วันอาทิตย์, สิงหาคม 20, 2560

Argument ของฝ่ายหนุนรัฐประหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลชุดนี้ เดินคล้ายจีนอย่างไร...





เก็บความมาจาก comments โพสต์ของ Thanapol Eawsakul เรื่อง

ไม่ใช่ความป่วยไข้ของสังคมไทย แต่เป็นความป่วยไข้ของสมชัย จิตสุชน และความป่วยไข้ของเทคโนแครตไทย
...

Kan Yuenyong argument ของฝ่ายหนุนรัฐประหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลชุดนี้คือการพยายามเดินตามตัวแบบจีน คือเน้นการรวมศูนย์อำนาจ ระบบราชการแข็ง สร้างนโยบายและยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศระยะยาว ระบบการเมืองคล้ายโปลิตบูโร (ผมว่าเราสามารถนิยามระบอบแบบนี้ว่า "ระบอบโปลิตบูโรอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" คงพอได้) การกวาดล้างกลุ่ม "ชิน-ดา-วงษ์", พรรคเพื่อไทย, และกลุ่มเสื้อแดง ในขณะนี้ เหมือนการ purge โดยใช้ข้ออ้างเรื่องคอรัปชั่นของ Xi Jinping ต่อกลุ่ม Zhou Yongkang, Bo Xilai, Ling Jihua, และ Xu Caihou

ตอนนี้ "consensus" ของชนชั้นนำไทยจะไปทางนี้ จนกว่าการ "กวาดล้าง" ที่ว่าจะสำเร็จ โดยจะไม่ยอม "เสียของ" เหมือนตอน 2549 อีก ในขณะเดียวกันก็ เช็คว่าตัวแบบนี้จะใช้งานได้หรือไม่ไป + คอยปรับแต่งไปในตัวด้วย ถ้าจะโต้ "consensus" นี้ จะต้องชี้ปัญหาของตัวแบบจีนว่ามีปัญหาในระยะยาวยังไง ซึ่งก็ไม่ใช่ง่าย เพราะประสิทธิภาพและระดับพัฒนาการของรัฐไทยยังไม่ได้ mature เต็มที่เหมือนตะวันตก

ผมขอแนะนำหนังสือเล่มนี้ของ Ian Bremmer ให้คุณ ธีรภัทร อ่าน https://www.amazon.com/Curve-Understand.../dp/0743274725




...


Theerapat Charoensuk เห็นด้วยทุกประการครับ

เสียอย่างเดียวคือ ประสิทธิภาพการบริหารและวิสัยทัศน์ของรัฐทหารไทย จะเรียกว่าของก๊อปเสิ่นเจิ้นก็ให้คุณค่ามากไป เพราะเดี๋ยวนี้เสิ้นเจิเนเจริญและผลิตสินค้าคุณภาพได้แล้ว

...

Kan Yuenyong ส่วนปัญหาของ "สมชัย" เอง เป็นปัญหาที่ซับซ้อนกว่านั้น

(1) สิ่งที่เขาเสนอ -- New Economic Model ขอย่อว่า NEM ไม่ชัดเจนว่าเป็นอะไร เพียงแต่ระบุว่า ประเทศเจอปัญหา middle income trap ปัญหาใหญ่คือไม่มีการพัฒนาเทคโนโลยี (หรือแบรนด์ระดับโลก) ไม่มีการปฏิรูประบบการศึกษา ต้องแก้ปัญหาคอรัปชั่น และพ่วงเรื่อง "การกระจายอำนาจ" เข้ามาด้วย

อันนี้ต่างจาก NEM ของมาเลเซีย ที่พัฒนาขึ้นสมัยนาจิบ ราซัก ต่อจาก New Economic Policy (NEP) ของมหาธีร์ ทั้งสองโครงการเป็นกระบวนการที่เกี่ยวกับ affirmative action (ของมาเลเซียจะเน้นที่ชาติพันธ์ -- ภูมิบุตร) โดยวางสมมติฐานไว้ว่าชาติพันธ์ภูมิบุตรจะต้องได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษเนื่องจากปัญหาความเหลื่อมล้ำต่ำสูงทางเศรษฐกิจ เรื่องนี้ถูกระบุไว้ในรัฐธรรมนูญด้วย ถูกผิดเรื่องนี้ว่ากันอีกที (มหาธีร์เคยอธิบายเรื่องนี้อย่างละเอียดในหนังสือของเขา "The Malay Dilemma")

ทีนี้ถ้าดูสิ่งที่ "สมชัย" อธิบาย จะเห็นว่าไม่มีข้อพิเศษอะไรแบบนั้น แต่เป็นข้อเสนอ ในแนวทางแบบ neoclassic ปกติ ถ้าเป็นแบบนี้ก็จะไม่เห็นว่า "New" ตรงไหน ก็เป็นโมเดลการพัฒนาทางเศรษฐกิจทั่วไปที่รัฐไทยเคยใช้มาโดยตลอดอยู่นั่นเอง

ผมเห็นว่าปัญหาของรัฐไทยก็มีลักษณะที่ต่างไปจากมาเลเซียอยู่ แต่ก็ต้องมี "affirmative action" นี้เช่นกัน เพียงแต่ locus จะต้องอยู่ที่ฐานภูมิศาสตร์ประชากร ไม่ใช่อยู่ที่ชาติพันธ์เหมือนมาเลเซีย

(2) การวางปัญหาไปที่การพัฒนาเทคโนโลยี ผมคิดว่าไม่ถูกในแง่การวางนโยบาย เพราะในที่สุดเราไม่รู้ว่า "เทคโนโลยี" ไหนจะประสบความสำเร็จ สิ่งที่พอทำได้คือการบ่งชี้และวิเคราะห์ global value chain ทั้งหมดออกมา และตัดสินใจว่า รัฐไทยจะวางนโยบายการพัฒนาประเทศที่มียุทธศาสตร์ gvc ของเราเองอย่างไร โดยจะต้องสัมพันธ์กันทั้ง นโยบายการคลัง นโยบายการต่างประเทศ การวางระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานและ logistic และการปฏิรูประบบราชการ ฯลฯ ไปพร้อมกัน ไม่ใช่กระทรวงนั้นเสนอทาง กระทรวงนี้เสนอทาง พอกระจัดกระจายแบบไม่มีโฟกัส ก็เท่ากับว่าไม่ได้มีการพัฒนาอะไรแบบที่เคยเป็นมา

(3) ผมคิดว่าไอเดียเรื่อง middle income trap ไม่ชัดเท่ากับไอเดียเรื่อง the great wall โดยเฉพาะในกรณีของจีน ในเปเปอร์นี้ระบุว่าตอนนี้จีนที่ดูเหมือนจะผ่าน middle income trap ไปได้ แต่ยังมีด่านใหญ่ที่สะกัดกั้นอยู่ ถ้าจะผ่านไปได้ต้องดูที่เรื่อง deep structural reforms https://medium.com/.../following-the-economic-miracle-is...



...

ต้นเหตุ....

โพสต์ของ Thanapol Eawsakul เรื่อง

ไม่ใช่ความป่วยไข้ของสังคมไทย แต่เป็นความป่วยไข้ของสมชัย จิตสุชน และความป่วยไข้ของเทคโนแครตไทย

.................
ชอบข้อเขียนเของคุณธีรภัทร เจริญสุข

https://www.facebook.com/terasphere/posts/10154602510126809?pnref=story

ที่ท้าทาย "นักเศรษฐศาสตร์ นักวิเคราะห์เศรษฐกิจไทย ทั้งในแบงค์ชาติหรือ TDRI สถาบันการเงิน" ที่พากันวิเคราะห์ว่าทำไมคนรู้สึกว่าเศรษฐกิจไม่ดี ยกเหตุผลประกอบอย่างนั้นอย่างนี้มากมาย แล้วก็หาวิธีแก้ไขอย่างงั้นอย่างงี้เพียบ บอกว่าต้อง 4.0 ต้องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ต้องปรับตัวปฏิบัติไฮเทคบล็อคเชน โดยหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงสภาพการของ รัฐบาลทหารที่ไม่มีความสามารถและความชอบธรรมในการบริหารประเทศแม้แต่วินาทีเดียว

และแน่นอนว่าเทคโนแครตเหล่านี้นอกจากไม่ตั้งคำถามกับรัฐบาลรัฐประหารแล้ว ก็ยังเข้าไปร่วมงานด้วย

ล่าสุดเราได้เห็นชื่อดร. สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)
เข้าไปเป็นกรรมการปฏิรูปประเทศ ภายใต้การกำกับของคณะรัฐประหารถึง 2 คณะคือ กรรมการฝ่ายสาธารณะสุข และกรรมการฝ่ายสื่อสารมวลชน

“วิษณุ” แจงชื่อสมชัย จิตสุชน โผล่เป็นกก.ปฏิรูป2 คณะ
https://www.matichon.co.th/news/629874

จริง ๆ ก็ไม่น่าแปลกใจหรือจะต้องมาวิจารณ์อะไรกันมากมายถ้า
ดร. สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ไม่เคยสัมภาษณ์ไว้เรื่อง

ความป่วยไข้ของประเทศไทย / สมชัย จิตสุชน
https://waymagazine.org/interview_somchai/

ในบทสัมภาษณ์พูดถึงแนวทางการพัฒนาที่ผิดพลางของเศรษฐกิจไทย ที่จะหลุดพ้นจาก "กับดักรายได้ปานกลาง" จนนำมาสู่้ข้อเสนอ ‘โมเดลเศรษฐกิจใหม่’ หรือ New Economic Model

ถ้าแนวทางการหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางคือการร่วมมือกับคณะรัฐประหาร และไม่กล้าที่จะอภิปรายปัญหาตรงหน้าคือรัฐบาลคณะรัฐประหารร ผมคิดว่าที่คุณธีรภัทร เจริญสุข ได้สรุปไว้อย่างถูกต้องว่า

"ตราบเท่าที่พวกคุณมึงไม่พูดถึงสภาพรัฐบาลทหารที่อยากออกกฎหมายอะไรก็ออก สั่งยึดเงินได้ก็ยึด นโยบายเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไม่เคยมีอะไรแน่นอนให้คนทำธุรกิจไว้วางใจได้ แถมยังตั้งคณะกรรมการคนแก่ๆ เข้าไปเสือกในทุกภาคส่วนกินเงินเดือนเบี้ยประชุมฟรีๆ

พวกคุณมึงก็ไร้ประโยชน์โว้ยครับ เหมือนคนโดนแทงเลือดไหลใกล้ตาย ติดเชื้ออักเสบหนองเละเทะ จะมาให้กินยาฆ่าเชื้อ ให้เลือด เติมสารอาหารบำรุงฯลฯ แต่ไม่คิดจะปิดปากแผลเย็บแผลห้ามเลือด

จบฮาร์วาร์ด LSE MIT แค่ไหน ก็จะด่าว่า โง่!"