วันพุธ, พฤษภาคม 02, 2561

'พ่อเนื้อหอม' แถ ไม่สนพลังดูด แต่เพื่อไทยไม่แคร์เพราะมีอดีต รมว.แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี

ฟังพ่อเนื้อหอมเขาแถเรื่องดูดดิ “ที่พูดว่าดูดเป็นมานานแล้วนั้น คงไม่ใช่ว่าจะยอมรับกติกาตัวนี้” แต่ก็พูดออกไปหลายวันแล้วเพิ่งจะมาแก้ตัว

อ้างยังได้สอบถามพวกนักการเมืองที่ประกาศสนับสนุนตนเสียด้วยว่า “ไปเสนอผลประโยชน์กันไว้หรือ” ก็ได้คำตอบอย่างใจนึก “ไม่ได้มีอะไร นั่งอยู่เฉยๆ ก็มีคนติดต่อมาขอพบหารือ”


ตุ๊ดตู่คงไม่ได้ยินตอนที่รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยพูดไว้ เรื่องเตรียมชาวบ้านสามหมื่นต้อนรับว่าที่นายกฯ คนต่อไปหาเสียงที่สุรินทร์นั่น น้อยไป

เพราะ “ประชาชนมีความต้องการ การดูแลจากหน่วยงานของรัฐ...ไม่มีอะไรเสีย มีแต่ได้กับได้” แม้จะไม่มีการสัญญาจะให้โควต้าตำแหน่งรัฐมนตรีโจ่งแจ้งก็เถอะ


ต้องฟังจากอดีต ส.ส.อีสานพรรคเพื่อไทยเล่าถึงเสียงสะท้อนในพื้นที่ขณะนี้ด้วยว่า “มีการส่งสายซึ่งมาจากหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายปกครอง ข้าราชการ บุคคลในวงการเมือง และผู้มีความใกล้ชิดอดีต ส.ส.

มาเกลี้ยกล่อมและทาบทามให้ไปร่วมงานด้วย โดยไม่มีกำหนดเวลาว่าจะต้องตัดสินใจเมื่อใด แต่บางคนถูกกดดันหนัก มีการหยิบยกเรื่องธุรกิจ รวมถึงคดีความ (เช่น คดีนิรโทษเหมาเข่ง) มาเป็นเงื่นไขในการพูดคุย”


สำหรับประดาที่อ้าซ่ารับก็มีอยู่มากอักโข หากจะยึดเอาโมเดลเลือกตั้งปี ๕๔ มาเป็นเกณฑ์ชี้บ่ง ดังรายงานเรื่อง ตกเขียว ของประชาชาติธุรกิจคิดเผื่อไว้ ทั้งพรรคเก่า พรรคใหม่ ก๊วน และก๊ก ๘ กลุ่ม หวังว่าจะมี ส.ส. ราว ๘๐ กว่าๆ

(จาก ภูมิใจไทย อีสานใต้ของเนวิน ชิดชอบ และอนุทิน ชาญวีรกูล ๒๕ ที่นั่ง ชาติไทยพัฒนาแถบสุพรรณ อ่างทอง อยุธยา ของวราวุธ ศิลปอาชา ๑๙ ที่นั่ง กลุ่ม มัชฌิมา ของ สมศักดิ์ เทพสุทิน ๙ ที่นั่ง

จาก พลังชล ของสนธยา คุณปลื้ม และชาติพัมนา ของสุวัจจ์ ลิปตพัลลภ แห่งละ ๗ ที่นั่ง กับกลุ่ม บ้านริมน้ำ ของสุชาติ ตันเจริญ ราว ๓-๕ ที่นั่ง แถมตระกูล สะสมทรัพย์อีก ๕ ที่นั่ง รวมทั้งของตายจากพรรค กปปส. ของสุเทพ เทือกสุบรรณ อีก ๖ ที่นั่ง


เติมด้วยพรรคสมคิด (จุตุศรีพิทักษ์) พรรคไพบูลย์ (นิติตะวัน) พรรคประชาชาติที่จะจัดตั้งใหม่ อันมีกลุ่มวาดะห์ ของซูการ์โน มะทา ย้ายออกจากพรรคเพื่อไทยไปร่วม คาดจะได้ ส.ส.สักสี่ซ้าห้าคน

“สุรพล นาควานิช แกนนำจั้งตั้งพรรคประชาชาติ เปิดเผยกับสำนักข่าว INN ถึงความคืบหน้าในการรวบรวมสมาชิก เพื่อเตรียมจัดประชุมผู้ร่วมก่อตั้งพรรคว่า ขณะนี้ได้สมาชิกแล้วกว่า ๗๐๐ คน และในสัปดาห์หน้า จะเข้ายื่นขออนุญาติเพื่อขอจัดประชุม”


แล้วยังมีครอบครัวของ ปองพล อดิเรกสาร ที่ประกาศจะไปร่วมพรรคใหม่ เห็ดดอกใดดอกหนึ่งที่ตั้งขึ้นมาหนุนประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกฯ อีกราย

เมื่อเอาไปร่วมกับพรรค สว. ๒๕๐ คน พอลุ้น ๓๗๕ คะแนนเสียงดันนายกฯ คนนอก ถ้าหากหาหลักประกันให้สองพรรคใหญ่กัดกันต่อไปเรื่อยๆ ได้

เข้ารอยเดียวกับสมัยที่ สุจินดา คราประยูร ดูด ส.ส. พรรคต่างๆ ไปเข้าเป็น สามัคคีธรรมแต่ชะตากรรมจะลงท้ายอย่างเดียวกันด้วยไหม ต้องลุ้น

อย่างน้อยพลังดูด บวกกับกระบวนการเล่นแร่แปรธาตุกฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายเลือกตั้ง ก็ทำให้พรรคใหญ่ (ที่ไม่ชนะเลือกตั้งมากว่าทศวรรษ) สะเทือนไปเหมือนกัน เมื่อสมาชิกที่เคยมีตัวเลขเด่นชัด ๒ ล้านครึ่ง ลดลงไปเหลือ ๘ หมื่นกว่า

แม้นว่า รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ องอาจ คล้ามไพบูลย์ จะพยายามปลอบใจว่าไม่เป็นไร หลังจาก คสช.ปลดล็อคการเมืองแล้วสมัครกันอีกได้ทั้งใหม่และเก่า


ตอนนี้โดนกับดัก คสช. วางระเบียบทั้งค่าบำรุงสมาชิก ๑๐๐ บาทเอย ห้ามโฆษณาชวนคนลงทะเบียนเอย ไม่ใช่เพราะความนิยมลดลงไป หรือว่าเจอพิษงูเห่า กปปส. อะไรหรอก

ทางพรรคเพื่อไทยก็โดนเหมือนกัน สิ้นสุดวันสุดท้ายยืนยันสมาชิก มีรายชื่อลงทะเบียนแค่หมื่นกว่าๆ จากเดิมที่มีรายชื่อเป็นลายลักษณ์อักษรอยู่ ๑.๓ แสน

แต่ดูเหมือนเพื่อไทยเขาจะดีอกดีใจมากกว่าเสียใจ เพราะมีคนที่อยากได้มายืนยันสมาชิก ดังที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการบอกกล่าวว่า

แกนนำพรรค อาทิ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกฯ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม ได้เข้ามายืนยันความเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้ว”

 
โดยเฉพาะชัชชาตินี่ มีเสียงเฮว่า ‘big deal’ เลยทีเดียว “อย่างที่ปุ๊ ธนาพล ว่าไว้ ชัชชาติคงไม่ใช่มาแค่ผู้ว่า กทม. แต่น่าจะถึงเก้าอี้นายกฯ โน่นเลย...

ทักกี้ยังแข็งแกร่งในปฐพี” Atukkit Sawangsuk คอมเม้นต์โพสต์ของ Thanapol Eawsakul ที่เม้นต์เช่นกันว่า “ส่วนสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ คือเป้าหลอกให้เป็นตำบลกระสุนตก”

จากการวิเคราะห์วิจารณ์ของอธึกกิตคาดเดาเอาว่า “สถานการณ์หลังเลือกตั้ง ถ้าเพื่อไทยได้ ๒๐๐-๒๒๐ อนาคตใหม่ได้ซัก ๒๐-๓๐ พรรคอื่นๆ ที่ไม่เอาทหารได้ซัก ๑๐ ไม่ได้บอกว่ารวมกันได้นะ แต่หมายถึงพรรคที่ไม่เอาทหารจะได้คะแนนเสียงรวมกันเกือบครึ่ง”

ตัดประชาธิปัตย์ออกไปจากสารบบ ฝ่ายประชาธิปไตยฟากไพร่นี่มีความหวังได้เป็นฝ่ายค้านที่แข็งเป็ก สามารถทำอะไรได้ไม่น้อย ดังที่ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แห่งพรรคอนาคตใหม่ตั้งเป้าไว้
 
คือถ้าได้เกิน ๒๕ เสียงก็จะเสนอกฎหมายหรือเสนอแก้ไขอะไรต่ออะไรให้ประชาธิปไตยเต็มๆ ใบสักหน่อยได้ แต่นี่ถ้าเกือบ ๒๕๐ เสียง พอมีสิทธิ์ฝันหวานเสนอชื่อธนาธรแข่งกับชัชชาติในตำแหน่งนายกฯ ยังไหว

ไม่เชื่อไปถาม ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ดูสิ