ประยุทธ์ไปเป็นประธานการประชุม ‘ต้านโกง’ ของคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตภาครัฐ แล้วมอบนโยบายว่าการแก้ไขปัญาต้องรอบคอบ
และดำเนินคดีกับทุกฝักฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน บลา บลา บลา
พวกกรรมการก็ดี๊ด๊ากันใหญ่ เสนอโน่นเสนอนี่
เจ้าหน้าที่รัฐทุกคนต้องแจงทรัพย์สินบ้างละ นายกฯ บอก เอา เอา ไปศึกษามา ดูแบบอย่างต่างประเทศ
ตอนท้ายมีรายงานคืบหน้าเรื่องแป๊ะเจี๊ยะโรงเรียสามเสน กับเรื่องเงินทอนวัด
เสร็จแล้วมอบหมาย ศอตช. “บูรณาการงานให้มีประสิทธิภาพ...เป็นหน่วยงานหลักภายใต้กำกับสำนักนายกรัฐมนตรี”
ไม่เห็นมีอะไรใหม่
ที่ใหม่และอยู่นอกวิสัยทัศน์คณะกรรมการฯ ตอนนี้มีให้เห็นบ่อยมาก
ซ้ำลงล่างไปถึงระดับนายร้อยนายพัน
อย่างแก๊งเรียกค่าไถ่ ๒๐ ล้าน
หรือเรื่องคูปองช้อปปิ้งหลักสูตรอบรม ให้คนละหมื่นค่าอบรมแค่ ๒ พัน
เขียนใบเสร็จราคาเต็ม แต่ไม่รู้เงินทอน ๘ พันไปไหน ไปถึงเรื่องถังน้ำขั้นเทพ
ราชการซื้อใบละ ๖,๕๐๐ บาท ราคาจริงไม่เกิน ๒,๗๐๐ ส่วนต่างกว่าครึ่งหายจ้อย
สำหรับแก๊งในเครื่องแบบลายพราง ๑๐ คน
บุกเข้าไปควบคุมตัวเจ้าของสายการบินโดยไม่มีหมาย แล้วนำตัวไปสอบสวนที่ กอ.รมน. ดอนเมือง
กล่าวหาว่าใช้เอกสารปลอม ข่มขู่ให้เคลียร์คดีด้วยเงิน ๒๐ ล้าน เหตุเกิดเมื่อดือนที่แล้วนี้
ไม่ใช่ปลอมตัวใส่เครื่องแบบ แต่เป็นพวกตำรวจทหารจริงๆ หัวโจกยศพลตรี
นอกนั้นนายพันบ้าง นายร้อยบ้าง
ส่วนกรณีแจกคูปองให้ครูไปหาหลักสูตรอบรมที่กระทรวงกำหนด
มูลค่าคนละ ๑ หมื่นบาท ปรากฏว่าแทนที่จะอบรมสี่วันลดเหลือแค่สอง ค่าอบรมแค่ ๒
พันบาท แต่เก็บคูปองไปทั้งหมื่นแถมออกใบเสร็จราคาหมื่นให้ด้วย เท่ากับว่าส่วนต่าง
๘ พัน ปลิวไปในสายลม
อธึกกิต แสวงสุข เอามาเขียน
บอกเห็นรูปผู้อำนวยการโครงการหน้าใส เลยไปปรึกษาอากู๋ได้ความว่า
เธอเป็นด็อกเตอร์ทางการศึกษา
เมื่อไม่นานนี้สอนวิทยาศาสตร์อยู่ที่โรงเรียนกาญจนานุเคราะห์ เคยเป็นผู้ช่วยของ
พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษา ชีวิตการงานก้าวหน้าเร็วมาก นอกจากผ่านงานในแวดวงทหารแล้ว
ยังมีสามีเป็นนายพันอีกด้วย
เรื่องถังน้ำนั้น ‘ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน’ เขาเป็นคนแฉว่าจังหวัดนครสวรรค์สั่งซื้อ ๒๕ ใบ เอาไปตั้งตามจุดต่างๆ
ข้างทาง บ้างผูกติดเสาไฟฟ้า บ้างวางบนต่อซีเมนต์ บนล้อรถยนต์ และบนกองหิน
ทางการจ่ายใบละ ๖,๕๐๐ ถึง ๗,๖๐๐ บาท แต่ราคาจริงแค่ ๑,๕๐๐ ถึง ๒,๗๐๐ บาท แน่นอนว่าส่วนต่างไร้ร่องรอยเช่นกัน
อีกเรื่องคล้ายๆ กัน ที่เมืองคอน
มีการสอบทุจริตจัดซื้อจัดสร้างเสาไฟฟ้าริมทางติดแผงโซล่าเซลล์ นัยว่า
ปปท.กำลังสอบว่าไฉนซื้อในราคา ๖ หมื่น ๕ พัน แต่ราคาจริงแค่ ๓ หมื่น ๕ พันบาท
พิลึกพิลั่นกว่านั้นเมื่อตอนต้นเดือนเมื่อน้ำท่วมหนักที่สกลนคร
นักข่าวลงพื้นที่ผ่านโกดังเก็บอุปกรณ์เครื่องยนตร์ของศูนย์บรรเทาสาธารณะภัยเขต ๗
พบเรือ แอร์โบ๊ต จำนวนมากขึ้นคานไว้เฉยๆ ไม่นำออกมาช่วยน้ำท่วม
หลังจากขุดคุ้ยเบื้องลึกพบว่าทางการซื้อมา ๑๘ ลำ วงเงิน ๙๖.๘๔
ล้านบาท นักข่าวเลยคอมเม้นต์ว่า “ผมไม่เข้าใจเรื่องเรือในโกดังครับ
เราจะเก็บไว้ใช้ตอนไหนครับภัยแล้งหรือ” ทั้งๆ ที่ศูนย์ฯ อยู่ห่างจากจุดน้ำท่วมสัก
๕๐๐ เมตรเท่านั้น
เรื่องอย่างนี้คนดีๆ ในกรุงเขาไม่ค่อยเดือดร้อนกันเท่าไรนัก
เอาเวลามีค่าไปโพสต์เฟชบุ๊คล่าแม่มดพวกที่พยายามชี้ให้คนส่วนใหญ่เห็นว่าผลร้ายจากการรัฐประหาร
ทหารครองเมืองมาสามปี สุขภาพของชาติมีแต่ทรุดทั้งทางกายภาพ
(ไม่มีน้ำยาบริหารเศรษฐกิจ) และภาวะจิตใจ (คดีเสื้อแดงตัดสินก่อน ผิดระนาว
คดีเสื้อเหลืองอย่างดีรอลงอาญา อย่างเยี่ยมยกฟ้องแม่งเลย)
ตัวอย่าง ‘ต๊อด’ ปิติ
ภิรมย์ภักดี ทายาทเบียร์สิงห์มูลค่าความรวยหมื่นล้าน
โพสต์เฟชบุ๊คเอาข้อความเก่าของผู้พันเบิร์ดมาเล่นงานเนติวิทย์ (โชติภัทร์ไพศาล)
นิสิตจุฬาฯ ที่รณรงค์ไม่หยุดยั้งเพื่อให้สังคมไทยพัฒนาไปสู่บรรยากาศเสรีและเป็นประชาธิปไตย
“ขู่จะทำร้ายร่างกายเค้า ด่าไปถึงบุพการีเค้า”
ขอยืมคำของปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ มาบรรยาย เรื่องที่ท้ายสุด ‘Todd Piti’ ยอมรับ “ผมผิดเองและจะลบทุกอย่าง”
แต่ก็ยังไม่ออกมาขอโทษเนติวิทย์
ต่างกับอีกคน
หนุ่มหมื่นล้านพอๆ กัน ที่โพสต์เรื่องของตน แต่มัน ‘โดน’ กับสังคมยุคใหม่มากกว่าการด่าเนติวิทย์
ธนาธร
จึงรุ่งเรืองกิจ โพสต์ท่ายืนเกาะเสาป้ายถนนภาษาอังกฤษ Thai Summit Dr. พร้อมคำบรรยายว่า “พระเจ้าองค์เดียวที่จะช่วยเราได้ในอุตสาหกรรมระดับโลก
คือพระเจ้าแห่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่”
เรื่องมีอยู่ว่าผลิตภัณฑ์ตัวถังรถยนต์น้ำหนักเบาที่บริษัทไทยซัมมิตของเขาคิดค้นผลิตออกมานั้น
ได้รับการยอมรับจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐ Tesla ของนายอีลอน มัสค์ที่โด่งดังลั่นโลกขณะนี้
เท็สลานำเอาตัวถังของไทยซัมมิตไปเป็นส่วนประกอบรถรุ่น
Model 3 ทำให้ไทยซัมมิตมีธุรกิจกับเทสลาปีละร้อยล้านดอลลาร์
จนผู้ว่าการรัฐเค็นทักกี้ตั้งชื่อถนนในเขตอุตสาหกรรมสำหรับเทคโนโลยี่แบบนี้ว่า
ไทยซัมมิตไดร๊ฟ์
ลองคิดดูกันเอาเอง
ว่าเมืองไทยต้องการคนหนุ่มเศรษฐีรุ่นใหม่แบบไหน จึงจะก้าวต่อไปถึงศตวรรษที่ ๒๒
ได้อย่างไม่ทุลักทุเล