กลางดึกที่ สน.ชนะสงคราม ระหว่างรอถูกดำเนินคดี |
‘สันดอน’
กับ ‘สันดาน’
บ่อยครั้งในทางการเมืองไทยยุคเผด็จการครองเมือง
ความหมายมันห่างกันแค่เส้นยาแดงผ่าแปด สันดอนเป็นโนน โคก
หรือปุ่มที่โผล่ขึ้นมาในบริเวณพื้นเรียบ ในบางกรณีเหมือนฝีผุดที่แก้มก้น “Thorn
in the butt.”
สันดานเป็นนิสัยซ้ำซาก ส่วนมากไปในทาง ‘เลว’ อย่างเช่น ชอบโกหกเป็นนิจสิน อย่างที่ ‘สุเทือก’ เป็นนั่นแหละ
เมื่อวานซืน (๒๑ พ.ค.) นายสุเทพ
เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชน ของ กปปส.
ออกมาตระบัดคำ “ที่ผ่านมายังไม่เคยบอกว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์
เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป”
อ้างว่าที่บ้วนออกไปแล้ว “พูดแต่เพียงว่าสนับสนุน
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สามารถบริหารประเทศในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเวลานี้ให้สมบูรณ์”
เห็นภาพหรือยังว่า ‘สันดาน’
โกหกนั้นเป็นอย่างไร
แล้วหัวโจก กปปส.
ยังบอกด้วยว่า เรื่องตั้งพรรค กปปส. ก็ไม่มี “เพราะวันนี้แกนนำ
กปปส. ที่เป็นนักการเมืองก็กลับพรรคไปแล้ว หรือบางคนจะย้ายไปสังกัดพรรคอื่น” นี่ละ
พวกนี้เวลาเขาเปลี่ยนใจจะบอกว่าไม่เคยพูด
ทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ที่สุเทือกเอ่ยถึง
ซึ่งออกอาการ ‘สันดอน’
หลังจากแกนนำสำคัญของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งประกาศมอบตัวให้ตำรวจนำตัวไปควบคุมไว้ที่โรงพัก
(จากพญาไทไปชนะสงคราม) เมื่อคืน ๒๒ พ.ค.
“ขอบคุณประชาชนทุกคนที่ให้กำลังใจรัฐบาล...และฝากขอโทษประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาจราจรในช่วงที่มีการเคลื่อนขบวนของผู้ชุมนุม”
(ถ้อยคำตามข่าวมติชน https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_966818)
ดูคอมเม้นต์ของ Atukkit Sawangsuk แล้วจะเข้าใจดีถึงลักษณะของสันดอน
หรือ “Thorn in the butt.” หรือ “Pain in
the ass.” เป็นเช่นไร
“เขาขอใช้ถนน ๑ เลนเดินไปทำเนียบ ตำรวจปิดถนนทั้งสายแล้วโทษว่าม็อบทำรถติด
อยากปลุกกระแสอะไรปลุกไปนะ
ปลุกได้แค่สลิ่มเห็นแก่ตัวเท่านั้นละ แต่คนรักประชาธิปไตยนับวันรอเอาคืน อย่าตกจากอำนาจก็แล้วกัน”
อันการประกาศมอบตัวของรังสิมันต์
โรม นั้นแจ้งชัดว่าเพื่อมิให้เกิดความรุนแรง (ขึ้นอีก) โดยแท้จริงแล้วกลุ่มฯ
แสดงออกอย่างต่อเนื่องว่าต้องการใช้สิทธิเรียกร้องของพวกตนตามระเบียบกฎหมาย
ไม่มีประสงค์ “ยุยง ก่อกวน” ดังข้อกล่าวหา ม.๑๑๖ หรือก่อความวุ่นวาย ตาม ม.๒๑๕
แต่อาจเข้าข่าย
ขัดคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ ๓/๕๘ ได้ ในเมื่อคำสั่งนี้มีไว้เพื่อทำร้าย
ทำลายแนวคิดการเมืองต่อต้านอำนาจเผด็จการของ คสช. โดยเฉพาะ
คสช.นั่นต่างหากที่พยายามกระพือการนัดชุมนุมเรียกร้องเลือกตั้งให้เป็นปัญหาความมั่นคง
และกระทำการหลายอย่างในทางใส่ร้ายป้ายสีกลุ่มผู้ประสานงานจัดชุมนุม
นอกจากรังสิมันต์ แล้วยังมีผู้ที่ร่วมเผชิญข้อหาอีกสิบกว่าคน เช่น
สิรวิชญ์
เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว ปิยะรัฐ จงเทพ หรือโตโต ซึ่งถูกนำตัวไป สน.ชนะสงคราม ร่วมกับนิกร
วิทยาพันธุ์ อีก ๑๐ คนถูกจับกุมไปควบคุมตัวอยู่ที่
สน.พญาไท มี
เอกชัย หงส์กังวาน โชคชัย ไพบูลย์รัชตะ อานนท์
นำภา ชลธิชา หรือเกด แจ้งเร็ว ณัฏฐา หรือโบ มหัทธนา วิโรจน์ โตงามรักษ์ พุทธไธสิงห์
ทิมจันทร์ คีรี ขันทอง ภัทรพล จันทร์โคตร และประสงค์ วางวัน
ตามรายงานข่าวภาคสนามของผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส
หทัยรัตน์ พหลทัพ ระหว่างติดตามขบวนผู้ชุมนุมไปถึงบริเวณใกล้หน้าทำเนียบรัฐบาล
ได้พบกับแผงเหล็กกีดขวางกางเต็มถนน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนเรียงรายตรึงกำลังอยู่
ตำรวจเหล่านั้นเป็นหน่วยพลร่มของ ตชด.
หน่วยเดียวกันกับที่ใช้ล้อมธรรมศาสตร์เมื่อ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙
และระดมยิงเข้าไปภายในบริเวณซึ่งมีนักศึกษาปักหลักชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่สนับสนุนเผด็จการถนอม-ประภาส
เป็นผลให้มีนักศึกษาเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง
และล้มตายจำนวนมากหลังจากที่กองกำลังนวพล-กระทิงแดงบุกทะลวงเข้าไปภายใน
ดึงนักศึกษาออกมาทุบตีเข่นฆ่า ลากศพไปเผาและแขวนคอริมสนามหลวง
เช่นนี้จะไม่ให้คิดกันได้อย่างไรว่า
ตำรวจในกำกับของศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ลิ่วล้อ คสช. ฝ่ายปราบประชาชน
เตรียมการสังหารเข่นฆ่าประชาชนอีกครั้ง เหมือนดังเหตุการณ์ ๖ ตุลา
และการสลายชุมนุมเสื้อแดง พฤษภา ๕๓
ที่ สน.ชนะสงคราม และที่พญาไท ผู้ถูกควบคุมตัวนั่งรอกันเกือบตลอดคืน
“ยังไม่มีการทำบันทึกจับกุม ยังไม่แจ้งข้อหา ยังไม่สอบสวน” อานนท์ นำภา โพสต์เฟชบุ๊ครายงานหลังจาก ๕ ชั่วโมงผ่านไป
กลางดึกคืนนั้นเช่นกัน Arunwatee
Kong Li Chattay เล่าความเป็นไป “ที่สน.ชนะสงคราม ล่าสุดคือทาง ตร.ยังไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหาอะไรกับแกนนำทั้ง
๓ คนนี้ ก็หมดสภาพตามนี้ ทั้งฝน ทั้งแดด ทั้งอดนอน และอดอาหาร คาดว่าราตรีนี้ยังอีกยาวไกล...โรมบอก”
ก่อนหน้านั้นไม่นาน โพสต์ของ พลเมืองโต้กลับ Resistant
Citizen ให้กำลังใจ “โรม
จ่านิว โตโต้ ประกาศ ก่อนมอบตัวให้ผู้พิทักษ์ทรราช ว่าพวกเขาขอโทษ
ประชาชนทั้งน้ำตา
ขอโทษที่ไม่สามารถพาประชาชนทุกท่านไปทวงถามวันเลือกตั้งที่ทำเนียบรัฐบาลได้
ขณะที่ ‘ลูกเกด’
เปล่งเสียงสุดท้ายก่อนถูกจับกุมโดย (รอง) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมกับทนายอานนท์
คุณโบว์ เอกชัยท่ามกลางการล้อมกรอบของตำรวจตระเวนชายแดน ผ้าพันคอสีม่วง ว่า
ขอให้ประชาชนชาวไทย โปรดจงจำไว้ว่า
เราได้พยายามต่อสู้อย่างถึงที่สุดแล้ว”
ไม่ต้องขอโทษ
ประชาชนมีแต่ความนับถือน้ำใจจะมอบให้ ขอนำคำของ ‘พลเมืองโต้กลับ’ มาใช้ในที่นี้ “การต่อสู้ในวันนี้ ไม่มีสงครามครั้งสุดท้าย
มีแต่การสู้เป็นยกยกไป ประเมินจากวันนี้ ขอแสดงความนับถือและยกย่องจากใจจริงว่า #ยกนี้เราชนะแล้ว
ในอนาคตข้างหน้า เมื่อสังคมนี้เป็นประชาธิปไตย
เมื่อมองย้อนกลับมาจะพบว่า สังคมไทยเป็นหนี้บุญคุณคนอยากเลือกตั้งทุกคน”
ใช่ พวกเขาชนะแล้ว
ชนะที่ได้ประกาศให้โลกรู้ถึงธาตุแท้ของเผด็จการ คสช. ว่าข่มเหงก้ำเกินประชาชนมากเพียงไร
ไม่เพียงสำนักข่าวต่างประเทศใหญ่ๆ เสนอข่าวการต่อสู้แบบเบี้ยล่างของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งอย่างสดุดีชื่นชมไปทั่ว
สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
ได้ประกาศให้ทางการรัฐบาลทหารไทยปล่อยตัวผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมตัวเหล่านี้ทันที
หลังจากที่ได้สรุปสถานการณ์จากการลงพื้นที่สังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด