วันจันทร์, สิงหาคม 28, 2560

มาอีก ประยุทธ์เจอ 'มันร้อน' ของตัวเองที่ไม่ได้ 'ชั่ง' สั่งปิดเหมืองตามอำเภอใจ

ก่อนจะมาถึง เผือก ร้อนที่พวก กปปส. ยื่นให้ คสช. กรณียิ่งลักษณ์ไม่ไปศาลแล้วหายไปหลายวันไม่รู้อยู่ไหน ท่ามกลางข่าวไม่ยืนยันต่างๆ นานา

(เขมรปฏิเสธไม่ได้ยอมให้เธอ ผ่าน ไปขึ้นเครื่องบินสู่สิงคโปร์-ดูไบ ซีเอ็นเอ็นอ้างแหล่งข่าวพรรคเพื่อไทย เธอถึงดูไบแล้ว มุ่งหน้าต่อ ลี้ภัย อังกฤษ)

ประยุทธ์ จันทร์โอชาและเดอะแก็งจ์ เจอ มันร้อน ของตัวเองที่ไม่ได้ชั่ง เพราะ ‘greedy’ เหลิงอำนาจมาตรา ๔๔ สุ่มสี่สุ่มห้าใช้ไม่ระวัง สั่งปิดเหมืองตามอำเภอใจไม่พินิจพิจารณาให้ถ่องถ้วน

ลำพังเหมืองทองของทุ่งคำ บริษัทหลานของทุ่งคาฮาเบอร์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกอีกต่อหนึ่งของ Crown Property Bureau (you know who?) พลอยติดบ่วงไปด้วยก็พอทำเนา เจ้าของใหม่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้น ไม่เอาเรื่อง ไม่ต้องซ่อม

แล้วขณะนี้ “ทุ่งคำอยู่ระหว่างยื่นขอต่ออายุใบอนุญาตการใช้พื้นที่ป่าไม้” (http://www.thansettakij.com/content/12039) จึงไม่มีอะไรน่าห่วง

แต่อีกเหมืองที่พิจิตร (ชื่อชาตรี) ดำเนินการโดย อัครารีซอร์สเซส บริษัทน้องของ คิงเกตคอนโซลิเดทเต็ด จากออสเตรเลีย นั่นสิเกิดเป็นเรื่อง เหมืองต้องยุติประกอบการ (แม้จะยังไม่ได้ถูกถอนประทานบัตรที่ยังมีอายุความถึงปี ๒๕๗๑) มาตั้งแต่ ๑ มกรา ๖๐

บริษัทก็เตรียมการเพราะยังไม่มีความชัดเจน จึงต้องเลิกจ้างพนักงานไปก่อน” อย่างน้อยๆ ๙๐๐ คนจากที่มีอยู่ ๙๕๐ คนเมื่อปลายปี ๒๕๕๙ ป่านนี้น่าจะเกลี้ยงไปแล้ว

ส่วนที่จะหนักหนาสำหรับรัฐบาล คสช. ยิ่งกว่าการสูญเสียสิ่งที่ “ปีหนึ่งๆ รัฐบาลได้ภาษีมหาศาล ประชาชนนับพันๆ มีงานทำ ส่งผลดีต่อชุมชนหลายพันคน ทำให้เศรษฐกิจท้องถิ่น เฟื่องฟูเป็นอย่างมาก ประชาชนไม่ต้องหนีเข้าเมืองไปทำงาน ชุมชนไม่แตกสลาย” ดังที่ ดร.โสภณ พรโชคชัย ร้องเรียนเอาไว้


ก็คือ บริษัทคิงเกตแห่งออสเตรเลียเรียกร้องค่าเสียหายทางธุรกิจเป็นมูลค่า ๗๕๐ ล้านดอลลาร์ หรือ ๓ หมื่นล้านบาท

ซึ่ง ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล เขียนถึงเรื่องนี้ไว้ว่า

เรื่องนี้ไม่จบแค่มาตรา ๔๔ หรอกมาตรา ๔๔ มีอานุภาพ คุ้มกัน ได้เฉพาะประเทศนี้เท่านั้น แต่ในทางระหว่างประเทศไม่มี...หากจะปิดด้วยเหตุผลทางสิ่งแวดล้อมจริง ก็ต้องทำให้ถูกต้อง มีกระบวนการตรวจสอบ มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ครบถ้วน เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายชี้แจง” 
ดร.ปิยบุตรชี้ด้วยว่า “บริษัทออสเตรเลียเขาอ้างข้อตกลงที่รัฐบาลไทยทำกับรัฐบาลออสเตรเลีย (ข้อตกลงฟรีเทรด) แล้วรัฐบาลไทย...ไปปิดเหมือง โดยไม่มีเหตุผลรองรับ...เขาก็เอาเรื่องเข้าอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ 
ผมวิเคราะห์ดูแล้ว ไม่น่าจะมีหนทางชนะเลย รัฐบาลไทยต้องจ่ายค่าเสียหายแน่นอน อยู่แค่ว่า จะมีฝีมือเจรจาลดหย่อนลงมาได้เท่าไร” 
ตอนนี้รัฐบาล คสช. ก็พยายามแสดงฝีมือในการต่อรองเพื่อผ่อนปรนค่าเสียหาย ตามข่าว (ไทยรัฐ) ว่า “มีความพยายามที่จะให้ได้ข้อยุติเป็นที่น่าพอใจของทั้งสองฝ่าย เพราะหากไม่สามารถตกลงกันได้ บริษัทอาจฟ้องร้องรัฐบาลไทยภายใต้กระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ 
ผลการเจรจาตามที่บริษัทคิงเกตแถลงในประกาศเรื่อง “ความคืบหน้ากรรีเรียกร้องค่าเสียหายจากรัฐบาลไทย” เมื่อ ๑๘ สิงหา ได้ความว่า “ทางรัฐบาลไทยแจ้งแก่บริษัทว่าได้ยกเลิกคำสั่งยุติการทำเหมืองชาตรี ซึ่งประกอบการโดยบริษัทในเครือของคิงเกตชื่ออัครา 
คิงเกตยังได้รับแจ้งด้วยว่าใบอนุญาตเพื่อขอต่ออายุประกอบการเหมืองแร่ของอัคราที่หมดอายุไปเมื่อ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ นั้นบัดนี้จะพิจารณาได้แล้ว” 
มิหนำซ้ำรัฐบาลไทยยังแจ้งด้วยว่ายินดีที่จะ  “พิจารณาอำนวยผลประโยชน์อันน่าพอใจ” ต่อการที่ได้สั่งยุติการดำเนินกิจการของเหมืองชาตรีด้วย 
ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลไทยโดย คสช. ยอมยกเลิกคำสั่งปิดเหมืองและเปิดทางให้ต่อใบอนุญาตใหม่ได้ อีกทั้งยังจะชดใช้ค่าเสียหายให้ด้วย แต่ you know what? คิงเกตลงท้ายว่า 
“สำหรับการที่จะเดินหน้ากันต่อไป คณะกรรมการบริษัทคิงเกตได้ลงความเห็นว่า เราจะยังไม่ยุติข้อเรียกร้องที่มีต่อรัฐบาลไทย พร้อมๆ ไปกับการนำเอาเรื่องต่างๆ ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขมาร่วมพิจารณา
โดยประการฉะนี้ คิงเกตสงวนสิทธิตามกฎหมายภายใต้ข้อตกลง TAFTA และยอมเจรจากับรัฐบาลไทยต่อไปอย่างจำกัด”
แสดงถึงท่าทีของคิงเกตไม่อ่อนให้แน่ๆ ๓ หมื่นล้านหรือศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ อันเป็นไปตามที ดร.ปิยบุตรคาดการณ์ ว่ารัฐบาล คสช. “เสียหน้า แล้วก็คงต้องจ่ายค่าเสียหายอยู่ดี 
ยิ่งถ้าหากบริษัทคิงเกต “ไม่เล่นด้วย ไม่เอามันละ ไม่ทำมันละเหมือง ขนของกลับบ้านหมดแล้ว อันนี้ก็จะซวย...สรุป ใช้ ๔๔ งานนี้เสียค่าโง่จริงๆ ครับ” 
ตานี้มีข้อต้องคิดว่า ค่าโง่ที่เป็นตัวเงิน ๓ หมื่นล้าน จริงๆ แล้วใครเสียล่ะ ไม่ใช่ประยุทธ์ ไม่ใช่ คสช. ไม่ใช่ ปรส. (จำได้ไหม ๘ หมื่นล้าน คุกสองปีรอลงอาญาสามปี) ไม่ใช่ ปชป. (ธารินทร์ นิมมานเหมินทร์) ไม่มียิ่งลักษณ์-ทักษิณไว้ให้รีดเลือดเชือดเนื้ออีกแล้ว ประชาชนผู้เสียภาษี (ส่วนใหญ่ผ่าน VAT) ก็ต้องรับไปสิ
ดร.โสภณ แกถึงได้โวยว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจต้องใช้เงินส่วนตัว หรือของคณะ คสช. ชดเชยค่าเสียหายเอง เพราะอาจถือเป็นการกระทำที่ผิดพลาดของตนและคณะเอง”
อีกทั้ง “นอกจากนี้รัฐบาลยังควรพิจารณาชดเชยค่าเสียหายให้แก่ชุมชนในแง่ที่ชุมชนเสื่อมโทรมลง...การไม่มีเหมือง ทำให้ชุมชนแร้นแค้นยากจนลงทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของตนเอง รัฐบาลจึงควรเยียวยาในส่วนนี้” 
แน่ละ น้ำหน้าอย่างประยุทธ์และบรรดาพวกพ้องนักยึดอำนาจทั้งหลาย มีหรือจะกล้ายืดอกรับผิดชอบความผิดของพวกตน ที่ผ่านมาก็เห็นๆ กันดี แรกเริ่มเดิมทีก็เขียนกฎหมาย ออกคำสั่งนิรโทษตัวเองและลิ่วล้อไว้หมดแล้ว แล้วยังตลอดสามปีเรื่องไม่ดีหรือเลวร้าย โทษรัฐบาลที่แล้ว หรือไม่ก็เศรษฐกิจโลกไว้ก่อนเสมอ 
รูปการณ์ที่คาดได้ไม่พลาด รัฐบาลประยุทธ์จะผลักภาระชดใช้บริษัทเหมืองออสเตรเลียไปที่รัฐบาลหน้าชัวร์ ถึงตอนนั้นอาจจะยังต้องรับหน้าเสื่อในฐานะนายกฯ คนนอก แต่จะได้พวกชอบตระบัดลิ้นและเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่นมาช่วยแถ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล
 
หรือถ้าพลิกล้อคอย่างที่ บก.ลายจุด (สมบัติ บุญงามอนงค์) ตั้งข้อสงสัย หาก คสช.หมดอำนาจ (น่าจะแค่ลงจากหลังเสือไปแล้วมากกว่า) “จะมีการนำ พรบ.ความรับผิดทางละเมิดมาใช้ได้หรือไม่...ประยุทธ์จะโดนยึดทรัพย์หรือไม่”
เป็นวาดหวังที่ท่าทางจะเกิดยาก แต่คิดไว้ยังดีกว่าไม่คิดใช่ไหม และถ้าคิดแล้วทำด้วยก็ยิ่งดีนะ ดีกว่าไม่ทำน่ะ