ย้อนวีรกรรมสุดฉาว 'พุทธะอิสระ' ขณะบัญชาการรบ กปปส.
May 24, 2018
ที่มา Voice TV
ย้อนรอยวีรกรรมทางการเมืองช่วงครองผ้าเหลืองของนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ พระพุทธะอิสระ หลายเหตุการณ์ในช่วงชุมนุมทางการเมือง ก่อนปิดฉากราชสีห์ หัวหอก กปปส.
พระสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือฉายา พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือ พระพุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม อุปสมบทครั้งแรกเมื่ออายุ 20 ปี ที่วัดคลองเตยใน เขตคลองเตย จากนั้นได้สึกไปรับราชการทหาร และอุปสมบทอีกครั้งที่ จ.พัทลุง เมื่อปี 2526 เป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดอ้อน้อย จากที่ดินบริจาคที่ ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เมื่อปี 2532 กระทั่งสึกและอุปสมบทใหม่อีกครั้งเมื่อปี 2544
ในช่วงเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองระหว่างปี 2556 - 2557 พระพุทธะอิสระ เข้าร่วมชุมนุม กปปส. เพื่อเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กระทั่งได้รับเป็นแกนนำกลุ่ม กปปส. ที่เวทีแจ้งวัฒนะ
นับจากบรรทัดนี้ คือวีรกรรม สุดซอย สุดห้าว! ในอดีต ของอดีตพระสุวิทย์ เมื่อครั้งห่มผ้าเหลืองและร่วมเหตุการณ์ทางการเมืองครั้งสำคัญจนนำไปสู่การรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557
กดดันเรียกค่าเสียหายโรงแรมเอสซี ปาร์ค
20 ก.พ. 2557 พระพุทธะอิสระ นำขบวนมวลชน กปปส. เคลื่อนมาจากเวทีศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ มายังโรงแรมเอสซี ปาร์ค ในเครือของตระกูลชินวัตร พร้อมทั้งแจ้งโรงแรมว่า ขอจองห้องพัก 10 ห้อง โดยชำระเงินค่าจองห้องพัก 42,000 บาทไว้ และขอจองห้องสัมมนาเพื่อจัดสัมมนาหัวข้อ 'ทุกข์ของชาวนาที่โดนรัฐบาลโกง' แต่ทางโรงแรมไม่อนุญาตให้พระพุทธะอิสระ และผู้ชุมนุมได้พัก ทำให้พุทธะอิสระเข้าเจรจาว่าจะขอเหมาห้องพักทั้งหมดในโรงแรม แต่โรงแรมยังไม่ให้เข้า
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้โรงแรมประกาศงดให้บริการ เพราะเกรงว่าสถานการณ์จะรุนแรงขึ้น พร้อมคืนเงินจองห้องพัก 10 ห้องแก่พระพุทธะอิสระ ซึ่งไม่ยินยอม โดยระบุว่า ได้จองห้องพักและชำระเงินถูกต้องแล้ว พร้อมจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ที่สุดทางโรงแรมต้องยินยอมจ่ายเงินสด 120,000 บาทคืนแก่พระพุทธะอิสระ เป็นค่าเสียหายที่ไม่สามารถเปิดห้องพักได้หลังประกาศปิดให้บริการ
ปิดล้อม วอยซ์ทีวี หวังทุบธุรกิจเครือชินวัตร
24 ก.พ. 2557 เวลา 09.30 น. พระพุทธะอิสระ นำมวลชนมาปิดทางเข้า - ออก หน้าสถานีโทรทัศน์ วอยซ์ทีวี ถนนวิภาวดีรังสิต หลังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ประกาศว่าจะยกระดับการชุมนุมขั้นแตกหักไล่ทุบธุรกิจในเครือข่ายตระกูลชินวัตร
โดยพระพุทธะอิสระขู่ว่าจะปักหลักนอนค้างคืน หากไม่ให้ชาวนาได้ชี้แจงผ่านรายการของสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี หลังอ้างว่าสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี รายงานข่าวคลาดเคลื่อนข้อเท็จจริงว่าชาวนาที่มาชุมนุมกับ กปปส.เป็นชาวนาปลอม ทันทีที่พระพุทธะอิสระ มาถึงสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ก็เรียกร้องให้ผู้บริหารสถานีนำดอกไม้ ธูปเทียนมาขอขมา
นำมวลชนบุก ศอ.รส. แตกกระเจิงโดนแก๊สน้ำตา - รถฉีดน้ำ
9 พ.ค.2557 เวลา 10.00 น. พระพุทธะอิสระ นำมวลชน กปปส. เวทีแจ้งวัฒนะ เคลื่อนขบวนด้วยรถบัส 10 คัน และรถเครื่องขยายเสียง จอดปิดประตูทางเข้าสโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้ง ศอ.รส.ในช่วงที่มีการชุมนุมของ กปปส. โดยมวลชนสายจีวรแห่งแจ้งวัฒนะ เรียกร้องให้ ศอ.รส. แจ้งความดำเนินคดีผู้ที่ล่วงละเมิดสถาบัน กรณีใช้ความรุนแรงยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และตัวแทนชาวนาต้องการร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ในคดีโครงการรับจำนำข้าว โดยตัวแทน ศอ.รส.ออกมารับหนังสือร้องเรียน
ทำให้ ตัวแทน ศอ.รส.กลับเข้าไปหารือกับผู้บังคับบัญชาก่อน จากนั้น พระพุทธะอิสระ ยังเรียกร้องให้ ศอ.รส.ส่งตัวแทนมาเจราอีกครั้ง แต่เมื่อถึงเวลายังไม่มีตัวแทน ศอ.รส.ออกมา ทำให้มวลชนที่ปักหลักต่างรื้อแนวลวดหนามเพื่อเข้าไปด้านใน
สถานการณ์ตึงเครียดขึ้น จนตำรวจต้องระดมยิงแก๊สน้ำตาและใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้พระพุทธะอิสระไม่สามารถต้านทานพลังน้ำแรงดันสูง จนสภาพเปียกไปทั้งจีวรและลืมตาไม่ขึ้น เมื่อเพลี่ยงพล้ำหนัก เวลาต่อมาพระพุทธะอิสระต้องประกาศถอยทัพนำมวลชนกลับเวทีแจ้งวัฒนะทันที เพราะเกรงว่าจะมีผู้ชุมนุมฝ่ายตรงข้ามเข้าไปรื้อถอนเวทีแจ้งวัฒนะ และในเวลาต่อมา พระพุทธะอิสระป่วยหนักจากการถูกยิงแก๊สน้ำตา จนทีมแพทย์ต้องขอให้พักผ่อน
บุกสถานทูตสหรัฐฯ กดดันเปลี่ยนตัวทูต
25 พ.ย. 2558 เวลา 13.00 น. พระพุทธะอิสระ นำมวลชนปักหลักชุมนุมที่หน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำเทศไทย เพื่อแสดงความไม่พอใจที่ นายกลิน ที.เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย แสดงความเห็นต่อกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และเรียกร้องให้สหรัฐฯ เปลี่ยนทูตคนใหม่
กระทั่งวันที่ 24 พ.ค. 2561 ช่วงเช้าตรู่ กองปราบฯ นำกำลังคอมมานโดเชิญตัว พระพุทธะอิสระ จากวัดอ้อน้อย ไปควบคุมตัวในคดีที่ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในคดีอั้งยี่ซ่องโจรกรณีให้การ์ด กปปส. ทำร้ายร่างกายตำรวจสันติบาล 2 นาย จนได้รับบาดเจ็บในช่วงการชุมนุม กปปส.เมื่อปี 2557 และคดีปลอมพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. และอักษรพระนามาภิไธย ส.ก. มาประดิษฐานหลังองค์พระเครื่อง โดยไม่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9
โดยพนักงานสอบสวน บก.ป.ได้ยื่นคำร้องขอฝากขังพระพุทธะอิสระ เวลาต่อมาทนายความพระพุทธะอิสระได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 150,000 บาทในคดีอั้งยี่ซ่องโจร และเงินสดจำนวน 850,000 บาทในคดีปลอมพระปรมาภิไธย
แต่ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ความหนัก-เบาของข้อหาในส่วนคดีอั้งยี่ซ่องโจร ที่มีอัตราโทษจำคุกสูงและหลายข้อหา อีกทั้งมีผู้ร่วมกระทำผิดอีกหลายราย และผู้ต้องหายังเป็นบุคคลเดียวกับผู้ต้องหาในคดี พ.1107/2561 ปลอมพระปรมาภิไธยฯ ซึ่งศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ความหนัก-เบาของข้อหาแล้ว เห็นว่าการกระทำของผู้ต้องเป็นความผิดร้ายแรง และเกี่ยวพันกับคดี พ.1106/2561 อั้งยี่ซ่องโจร หากปล่อยตัวชั่วคราวก็เกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ในชั้นนี้จึงยัง ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา ให้ยกคำร้อง
ทำให้ พระพุทธะอิสระ ต้องสึกจากความเป็นพระ โดยถอดผ้าเหลืองเปลี่ยนมาสวมชุดขาวแทน เปลี่ยนจากพระสุวิทย์ มาเป็นนายสุวิทย์
จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวนายสุวิทย์ขึ้นรถของเรือนจำมุ่งหน้าสู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯทันที ท่ามกลางลูกศิษย์วัดต่างร้องไห้เสียใจ และส่งเสียงตะโกนให้กำลังใจให้นายสุวิทย์ว่าจะกลับมาเป็น "พระพุทธะอิสระ" อีกครั้ง!
ถือเป็นการปิดฉากแบบจบไม่สวย สิ้นลายนักสู้ ดุจ 'ราชสีห์' หัวหมู่ กปปส. แห่งเวทีแจ้งวัฒนะ ไว้ให้เป็นที่เล่าขานสืบต่อไป!
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ส่ง 'พุทธะอิสระ' เข้าเรือนจำ ชี้พฤติการณ์ร้ายแรง
'หลวงปู่พุทธะอิสระ' นัดชุมนุมค้านความเห็นของทูตสหรัฐฯ