีผู้คนเคารพนับถือ
ศรัทธาจำนวนมาก
และตนก็ยังเห็นว่าท่านเป็นนักการเมืองแบบอย่างที่ดีในระบอบประชาธิปไตย”
ส่วนนายอลงกรณ์ พลบุตร เห็นพ้องต้องกันว่าขนาดมหาเธร์อายุ
๙๒ ยังกลับมาเป็นนายกฯ อีกได้ นายชวนอายุน้อยกว่ามาก “อาจมาเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
เพื่อนำประชาธิปไตยไทย และเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์” ก็ได้
นายหัวชวนเองขณะเขียนนี้ยังไม่มีทีท่าจะเด้งรับหรือไม่
แต่ช่วงเดือนที่ผ่านมาพูดถึงทักษิณ (ชินวัตร อดีตนายกฯ) ชักบ่อย พูด ‘กรีด’ เอาชั่วให้คนอื่นสไตล์ ปชป.นั่นละ
จึงช่วยไม่ได้พวกคอการเมืองมองว่า นี่ปูพื้นหาเสียงหรือเปล่า
แสดงว่าตอนนี้เข้าโหมดการเมืองกันเกือบ ‘เต็มสตีม-ฟูลสวิง’ แล้วละ ขนาดน้องเล็ก ‘เนติบริกร’ ลิ่วล้อ คสช. อย่างบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เงียบหายไปนาน
จู่ๆ ก็โผล่มาจ้อบ้าง
พูดถึงหลังเลือกตั้งว่าถ้าได้นายกฯ ชื่อ
สุดารัตน์ หรือ อภิสิทธิ์ หรือ ธนาธร (คือไม่ใช่นายเขาละก็) “คณะกรรมการฯ
และยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปีของ คสช. จะต้องถูกโละทิ้งแน่นอน” และ “ประเทศจะไม่พ้นความขัดแย้ง”
ไหมล่ะ ปลุกผีม็อบเป่านกหวีดปิดกรุงเทพฯ
อีกแล้ว